Group Blog
 
<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มีนาคม 2563
 
All Blogs
 
บัณฑิตควรตักเตือนกัน


บัณฑิตควรตักเตือนกัน  


         
 
         ธรรมดาของสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม แม้แต่ชีวิตของเราก็เสื่อมไปตามลำดับ จากวัยทารกไปสู่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน วัยชรา นั่นเป็นความเสื่อมที่เรามองเห็นได้ เราถูกความเสื่อมครอบงำแล้วนำไปสู่ความตาย คือในที่สุดต้องเสื่อมสลายไปสู่ความตายหมด เพราะฉะนั้นเราไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อม จะได้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในโลกทั้งปวง แล้วมุ่งแสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้น
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า...
 
“ คนเราควรเตือนสติกัน ควรแนะนำกัน และควรห้ามปรามกันจากธรรมของอสัตบุรุษ คนที่ทำเช่นนั้น ย่อมเป็นที่รักของคนดี แต่ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี ”
 
         บรรดานักปราชญ์บัณฑิตในกาลก่อน ท่านเห็นความสำคัญของการแนะนำตักเตือนกันว่า เป็นเสมือนหนึ่งการชี้ขุมทรัพย์ บอกทางอันประเสริฐให้ และผู้ที่มีความกล้าหาญที่จะแนะนำตักเตือนผู้อื่นได้นั้น นอกจากจะต้องมีความปรารถนาดีอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ยังต้องอาศัยกำลังใจอย่างมากก่อนที่จะไปตักเตือนผู้อื่น ต้องอาศัยศิลปะในการพูดเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง หรือกระทบกระเทือนต่อจิตใจ
 
       ดังนั้นผู้ชี้ขุมทรัพย์ จึงเป็นเสมือนยอดกัลยาณมิตร ผู้ทำให้ใจของชาวโลกสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม กัลยาณมิตรจึงเป็นบุคคลสำคัญของโลก เพราะนอกจากจะเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว ยังต้องสามารถที่จะตักเตือนสั่งสอนผู้อื่นได้ดีอีกด้วย
 
       ส่วนผู้ที่ถูกตักเตือน ต้องเปิดใจให้กว้าง หากสิ่งที่เขาเตือนเป็นความจริง ต้องกล้ายอมรับ ไม่โกรธตอบ และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข ฝึกฝนอบรมตนเองตลอดเวลา แต่หากเขาเข้าใจผิดก็ต้องอดทน และหาโอกาสอธิบายให้เข้าใจในภายหลัง ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ทั้ง ๒ ฝ่าย คือผู้เตือน และผู้ถูกเตือน จะต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับฟังความเห็นของกันและกัน ไม่เอาอารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัวเป็นใหญ่ ต้องเอาธรรมเป็นใหญ่ ให้เป็นธัมมาธิปไตย ยึดมั่นในธรรม ตัดสินกันด้วยเหตุด้วยผล อย่างนี้โลกจึงจะเกิดสันติสุขกันจริง
 
       ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ความสุขความสงบที่แท้จริง ก็จะเกิดขึ้น ใจเราจะกลับสู่ฐานที่ตั้ง คือที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จะมีสติสัมปชัญญะ ยิ่งถ้าหมั่นตรึกระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจริญพุทธานุสติ นึกถึงองค์พระแก้วใสบริสุทธิ์ตลอดเวลา ใจเราจะถูกกลั่นให้สะอาด เราจะมีสติเป็นมหาสติ ปัญญาเป็นมหาปัญญา ไม่คิดพูดทำในสิ่งที่เป็นบาปอกุศล ใจจะเป็นบุญล้วนๆ อยู่กับธรรมะ อยู่กับพระธรรมกายภายใน และพบเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง
 
       ดังเช่นสมัยที่พระพุทธเจ้าของเรากำลังสร้างบารมีเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ได้บังเกิดในตระกูลคฤหบดีนามว่าสุชาติ ในครั้งนั้นท่านยังเป็นเด็ก แต่ว่าเป็นเด็กที่มีปัญญา ฉลาดหลักแหลมใฝ่รู้ใฝ่เรียน ไม่ว่าจะเรียนศิลปวิทยาเรื่องใด ก็จะแตกฉานในความรู้ที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน และที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่าท่านสั่งสมปัญญาบารมี ได้เจริญสมาธิภาวนามานับภพนับชาติไม่ถ้วน ใจของท่านจึงใสสะอาดบริสุทธิ์ ดวงปัญญาก็สว่างไสว ครั้นมาเกิดในชาตินี้ แม้จะมีอายุน้อย แต่เป็นใหญ่ด้วยปัญญา และคุณธรรม
 
      เมื่อคุณปู่เสียชีวิต บิดาของท่านมีแต่ความเศร้าโศกเสียใจ ใบหน้านองไปด้วยน้ำตา นัยน์ตาทั้งสองแดงก่ำ พร่ำเพ้อพิไรรำพันอยู่ตลอดเวลา เพราะคิดถึงคุณปู่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป จึงละเลยกิจการงานของตนเอง แม้มารดาของพระโพธิสัตว์ก็หมดปัญญาที่จะทำให้บิดาคลายจากความเศร้าโศก แล้วกลับมาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีต่อไปได้
 
      จนกระทั่งวันหนึ่ง สุชาติหากุศโลบายที่จะทำให้บิดาคลายจากความเศร้าโศก เขาเดินออกไปนอกเมือง เห็นโคตัวหนึ่งนอนตายอยู่ จึงหอบเอาหญ้าที่ขึ้นริมทางมากองไว้ ยกภาชนะใส่น้ำสะอาดมาวางไว้ตรงหน้าโคที่ตาย แล้วกล่าวว่า “เจ้าจงกิน เจ้าจงดื่ม” เขาพูดซ้ำเช่นนี้จนกระทั่งผู้คนที่เดินผ่านไปมาเกิดความสงสัย จึงถามว่า “สุชาติ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้นำหญ้าและน้ำมาให้โคที่ตายไปแล้วกิน” สุชาติไม่ได้โต้ตอบอะไร คนที่เดินผ่านไปมาคนแล้วคนเล่า ต่างสอบถามเขาด้วยคำถามเดิมๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
 
      จนถึงเวลาพลบค่ำ ชาวบ้านพากันคิดว่าสุชาติคงเป็นบ้าไปแล้ว จึงช่วยนำเขากลับมาส่งที่บ้านพร้อมทั้งเล่าเรื่องทั้งหมดที่ชาวบ้านพบเห็น ให้บิดาของเด็กน้อยคนนี้ฟังโดยละเอียด
 
      บิดาฟังเรื่องราวดังนั้นแล้ว ก็คลายความโศกไปได้บ้าง จึงถามลูกชายว่า “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ จึงบังคับให้โคที่ตายแล้วให้กินหญ้ากับน้ำ เพราะถึงอย่างไรโคที่ตายแล้วย่อมไม่สามารถลุกขึ้นมากินได้ เมื่อก่อนนี้เจ้าเคยเป็นคนฉลาด รู้จักคิด เป็นบัณฑิต แต่ทำไมมาบัดนี้ เจ้าจึงไตร่ตรองไม่ได้ หรือเจ้ากลายเป็นคนบ้าไปแล้วจริงๆ ”
 
      สุชาติฟังแล้ว ก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความอาจหาญว่า “ โคตัวนี้ ยังมีเท้าทั้ง ๔ ข้าง มีศีรษะ มีตัวพร้อมหาง และนัยน์ตา ลูกคิดว่า โคตัวนี้จะต้องลุกขึ้นกินหญ้าได้สักวันหนึ่ง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ลูกสงสัยนักหนาว่า ทั้งมือ เท้า ลำตัว และศีรษะของคุณปู่ แม้บัดนี้ก็มองไม่เห็น แต่คุณพ่อยังมาร้องไห้ถึงกระดูกของคุณปู่ที่บรรจุไว้ในสถูปดิน จะไม่เป็นการกระทำที่ไร้สาระ หรือว่าเสียสติไปหรือ ” คฤหบดีผู้เป็นพ่อฟังดังนั้นแล้วรู้ทันทีว่า บุตรของเราเป็นบัณฑิต เขาทำเหตุนี้เพื่อให้เราได้สติ จะได้เลิกเศร้าโศกเสียใจ แล้วกลับมาทำหน้าที่การงานเหมือนเดิม
 
       คฤหบดีได้กล่าวสรรเสริญบุตรชายเจ้าปัญญาว่า “ สุชาติเอ๋ย บัดนี้พ่อรู้แล้วว่า สัตว์ทั้งปวงมีความตายเป็นธรรมดา ตั้งแต่นี้ไปพ่อจะไม่เศร้าโศกเสียใจอีก แล้วจะตั้งใจทำกิจการที่พ่อสร้างไว้ให้สำเร็จด้วยดี ” สุชาติฟังดังนั้นก็ดีใจที่พ่อจะกลับมาเป็นพ่อคนเดิม ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะทำงานใด จะต้องมีสุชาติเป็นกัลยาณมิตรที่ใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา แล้วครอบครัวนี้ก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
 
      ดังนั้น คนเราเมื่ออยู่ด้วยกัน ควรปฏิบัติต่อกันด้วยความปรารถนาดีเช่นนี้ ใครพลั้งพลาดไป เมื่อได้รับคำแนะนำตักเตือนก็ให้รีบปรับปรุงแก้ไข ส่วนผู้ที่จะเป็นกัลยาณมิตรคอยแนะนำตักเตือน ต้องมีศิลปะในการพูด คือทั้งชี้ข้อบกพร่อง ยกย่องชมเชยในสิ่งที่ดีงาม และสนับสนุนให้คนรอบข้างประกอบกรรมดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
 
...............................................
 
 
ขอขอบคุณที่มาจาก : จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๑ หน้า ๓๘๓-๓๘๙ 
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ
(ภาษาไทย) เล่มที่ ๕๘ หน้า ๗๑๓



Create Date : 16 มีนาคม 2563
Last Update : 16 มีนาคม 2563 14:08:09 น. 29 comments
Counter : 1124 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณTui Laksi, คุณkae+aoe, คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณSai Eeuu, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnewyorknurse, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณtuk-tuk@korat, คุณตะลีกีปัส, คุณวลีลักษณา, คุณmultiple, คุณtoor36, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณอุ้มสี, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณญามี่, คุณเริงฤดีนะ, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณผีเสื้อยิปซี, คุณทนายอ้วน, คุณmcayenne94, คุณmariabamboo, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเนินน้ำ, คุณSweet_pills, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณMax Bulliboo


 
สาธุค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:15:31:37 น.  

 
ขอบคุณนะค้าาาา


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:17:11:37 น.  

 
บางคนเตือนได้ บางคนเตือนไม่ได้
บางครั้งก็เลยต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง




โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:19:01:43 น.  

 
ขอบคุณมากครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:21:31:18 น.  

 
สาธุ
บัณฑิตควรตักเตือนกัน
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
ขอบคุณครับ



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:23:00:43 น.  

 
ความตายเป็ธรรมดาจริงๆค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:1:19:26 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:7:24:55 น.  

 
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
บางครั้งบางคราวเรื่องราวเกิดขึ้นกับตนเอง
ก็เหมือนผงเข้าตา ต้องให้คนอื่นช่วยเขี่ยจ้า
อนุโมทนาบุญวันพระที่ผ่านมาค๊าบ





โดย: หอมกร วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:8:34:48 น.  

 
มาส่งกำลังใจเช่นกันค่ะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:10:53:37 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:14:15:23 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ขอบคุณกำลังใจที่ให้เก๋าเกยตื้นด้วยค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:15:08:33 น.  

 
แวะมาให้กำลังใจค่ะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:19:44:45 น.  

 
คนเรา ถ้าไม่รักกันจริง จะไม่เตือนกันนะครับ

เท่าที่ อ.เต๊ะ พบเจอมา คนในครอบครัว อย่างพ่อแม่เท่านั้น ที่คอยดูแลตักเตือนเรา ถ้าเป็นคนอื่นนี่ บางทียุส่งไปอีกก็มี


ขอบคุณคุณพี่มากเลยนะครับ ที่แวะไปเยี่ยมเยียน อ.เต๊ะ เรื่องภาพนี่ก็นานๆจะถ่ายซักที

เกิดเป็นกล้อง อ.เต๊ะ นี่ แสนจะสบายจริงๆ ปีนึง ทำงานไม่กี่วันนะครับ555


ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยครับ





โดย: multiple วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:20:56:50 น.  

 
ทักทายค่ะ..


โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:21:38:58 น.  

 
ทุกอย่างอยู่ที่ปากด้วยล่ะนะ เตือนกันก็ต้องเตือนดีๆ ไม่งั้นก็จะเคืองกันได้อีก


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:23:19:36 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
โอน่าจอมซ่าส์ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog

สาธุ


โดย: อุ้มสี วันที่: 18 มีนาคม 2563 เวลา:8:39:30 น.  

 
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับกับการเตือนสติได้นะคะ 555

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สมาชิกหมายเลข 3327657 Health Blog ดู Blog
toor36 Education Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 มีนาคม 2563 เวลา:8:58:08 น.  

 
สาธุค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มีนาคม 2563 เวลา:20:30:02 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:6:07:34 น.  

 
สำคัญว่าคนที่ถูกเตือนอีโก้สูงมากกกก ถ้ามีคนไปคนที่หวังดีก็เลยไม่อยากไปยุ่ง ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:14:54:39 น.  

 
ลงมาที่หลัก สัมมาวาจา นะคะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:18:34:29 น.  

 
**mp5** Dharma Blog

ส่งกำลังใจค่า รักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:19:37:16 น.  

 
สวัสดี ยามค่ำ จ้ะ น้อง เอ็ม

อ่านแล้ว ได้ข้อคิด จ้ะ ทุกคนล้วนแต่ต้องพบ
กับความตาย ไม่มีข้อยกเว้น การจาก การพลัดพราก เศร้า เสียใจได้ แต่ก็ต้องรู้จักหักห้ามใจ จ้ะ ปลงให้ได้

โหวดหมวด ธรรมะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:20:30:50 น.  

 

การเตือนกันสำหรับกัลยณมิตรคือเรื่องดี
แต่บางทีเจอคนที่เตือนไม่ได้
ก็จะเป็นเรื่องร้านขึ้นมาทันที

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ
แล้วแวะไปอีกนะคะ


โดย: sunny-low วันที่: 20 มีนาคม 2563 เวลา:9:31:48 น.  

 
ใช่แล้วค่ะ เราควรแนะนำตักเตือนกันด้วยความหวังดีและจริงใจค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 20 มีนาคม 2563 เวลา:20:13:21 น.  

 
เรื่องราวของสุชาติกับคุณพ่อให้ข้อคิดที่ดีค่ะคุณพี
การตักเตือนด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ผู้รับรับรู้สิ่งนั้นได้นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มีนาคม 2563 เวลา:7:19:26 น.  

 
เรื่องราวดีๆ น่าอ่านครับผม ^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 21 มีนาคม 2563 เวลา:21:03:51 น.  

 
เป็นอาหารสมองที่ดีมากๆจริงๆค่ะ ไว้จะกลับมาอ่านเพิ่มเติมค่ะ ชอบมาก


โดย: Max Bulliboo วันที่: 22 มีนาคม 2563 เวลา:5:22:45 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่ไปให้กำลังใจครับ..

---------------------------------------------------
เรื่องการให้ให้โคที่ตายแล้วกินหญ้า นี่
มีประโยชน์ครับ
กับการอยู่ของชีวิตบนโลกใบนี้ สาธุ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 22 มีนาคม 2563 เวลา:11:30:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

**mp5**
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]




สวัสดีครับ

ขอส่งความสุขให้กับทุกคน




New Comments
Friends' blogs
[Add **mp5**'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.