Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

ปารีสตอนที่ 1 ได้ไปซะทีปารีส


ตอนที่ 1 ได้ไปซะทีปารีส

ตอนที่ 2 ลุยเดี่ยวเที่ยวไปเรื่อยๆในปารีส

ตอนที่ 3 วันแห่งสายฝน

ตอนที่ 4 วันสุดท้ายในปารีส


ปารีสตอนที่ 1 ได้ไปซะทีปารีส

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็เห็นแต่รูปหอไอเฟล กับประตูชัย ได้เห็นแต่รูปและก็ได้แต่คิดว่าจะได้ไปเห็นของจริงหรือเปล่าหนอ และแล้วมันก็เป็นไปได้(จนได้!) ด้วยความมีน้ำใจของเพื่อนคนไทยในฝรั่งเศสที่เอื้อเฝื้อที่พักแถมนำเที่ยวอีกตังหาก และหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงจากสต็อกโฮล์มไปปารีสได้ในราคา 1280 โครน ด้วยสายการบิน SAS หลังจากซื้อตั๋วไว้ราวเดือนกว่าๆ จนถึงวันที่ 17 สิงหาคม ก็ได้เวลาเหินฟ้าสู่มหานครปารีส เมืองที่ใครๆก็ต้องมาเยือน บนเครื่องบินสายการบินนี้ รู้สึกว่านางฟ้าประจำเครื่องจะอายุมากไปหน่อยทั้งขาไปและขากลับ ขอเรียกว่าเป็นรุ่นป้าได้ก็แล้วกัน แต่ทุกคนก็บริการดีด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส อันเป็นลักษณะของคนสวีเดน




ออกจากอาลันด้าเวลา 7.15 ซักพักเครื่องก็ร่อนลงจอดที่สนามบินชาร์ล เดอ โกล นอกกรุงปารีสราวๆ 23 กิโลเมตร ในเวลา เกือบ 10.00 น. อาคารที่สายการบิน sas จอดเทียบเครื่องนั้นยอมรับว่าค่อนข้างไกลมากๆ ใครมาขึ้นเครื่องช้ารับรองตกเครื่องแน่ๆ เพราะอาคารเทียบเครื่องที่ 7 (ในเทอมินัล 1) ซึ่งสายการบินแห่งนี้จอดนั้น ไม่ได้อยู่ติดกับอาคารที่เช็คอิน ต้องเดินออกไปอีกตามทางเลื่อนไปไกลพอสมควร สุวรรณภูมิน่ะ เทียบความไกลไม่ได้เลย ตอนลงจากเครื่องก็เดินไปที่รับกระเป๋า ซึ่งเดินตามป้ายและจอมอนิเตอร์ว่าประเป๋าอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าใครมาเมืองนอกใหม่ๆหรือเป็นครั้งแรกแล้วเจอสนามบินแบบนี้รับรองได้ร้องไห้กลับบ้านแหงๆ เพราะต้องเดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขึ้นลงบันได้เลื่อนตลอด รอกระเป๋าอยู่นานแหมก็เข้าใจว่ามันไกล กระเป๋ามันเลยมาช้า





พอรับกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาไปหาตั๋วเข้าเมือง เพราะนัดเพื่อนไว้ 11.00 น. ที่สถานีรถไฟ Saint-maur-creteil แต่เอาเข้าจริงไปถึงเกือบ 12.00 น. เพราะหลังจากรับกระเป๋าแล้ว ตามข้อมูลที่อ่านมาจากหน้าเวปของสนามบินนั้น บอกว่าให้ไปขึ้นรถชัตเทิลบัสสาย 2 ประตู 22 บริเวณชั้น ขาออกไปยังสถานีรถไฟ แต่ 1 วันก่อนเดินทางก็มาอ่านอีกรอบ เขาเปลี่ยนใหม่ว่าให้ขึ้น CDGVAL ไป อ้าวแล้วไอนี้มันคืออะไรล่ะ เล่นเอางง พอสมควร เพราะในเวปเดียวกันข้อมูลยังขัดแย้งกัน แถมไม่อธิบายว่า ไอ้ CDGVAL มันคืออะไร พอไปถึงก็ยืนงง รอรถอยู่หน้าประตูที่ 22 แล้วรถหายไปไหน! จะเข้าไปถามเจ้าหน้าที่แถวๆนั้น แต่เขาก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า สอบถามข้อมูลให้ไปที่ประตู 36 เราก็งงว่าแค่ถามทำไมต้องให้ไปถึงประตู 36 แต่เพลานั้น เอาวะไปก็ได้ พอถึงประตูที่ 36 ก็ให้ลงลิฟท์หรือบันได้เลื่อนลงไปอีก 1 ชั้น ก็พบว่ามีรถไฟในสนามบิน เขียนว่าบริการฟรี เลยถึงบางอ้อว่า ไอ้ CDGVAL ก็คือรถไฟฟ้า ที่เอามาวิ่งแทนรถบัสในสนามบินนั้นเอง เหมือนกับที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ เพื่อนเล่าให้ฟังทีหลังว่ามันเพิ่งสร้างเสร็จ สรุปสะดวกสบายมากๆ เพราะมันวิ่งเชื่อม เทอมินัล 1 อาคารสถานีรถไฟ และเทอมินัล 2 ด้วย เพราะฉะนั้นใครจะขึ้นรถไฟ RER B เข้าเมืองก็ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงอาคาร 2




พอถึงสถานีรถไฟแล้วก็ต้องหาตั๋วเข้าเมือง คนต่อแถวซื้อตั๋วยาวเหยียด นี้แค่ด่านแรกที่จะต้องเจอคนเยอะๆที่มาเที่ยวปารีส ตั๋วก็มาหลายประเภท แต่เนื่องจากผมอยู่หลายวันและเดินทางเข้าออกสนามบิน และจะไปแวร์ซายน์ด้วย เลยซื้อตั๋วอย่างสะดวกสุด (แต่ก็แพงสุดๆอีกเหมือนกัน) คือซื้อ ปารีสวิสิท 1-6 โซน ตั๋ว 5 วัน ราคา 46.60 ยูโร ใครที่จะประหยัดก็วางแผนเดินทางแบบประหยัดๆก็ได้อยู่ ต่ผมขอสะดวกๆในทางไปไหนมาไหน ไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋วบ่อยๆ แบบว่าซื้อครั้งเดียวจบ พอใช้แล้วก็คุ้มจริงๆ นึกอยากจะไปไหนก็ลงสถานีรถไฟฟ้าซักแห่ง แล้วไปโผล่ใกล้ๆกับสถานที่ๆต้องการได้เลย 4 วันที่อยู่ในปารีสนั่งมาหมดทั้ง RERเกือบทุกสาย Metroน่าจะทุกสายได้ รถเมล์ รถรางขึ้นมงมาตร ไม่ได้ขึ้นแต่เฉพาะก็แต่รถรางไฟฟ้าอย่างเดียว
บริเวณที่ งง อีกรอบหนึ่งคือที่ สถานี Chatelet Les Halles ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางและเปลี่ยนสายรถ ที่ว่า งง เพราะมันใหญ่และดูป้ายยากนิดหนึ่ง เพราะความไม่คุ้นแต่พอเริ่มคุ้นเคยแล้วก็ไม่มีปัญหาละ


ระหว่างนั่งรถไฟเข้าเมืองและตอนเปลี่ยนสายรถและนั่งไปบ้านเพื่อนนั้น มองหาคนฝรั่งเศสจริงๆน่ะไม่มีเลย 90 เปอเซ็นต์เป็นคนต่างชาติโดยเฉพาะคนดำ ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตอนรอเปลี่ยนสายรถน่ะ เหมือนอยู่เมืองไหนเมืองหนึ่งในแอฟริกาซะอีก แถมสถานียังเก่าๆโทรมอีก บรรยากาศเลยดูน่ากลัวเล็กน้อย แต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าคนฝรังเศสหยุดเที่ยวซัมเมอร์เลยไม่ค่อยเจอ เดี๋ยววันจันทร์ก็กลับมา พอถึงวันจันทร์ถึงได้พบว่ามันเป็นเมืองของคนฝรั่งเศสจริงๆ
หลังจากเจอเพื่อนแล้วก็ไปที่บ้านเพื่อน กินอะไรกันนิดหน่อยแล้วเพื่อนก็พาออกไปเที่ยวในปารีส นั่งรถไฟ RER A กลับเข้ามาในปารีสอีกลงที่สถานี Chatelet Les Halles เพื่อนพาเดินดูบริเวณรอบๆด้านบนเผอิญจำชื่อบริเวณนั้นไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร ซึ่งแถวนั้น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งมั่วสุม เอ้ยแหล่งชุมนุมวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดำ และมักจะยกพวกตีกันบ่อยๆ เลยต้องมีตำรวจมาเฝ้าตลอดเวลา นึกมาก็สงสารตำรวจนะ ไม่ต้องไปทำอย่างอื่น ต้องมานั่งเฝ้าเด็กตีกัน ซึ่งมักจะไม่ใช่คนฝรั่งเศสแท้ๆอีก ก็ไม่ได้แปลกใจเลยที่ว่าคนฝรั่งเศส ถึงได้แอนตี้คนต่างชาติที่อยู่ในประเทศ ก็เพาะสร้างปัญหาตลอดนี้เอง




เดินไปเรื่อยๆก็เจอด้านหลังพิพิธภัณฑ์ลูร์ฟอันโด่งดังและอลังการยังไม่ได้ตั้งใจเข้าด้านในในวันแรก เลยเดินดูเฉยๆก่อน เดินจากด้านหลังทะลุเข้าผ่านกลางตัวอาคาร มันใหญ่มากกกกก บรรยากาศมันพาย้อนยุคไปในอดีตจริงๆ เพราะมันโบราณสถานที่ยังมีชีวิตอยู่ สิ่งก่อสร้างในปารีสนี้เน้นความใหญ่โต อลังการ สวยงามจริงๆ แบบนี้จะไม่ให้คนฝรั่งเศสเขาหลงตัวเองได้อย่างไร อิอิ


พวกเราเดินผ่านออกไปยังบริเวณปิระมิดแก้ว ดูๆไปก็ขัดกับตัวตึกที่เก่าๆพอสมควร แต่เอาเถอะ ปารีสสร้างอะไรขึ้นมาก็ดังทั้งนั้นแหล่ะ เดินออกมาตังไกลยังไม่พ้นแนวตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เลย มันใหญ่มากๆ ผู้คนจากทุกสารทิศทั่วโลกก็เยอะมากๆด้วย จะได้ยินภาษาแปลกจากทั่วโลกที่ปารีส แต่ไม่ค่อยเจอคนไทยเลย คนไทยเปอร์เซ็นต์มาเที่ยวแล้วกระจิ๋วเดียวเอง แต่เจอแขกพูดไทย แหะๆจะเล่าให้ฟังในภายหลัง หลังจากเดินมาเรื่อยๆก็จะเจอประตูที่มีรูปปั้นม้าอยู่ด้านบน ซึ่งก็จำไม่ได้อีกว่ามันชื่อประตูอะไร แถวๆนั้นมีชิงช้ายักษ์ใหญ่ด้วย แต่รู้สึกว่าเขาจะตั้งไว้ชั่วคราวเท่านั้น






และสิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือแท่งเสาหินอียิปต์ ซึ่งนโปเลียนไปเอามาจากอียิปต์ โดดเด่นอลังการ จริงๆจะว่าไปฝรั่งเศสนี้ก็ไปเอาโบราณวัตถุของอียีปต์มาเยอะพอสมควร


บริเวณใกล้ๆกันนั้นมีโรงแรมระดับหรูหรา 5 ดาวของฝรั่งเศสอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งโรงแรม 5 ดาวของฝรั่งเศสนี้ไม่ใช่ใครจะกำหนดดาวเองได้ เพราะเขามีคณะกรรมการที่กำหนดเกณฑ์ขึ้นมา ซึ่งเพื่อนเล่าให้ฟังที่จำได้ก็ต้องเป็นอาคารที่มีอายุ 300 ปีขึ้น เพราะฉะนั้นโรงแรมใหม่จึงหมดสิทธิ์ได้ 5 ดาว แต่เขาก็จะเรียกว่าเป็น 4 ดาว เดอลุกซ์ ประมาณนี้แหล่ะถ้าจำไม่ผิด
ต่อจากแท่งเสาหินตรงนั้น ก็เดินไปเรื่อยตามแนวแถว Champs elysees อันโด่งดัง แนวถนนสวยเป็นระเบียบด้วยต้นไม้ที่ปลูกอย่างสวยงาม แต่ทางเท้า บางส่วนเป็นพื้นดิน จนไปถึงบริเวณ ร้านค้าดังต่างๆ ซึ่งเห็นแล้วก็น่าซื้อ แต่ไม่มีตังค์ อิอิ เข้าไปร้านอดิแดส ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดูของก็สวยๆงามน่าซื้อทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็ผลิตในประเทศจีนทั้งนั้นอีกตามเคย ร้านหลุยส์ก็มองเห็นจากอีกฝั่งหนึ่งแต่ไม่เข้าหรอก ราษีไม่ถึง ฮ่าๆๆๆ จริงๆ ไม่ค่อยชอบสนใจการช็อปปิ้งเท่าไหร่ เอาเงินไปซื้อเมืองไทยสนุกกว่ากันเยอะ



เดินไปอีกนิดเดียวก็ประตูชัยแล้ว และแล้วก็มาถึง นี่หรือสถานที่ที่เราดูรูปตอนเป็นเด็กๆมาถึงจนได้ อิอิ คิดในใจผู้คนจากทั่วโลกที่มาเป็นครั้งแรกก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับเรานี่แหล่ะมั้ง นอกจากนักท่องเที่ยวจะเยอะแล้วขอทานก็เยอะด้วย เป็นขอทานมุสลิม แต่ไม่ได้ถือขันมาขอเงินนะ แต่จะเข้ามาถามว่า Do you speak English? แต่ใครเผลอไปตอน”เยส” พวกเธอจะเอาใบที่เตียมมาให้อ่านแล้วขอเงิน ทุกครั้งที่เจอผมจะเฉยๆ แบบว่าฟังไม่รู้เรื่อง ถ้าตอบ “โน” ก็แปลว่ารู้เรื่องสิ ใช่ไหมครับ ตรงบริเวณนั้นมีทางเดินลอดไปยังประตูชัย เดินมาถึงตรงนี้แล้วเหนื่อยน่าดูขอนั่งพักดูบรรยากาศและพักขอใต้ประตูชัยนี้แหล่ะ ดูผู้คนไปเรื่อยไปเจอแม่หนูคนหนึ่งที่โยนลูกบอลแบบ 3 ลูกไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร ที่เหมือนกับโจกเกอร์ชอบทำอ่ะ แม่หนูทำเก่งมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นเด็กมาแสดงขอเงินหรือเปล่า แต่หน้าตานี่ไม่ให้เลย แต่ดันเดินตีนเปล่าเท้าเปื้อนดิน เลยเดายาก สุดท้ายพ่อมาอุ้มไป เลยรู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยว




หลังจากนั้นพวกเราก็สร้างวีรกรรมด้วยการวิ่งข้ามถนนบริเวณประตูชัย ! กว่าจะได้ข้ามกลัวมากมาย จริงๆเราก็วิ่งตามฝรั่งแหล่ะ ถ้าชนก็ชนฝรั่งก่อน เดินไปเรื่อยๆเพื่อไปที่หอไอเฟล ระหว่างเดินก็ดูบ้านคน ตึกสวยๆเป็นระเบียบ ก่อนมาเคยได้ยินมาว่าปารีสมีแต่ขี้หมา แต่ก็ไม่เคยเจอเลยเพราะเห็นมีคนกวาดถนนอยู่ตลอดเหมือนกัน
จนถึงหอไอเฟล ซึ่งมองจากบริเวณเนินที่สร้างไว้ให้ชมวิวนั้นจะเห็นได้ชัดเจน แต่วันนั้นฟ้าไม่ได้ใสเท่าไหร่ นั่งดูบรรยาย และผู้คนที่มาจากสารทิศทั่วโลก นี่แหล่ะคือสิ่งที่ชอบนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ดีๆ ดันเจอแขก 3 คน ดีนะไม่ได้นินทาเสียก่อน อิอิ 1 ใน 3 ดันพูดภาษาไทยได้อีก แต่อาจจะไม่ชัดมาก ถามได้ความว่าไปๆมาๆระหว่างอินเดียกับไทย เมืองไทยก็อยู่ที่ พาหุรัดกับพาเทีย เอ๊ะที่ไหน พาเทีย อ๋อคุยไปคุยมา พัทยา นี่เอง อยู่นาเกลือ มาเที่ยวเมืองนอก ไม่ได้เที่ยวอย่างเดียว หารายได้ด้วยวิธีการหาเงินก็คือ ดูหมอ! ถือตำรามาด้วยอีกตังหาก แถมบ่นให้ฟังว่ามาเที่ยวฝรั่งเศสหาเงินไม่ได้เลย เพราะเขาไม่พูดภาษาอังกฤษ ซะงั้น สรุปสุดท้ายถามเรา ดูดวงไหม? ขยันจริงๆน่านับถือในวิธีการหาเงินเที่ยวของแกจริงๆ แถมถามว่าเราอยู่ที่ไหนขอที่อยู่ ไปโน่น เลยรีบๆหนีไปนั่งที่อื่นดีกว่า นั่งดูเด็กทำกิจกรรมต่างๆนานาแถวๆนั้น มีเด็กซ้อมเต้น แต่ไม่เห็นจะเต้นจริงจังซะทีรออยู่อยู่ตั้งนาน ไปดูพวกซ้อมปั่นจักยานขึ้นบันไดดีกว่า แบบนี่แหล่ะคือบรรยากาศที่น่าดูของปารีส เพราะผู้คนมีชีวิตชีวากว่าที่สวีเดนมากๆ จากนั้นก็เดินไปดูใต้ฐานหอไอเฟล ผู้คนรอขึ้นเยอะมากๆ ส่วนเราเอาไว้วันสุดท้ายจะมาขึ้น






จากนั้นก็ไปต่อโดยลงไปดูภาพถ่ายนิดหน่อยบริเวณท่าเรือล่องแม่น้ำแซนใกล้ๆกับหอไอเฟลนั่นเอง แล้วก็ต่อด้วยนั่งรถบัส สาย 72 เลียบแม่น้ำแซนไปเรื่อยๆเพื่อไป วิหารนอเตรอดัม อันโด่งดังอีกเช่นกัน ระหว่างทางก็จะได้ชมปารีส ผ่านสถานที่สำคัญมากมายไม่ว่าจะเป็น Grand palais พิพิธภัณฑ์ลูร์ฟอีกด้านหนึ่งและ กระทรวงต่างประเทศ และอีกมากมาย รวมทั้งอุโมงที่เจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์ แล้วก็ลงรถบัสไปยังตัววิหาร ไปถ่ายรูปพร้อมกับ ถ่ายบริเวณสะดือปารีส ที่เขาบอกว่าเป็นจุดกึ่งกลางของปารีส ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นตรงนี้เลยมีคนรุมภ่ายรูปน้อยมาก จะสังเกตเห็นว่าบริเวณศูนย์กลาง การท่องเที่ยวของปารีสคือแถวเกาะของวิหารนอเตรอดัมนี่แหล่ะ เทียบกับเมืองไทยคงเทียบได้กับ เกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งแถวนี่มีอะไรให้ดูเยอะมาก มีทั้งร้านขายของเก่าๆริมแม่น้ำ ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารราคาไม่ได้แพงมาก หามุมสงบๆซักแห่งริมแม่น้ำแล้วนั่งดูเรือและผู้คนเป็นสิ่งที่ผมชอบมากๆ แต่วันนี้วันแรก ไม่ค่อยได้นอนเต็มที่ แถมเวลาไม่ได้มีมาก เลยดูสถานที่ระดับไฮไลท์ก่อน








เดินผ่านศาลาว่าการกรุงปารีสที่ช่วงนั้นเอาทรายมาทำเป็นสนามวอลเลย์บอลทรายหาดให้ชาวเมืองเล่น



เห็นเพื่อนเล่าว่าเขาขยันหากิจกรรมให้ชาวเมืองอยู่เสมอๆ เช่นลานสเก็ตน้ำแข็งในฤดูหนาวเป็นต้น อ้อ ตรงบริเวณริมแม่น้ำแซน ช่วงนั้นมีหาดทรายเทียมให้คนมาน้ำอาบแดดด้วยนะ แต่ว่าปีนี้ไม่ค่อยมีแดดเลย มักจะฝนมากกว่า เหมือนสวีเดนเลย ใครๆก็บ่นว่าอาการมันแปรปรวน






สถานที่สำคัญอีกแห่งที่แวะไปดูคือศูนย์ปอมปิดูที่ เป็นทั้งห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์และร้านอาหารต่างๆ ซึ่งรูปร่างก็เป็นท่อๆขัดกับตัวเมืองปารีสอย่างเสร็จเชิง มันก็ดูสร้างสรรค์ดี แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบเท่าไหร่




ตรงบริเวณหัวมุมศูนย์ปอมปิดูมีร้านอาหารอร่อย ปกติผมจะไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่งซึ่งมักจะออกแนวจืดๆ เผอิญคนสวีเดนมักจะกินอาหารจืดชืด ทำให้ผมข่อนข้างทัศนคติไม่ดีต่ออาหารตะวันตก อิอิ แต่พอได้ลองอาหารที่ปารีสแล้วถึงแม้จะไม่รสแซ่บเหมือนบ้านเรา แต่ยอมรับว่ามันอร่อยจริงๆ ยังอยากกลับไปกินร้านนั้นอีก จริงๆเมนูที่สั่งตอนแรกอ่ะ ไม่ได้กินเพราะเสริฟผิดไปให้คนอื่นเสียดายมาก น่าจะอร่อยกว่าอันที่สั่งตอนหลังด้วย แต่สุดท้ายอยากกลับไปกินร้านเดิมอีก อีกอย่างร้านนี้คนเข้าเยอะมาก ถ้าเลย 1 ทุ่มครึ่งแล้วคนล้นร้านต้องยืนรอคิว ส่วนร้านตรงข้ามกับไม่มีคนเลย เพราะอร่อยและถูกนี้เอง คนถึงได้มากินเยอะ วันนี้เหนื่อยแล้วอ่ะ กลับไปถึงบ้าน ก็ไม่ทำอะไรมาก นอนเลย เอาแรงไว้เที่ยวต่อวันรุ่งขึ้นส่วนขาก็ล้าเต็มที่แล้ว





 

Create Date : 24 สิงหาคม 2550
13 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2554 4:48:56 น.
Counter : 2052 Pageviews.

 

รูปสวยมากๆเลยค่ะ เคยไป parisหลายครั้งแต่ก็ยังอยากไปอีก ไม่เคยเบื่อเมืองนี้เลย

 

โดย: Suessapple 24 สิงหาคม 2550 6:39:38 น.  

 

ภาพสวยเรื่องเล่าสนุกน่าสนใจ ขอบคุณที่นำมาให้ได้ชมกันครับ
อยากไปมากๆเลย

 

โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 24 สิงหาคม 2550 6:59:58 น.  

 



//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5719486/A5719486.html ฝากช่วยโหวตให้ด้วยค่ะ วงที่ 35 เพลงลูกกรุงค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วจาแวะมาเยี่ยมใหม่นะคะ



 

โดย: lamduanjazz 24 สิงหาคม 2550 7:32:57 น.  

 

ชอบจังค่ะ ปารีสเนี่ย
อยากไปอีกครั้งจัง

คุณได้ไปเที่ยวหลายที่มากเลยนะคะ อิจฉา อิจฉา

 

โดย: Piterek 24 สิงหาคม 2550 14:24:30 น.  

 

ตามไปเที่ยวปารีสด้วยคนครับ ภาพสวยมากๆเลย ที่จริงแถว Creteil นั้นอยู่ชานเมืองปารีส เป็นแหล่งคนดำเยอะครับ

 

โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) 24 สิงหาคม 2550 15:11:49 น.  

 

ขอไปเที่ยวด้วยคนค่าาา สวยงามมากๆ

 

โดย: Complicatedgirl 24 สิงหาคม 2550 19:28:46 น.  

 

คิดถึงปารีสจังเลยค่ะ

 

โดย: Aorora 26 สิงหาคม 2550 23:42:14 น.  

 

- เห็นด้วยครับคุณ suessapple
- ไม่เป็นไรครับคุณตี๋น้อย
- คุณ Piterekไม่ต้องอิจฉาหรอกครับผมไปแบบโลโซ ไม่ใช่ฮายโซ
- คุณซอร์บอนน์ พอดีแถวเพื่อนอยู่ติดฝั่งแม่น้ำยังไม่มีคนดำเยอะเท่าไหร่
ถ้าเข้าไปลึกๆแล้วเป็นถิ่นคนดำทั้งนั้นแหล่ะครับ
- เชิญได้เต็มที่เลยครับ คุณ Complicatedgirl
- คุณ Aorora ผมก็คิดถึงเหมือนกัน แต่ผมก็แอบเก็บข้อมูลของคุณจากพันทิปเหมือนกันนะครับก่อนไปเที่ยว

 

โดย: Louisson 29 สิงหาคม 2550 21:28:59 น.  

 

โห อยากไปด้วยจัง

 

โดย: None of it 1 กันยายน 2550 18:59:59 น.  

 

อลังการงานสร้างมากคับ
ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่อยากไปมากเหมือนกัน แต่ตอนนี้คงได้แค่ฝันไปก่อนหน่ะ..555
แล้วแผนยุทธการเดินทางเข้าเชียงตุงเมื่อไหร่จะสำเร็จครับเนี่ย

 

โดย: A_Mong 10 กันยายน 2550 16:14:49 น.  

 

เห็นแล้ว คิดถึง ฝรั่งเศสเลยครับ

ปล. สบายดีนะครับ

 

โดย: POL_US 9 ธันวาคม 2550 11:24:39 น.  

 

วิวสวยตื่นตาตื่นใจดีจัง

 

โดย: Ezy-SeaHill 28 กรกฎาคม 2553 10:33:02 น.  

 

ภาพสวยดีค่ะ อยู่ Uppsala เหรอคะ เคยไปเที่ยวหลายครั้งเหมือนกัน

 

โดย: naririn 18 สิงหาคม 2553 1:16:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Louisson
Location :
Uppsala Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ชีวิตคือการเดินทาง จุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน"
   

VISITOR COUNTER

Friends' blogs
[Add Louisson's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.