มีบล็อกก็ดีไปอย่างนะค่ะ .. คือ เวลาเราอ่านอะไรมันเพลิน
บางเรื่องอ่านได้เรื่อยๆ เพลินหัวใจ บางเรื่องก็เหมือนมากระตุ้นต่อมอยากลองทำ
อย่างพวก DIY หรือว่าง่ายๆ เห็นๆ กันก็เรื่องของ
บล็ออาหาร บล็อกอาหารนี่ต้องบอกว่า คนเก่งบล็อกเกอร์เพียบเลยค่ะ
ทั้งการทำที่แบบว่าทานเอง หรือว่าทำอาหารเก่งเพราะว่าเปิดร้าน แต่ไม่ว่าจะยังไง
เวลาที่เราได้เห็นแล้ว ก็อยากจะลอง อยากจะทำดูบ้าง เพราะบางที
ของหาไม่ยาก วัตถุดิบมีแล้ว ขาดแต่ว่าแรงใจในการทำเพราะฉะนั้นการเปิดบล็อก
อาหารก็เป็นตัวช่วยเสริมสร้างไอเดียแบบง่ายๆ นะค่ะ เพราะว่าฉันเองก็ทำออกบ่อย
เวลาที่อยากกินอะไรก็ไม่รู้ แต่นึกไม่ออกก็ได้บล็อกนี่ล่ะช่วยเหลือพุงและท้องให้ป่องตลอดเวลา
มารอบนี้ บล็อกระตุ้นใจให้ทำเมนูอาหาร ก็มาจากนี่เลยค่ะ
บล็อกของคุณพี่ฉวี ในการทำ ทอดมันปลา
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tastypastry&month=09-2013&group=1&date=11&gblog=71สำหรับของที่ต้องเตรียม ขออนุญาตก็อปของคุณพี่ฉวีมาเลยนะค่ะ
ส่วนผสม
1. ปลาเนื้อขาว พวกปลา ตะเพียน หรือปลาอย่างอื่น 500 กรัม *
(เราใช้ปลา Swai Fillets)
2. พริกแกงแดง 2 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ยี่ห้อ Mae Sri ค่ะ)
3. น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
4. ไข่ขาว (ไม่เอาไข่แดง) ตีพอแตกฟองดี 2 ช้อนโต๊ะ5. ถั่วฝักยาว 3 ฝัก หั่นฝานเป็นชิ้นบาง ๆ
หากใช้ green beans ก็ประมาณ 10 ฝักค่ะ
6. ใบผักชี สับละเอียด 1/3 ถ้วย
7. น้ำตาล ¼ ช้อนชา
8. น้ำมันสำหรับทอด 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำแข็ง ประมาณ 1 หนึ่งถาด ไว้จุ่มมือ เวลาปั้นทอดมัน
****
สำหรับส่วนผสมนั้น ต้องบอกว่าประยุกต์ ปรับ เอาไว้เหมาะสำหรับตัวเองเลยค่ะ
เพราะว่าไปแล้ว การเข้าครัวเป็นศิลปะ อะไรมีก็ใช้ ไม่มีก็ค่อยปรับเอา เรียกว่าเพลินค่ะ
( แต่ออกมาทานได้ไม่ได้อย่าโทษกันนะ 555 )
เพราะจะว่าไปแล้ว ตัวเองนี่ล่ะค่ะ เจ้าแม่อาหารฟิวชั่น
จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เป็นหรอกค่ะ เพราะอยากทำให้เหมือนออริจิมากกว่า
แต่ด้วยเพราะว่าวัตถุดิบไม่ครบและอาการขี้เกียจออกไปซื้อนี่ล่ะค่ะ
เลยทำให้อาหารหลากหลายต้องเอาอย่างอื่นมาใช้แทนจนกลายเป็น
การประยุกต์แบบไม่ตั้งใจ แต่วาสำหรับรสชาติเราก็ปรับปรุงตามชอบได้
อันนี้ต้องหัดทำ ลองทำเรื่อยๆ ค่ะ เน๊าะ สนุกดีค่ะ
วันนี้เราใช้ปลา ดอลลี่ .. เพราะพอดีวันเสาร์ออกไปซื้อของ
เห็นปลามันลดราคาเลยสอยมา 1 ถุงใหญ่ พอมาเจอกับเมนูนี้ที่บล็อก
คุณฉวี เลยเอาบ้าง ปั่นๆ มันเข้าไปค่ะ สำหรับเนื้อปลา
เค้าบอกให้ชั่งได้สัก 500 กรัม แต่ก็ด้วยเพราะว่าไม่มีส่วนผสมของ
แป้งเลยก็เลยล่อซะเยอะกว่าสูตร หนุบหนับล่ะค่ะ
อันนี้สภาพปลาปั่นไม่เหลือค่ะ
เพราะว่ากว่าจะนึกออกว่าต้องถ่ายรูปก็ลืมไปแระว่า
เนื้อปลาสีขาวปั่นมันกลายพันธุ์ไปแล้วเหลือแต่หลักฐานว่าปั่นเองเด้อ
อีกหน่อย กับความเลอะเทอะ
ปั่นเนื้อปลาให้เละในเครื่องช่วยแล้ว เราก็จัดการเอาน้ำพริกแกง
ลงไปปั่นด้วยตามอัตรา .. พอดีปกติจะไม่ค่อยได้ทำแกงเผ็ดเองก็เลยไม่ได้ดูว่า
น้ำพริกแกงเผ็ดมันเหลือหรือเปล่า สรุปคือ หมดไปนานแล้วค่ะ
แต่นึกได้ว่า คนอร์ใจดีเคยส่งผงปรุงมาให้ ก็เลยได้ระฆังช่วยจากผงปรุง
แกงเผ็ดซองนี้ล่ะค่ะ เราเลยไม่ต้องใจหาย ปรับเอาเป็นน้ำพริกแกงเขียวหวานแทน 555
และตามสูตรเค้าบอกไว้ว่าเนื้อปลาประมาณนี้ ใส่พริกแกงเท่าไหร่
แต่ของเราประยุกต์เอา
ผงปรุงมันก็กะไม่ได้แต่รู้ว่าผงมันเป็นผงชูรสแล้วก็
เค็ม เราก็เลยกะเอาไปเลยว่า ... 2 1/2 ช้อนโต๊ะน่าจะโอเคอยู่ รสชาติมันอย่างนี้
ก็เลยไม่ต้องคิดถึงน้ำปลา เชิดใส่มันเลยค่ะ เพราะว่า ไม่เอาล่ะ
และแล้วก็ตักลงไปเลยค่ะ โดยไม่ลังเล
เพราะฉะนั้น สีสันในโถปั่นของเรามันก็เลยแดงฉานเหมือนที่เห็นข้างบน
นั่นล่ะค่ะ แดงแต่ว่าไม่จ๊าบมากเพราะมันไม่ใช่พริกแกงที่เราปั่นเละๆ อย่างที่
เราเคยเห็นกันน่ะค่ะ แต่ว่าสำหรับกลิ่น โอ้เยค่ะ ใช้แทนกันได้นะขอบอก
สำหรับสิ่งต่อไปที่เราจะทำก็คือ ผักที่จะใส่ลงในโถปั่นต่อ
เอาแบบว่าคลุกเคล้าแล้วกันเพราะไม่ต้องการเละมาก .. ในสูตรบอกว่า
เป็นผักชี แต่เราก็ไม่ได้ใส่ค่ะ ( เพราะไม่มี ) เลยประยุกต์เอาที่เรามีคือ สาระแหน่
ปั่นมันลงไปเลยค่ะ แล้วก็ ใบมะกรูดที่มีนิดหน่อย ใส่เพื่อให้กลิ่นมันห๊อมหอม
และที่ขาดไม่ได้ ถั่วค่ะ ซอย หั่น ลงไปตามใจเลย
ไม่จำกัดค่ะ ทอดมันปลาขาดถั่วมไม่ได้เลยเน้อ เพราะว่ามันเหมือนขาดอะไรสักอย่าง
และแล้ว เมื่อจัดการเตรียมพร้อมทุกอย่าง
สภาพของทอดมันก่อนปั้นลงทอดก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ
อยากบอกว่า ...
เวลาปั้นก่อนลงทอดนั้น ตามสูตรเลยค่ะ
ให้เตรียมน้ำเย็นเอาไว้ เพราะว่ามันติดมือหนุบหนับมากเลย ตอนตัวเองทำ
ดื้ออีกค่ะไม่ได้เตรียม ... ก็เลยทำให้มือเลอะ ตะหลิวเลอะ จานเลอะ มว้ากกกกกกก
การปั้นก็แล้วแต่ความพอใจ ไซส์ขนาดไหนตามใจเราเลย
ของเราก็พอประมาณแต่ว่าไปออกจะใหญ่เหมือนกันค่ะ
เวลาทอดน้ำมันท่วมหน่อยก็ดีนะค่ะ อย่าได้หวงน้ำมันเลย
สวนกระแสน้ำมันราคาขึ้น .. เฮ้ย ไอ้นั่นน้ำมันเติมรถนี่ .. เอาน่า ของขึ้น
มันหมดล่ะ เอาว่าอย่าได้แคร์นัก ใส่มันลงไปเยอะเลยค่ะ ทอดแล้วมันจะได้สุกทั่วกัน
ถ้าจะกลับก็ไม่ต้องบ่อย เอาว่าให้มันสุกด้านหนึ่งแล้วค่อยกลับก็ได้
และแล้วก็ออกมาอย่างนี้ล่ะค่ะ
เห็นมะ ไม่อยากเลยค่ะ
จัดจาน เตรียมเสิร์ฟกันได้เลย อ้อ อีกอย่าง ลืมไปค่ะว่า
น้ำตาล ล่ะ มีในสุตรแต่ว่าไม่ใส่เหรอ ตอบได้เลยค่ะว่า ลืม 55555
แต่ว่าไม่ใส่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่ารสชาติโอเคอยู่ อาจจะเพราะว่า
บ้านเราไม่ทานหวานน่ะค่ะ เลยไม่มีปัญหา อีกอย่างน้ำจิ้ม น้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มไก่
แทนกันได้นะค่ะ แต่บ้านเราไม่มีก็เลยจัดการเอาซอส BBQ
ที่มีติดตู้เย็นใส่แทน แล้วมันก็อร่อยใช้ได้เหมือนกัน
ง่่ายๆ ค่ะ จานนี้ทำไป กินไป ขนาดบอกว่าจะเหลือ
เอากินอีกวันยังหมดเพราะมันอร่อยจริง เลยช่างมันค่ะ เอาว่าถ้าอยาก
ทำอีกก็ได้ไม่ง้อเน๊าะ ทำไม่ยากอย่างนี้เข้าทางเราล่ะค่ะ
อร่อยแบบง่ายๆ เราทำ ยากๆ เราไม่ ... จริงๆ ค่ะ
บวกกับการจัดวาง
พอถ่ายรูปออกมาเหมือนกับที่เชฟทำขายในร้านอาหารเลยครับ