Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

เที่ยวไป งงไป กับยัยเป๋อ 22 (ออสเตรเลีย)~

15 เมษายน 2550~

บ่ายแล้วค่า..ช่วงบ่ายของวันนี้ เราจะเริ่มต้นแบกถั่ว เอ๊ย..บากหน้าไปทัวร์ตามสถานที่เที่ยวที่สำคัญ ๆ ของ เมืองแคนเบอร่า อีกสัก 2-3 แห่ง..(จริง ๆ แล้ว อยากไปให้มากกว่านั้น แต่ติดอยู่ที่ว่า เวลามันไม่อำนวยเอาซะเลย)

แห่งแรกของบ่ายนี้ก็เห็นจะเป็นที่นี่ล่ะนะคะ..

อาคารรัฐสภาของออสเตรเลีย (Parliament House)

อันว่า อาคารรัฐสภาแห่งนี้ ถือเป็นอาคารรัฐสภาหลังใหม่ของออสเตรเลียค่ะ มีพิกัดอยู่ทางด้านใต้ของทะเลสาบบนเนินเขาที่เรียกว่า Capital Hill อาคารแห่งนี้ จัดเป็นอาคารที่มีการออกแบบก่อสร้างอย่างทันสมัย..โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เสาธง ซึ่งมีขนาดใหญ่ สูงเด่นเป็นสง่า สง่าซะจนอิชั้นต้องแหงนคอตั้งบ่าเวลาที่เงยหน้าขึ้นเซย์ฮัลโหลกับคุณเสาเค้าอ่ะนะคะ



รัฐสภาแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างถึง 8 ปีทีเดียวเจียวค่ะ โดยได้สร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี ค.ศ.1988 (ออกแบบโดย สถาปนิวอิตาเลียน ชื่อ โรมัลโด ยูร์โกลา ซึ่งก็ชนะการประกวดแบบมาเช่นกัน)



ภายในอาคารรัฐสภาตกแต่งอย่างทันสมัยไม่แพ้รูปแบบภายนอกเฮ่าะ แต่ละห้องประดับประดาด้วยงานศิลปะของออสเตรเลียหลายพันชิ้น และยังมีส่วนของนิทรรศการภาพถ่ายที่น่าสนใจอีกหลายส่วน





ผู้ที่สนใจจะเข้าชมอาคารรัฐสภาแห่งนี้ สามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.เฮ่าะ..นอกจากเราจะเดินเยี่ยมชมได้เองแล้ว ทุก ๆ ครึ่ง ชม.ยังจะมีบริการนำชมโดยเจ้าหน้าที่ของทางรัฐสภาด้วย แถมในวันที่มีการประชุมสภา เรายังจะสามารถเข้าไปนั่งชมการประชุมได้อีกด้วย (เออ..เจ๋งดีแฮะ)





เดินชมภายในอาคารจนจุใจแล้ว..โดดขึ้นลิฟท์ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองบนดาดฟ้ารัฐสภากันดีกว่าค่า..บนดาดฟ้าของอาคารแห่งนี้เค้าจะปูด้วยหญ้า (เห็นป่าว..ธรรมดาซะที่หนาย) มีเสาธงใหญ่อภิมหามหึมาที่อิชั้นเห็นตั้งแต่เดินอยู่ด้านล่างโน่นปักดิ่ววว..อยู่ใจกลางหลังคาแบบน่าดูชม



จากดาดฟ้าอาคาร มองไปไกล ๆ เราจะเห็นฉี่เด็กพุ่งเป็นสายขึ้นมาจาก ทะเลสาบกริฟฟิน ซึ่งเป็นทะเลสาบขุดอันกว้างใหญ่ใจกลางใจเมือง และตั้งชื่อตาม สถาปนิกผู้ออกแบบผังเมืองอ่ะนะคะ..น้ำพุแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า Capitain Cook Memorial Water Jet ซึ่งพุ่งได้สูงถึง 140 เมตรเลยเชียวค่ะ..เรียกได้ว่า พุ่งกันทีนึง ก็เห็นกันได้จะ ๆ จากทุกมุมเมืองเลยทีเดียว..อ้อ..เค้ามีเวลาพุ่งกันด้วยนะคะ ไม่ใช่เอะอะก็พุ่ง ๆ กันสุ่มสี่สุ่มห้า..เค้าจะพุ่งรอบแรกกันราว ๆ 10.00-12.00 น. ทีนึง แล้วก็มาพุ่งอีกรอบ ช่วง 14.00-16.00 น.ฮ่ะ



พุ่งเพื่อชาติ~

ออกจากอาคารรัฐสภาหลังใหม่แล้ว...ยังพอมีเวลา แวะมาเยี่ยมชมรัฐสภาหลังเก่ากันบ้างนะคะ



รัฐสภาแห่งนี้เป็นรัฐสภาที่สร้างบนคิง จอร์จ เทอเรซ ค่ะ ปัจจุบันที่นี่เป็นที่จัดนิทรรศการและงานต่าง ๆ ซึ่งบริหารโดย แนชชั่นแนล มิวเซียม ออฟ ออสเตรเลีย รวมทั้ง ออสเตรเลียน อาร์ไคฟ์ส และ แนชชั่นนัล พอร์เทรต แกลลอรี



ด้านหน้าอาคารจะมีสวนสาธารณะใหญ่ พวกเราพากันน้ำลายหกไปตาม ๆ กัน เมื่อรู้ว่าเมื่อช่วงเช้า..ที่นี่ได้แปรสภาพเป็นสถานที่จัดนิทรรศการ "บอลลูน" นานาชาติขึ้น..ถือเป็นความโชคดีของพวกเราที่มาถูกจังหวะวันที่เค้าจัดงานกันพอดี แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นความโชคร้าย ที่พากันพลาดงานนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัย T_T







อิชั้นข้ามถนนไปเดินเลาะปาร์คอยู่ครู่หนึ่งค่า..แถวปาร์คยังคงเห็นรถบ้าน กับเต้นท์ของคนที่มาเที่ยวงานบอลลูนนานาชาติกระจัดกระจายอยู่เป็นหย่อม ๆ ..ยิ่งเห็น มันก็ยิ่งเร่งให้ต่อมความเสียดายทำงานหนัก..เป็นทบเท่าทวีคูณ

ธ่อเอ๊ย..พวกเรา..พลาดได้งายฟระ

กำลังเดินถอดถอนใจเพลิน ๆ ฮ่ะ เหลือบไปอีกที ก็..เห็นคุงพี่ชาวออสซี่คนนึง กำลังขว้าง "บูมเมอแรง" อยู่กับเด็กผู้ชายอีกคนนึงอ่ะนะคะ..พอคุงพี่พ่อลูกแก่ (เดาเอา)เห็นอิชั้นเข้า คุงพี่ก็เลยทำท่าพยักเพยิดจะชวนไปลองขว้างดูมั่ง..แต่แหม... อิชั้นก็ปอด(แหก)ซะงั้น..ก็เลยได้แต่ส่ายตูด เอ๊ย..ส่ายหน้าด๊อกแด๊กพร้อมขว้างยิ้มสยามตอบแทนไปหนึ่งที ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีข้ามฝั่งไปยังอาคารรัฐสภา

ง่า..คุยมาถึงบรรทัดนี้ เพื่อน ๆ รู้จักบูมเมอแรงมั้ยคะ..

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักอ่ะ แต่จะรู้จัก "ดี"แค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องนึง เอางี้ดีกว่า..อิชั้นเล่าให้ฟังหน่อยดีกว่ามะ..เผื่ออาการโมโหหิวที่หลาย ๆ คนกำลังเป็นอยู่ขณะนี้จะดีขึ้นมั่ง

ว่ากันว่า..เจ้าบูมเมอแรงนี้ ถูกประดิษฐ์ขึ้นตอนไหน ไม่มีใครทราบได้เป็นที่แน่ชัดหรอกค่ะ แต่เชื่อว่าคงเกิดขึ้นครั้งแรกจากการลองผิดลองถูกของ มนุษย์ยุคแรก ที่ใช้หินหรือไม้ ในการล่าสัตว์ ไม้ทำเป็นหอก เมื่อขว้างออกไป มันก็เลยพุ่งไปได้ไม่ไกลนัก

ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มลองผิดลองถูก โดยการทดลองโค้งงอตัวไม้ และขว้างออกไป ปรากฎว่ามันพุ่งไปได้ไกลขึ้นแฮะ แถมยังควบคุมทิศทางได้ดีกว่า มนุษย์พวกนี้จึงได้ทดลองงอไม้หลายรูปแบบ ที่สุดจึงได้บูมเมอแรงแบบวกกลับไม่ได้ นักโบราณศาสตร์ได้ขุดค้นพบซากโบราณของบูมเมอแรงซึ่งพบอยู่หลายแห่งของโลก อย่างเช่นที่โปรแลนด์ ซึ่งมีอายุกว่า 20,000 ปี

ส่วนบูมเมอแรงแบบวกกลับได้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก โดยชาวพื้นเมืองอะบอริจิ้น (Aborigine) ที่อาศัยอยู่ในทวีปออสเตรเลียนี่เองค่ะ ก่อนหน้านั้นพวกนี้ได้ประดิษฐ์บูมเมอแรงแบบวกกลับไม่ได้ และเรียกมันว่า ไคลี(Kylies) โดยมีจุดประสงค์ เพื่อนำมาใช้สำหรับการล่าสัตว์ นั่นเอง

เมื่อขว้างไปเป็นเวลานาน จึงทดลองเปลี่ยนรูปร่าง พัฒนารูปแบบต่างๆจนมันสามารถวกกลับมาที่ผู้ขว้างได้ในที่สุด (เก่งจิ๊ป อะไรจะมาเกินสมองมนุษย์ฟระ) อย่างไรก็ตาม บางทฤษฎีว่า ชนเผ่าพวกนี้ เลียนแบบโดยใช้การบินของนก จึงสร้างเป็นรูปตัววี คล้ายปีกของนกที่กำลังบิน

ปัจจุบันการใช้บูมเมอแรงล่าสัตว์ ค่อยๆหมดความนิยมลงค่ะ ในภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นกีฬา การออกแบบในปัจจุบันก็ได้คำนึงถึงความสวยงาม แทนการใช้เพื่อการล่าสัตว์อย่างในอดีต อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ใช้สำหรับการล่าสัตว์อย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะคะ มันยังช่วยชีวิตนกที่เลี้ยง
อยู่บนต้นไม้ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้านกอินทรีย์ หรือเหยี่ยว จะจับนกที่ชนพื้นเมืองเลี้ยงอยู่ พวกเขาจะขว้างบูมเมอแรงแบบวกกลับได้ ทำให้เกิดเสียงดัง นกล่าพวกนี้ก็จะเกิดความกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้เป็นต้น


เอ้า..ตื่น ๆ อิชั้นโม้จบแล้วเฟ้ย..แหม๋..หลับกันต่อหน้าต่อตาเห็น ๆ เลยนะยะ..~

ออกจากอาคารรัฐสภาหลังเก่า พวกเราก็ตรงดิ่งไปยังสถานที่สำคัญที่น่าเยือนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นแห่งสุดท้าย ก่อนที่พวกเราจะ อำลา แคนเบอร่า ด้วยสายการบินภายในประเทศ ไปสู่เมืองอันมิเสน่ห์อีกแห่งนึงของออสเตรเลีย นั่นคือ เมืองเมลเบิร์น อ่ะนะคะ..

สถานที่ทิ้งทวนของพวกเราก็คือ..

ออสเตรเลียน วอร์ เมมโมเรียล (Australian War Memorial) เฮ่าะ



สถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน แอนแซค พาเหรด เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับรำลึกถึงทหารทั้งหญิงและชาย ผู้รับใช้ชาติในสงครามต่าง ๆ ที่ออสเตรเลียได้มีส่วนร่วมด้วย ภายในจะมีอาคารพิพิธภัณฑ์อาวุธ หอแสดงภาพเกี่ยวกับสงคราม ห้องฉายภาพยนต์ ฯลฯ โดยเปิดให้เข้าชม ฟรี (อีกแล้วครับทั่น) ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น.



ดอกป๊อปปี้สีแดง เพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารหาญผู้กล้าของชาติ ซึ่งจารึกนามอยู่เต็มผนัง


ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานค่า..สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะว่าขณะนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว และพุงกะทิของทุกคนเริ่มร้องเพลงชาติออสเตรเลียดังขึ้นทุกขณะ ดังนั้นพวกเราจึงถอยทัพกลับมาเปิดกล่องมาม่าผัดที่เตรียมมาตั้งแต่เช้า แล้วก็หม่ำข้าวเย็นกันตรงลานจอดรถของ ออสเตรเลียน วอร์ เมมโมเรียล มันซะเลย..ฮี่ ๆ..ยามท้องหิวนี่ กินอะไรก็อร่อยเหาะทั้งนั้นแหละเนาะ..

อิ่มข้าวละก็ขับรถไปสนามบินกันเถอะค่ะ เดี๋ยวต้องออกเดินทางกันต่อแว้วววว..

................

ง่า...พักให้น้ำคนเล่าหน่อยนะเค๊อะ..

.....................

i'm not superman




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550
6 comments
Last Update : 11 มีนาคม 2554 21:29:29 น.
Counter : 2477 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ วันนี้เจนนี่พอมีเวลา เลยแวะมาทักทายค่ะ รูปสวยๆทั้งนั้นเลยน่ะคะ อยากไปเที่ยวมั่งจังเลยค่ะ อย่าลืมแวะไปชมรูปใหม่ๆที่บล็อคเจนนี่อีกน่ะคะ อัพเดทเรียบร้อยแล้วจ๊ะ

ไว้ว่างๆเจนนี่จะแวะมาทักทายอีกน่ะคะ สำหรับวันนี้ขอให้เป็นวันดีดีของคุณจ๊ะ

 

โดย: สาวอิตาลี 23 มิถุนายน 2550 12:58:14 น.  

 

 

โดย: เพียงแค่เหงา 23 มิถุนายน 2550 13:17:07 น.  

 

สวัสดีวันหยุดค่ะ อยากไปเที่ยวออสเตรเลียมากเลย มาอันเชิญไปแวะที่บล๊อกนะค่ะ
ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะค่ะ

 

โดย: weraj 23 มิถุนายน 2550 16:23:57 น.  

 

แวะมาเกาะล้อเที่ยวด้วยคนนะคะชอบท้องฟ้าค่ะ
และชอบพื้น BG สบายตาดีจังเลย

 

โดย: อุ้มสี 24 มิถุนายน 2550 12:53:17 น.  

 

 

โดย: toon IP: 203.113.80.15 29 มิถุนายน 2550 18:57:54 น.  

 

อยากไปสุดริด

 

โดย: น้องเจฟขิง IP: 125.27.141.19 17 กรกฎาคม 2552 9:48:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


i'm not superman
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ผู้ใหญ่ไซส์ S ที่พยายามจะทำให้ชีวิตมีความสุขไซส์ L
เสมอ~

...................

สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๘ ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และโดยอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

..................................

ถ้าอยากมีความสุขหนึ่งปี ก็แค่ถูกหวย แต่ถ้าอยากมีความสุขตลอดชีวิต ก็จงรักงานที่ทำ~













Friends' blogs
[Add i'm not superman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.