Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
ตะลุยเมืองลอดช่องวันที่สอง : ตะลุยสวนนกจูร่งและเกาะเซ็นโตซ่า




วันนี้ตั้งนาฬิกาไว้ตอน 6.00 โมงเช้า แต่ไม่หรอกเรื่องอะไรจะตื่น อิอิ ตื่นตอน 6.30 ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวเตรียมลุย วันนี้โปรแกรมเราแพลนไว้จุดสำคัญที่ถือว่ามาสิงคโปร์ต้องได้เข้านั้นก็คือ สวนนกจูร่ง และเกาะเซ็นโตซ่า พวกเราออกจากโรงแรมตอน 7.00 น. เร็วกว่าที่แพลนไว้ 15 นาที และก็ไปหาของกินกันต่อ แต่วันนี้ไม่กินศูนย์อาหารที่เดิมนะครับ พวกเรามากินที่ตึก 270 ซึ่งเป็นย่านคนอาศัยที่คอนโดเขาลงมากินกัน และผมกับปาล์มก็ไม่รู้จะกินอะไรอีกตามเคย คุยๆกันแป๊บก็ใช้วิชาดัชนี ชี้นิ้วไปที่อาหารเส้นๆตามในรูปนี้แหล่ะครับ ส่วนปาล์มจะกินข้าวผัดแต่แม่ค้าบอกข้าวผัดยังไม่มา เลยใช้วิชาลอก เอาแบบเดียวกันอิอิ หลังจากที่ได้อาหารแล้วพวกเราเพิ่งรู้ว่ามันเป็นอาหารเจ เพราะดูจากรูปนี้ดูไม่ออกเลย แต่รสชาติพวกเราก็กินได้อีกตามเคย แต่ไม่ถึงกับติดใจ




กินเสร็จก็ตามเล่นๆมาถึงสถานีรถไฟฟ้า Bugis พวกเราก็จับรถไฟฟ้าสายสีเขียวปลายทาง Boon Lay และก็ลงสถานีปลายทางนั้นเลย รถไฟฟ้าจะสุดสายที่นั้น แต่พวกเราต้องนั่งรถเมล์ต่อเพื่อไปสวนนกจูร่ง มาเห็นสถานีรถบัสเขานี้โอโห จัดไว้เป็นระเบียบดีมาก มีป้ายชี้บอกว่าสายไหนขี้นตรงไหน และมีช่องให้คนเข้าแถวเพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งกันขึ้นรถเมล์อีกด้วย พวกเรานั่งรถเมล์สาย 194 ซึ่งสามารถใช้บัตร Ezylink ที่พวกเราใช้ขึ้นรถไฟฟ้าขึ้นรถเมล์ได้ สะดวกดีแท้ วิธีใช้ก็เหมือนกันกับขึ้นรถไฟฟ้า แค่ทาบบัตร ก่อนขึ้น แล้วก่อนลงแค่นั้นเอง








รถเมล์ก็พาพวกเราไปส่งที่หน้าสวนนกเลย เนื่องจากเป็นป้ายสุดท้ายของรถสายนี้และรถก็วนกลับไปที่สถานีที่พวกเราขึ้นมา พอถึงสวนนกก็จัดแจงซื้อตั๋วราคา 16 SGD ขึ้นราคาจากที่อ่านมาจากข้อมูลเดิมที่ราคา14 เหรียญ เฮ้ยแพงจัง แต่ยังไงก็มาแล้วต้องเข้า ซึ่งถ้าอยากสบายต้องซื้อตั๋วรถ Panorail ที่วิ่งในสวน ซึ่งดูๆแล้วไม่คุ้มเลยสวนไม่ใหญ่มากเดินเอาดีกว่า เพราะซื้อตั๋วรถก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งร้อยบาทเชียวนะครับ





ที่นี้ก็มีนกนานชนิด ก็เป็นสวนที่ดีแห่งหนึ่งแต่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลย เพราะปกติก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวสวนสัตว์ ที่นี้เหมาะสำหรับเด็กนักเรียน และครอบครัวเป็นอย่างมาก








แต่ก็ยังคุ้มค่าที่ได้ดูการแสดงโชว์นกถึงสองชุด ชุดแรกเป็น Fuji world hawk เป็นการแสดงโชว์เหยี่ยวต่างๆ และผู้ชมมีส่วนร่วมด้วยมี เจ้ จากเมืองจีนที่รับเชิญออกไปแสดง แล้วเจ้าหน้าเขาก็ถาม ก่อนออกมาแสดงเจ้าหน้าที่ก็เตี้ยมยัยเจ้นี่ไว้แล้วว่าจะตอบอะไร แต่อาเจ้ ดันท่องมาผิด เขาถามว่า What kind of the bird? เจ้ตอบ : It is 14 years old. เล่นเอาผู้ชมฮาตึมสร้างสีสันได้ดีมาก แต่ถ้าเทียบกับเรา อาจจะมั่วมากกว่าเจ้แกแน่ๆ ดูนกชุดนี้เสร็จ ผมกับปาล์มก็เดินดูสวนอีกนิดหน่อยแล้วก็ต้องไปดูโชว์ชุด All star bird show. ก่อนการแสดงพิธีกรก็ทักทายเป็นภาษาต่างๆรวมทั้งภาษาไทย ซึ่งพิธีก่อนเป็นผู้ชาย พอพี่แกทักทายภาษาไทยว่า “ซาวัดดีก่า” ผมกับปาล์มขำแตกทันที การแสดงชุดนี้ดีกว่าชุดแรก นกสวยๆเยอะพอสมควรแถมยังมีแข่งขันบาสเก็ตบอลระหว่างนกสองตัวด้วยเจ้าหน้าที่ฝึกมาดีแท้ๆ ใครเรียนจิตวิทยาการเสริมแรงมานี้ใช่เลย นกทำได้ตามใจจะได้รับอาหารแทบทุกครั้ง ดูๆไปนกมันไม่รู้หรอกว่ามันทำอะไร มันคงรู้แค่ว่า เป็นเวลากินอาหารของมันก่อนจะได้กินมันต้องทำอะไรบ้างอย่างก่อน ประมาณนั้น ผู้ชมมาจากหลายๆชาติโดยเฉพาะชาติทางเอเชียเยอะมาก ฝรั่งไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่














ดูการแสดงชุดนี้เสร็จพวกเราก็เดินดูสวนต่อประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วก็รู้สึกเบื่อๆละ บางที่เหม็นคาวกลิ่นนกด้วย เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่อื่นต่อ เพราะนั้นก็เที่ยงจะครึ่งแล้ว









พวกเราเดินออกมาจากหน้าสวนไปยังป้ายรถเมล์ที่เดิมกับที่พวกเราลง นั่งรอรถเมล์นานพอสมควรและแล้วสาย 194 ก็มา และไปส่งพวกเราที่สถานีรถไฟฟ้า Boon Lay ตามเคย สถานีนี้เป็นสถานีที่อยู่ลอยฟ้า เหมือนกับรวม BTS กับ MRT บ้านเราเข้าไว้ด้วยกันเลย คนสิงคโปร์ใช้บริการรถไฟฟ้าเยอะมาก ทุกเที่ยวนี้คนค่อนข้างเบียดแน่นพอสมควร และคนก็มักจะแย่งกันเข้ารถไฟฟ้า ถึงแม้ว่าจะมีเส้นบอกจุดยืนเข้าออก เหมือนตรงสถานี BTS สยาม แต่ยืนไปเถอะพอรถมาก็แซงอยู่ดี คนออกยังไม่ออกมาเลยคนเข้าไปก่อนแล้ว และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เพราะเฉพาะนั้นสรุปได้เลยว่าคนสิงคโปร์ไม่ได้มีระเบียบวินัยหรอก แต่ที่เห็นบ้านเมืองมันดูดีสะอาด เพราะกฏหมายมันบังคับ และลงโทษรุนแรง แต่อะไรที่กฏหมายไม่คลอบคลุม พวกเขาก็เป็นอย่างที่ว่านั้นแหล่ะ
บ่นเรื่องระเบียบวินัยของคนสิงคโปร์แล้ว มาต่อกันดีกว่า หลังจากพวกเรานั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวปลายทาง Pasir ris ซึ่งเป็นสายเดียวกัยตอนขามาเพียงแต่นั่งย้อนกลับ แต่พวกเราต้องไปเปลี่ยนไปนั่งสายสีม่วงที่สถานี Outram Park แล้วไปลง สถานี Harbour front ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของสายสีม่วงและเป็นจุดต่อรถไปเกาะเซ็นโตซ่าด้วย พอขึ้นมาจากสถานีที่เป็นจุดหมายของพวกเราแล้ว แต่ว่ายังครับ พวกเรายังไม่นั่งรถไปเกาะเซ็นโตว่าทันที ตอนนั้นพวกเราก็หิวกันแล้วบริเวณที่จะขึ้นรถนี้มีศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ราคาไม่แพงมาก จึงแวะฝากท้องที่นี้กันก่อนครับ ผมสั่งข้าวมันไก่ทอด ราดน้ำหวานผสมมะนาว 2 ที่ แต่เหลือที่เดียวปาล์มเลยต้องกินข้าวหมูแดงแทน รสชาติอะไรดี เพราะมีรสหวานๆเปรี้ยวๆด้วย ไม่ได้มีแต่รสจืดอย่างที่กินมา พร้อมกับเจอน้ำถูดที่สุดตั้งแต่เคยซื้อมา ขวดละ 60 เซ็นต์เลยซื้อวะ 4 ขวด อีกสองขวดเอาไปเผื่อไว้กินที่เกาะเซ็นโตซ่าด้วย เพราะพวกเราได้ยินมาว่าของที่ขายบนเกาะราคาแพงสุดๆ เมื่อกินกันอิ่มหน่ำสำราญแล้ว พวกเราก็เดินไปขึ้นรสบัสฟรี ไปเกาะเซ็นโตซ่า ซึ่งจอดอยู่ข้างๆศูนย์อาหารนั่นแหล่ะ ใครอยากจะนั่งกระเช้าลอยไฟ ไปก็ได้นะ แต่พวกเราเป็นพวกทัวร์ศูนย์เหรียญ อิอิ ประหยัดอะไรได้เราต้องประหยัด อย่าว่าแต่พวกเราเลยฝรั่งมีเงินเยอะกว่ายังงก กว่าพวกเราก็มีออกเยอะแยะ ผมถือคติจ่ายน้อยๆจะได้เที่ยวได้หลายที่




รถบัสฟรีได้พาพวกเราวิ่งข้ามเกาะเข้ามาถึงบริเวณ ที่ซื้อตั๋วเข้าเกาะราคา 3 เหรียญ โหขึ้นราคาอีกแล้วจาก 2 เหรียญ อะไรๆก็ขึ้นราคาไปหมด ผมได้หยิบเอกสารคู่มือเที่ยวเกาะ พร้อมกับแผนที่ ซึ่งขอบอกว่าทำได้งงงงงงงงงงงงงมากๆ เล่นเอาหลวงทางกันสองรอบเลยวันนั้น ซื้อตั๋วเข้าเกาะแล้วก็ขึ้นรถฟรีอีกนั่นแหล่ะ รถบริการบนเกาะจะขึ้นฟรีอยู่แล้วทุกประเภท ตอนนั้นพวกเราขึ้นรถแล้วก็ลงที่ The true merlion ซึ่งเป็น Merlion ที่ตัวใหญ่มากๆ สามารถเข้าไปข้างในได้ แต่พวกเราไม่ได้เข้าหรอกนะครับ เพราะไม่คุ้มเลยที่จะต้องจ่าย 10 เหรียญ ถ่ายรูปกับไอ้เจ้าสิงโตปลาแล้วก็กะจะเดินดูรอบๆแต่ดันหลงเดินไป หาดปาลาวัน ซึ่งเป็นหาดที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ซึ่งเขาก็เก่งนะสร้างมาได้ถึงจะไม่สวยแท้ๆอย่างหาดบ้านเราก็เหอะ เราเดินบนหาดอีกนิดหน่อยแล้วจะหารถไปยัง under water world แต่นั่งตั้งนานไม่มีเลยดูจากคู่มืออ้าวรอผิดที่จะเดินไปตรงจุดที่มีรถบัสก็งงๆ เลยตัดสินใจเดินไปที่จอดรถบนเกาะ (Car park) เพราะดูคู่มือมันมีรถแน่ๆ เราก็เดินร้อนแดดไป Car park ไปเข้าแถวรอรถบัส ดันเข้าผิด เลยออกมาแล้วไปถามเจ้าหน้าที่ว่าตรงนี้ไป Underwater world เปล่า เจ้าหน้าที่บอกว่า ใช่เลยโอเคหน่อย แต่ระหว่างรอรถนี้สิ รอนานพอสมควร ที่สำคัญเขาทำช่องเข้าคิวรอรถออกจะดี แต่พวกเด็กนักเรียนประมาณ ม.ปลายจากจีนแผ่นดินใหญ่นี้สิ มันก็ยื่นอยู่ในคิวสองคน พอรถมาไอ้พวกที่นั่งอยู่ข้างนอกอีก เกือบ 20 คนนี้มันมาแซกแถว ยิ่งเด็กผู้หยิงตัวอ้วนคุยเสียงดังไม่เกรงใจชาวบ้านนี้น่าตบมากกกกก เฮ้ย เบื่อคนจีนขนาดเด็กรุ่นใหม่มันก็ยังเชื้อไม่ทิ้งแถว แต่ปรากฏว่ารถคันเดียวขึ้นได้ไม่พอ ต้องรอคันต่อไป แต่ดีที่เจ้าหน้าที่วอเรียกมาอีกสองคันเลยได้ขึ้นกันหมด ซึ่งคันที่หนึ่งเนี้ยพวกเด็กจีนมันฮือจะแย่งกันขึ้นรถ พอคันที่สองมาเทียบมันจะฮือมาคันนี้อีก แล้วความไวพวกเราก็วิ่งไปขึ้นก่อนพวกมันเลย ฮ่าๆๆ แต่พวกมันก็ขึ้นมากันคันเดียวกันแล้วก็คุยกัยโฉงเฉง เสียงดังไม่รู้จักเกรงใจชาวบ้านอยู่ดี รถได้วิ่งวนไปส่งตามที่ต่างๆ จนไปสุดท้ายที่หาด Siloso ซึ่งเป็นหาดเทียมอีกเช่นกัน พวกเด็กจีนก็แห่กันไปที่หาด ส่วนพวกผมก็มาที่ Underwater World ต่อแถวยาวเหยียด ซื้อบัตร แถมขึ้นราคาอีกจาก 17.30 เหรียญ เป็น19.50 โอ้แพงสุดๆ แต่เอาเหอะมาทั้งทีก็ต้องได้ดูบ้างมาครั้งหน้าก็อย่าดูมันก็แล้วกัน จ่ายค่าบัตรเกือบห้าร้อยบาท เข้าไปชมซึ่งก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะอุโมงค์กระจก แต่เทียบห้าร้อยนี้ก็ยังไม่คุ้มเท่าไหร่เลย 300 ยังพอหยวนๆ อิอิ













แต่ตั๋วยังสามารถเข้าชมการแสดงปลาโลมาได้อีกด้วย พวกเราเข้าไปดูข้างในเสร็จสรรพ ก็ออกมาขึ้นรถบัสฟรี สายสีแดง เพื่อไปรอดูการแสดงของปลาโลมาสีชมพู แต่พวกเราไปเร็วเจ้าหน้าที่ยังไม่ให้เข้า ต้องรออีกครึ่งชั่วโมง พวกเราจนไปหาเก้านั่งคุยกันบนหาดปาลาวัน ซึ่งอู่ใกล้ๆกันแล้วห้าโมงเย็นจึงเข้าไปภายใน ซึ่งแดดร้อนมากกกกกกกก แต่ก็ยังใจสู้ทนตากแดดเพื่อดูการแสดงอันชาญฉลาดของเจ้าโลมาสีชมพู ซึ่งยอมรับว่ามันถูกฝึกมาดี และค่อนข้างฉลาดทีเดียว ค่อยเริ่มรู้สึก ไม่เสียดายค่าตั๋วมาหน่อยหนึ่ง ดูเจ้าโลมาเสร็จเราก็เดินเล่นหาดปาลาวันต่อ พร้อมกับปีนสะพานเชือกข้ามไปเกาะเทียมเกาะเล็กบนหาด ไป









ถ่ายรูปแล้วออกมาเข้าห้องน้ำเพื่อไปดูน้ำพุที่บริเวณ True Merlion พวกเราเดินลัดเลาะมาเรือยๆ จนมาถึงบริเวณแสดงตอนนั้นยังไม่มีการสดงน้ำพุ แต่มีการแสดงนาฏยกรรมของนักเรียนทั้งสไตล์อินเดีย จีน มาเลย์ พวกเราจึงรีบวิ่งไปหาจับจองที่นั่ง ซึ่งพวกเราก็นั่งบริเวณสูงแถวท้ายสุด เพราะกล้องที่พวกเราตั้งไว้จะได้ไม่ต้องบดบังใคร
การแสดงน้ำพุ ซึ่งจริงๆน้ำพุไม่มีใครเด่นเท่ากับที่ Suntec City เลย แต่ที่นี้เขาจะเด่นเรื่องแสดงแสงสีเสียง บน Water Screen ซึ่งทำได้ดีมาก ใช้คนแสดงแค่คนเดียวเล่นกัน Effect แสงเสียงจุดนี้ดีมาก และชมฟรีด้วย เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

















พอช่วงเลิกนี้แหล่ะครับ คนต่างทยอยกลับพวกเราก็เดินตามแผนที่ไปที่ทางออกจะไปขึ้นรถเข้าเมือง ซึ่งจริงๆมันจะถึงอยู่แล้ว แต่ไอ้เจ้าแผนที่ซังกะบ๊วยนี่สิ มันทำให้งงเลยเดินอ้อม เล่นเอาเหนื่อยพอสมควรจนไปถึงบริเวณรถที่จะออกนอกเมือง ซึ่งคนมายื่นรอคิวกันเยอะมากกกกกกกกกกกก คงเป็นเพราะวันเสาร์ด้วยมั้งคนเลยเยอะขนาดนี้ใช้รถตั้ง 4-5 ยังไม่พอ คนยังหลั่งไหลมาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรถก็ออกมาส่งที่เดิมบริเวณศูนย์อาหารก่อนเข้าไปในสถานีรถไฟ ซึ่งพวกเราได้ฝากท้องก่อนกลับบ้านด้วยก๊วยลูกชิ้นปลาที่อร่อยมากๆ ลูกชิ้นปลาที่สิงคโปร์กินที่ไหนก็อร่อย พร้อมกับแบกน้ำร้านที่ถูกๆไปที่โรงแรมด้วย ซึ่ตอนกลับเราก็ขึ้นรถไฟฟ้าตรงสถานี Hahour front ไป Outram Park ซึ่งห่างกันแค่สถานีเดียว แล้วเปลี่ยนไปนั่งสายสีเขียวปลายทาง Pasir ris แต่ ลงที่สถานี Bugis อีกตามเคย เพราะนั้นเป็นฐานที่มั่นของพวกเรา พวกเราถึงโรงแรมแล้วก็อาบน้ำ ดูทีวีประกวดมิสอินโดนีเซียนิดหน่อยแล้วก็นอน พูดถึงทีวีที่นี้ รับได้ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียด้วย สามารถชมได้ทั้งภาษาอังกฤษ จีน บาฮาซมาเลเซีย และบาฮาซาอินโดนีเซีย เลยทีเดียว


ตอนต่อไป



Create Date : 03 กันยายน 2549
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2554 4:29:58 น. 0 comments
Counter : 645 Pageviews.


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Louisson
Location :
Uppsala Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ชีวิตคือการเดินทาง จุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน"
   

VISITOR COUNTER

Friends' blogs
[Add Louisson's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.