เที่ยวไป งงไป กับยัยเป๋อ 18 (ออสเตรเลีย)~
14 เมษายน 2550~Blue mountains
พี่ชุยังคงทำหน้าที่เป็นเดี่ยวมือหนึ่งโดยมิขาดตกบกพร่องค่ะ
นอกจากขับรถเก่งแล้ว..พี่เค้ายังร้องเพลงเพราะอีกด้วยนา ( ~อิชั้นได้ยินพี่เค้าร้องเพลงคลอเสียงเพลงจาก cd ในรถ..เสียงเพราะพริ้งน่าดูชม เล่นเอาน้อง ๆ ง่วงนอนกันเป็นแถบ ๆ เยย..~~~ )
ขับรถเลย หมู่บ้าน ลูร่า มาสักพักใหญ่ ๆ เราก็มาถึงที่หมายกันจนได้ค่ะ
จอดรถกันก่อนน้อ..โชว์บั้นท้ายรถพวกเราติ๊ดนึง..อิอิ..ต้องหยอดเหรียญให้กับเครื่องเก็บเงินตอนจอดรถข้างทางด้วย..อะไร ๆ ก็เป็นเงินเป็นทองฟุ้ย..
ชิ~
ทิวทัศน์อันสวยงาม ของภูเขาและหน้าผาอันสูงใหญ่ในบริเวณหุบเขาของ blue mountains นี้ มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ที่ หินสามแท่ง ที่ถูกลมและฝนกัดกร่อน จนกลายเป็นรูปทรงประหลาด คล้ายหน้าของผู้หญิง 3 คน หน้าผาหิน 3 ก้อนนี้ จึงได้ชื่อว่า Three sisters (สามศรีพี่น้อง) อ่ะนะคะ โดยที่จุดชมวิวหน้าผานี้ อยู่ที่บริเวณที่เรียกกันว่า เอคโค พอยต์ Echo Point
มะ..มาดูหน้าตาของ "สามศรีพี่น้อง" อันเลื่องชื่อของที่นี่กัน
อรี๋ยยย..เป็นสาวฝรั่งภาษาอะไร ดั้งเดิ้งก็ไม่มี..(ช่วยอิชั้นดูหน่อยดิ๊ ว่ามันเหมือนหน้าผู้หญิงตรงหนายฟระ ??!!)
กวาดสายตามาอีกด้าน..เราจะได้เจอ หุบเขาที่เขียวพรืดไปด้วยต้นกัม หรือต้นยูคาลิปตัสเยี่ยงนี้..
เออ..มันก็ออกเขียว ๆ ฟ้า ๆ สมกับชื่อ บลู เม้าท์เท่นส์จริง ๆ แฮะ
แวะเก็บภาพกันหนำใจแล้ว เราก็โบกมือลาคุณน้องทั้งสามที่ยืนโดดเดี่ยวท้าลมแรง พายุร้อน (โถ..หนูคงจะต้องยืนตรงนี้ไปอีกหลายร้อยปีหน่อยนะจ๊ะ) ก่อนจะออกเดินกลับกันมาที่รถกันค่ะ
ผ่านรถนำเที่ยวของท้องถิ่นด้วย..นี่ถ้ามีเวลาก็น่าคบหาอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
พวกเรากลับขึ้นรถพร้อม ๆ กับเสียงลั่นของกระเพาะที่ดังโครกครากเฮ่าะ..อย่ากระนั้นเลย มองนาฬิกาก็เที่ยงเศษแล้ว หาที่หม่ำข้าวกันดีกว่านะคะ
น้องวาเสนอให้เอาข้าวกลางวันที่เตรียมใส่กล่องกันมาลงไปกินที่พาร์คแถวนั้นอ่ะ..แต่ปัญหาก็คือ เราจอดรถที่นี่นานเกินชั่วโมงไม่ได้ เพราะไม่งั้นก็คงต้องหาเศษเหรียญไปหยอดตู้เพื่อต่อเวลาการจอด..สรุปก็คือ..ไปหาที่ทางแวะกินกันดาบหน้าละกัน
ขับมาอีกราวห้านาที พวกเราก็ได้ที่เหมาะเป็นพาร์ค แถว ๆ ข้างทางนั่นแหละ..แกะกล่องอาหารกลางวันออกมาแบ่งกันกิน..วันนี้พี่ชุลงมือทำมาม่าผัดใส่กระหล่ำปีให้ตั้งแต่เช้า รสชาดการันตีว่าอร่อย ขนาดอิชั้นเป็นคนกินยาก จะกินอะไรแต่ละทีก็ขอแบบที่เสร็จปั๊บ เอาออกมาวางปุ้บ..แล้วก็ต้องกินร้อน ๆ เท่านั้นนะ..ยังจัดการมาม่าผัดในกล่องแบ่งของตัวเองหมดในพริบตา..
สบายพุงกันแล้วก็เดินทางกันต่อนะคะ..จุดหมายถัดไปของเราก็คือ การไปลองนั่ง รถราง ที่ได้ชื่อว่า สูงและชันที่สุดในโลก ที่ Scenic World ค่ะ
ถึงแระเน้อ~แวะอ่านป้ายกันหน่อย ว่ามีอะไรให้"ลอง"บ้าง..งึม ๆ..สรุปก็คือ เดี๋ยวเราจะเลือกลงจากหน้าผาด้วยรถราง ก่อนจะกลับขึ้นมาด้วยกระเช้าลอยฟ้าอ่ะนะคะ
ซื้อตั๋วผ่านเข้าไปข้างในแล้ว..มาดูหน้าตาของรถรางที่ได้ชื่อว่าสูงและชันที่สุดในโลกกันดีกว่า
หน้าตามัน..แปลกตรงหนายวะ..เอ๊ย..คะ..
งึม ๆ..แต่คนก็เต็มทุกเที่ยวเลยนิ~ไปกันเลยค่า..วู้วววววว..
ง่า..
. .
ผิดหวังนิดหน่อยฮ่ะ..รางรถของที่นี่ชันเกือบ 90 องศาก็จริง แต่ก็วิ่งนิ่ง ๆ นิ่ม ๆ ไม่เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาเอาซะเลย
ขอบอกว่า..งานนี้สนุกน้อยกว่า รถไฟเหาะตีลังกาที่ ดรีมเวิร์ลตั้งเย้อออ..
อย่างอิชั้นต้องกิจกรรมเร้าใจกว่านี้เท่านั้น ถึงจะเอาอยู่~~ฮริ้วววว~~~
รถรางที่บรรทุกนักท่องเที่ยวนี้ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ในการพาผู้โดยสารทุกคนลงไปถึงหุบเหวข้างล่าง..(ขอเน้นว่า..อย่างสวัสดิภาพนะเค๊อะ)..ลงไปแล้วไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรทำนะค้า เพราะข้างล่างนั่น มีระบบนิเวศน์ของป่าที่อุดมสมบูรณ์ให้เราได้เดินชมกันอย่างเพลิดเพลินใจ
อากาศเย็นเจี๊ยบ..เลยค่ะ..เดินเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่เหนื่อย..อยากให้บ้านเราอากาศและธรรมชาติเป็นแบบนี้บ้างจัง
คิดถึงใครบางคนน้อ..นี่ถ้ามีคนมาเดินกอด เติมความอบอุ่นให้กันคงมีความสุขน่าดู
ที่นี่เคยเป็น เหมืองขุดแร่เก่าด้วยนะคะ..ระหว่างการเดินชม มีจุดให้แวะมองเข้าไปในถ้ำดั้งเดิมที่เคยเป็นเหมืองถ่านหินเป็นระยะ ๆ..
ต้นไม้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีค่ะ..ต้นไหนที่เป็นแผล ไม่ว่าจะจากธรรมชาติ หรือจากน้ำมือมนุษย์ (i love u/john love anna/bha bha bha) ก็จะถูก จนท.นำยามาแต้มไว้เพื่อรักษาเนื้อไม้ให้คืนสภาพสมบูรณ์โดยเร็ว
บ้านเราจะมี จนท.ที่จะคอยดูแลผืนป่า และแต้มน้ำยาพรรค์ยังงี้ชาติไหนเนี่ย
เดินชมกันจนจุใจแย้ว ก็กลับขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนกันดีกว่า
ขากลับนี่เราเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งกระเช้าลอยฟ้ากันนะคะ~
ถอยหลังกระดึ้บ ๆ ขึ้นไป ต่อมเร้าจายย ไม่ทำงานอีกเช่นเคย
ส่งภาพวิวมาอู้ล้วน ๆ ค่า..ฮี่ ๆ ขอตัวไปทำงานก่อนละกันนะคะ..เดี๋ยวมาค่ะ
................
i'm not superman
Create Date : 10 มิถุนายน 2550 |
|
10 comments |
Last Update : 11 มีนาคม 2554 21:26:38 น. |
Counter : 675 Pageviews. |
|
|
|