สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
25 สิงหาคม 2553

ยายลำเอียง




ณ ภาคใต้ของประเทศไต้หวัน

พวกเราไปสัมมนาเรื่องงาน จนกระทั้งเสร็จสิ้นภารกิจเมื่อครบกำหนดกลับ ก็เจอกับพายุเข้ามาพอดี ทำให้ทางสนามบินงดเที่ยวบินทุกเที่ยว แต่พวกเราไม่ต้องการพักที่ตึกประชุม จึงนั่งรถไฟเพื่อมาต่อรถหรืออาจจะเป็นเรือก็ได้ในวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง แถวๆใกล้ไทเป


แต่เนื่องจากมีพายุ ทุกโรงแรมในบริเวณใกล้เคียงกับไทเปจึงมีคนจองเต็มไปหมด พวกเราหลังจากปรึกษากัน ก็ตกลงว่าไปพักใกล้สถานีขนส่งเลยดีกว่า ซึ่งมีทั้งรถและเรือสะดวกกับการนั่งกลับโรงเรียน..และที่นี่เราก็ได้พบกับ…….


โรงแรมขนาดกลาง ที่ ค่อนข้างเก่าแห่งนี้ ไม่ดีเลิศอะไรเลย แต่กลับไม่เคยมีห้องเหลือมากนัก เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟ มีท่าเรือ และเป็นศูนย์รวมรถโดยสารด้วย ผู้คนจึงมากมายตลอดเวลา และค่าเช่าที่ถูกกว่าแห่งอื่น ทำให้กลุ่มนักเรียนอย่างพวกเราเหมาะที่จะพัก อีกทั้งรถที่เราจะโดยสารกลับโรงเรียนก็อยู่ใกล้แค่เดินไม่กี่ก้าว ซึ่งรถจะมีตอนตีสี่ ของวันรุ่งขึ้น…จึงสะดวกที่สุดที่จะพักที่นี่ที่สุด


ตรงล็อบบี้หน้าเคาเตอร์โรงแรมมีกลิ่นอับๆโชยมา ยามที่พวกเราเปิดประตูเดินเข้าไปเช็คอิน พวกเราได้ห้องพักที่ชั้นสี่ทั้งหมด ฉันกับแก้วพักห้องเดียวกัน เป็นห้องตรงมุมสุดของทางเดิน


ส่วนด้านตรงข้ามห้องคือห้องที่เขาจัดให้พี่ชาลีกับพี่ทิมพัก ส่วนเพื่อนอีกสี่คน อยู่สองห้องถัดออกไป..แม้ห้องพักคับแคบไม่ใหญ่แต่ห้องนอนกับห้องน้ำสะอาดพอใช้ แต่ฉันขอย้ายห้องกับพี่ชาลีเพราะก็อกน้ำร้อน ที่ห้องฉันไม่ดี น้ำไม่ค่อยไหล


เมื่อเข้าห้องมาแก้วก็บ่นว่า “กลิ่นอับจัง”คงเพราะห้องปิดหน้าต่างนาน เลยค้นเทียนหอมที่มักพกติดตัวเสมอออกมาจุด ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ฉันได้ยินเสียงดังแว่วๆคล้ายคนจาม เพราะไม่ชินกับกลิ่นเทียนหอม..?


คืนนั้นเป็นเพราะเราต่างก็เหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน จึงคิดหลับนอนกันแต่หัวค่ำ..ห้องที่พักเป็นเตียงคู่ ฉันติดนิสัยเมื่อเดินทางไปไหนมาไหน จะนอนหลับยากถ้าผิดที่ผิดกลิ่น จึงมักพกถุงนอนติดตัว และนอนในถุงนอนมาแต่เด็ก จึงจัดแจงกางถุงนอนลงบนเตียงข้างหนึ่ง ก่อนซุกตัวเข้าไปนอน ไม่ต้องใช้ผ้าห่มเลย


ส่วนแก้วซึ่งเป็นคนค่อนข้างกลัวหนาว จึงใช้ผ้าห่มทั้งสองผืน …ทั้งๆที่คืนนั้นอุณภูมิแค่ 16 องศา แต่ที่ห้องเราทั้งที่ปิดหน้าต่างทุกบานแต่ก็ยังรู้สึกหนาวราวสักแค่ 4 องศาเท่านั้นเอง!!!


เมื่อหลับเคลิ้มๆมึนๆงงๆ .ก็ต้องสะดุ้งตื่นกันทั้งคู่….ด้วยทนความรำคาญกับการที่ถูกคนเขย่าเตียงนอนไม่ไหว

“แก้วมีอะไร รึ ?”

ฉันถามเสียงงัวเงีย

“ชั้นกำลังจะถามแกต่างหากเขย่าเตียงทำไม? คนยิ่งง่วงๆอยู่ด้วย”

แก้วตอบอย่างหัวเสีย แล้วลุกขึ้นนั่ง ฉันเองก็รูดซิบถุงนอนลุกขึ้นนั่งบ้าง เรามองหน้าด้วยคำถามกันอีกครั้ง แล้วเราก็ส่ายหน้าให้แก่กัน จึงหันไปมองรอบๆห้อง เมื่อไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมอะไร จึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนกันอีกครั้ง..

แต่แล้วแก้วคงนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงลุกขึ้นจุดเทียนหอมอีกครั้ง แล้วกางคัมภีร์เล่มหนา ที่ พกติดตัวมา โดยเปิดหน้าหนึ่งทิ้งเอาไว้ ..แล้วจึงสวดมนตร์อีกครั้ง จากนั้นก็ดับเทียนหอม ล้มตัวลงนอน


ฉันเหลือบไปมองตรงผนังที่ มีนาฬิกาแขวนบอกเวลา ตีสองพอดี ตาเริ่มปรืออีกแล้ว..แต่เมื่อเริ่มเคลิ้มจวนหลับมิหลับแหล่…เตียงก็ถูกเขย่าอีกครั้ง ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรกมาก พร้อมกับเสียงคนจามไม่หยุด .จากนั้น.ผ้าห่มของแก้วก็ถูก กระชากแล้วเขวี้ยงไปที่หน้าห้องน้ำ

แก้วสปริงตัวกระโดดขึ้นยืนกลางเตียงอย่างโกรธจัด แล้วด่าออกไปทันที…

“ไอ้บ้าที่ไหนมาเล่นตลกว่ะ..เดี๋ยว แม่ตบชักเลย”


แล้วเราทั้งคู่ก็สัมผัสได้กับสายตาคู่หนึ่ง ที่มองอย่างโกรธเกรี้ยวรำคาญ.เมื่อหันตามความรู้สึกไปที่หน้าประตู….คนแก่แปลกหน้าคนหนึ่งกำลังท้าวเอว มองมาด้วยหน้าตาบูดเบี้ยวบึ้งตึง..


“ยายเข้ามาที่ห้องชั้นทำไมน่ะ”


แก้วถามขึ้นอย่างหัวเสีย

“พวกแกนั่นแหละถือดีอย่างไงกัน เข้ามานอนห้องฉัน แล้วยังจุดเทียนบ้าบออะไรก็ไม่รู้เหม็นไปหมด รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ยายคนนั้นตวาดด่าย้อนกลับมา แก้วลุกลงจากเตียง ก้าวเดินเข้าหาคนแก่คนนั้นอย่างโกรธจัดทันที

“อ้าวๆๆ ยายดูให้ดีๆ นี่ ห้องชั้นกับเพื่อนนะ ยายเข้าห้องผิดแล้ว นี่ดีนะเห็นว่าเป็นคนแก่ ไม่งั้นอ้ายแก้วตบหัวหูแตกแน่ มากวนโอ๊ยได้ตอนคนยิ่งง่วงๆอยู่ด้วย”


เสียงเอาจริงของแก้ว ทำให้ยายเงียบไม่ตอบโต้ขึ้นมาเฉยๆ แต่เดินกระแทกเท้าตรงไปเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูดังโครม

ฉันลุกขึ้นบ้าง เดินมายืนข้างๆแก้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกับแก้ว ก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกที่หน้าประตู แก้วเป็นคนเดินไปเปิดประตู เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของ
พี่ชาลีนั่นเอง


“มีเรื่องอะไรหรือเอ เสียงแก้วดังไปถึงห้องพี่เลยนะ”


เมื่อพี่ชาลีได้ฟังเรื่องราวจากพวกเราแล้ว ก็เดินไปเคาะประตูห้องน้ำร้องเรียกคนแก่คนนั้นทันที


“คุณยายครับออกมาพูดกันก่อนนะครับ”


แต่เคาะไปเท่าไรก็ยังคงเงียบ พี่ชาลีเลยลองหมุนที่ล็อคประตูดู กลับเปิดออกได้อย่างง่ายดาย…เมื่อเราทุกคนชะโงกหน้าเข้าไปมอง…………ในห้องน้ำที่สุมเต็มไปด้วยของใช้ของฝากของเราสองแล้ว ก็มีแต่เครื่องใช้ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ ทุกสิ่งยังคงเดิม สิ่งที่หายไปคือ คนแก่คนนั้นเอง!!!!!!!……

.
เมื่อเราลงมาขอย้ายห้อง แต่ทางโรงแรมอ้างว่า…ไม่มีห้องว่างครับ เราจึงต้องไปนอนรวมกัน ที่ห้องเพื่อนคนอยู่ห้องถัดไป ฉันปูถุงนอนลงนอนที่พื้นข้างเตียง ให้แก้วขึ้นไปนอนเบียดสามคน..แล้วเราก็ได้หลับกันจริงๆครั้งนี้..จนตีสามกว่าพี่ชาลีก็มาปลุก


เราตื่นมาอาบน้ำ จากนั้น ขอให้พี่ชาลีกับพี่ทิม ช่วยเข้าไปเอา ข้าวของที่เหลือของฉันกับแก้ว แต่เมื่อเดินไปเปิดประตู ประตูกลับล็อกด้านในเปิดไม่ออก ต้องตามคนงานมาช่วย คนทำความสะอาดห้องขึ้นมาพร้อมด้วยฆ้อนกับเหล็กแหลมท่อนหนึ่ง จัดแจงงัดที่ประตูอย่างชำนาญ ราวคุ้นเคยกับการงัดอยู่บ่อยๆ??



แก้วทนเก็บความสงสัยต่อไปไม่ไหวแล้ว เมื่อคนงานงัดประตูเสร็จเปิดห้องให้ พวกเรา แก้วเดินไปยัดแบ็งค์ 50 เหรียญใส่มือ พร้อมกับกระซิบถามที่ข้างหู แล้วเดินหน้าตาตื่นกลับมา เร่งพวกเรารีบเข้าลิฟท์ ลงมาเช็คเอ๊า ??


เมื่อเราทั้งหมดขึ้นลนรถโดยสารเรียบร้อย แก้วก็เล่าว่า ยายคนนั้นเคยเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้มาก่อน แต่ถูกลูกชายฆ่าตาย เพราะโมโหหน้ามืด ที่ขอเงินไปเล่นการพนันแล้วยายไม่ให้ แถมมาหาแม่ทีไรก็พาสาวแปลกหน้ามาบ่อยๆ ยายไม่รู้เรื่องลูกชายติดการพนัน กลับไปคิดว่าลูกชายเสียคนเพราะติดสาวๆเหล่านั้น เลยเกลียดพวกผู้หญิงโดยเฉพาะพวกสาวๆ


และเมื่อลูกชายขายโรงแรมนี้ให้คนอื่นก่อนหนีหายไปนั้น ศพยายก็หายไปด้วย เจ้าหน้าที่ค้นหานานหลายสิบปีก็ยังไม่เจอ แต่เชื่อแน่ว่าต้องฝังอยู่ในโรงแรมนั้นแน่ๆ


เมื่อไม่พบศพ ลูกชายจึงรอดคดีมาจนบัดนี้ แต่เจ้าของโรงแรมคนใหม่ก็ไม่เคยคิดทุบตึกทิ้ง เพราะแม้ตึกจะเก่ามากแล้ว แต่เป็นแหล่งที่คนมาพักมากมาย เขาจึงยังคงเปิดไว้ แต่ก็ยกเว้นห้องพักห้องนั้นจะไม่ให้ผู้หญิงพัก?


เพราะจากวันที่ยายตายมาจนบัดนี้ ทุกวันขึ้น15ค่ำ ยายคนนี้ก็จะออกมาไล่ลูกค้าสักครั้งหนึ่ง…ก่อนจะหายไปเฉยๆ โดยจะเป็นก็เฉพาะกับห้องชั้นสี่ ที่ห้อง404นี้เท่านั้น


แต่ถ้าคืนวันนั้นแขกที่มาพักเป็นผู้ชายก็จะไม่เจอะเจออะไรเลย เพราะยายจะคิดว่าเป็นลูกชายของแกทุกที


ที่จริงห้องนั้น บ๋อยเขาก็จัดให้พี่ชาลีกับพี่ทิมพัก..ถ้าฉันไม่ไปขอแลกห้องกับพี่ชาลี…เพราะอยากอาบน้ำอุ่นไหลแรงเพื่อ ช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อยเหนื่อยล้ากับการเดินทาง ..ก็ไม่ต้องเจอยายแน่


เมื่อแก้วเล่าเรื่องยายจบลง พวกเราเกิดความสงสารยายกันขึ้นมา หันไปมองที่หน้าโรงแรมอีกครั้ง ก่อนรถจะเคลื่อนลับหายจากโรงแรม…


เราพบว่ายายกำลังโบกมือให้พวกเราทั้งหมด (เฉพาะผู้หญิง)ได้เห็นตัวยายกันชัดๆอีกครั้ง.. พร้อมกันนั้นที่หูของพวกเรา
ได้ยินเสียงแว่วๆมาของยายกันทุกคนว่า


“พบกันใหม่นะอีหนู”!!!!!


เสียงกรี๊ดๆๆๆๆดังลั่นออกมาทันที พี่ชาลีกับพี่ทิมมองหน้าซีดเซียวของพวกเรา ด้วยความสงสัยงุนงง เหมือนคนอื่นๆในรถ…ก็ใช่นะสิ…..ยายเล่นลำเอียงหลอกแต่ผู้หญิงนี่นา!!!…………………

โดย










Create Date : 25 สิงหาคม 2553
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 21:43:23 น. 1 comments
Counter : 879 Pageviews.  

 
◢\▁▁●●●▁▁/◣
 ◤    ●●●● ◥
▕       ●● ▕
──         ──
── ●     ● ──
──    ﹀    ──
 ◣         ◢
☆ญามี☆ ∞┼∞ ☆ญามี่☆
 ███ ∞┼∞ ███
 ◥█◤ ∞┼∞ ◥█◤
   ═══╧═══
   ███▊███


โดย: ญามี่ วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:21:44:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]