ปัญญาทางโลก กับปัญญาทางธรรมนั้นต่างกันมาก
ปัญญาธรรม จะมุ่งหาทางหลุดพ้นจากกองทุกข์
จิตคิดถึงแต่ธรรมเท่านั้น ไม่คิดถึงทางโลกแม้แต่น้อย
ในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรให้เณรน้อยแสดงธรรมแทนตน
การให้พรของเณรนั้น เป็นพรธรรมดาไม่ลึกซึ้งน่าชวนฟังเท่าใด
ชาวบ้านมองข้ามพรของเณรไปโดยไม่เข้าใจ
พรของเณรกล่าวไว้ว่า ขอท่านจงพ้นทุกข์ และมีสุขเถิด
พระตถาคตทรงทราบด้วยพระญาณ
จึงเสด็จมาถามเณรต่อหน้าชาวบ้านว่า
เมื่อเธอเห็นมหาสมุทรเธอคิดเช่นไร
เณรตอบว่า มนุษย์แต่ละคนร้องไห้มาแล้วมีน้ำตาเท่ามหาสมุทร
พระองค์ทรงถามอีกว่า และเมื่อเธอเห็นภูเขาล่ะ เธอคิดเช่นไร
เณรตอบว่า สัตว์โลกเวียนเกิดตายทับถมกัน เท่ากับภูเขา
พระองค์ทรงถามว่า แผ่นดินตรงไหนที่ไม่ใช่ป่าช้า
เณรตอบว่า ทุกที่บนโลกนี้เป็นป่าช้าทั้งหมด
พระองค์ทรงกล่าวสรรเสริญเณรว่าเป็นผู้มีปัญญา
และทรงตรัสบอกแก่ชาวบ้านว่า เณรสำเร็จอรหันต์มานานแล้ว
พรของเณร เป็นพรจากอรหันต์ที่พ้นจากทุกข์แล้ว
และมีแต่ความสุขเท่านั้น
พระองค์ตรัสจบแล้ว
ชาวบ้านได้พากันเปล่งสาธุการ เพราะได้โสดาปฏิผลกันทุกคน
เห็นจริงด้วยตามนั้น