ในปัจจุบันเมืองไทยมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 3 ล้านคน (ข้อมูลปี 2547)
ในจำนวนนี้มีเพียง 3.8 แสนคนเท่านั้นที่ได้รับการรักษาจนควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี เห็นตัวเลขแล้วก็ให้รู้สึกสยอง ไม่รู้ว่าเราจะตกเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานขึ้นมาเมื่อไร
|
|
|
นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคเบาหวานในไทย ว่า
ส่วนหนึ่งเกิดจากความเสี่ยงทางพันธุกรรม คือ
มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน
แต่ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง
มาจากวิถีชีวิต ซึ่งเป็นไปตามกระแสทุนนิยม มีการนำวัฒนธรรมบริโภคนิยมอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น
ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีใยอาหารน้อยลง แต่มีน้ำตาลมากขึ้น
เช่น น้ำอัดลม ไอศกรีม ขนมขบเคี้ยวชนิดต่างๆ
|
|
ประกอบกับวิถีชีวิตด้านการทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับที่มากขึ้น
ทำให้การออกกำลังกายน้อยลง ร่างกายจึงมีน้ำตาลและไขมันสะสมอยู่จำนวนมาก ปัจจัยวิถีชีวิตนับเป็นสาเหตุสำคัญของเบาหวานในปัจจุบัน
|
|
|
โรคเบาหวานเกิดจากการเสียสมดุลของการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
แบ่งการเกิดได้เป็น 2 ประเภท คือ
โรคเบาหวานประเภทที่ 1
จะพบในเด็ก หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี โดยเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากพันธุกรรม การรักษาจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน
ส่วนโรคเบาหวานประเภทที่ 2
มักพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เกิดจากการที่อินซูลินไม่ทำงานหรือทำงานน้อย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรม แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการมีน้ำตาลมากเกินไปในร่างกาย อันเนื่องมาจากการบริโภคเกิน และขาดการออกกำลังกาย
|
|
|
นพ.กิตตินันท์ ชี้ว่า
เบาหวานประเภทที่ 2 ป้องกันได้ หากเราสามารถควบคุมพฤติกรรมการกินการอยู่ของเราให้เหมาะสม เช่น การกินแบบพอดี มีผักรวมอยู่ในอาหารทุกมื้อ หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลในปริมาณมาก และควรเดินบ่อย ๆ สมัยก่อนเราคิดว่าเบาหวานป้องกันไม่ได้ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด แต่การป้องกัน หมายถึงการรู้ว่าตนเองอยู่ในสถานะความเสี่ยงหรือไม่ จะระมัดระวังตัวเองอย่างไร
|
|
ที่สำคัญ
ในระหว่างที่เรายังไม่รู้แน่ว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ ทางที่ดีก็ไม่ควรจะบริโภคจนล้นเกิน ก็น่าจะเป็นหนทาง ที่ช่วยให้ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า.
|
|
ขอขอบข้อคิดนานาสาระ โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
|
|
|
|