สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
25 สิงหาคม 2553

หนุ่มปริศนา..ในยามราตรี




ลมยามดึกพัดโชยมาจากทะเล พาเอาความรู้สึกอ้างว้างวังเวงในรอบเดือนที่ผ่านมาของเอมให้จางไปมาก เอมเดินย่ำทรายเปียกๆพร้อมรับลมทะเล ไปเรื่อยๆ อารมณ์เหงาๆของหล่อนเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น ตื่นเต้นที่จะได้ไปที่นั่น ที่ๆหล่อนคิดอยากเข้าไปดูนานนับเดือน..

หลายอาทิตย์มาแล้วที่หล่อนได้แต่นั่งมองดูทะเลจากบนตึกเท่านั้น..เดือนที่ผ่านมา เป็นเดือนแห่งความเบื่อหน่ายที่สุด เริ่มจากเพื่อนร่วมหอสองคนไม่สบายก่อน ต่อด้วยพี่เข็มที่ไปติดหวัดที่ไหนมาก็ไม่รู้ ทำให้เอมที่มุกับการเรียนและงานหนักจนพักผ่อนน้อย ต้องพลอยติดหวัดจากพี่เข็มที่มาติวบางวิชาให้ จนล้มป่วยเป็นหวัดตามเพื่อนอีก7-8 คน

เอมและคนไข้หวัดทั้งหมดถูกหมอประจำหอพัก สั่งให้แยกออกมาพักรักษาตัวที่ตึกด้านหลังสุด และห้ามลงมาเดินเพ่นพ่านที่ริมทะเล ด้วยกลัวโรคจะแพร่ระบาดให้กับผู้พักที่นี่ทุกคน

หวัดโรคติดต่อง่ายๆมาหลายพันปี เริ่มกลายเป็นสิ่งน่ากลัวของหมอและคนไข้ตอนมันกลายพันธุ์นี่แหละ คนป่วยทุกคนจึงจำต้องรักษาตัวเงียบๆ และพยายามให้หายไวไว อีกทั้งภาวนาให้ตนรอดจากหวัดนกหวัดหมูพันธุ์ประหลาดเหล่านั้นด้วย

เมื่อหมอตรวจจนมั่นใจว่าแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา ทุกคนก็หายแข็งแรงเป็นปรกติแล้ว จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้กลับตึกของตนเองได้เสียที เอมมาพักนับเดือนหล่อนมองหลังตึกด้วยความสงสัยถึงความเงียบวังเวงผิดปรกติ พร้อมคิดอะไรเงียบๆอยู่ในใจคนเดียว

ความสงสัยนั่นเองที่ทำให้หล่อนหลงลืมความหงอยเหงาที่ผ่านมาของตน เมื่อหมอให้กลับตึกพัก หล่อนจึงคิดขึ้นได้ถึงเรื่องในใจที่คิดอยากทำมาตลอดเดือน ด้วยการลงมาเดิน เดินไปที่ตรงที่หล่อนสงสัย..

เอมมองไปเรื่อยๆขณะเดิน..โบสถ์ไกลๆหลังนั้น สร้างมานานกว่าร้อยปี สมัยก่อนมักมีเรื่องเล่ามากมาย รวมไปถึงความเชื่อของชาวบ้าน ในยุคต้นๆที่เพิ่งสร้างตึกเสร็จ แรกๆคนทุกคนแถวนี้ มองโบสถ์นั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ต่อมาเพราะข่าวลือหนาหูมากขึ้นความหวาดกลัวจึงมาแทรก ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่คิดเดินผ่านเข้ามาใกล้โบสถ์หลังนั้นในยามค่ำคืน เพราะกลัวเจอบาทหลวงคนที่ตายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งคนมักลือว่าคุณพ่อชอบออกมาสวดมนต์ในยามดึกๆเสมอ....

แต่ก็ยังมีผู้เฒ่าคนเก่าแก่อีกมากที่เชื่อว่า โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณดุร้ายต่างๆไม่กล้าเข้าใกล้โบสถ์เป็นแน่ และบาทหลวงคนนั้นได้เดินทางไปเฝ้าพระเจ้านานแล้ว ส่วนข่าวที่มีคนพบ..สิ่งประหลาด เหมือนคนเดินไปมาแถวนั้น แถมบางคืน ยังดังแว่วๆคล้ายเสียงคนพูด หรือสวดมนต์น่าจะมาจากทางหลังโบสถ์มากกว่า

เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน มีเรื่องเล่ากันว่า ที่หลังโบสถ์ มีเนินหินสูงมากแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นลานประหารชีวิตนักโทษและใช้เป็นป่าช้าฝังศพไปด้วย ทว่าเมื่อพื้นที่แถวนี้เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งเข้า ทางการก็ระอากับการต้องมาเก็บกระดูกคนตายที่ลอยตามน้ำบ่อยๆ จึงเลิกใช้เนินสูงแห่งนี้เป็นลานประหารอีก


มีก็แต่ชาวบ้านแถบนั้นที่ยังคงใช้พื้นที่หลังเนินสูงเป็นป่าช้าเรื่อยมา จนผ่านไปอีกนับร้อยปีป่าเขียวชอุ่มที่ไม่มีคนกล้าเข้าไปถางป่า ได้มีชาวต่างชาติเข้าไปเช่าซื้อมาทดลองปลูกพืชพันธุ์เมืองหนาว และโบสถ์สวยงามที่แข็งแรงหลังนั้นก็เกิดขึ้น

แค่15ปีต่อมากิจการเพาะปลูกก็จบสิ้นลง โบสถ์นั้นก็ถูกทิ้งร้าง จนหลายสิบปีต่อมามีชาวต่างชาติอีกประเทศหนึ่งเดินทางมาดูทำเล และตกลงเช่าป่าแถบนั้นเพื่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ท ให้คนมาเที่ยวพักผ่อน ได้ชมธรรมชาติของป่าที่ยังหลงเหลือความงามอีกมาก พร้อมกับซ่อมตบแต่งโบสถ์จนสวยงาม ชาวบ้านที่มีอาชีพทำประมงแค่สองร้อยกว่าหลังคาเรือนของที่นี่ จึงได้เห็นโบสถ์เปิดทำการมีบาทหลวงมาพักอยู่อีกครั้ง แต่บ้านเรือนที่ตั้งห่างเนินสูงเข้าไปมาก ด้วยต่างกลัวแดนประหารอาถรรพ์แห่งนั้น โบสถ์จึงมีคนผ่านไปมาน้อยมาก นอกจากวันสำคัญตามเทศกาลผู้คนจึงมาชุมนุมที่โบสถ์อย่างหนาแน่น

หลังโบสถ์ ที่เอมมองเห็นรำไรจากตึกพักคนไข้ของหอพัก ซ่อนอยู่ในดงไม้หนาทึบ ทำให้ความลึกลับเกาะลึกมากขึ้น ในยามดึกด้วยแล้วจะเงียบจนน่ากลัวอีกเท่า ทำให้ผู้คนขยาดที่จะเดินผ่าน มักอ้อมย้อนไปทางด้านหน้าที่ทาง
โรงแรมสร้างเป็นทางเดินเท้าให้คนผ่านไปมาแทน

เอมเดินเลาะไปเรื่อยๆ ผ่านเขตรั้วกั้นของรีสอร์ท เดินผ่านด้านหน้าของโบสถ์ไปที่ด้านหลัง ซึ่งทางโบสถ์สร้างห้องพักไม้เล็กๆไว้รับรองแขกในยามที่มี บาทหลวงจากที่อื่นแวะมาเยี่ยมคุณพ่อทอม บาทหลวงของที่นี่ เอมเดินไปนั่งที่ม้านั่งหน้าห้องพัก ตรงนั้นมีต้นลั่นทมที่มีดอกหล่นเกลื่อนกลาดในยามนี้

(ชาวบ้านแถบนี้เรียกดอกลั่นทมว่าดอกไข่ดาว ด้วยดอกขาวมีสีเหลืองอ่อนแซมตรงกลางยามหล่นลงพื้น มองไกลๆราวคนทำไข่ดาวหล่นไว้...ส่วนสีอื่นๆมีน้อยมาก)

“ลั่นทมจ๋า เจ้ารู้จักความเหงาบ้างไหมนะ?”

หล่อนพูดลอยๆก่อนลุกเดินไปเก็บดอกบานสีขาวเหลืองมานั่งพิจารณา ก่อนพูดกับดอกไม้ราวเพื่อนสนิท

“ดูๆไปเจ้าก็น่าสงสารนะ กลีบดอกนวลบางสวยดี แต่คงเพราะกลิ่นหอมเย็นชวนเศร้านี่เอง ทำให้คนตั้งใจเลี่ยงหนี แถมตู่ซะง่ายๆว่าเจ้านั้น..เป็นตัวซวย”

จากหางตาหญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกคนยืนจ้อง เมื่อเหลือบไปมอง ชายแปลกหน้าคนนั้น ก็เดินเลี่ยงหายไปในดงไม้ทันที ใครกันนะ? ลงมาเดินตอนตีสองเหมือนหล่อน เอมลุกขึ้นเดินตามเข้าไป จากดงไม้ ร่างนั้นเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าประตู..ทางเข้าสุสาน

“เอ๊ะลุงปันหรือเปล่านะ?”

เอมยืนมองอย่างงุนงง ชายคนนั้นเดินเข้าประตูไปแล้ว สักครู่เสียงดนตรีประหลาดก็ดังขึ้น เสียงที่ดังลอยมาตามลมนั้น เอมบอกไม่ถูก เป็นดนตรีชนิดใด ฟังแปลกไม่คุ้นหู บัดเดี๋ยวเบา บัดเดี๋ยวดังเกรี้ยวกราด ราวคนเล่นกำลังร้องไห้

เอมยืนงงเลื่อนลอย ก่อนแนบหน้าเข้ากับบานประตูเหล็กเงี่ยหูฟังที่มาของเสียง มือยึดซี่กรงเหล็ก แนบหน้าชิด พยายามมองเข้าไป ที่ด้านใน..และแล้วมือที่สัมผัสซี่กรงนั้น ก็บอกให้รู้..ประตูไม่ได้ล็อก??..เอมผลักบานประตู
เหล็กเดินเข้าไปตามเสียงดนตรีนั้น...

……………………..

เข็มปาดเหงื่ออย่างร้อนใจเมื่อเห็นร่างเล็กบางของคนรักลับหายไปในดงไม้แล้ว เขาวิ่งอย่างสุดชีวิตราวนักวิ่ง100เมตร ตรงไปที่บานประตูเหล็กเก่าๆบานนั้นทันที

“อ้าว ล็อกกุญแจนี่ แล้วน้องเอมเข้าไปได้อย่างไรว่ะ”

ชายหนุ่มตัดสินใจปีนประตูเหล็กบานสูงเข้าไปทันที เมื่อกระโดดลงจากประตู เขาวิ่งอย่างสุดชีวิตอีกครั้ง ทันเห็นร่างเล็กบางเลี้ยวโค้งหน้าพอดี เขาตะโกนเรียกชื่อคนรักอีกครั้ง

“น้องเอม!!”

สาวน้อยยังคงเดินอย่างเลื่อนลอย ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินเสียง แม้เขาจะตะโกนจนดังสะท้อนทั่วป่าก็ตาม เข็มเริ่มกระวนกระวาย วิ่งตามไปอย่างไม่กล้ารอช้า แม้เริ่มรู้สึกเหนื่อยแต่ความห่วงความปลอดภัยของคนรักมีมากกว่า มาเริ่มหยุดพักหายใจยาว เมื่อเห็นเอมยืนที่หน้าสุสานของใครคนหนึ่ง สักครู่หล่อนก็นั่งพับเพียบลง ตบมือยิ้มหวาน ราวคุยกับใครสักคน เข็มวิ่งตรงเข้าไปหาทันที

“น้องเอม”

แปลกหล่อนไม่เห็นเขาและไม่มีทีท่าว่าได้ยินเสียง เข็มใจร้อนไม่ได้การเสียแล้ว เขาตัดสินใจตรงเข้าไปนั่งยองๆที่เบื้องหน้าหล่อนแล้วจับผมของคนรักกระชากแรงๆทันที

“โอ๊ยเจ็บนะ!!พี่เข็มบ้า”

เอมร้องลั่นก่อนลุกยืนพร้อมคนรัก หล่อนสบตาชายหนุ่มสักครู่ก่อนเดินเข้าไปกัดหูเข็มแก้เผ็ดทันที

“จ๊ากกกกกกก!!! หูพี่ไม่ใช่ขนมครกนะกัดลงมาได้”


เข็มลูบใบหูตัวเอง พลางมองหน้าสาวน้อยหล่อนได้สติแล้ว ควรรีบไปจากที่นี่ดีกว่า เขาดึงมือเอมพาวิ่งออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่วิ่งมายืนหอบกันที่หน้าประตูเหล็กบานนั้นอีกหน

เมื่อเข็มแบมือขอกุญแจเอมกลับส่ายหน้า ตกลงเขาต้องให้หล่อนเหยียบบ่าปีนขึ้นไปก่อน แล้วไปยืนรอเขาที่ตรงขอบปูนข้างโคมไฟ ซึ่งอยู่ติดกับรั้ว จากนั้นเมื่อเข็มกระโดดลงไปยืนที่ด้านนอกสุสาน หล่อนจึงกระโดดลงมาในอ้อมแขนของเขา..เมื่อเข็มพาคนรักมาส่งที่ตึกนอนของหล่อน เขาอดถามไม่ได้

“เอมไปสุสานใครน่ะ?”

“เปล่าเอมไม่ได้ไปที่สุสานใครนะ เอมยืนคุยกับพี่คนนั้นที่หน้าบ้านเขาต่างหากล่ะ เขาเล่นดนตรีเพราะจัง พี่เข็มไม่ได้ยินเสียงเพลงรึคะ?”

“มีที่ไหน พี่เห็นเอมลงไปเดินท่อมๆที่หาดทราย เลยละมือจากงานซ่อมแอร์ชั่วคราว วิ่งไปหยิบเสื้อคลุมที่เอมทิ้งไว้ที่ตึกพี่คราวก่อนมาให้ พี่ลงจากตึกก็เห็นเอมเดินไปที่โบสถ์แล้ว มีอย่างที่ไหนเพิ่งฟื้นไข้ได้สองวัน ลงไปเดินดึกๆอากาศก็เย็นไม่ติดเสื้อคลุมเลย แล้วนี่พี่ก็ตะโกนเรียกไปตลอดทางนะ แต่เอมเหมือนไม่ได้ยินเลย เดินเข้าไปที่สุสานนั่น ว่าแต่เข้าไปได้ไงน่ะ กุญแจก็ไม่มี รั้วก็สูงเกินปีนเองคนเดียว”

“หา!! แล้วที่เอมเจอใครคะพี่เข็ม”

เข็มไม่ได้ตอบเอมเลย เพราะหล่อนวิ่งราวลมกรดเข้าห้องนอนทันที..เมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่เจอคืออะไร......


โดย









Create Date : 25 สิงหาคม 2553
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 21:38:13 น. 1 comments
Counter : 851 Pageviews.  

 
◢\▁▁●●●▁▁/◣
 ◤    ●●●● ◥
▕       ●● ▕
──         ──
── ●     ● ──
──    ﹀    ──
 ◣         ◢
☆ญามี☆ ∞┼∞ ☆ญามี่☆
 ███ ∞┼∞ ███
 ◥█◤ ∞┼∞ ◥█◤
   ═══╧═══
   ███▊███


โดย: ญามี่ วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:21:38:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]