พบมากในภาคอีสานที่บริโภคปลาน้ำจืด ปรุงสุกๆ ดิบๆ
รศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยด้วยโรคพยาธิแคปิลลาเรีย ซึ่งเป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็ก อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก หากวินิจฉัยไม่ทันอาจมีอันตรายถึงตายได้
ซึ่งจากรายงานการพบผู้ป่วยดังกล่าว จึงเป็นแรงจูงใจในการวิจัยพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคดังกล่าวขึ้น โดยร่วมกับคณะวิจัย ประกอบด้วย
ศ.ดร.วันชัย มาลีวงษ์ ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มข.
รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ อายุรแพทย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. และ
รศ.ดร.นิมิต มรกต ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|
|
|
รศ.พญ.ผิวพรรณ กล่าวว่า
การเกิดโรคดังกล่าวนี้พบมากในประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศไทยมีการพบครั้งแรกเมื่อปี 2516 ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และในปี 2524 มีรายงานการระบาดที่ อ.บึงไพร จ.ศรีสะเกษ พบผู้ป่วยนับ 100 ราย และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย
จากนั้นก็ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคพยาธิแคปิลลาเรีย เป็นระยะในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคอีสาน เพราะนิยมบริโภคอาหารดิบ ๆ ที่ปรุงจากปลาเกล็ดน้ำจืด เช่น ปลาขาวนา ปลาสร้อย ปลาซิว
โดยในปลาเกล็ดน้ำจืดดังกล่าวจะมีตัวอ่อนระยะติดต่อในลำไส้ เมื่อกินแบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ ตามแบบชาวพื้นเมืองอีสาน พยาธิจะฟักตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยพยาธิตัวเมียที่อยู่ในลำไส้คนจะออกลูกได้ทั้งเป็นไข่และเป็นตัว ส่งผลต่อลำไส้เล็กของคนอย่างรุนแรง
ซึ่งจะทำให้เซลล์บุผนังลำไส้เล็กสูญเสียหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนและเกลือแร่ ทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ
|
|
|
"อาการของผู้ที่เป็นโรคนี้
จะมีลักษณะการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ เรื้อรังนานนับเดือน บางครั้งถ่ายอุจจาระวันละ 10-15 ครั้ง อุจจาระมีกากอาหารที่ไม่ย่อย มีไขมันลอย ท้องร้องโครกคราก โดยเฉพาะตอนกลางคืน ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ ช่วงแรกรับประทานอาหารได้ดี แต่น้ำหนักตัวลดลงอาจถึง 10 กก. ในเวลาไม่กี่เดือน
ถ้ามีอาการรุนแรงจะพบภาวะซีด เบื่ออาหาร ร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้อลีบ อ่อนเพลีย ใบหน้าบวม ท้องโต มานน้ำ ขา-เท้าบวมกดบุ๋ม บางรายความดันโลหิตต่ำ เกิดภาวะช็อก หากตรวจไม่พบพยาธิในอุจจาระ อาจถูกสงสัยว่าเป็นโรคไต ตับ หัวใจ เอดส์ หรือมะเร็งลำไส้ เนื่องจากมีอาการคล้ายกัน การวินิจฉัยโรคที่ล่าช้า ทำให้รักษาไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้" รศ.พญ.ผิวพรรณ กล่าว
รศ.พญ.ผิวพรรณ เปิดเผยต่อไปว่า ในการวินิจฉัยโรคทำได้อย่างยากลำบาก เพราะต้องตรวจอุจจาระซ้ำหลายครั้ง จากการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง จึงได้ค้นพบวิธีการตรวจวินิจฉัย และพัฒนาวิธีอิมมิวโนบลอทติ้ง เพื่อตรวจหาแอนติบอดี้ ที่พยาธิแคปิลลาเรียสร้างขึ้นในซีรั่มผู้ป่วย แทนการตรวจหาปรสิตจากอุจจาระ
และวิธีการใหม่นี้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำถึง 100% ทำให้รักษาหายขาดได้ ด้วยการกินยาฆ่าพยาธิ ติดต่อกันนาน 10 วัน เป็นอย่างน้อย และให้โปรตีนเสริมเป็นไข่ขาวต้มสุก ดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทน อาการถ่ายเหลวจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
|
|
ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
|
|
|
สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
|
|
|
|