[Books] The Girl with the Dragon Tattoo : Stieg Larsson

ที่ได้อ่านเล่มนี้ก็เพราะ Amazon มันเชียร์แล้วเชียร์อีก เข้าไปทีไร ก็เชียร์เจ้าไตรภาคชุดนี้ทุกที คะแนนรีวิวก็เลอเลิศประเสริฐศรี เลยตกลงปลงใจซื้อปฐมบทมาอ่าน โดยไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้เลยว่ามันเป็นเรื่องแนวไหน

จนปัจจุบันนี้ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกรึเปล่า

ฉากของเรื่อง สวีเดน
Mikael Blomkvist เคยเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ภาคการเงินผู้ทรงเกียรติ ต้องมายืนมองเส้นทางอาชีพของตนเองล่มสลายลงต่อหน้าต่อตา อนาคตของเขาดูมืดมนอับจนความหวังจนกระทั่งอดีตเจ้าพ่อวงการธุรกิจผู้หนึ่งยื่นข้อเสนอที่จะช่วยกู้ชื่อเสียงให้ แต่...แน่นอนว่าต้องมีคำว่าแต่...แต่มิเกลจะต้องใช้เวลาหนึ่งปีแรกในการสืบค้นการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กสาวผู้หนึ่งซึ่งยังเป็นปริศนามาเกือบสี่สิบปี หลังจากพิจารณาทางเลือกอื่นซึ่งมีอยู่น้อยนิด มิเกลจึงยอมตกลงและขอความช่วยเหลือจาก Lisbeth Salander อัจฉริยะซ่อนคม สุด kick-ass ผู้แบกปัญหาในใจและความไม่เชื่อใจทางการอยู่เป็นกระบุงโกย

(คำเตือน รีวิวนี้อาจแฝงความรุนแรงทั้งภาษาและเนื้อหา โปรดเซนเซอร์ตัวเอง)

เว้ากันซื่อๆนะ มันเป็นหนังสือที่มืดดดด คนที่ปกติไม่อ่านเรื่องพวกนี้ พอจบเล่มแล้วรู้สึกขื่นในคอเลย ถามว่าน่าติดตามมั้ย น่าติดตาม (อ่านค้างแล้วหงุดหงิดเลยล่ะ) สนุกมั้ย สนุก (ยกเว้นบางช่วง) อยากอ่านเล่มต่อไปมั้ย อยากอ่าน (แต่ขอพักสักสองสามเดือนก่อน)

เราอ่านหนังสือที่มีประเด็นข่มขืนกับฆาตกรรมโรคจิตได้(บ้าง) ถึงแม้จะไม่ชอบ+มีอคติ(เยอะ) แต่เรื่องนี้มันเกินจำเป็นไปจริงๆ ใครๆพากันบอกว่าคนเขียนเป็นเฟมินิสต์ แต่เรากลับคิดว่ามันบรรยายละเอียดลออซะยังกับส่งเสริมคนอ่านที่โรคจิตได้ปลาบปลื้มแน่ะ หลายๆอย่างในเรื่องอ่านแล้วอยากจะเงยหน้าถามฟ้าว่า “เพื่อ?!” ส่วนเจ้าพระเอกมันเป็นขุนแผนรึไงไม่ทราบ ไอ้เจ้าความสัมพันธ์สามทางกับเพื่อนตัวเองนี่แบบ...เอ่อ... ผู้หญิงแต่ละคนโผล่ออกมาก็เสร็จมันหมด (เงยหน้าถามฟ้าเป็นรอบที่ร้อยสามสิบแปดว่า “เพื่อ?!”) แต่จะว่าไปแล้วต้นฉบับภาษาสวีเดนของเรื่องนี้คือ Men Who Hate Women นี่นะ (ปรบมือให้กับความจริงใจ)

ตัวละครในเรื่อง ลิสเบ็ธเป็นคนเดียวที่เรารู้สึกสนใจในเรื่อง ส่วนอีตามิเกลนี่อดเหม็นขี้หน้าหน่อยๆไม่ได้ พี่เล่นไร้การเติบโตตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เห็นใจไม่ลงเลย

มีอย่างนึงที่ไม่เข้าใจในเรื่อง คือคนเขียนจะลงรายละเอียดที่ไม่จำเป็นอะไรนักหนา (คนอ่านจะอยากรู้ทำไมว่าแต่ละวัน เวลาเท่าไหร่ พระเอกมันกินอะไรมั่ง) พอสลับฉากด้วยช่วงตื่นเต้นเร้าใจได้หน่อย ก็จะกลับไปร่ายชีวิตประจำวันกันต่อ (ว่าวันนี้ตัวละครตื่นกี่โมง ล้างหน้าแปรงฟัน ใส่เสื้อสีอะไร ถุงเท้าลายไหน ฯลฯ)

มันทำให้เราคิดถึงตอนท้ายเรื่องที่เป็นรีวิวหนังสือที่พระเอกเขียน เราคิดว่า Quote มาบรรยาย The Girl with the Dragon Tattoo ได้พอดิบพอดีเชียว
"It was uneven stylistically, and in places the writing was actually rather poor - there had been no time for any fine polishing - but the book was animated by a fury that no reader could help but notice."

ยังเหลืออีกสองเล่ม ตอนแรกลังเลว่าควรจะอ่านมั้ย เพราะจริงๆเราไม่ได้ชอบอ่านธริลเลอร์โรคจิตเลย แต่ทุกคนบอกว่าเล่มสองและสามสนุกมาก ซึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มเชื่อ (อีกแล้ว) เพราะงั้นก็คงใจได้อ่าน แต่ขอเวลาทำใจก่อน (นานๆ)

เทรลเลอร์ฉบับหนังโรง หาคนมาเล่นลิสเบ็ธได้เหมาะเหม็งจริงๆ และยังตัดอะไรทุเรศๆที่ไม่จำเป็นในหนังสือออกไปเรียบร้อย ส่วนที่จำเป็นก็ไม่ต้องเน้นซะละเอียดลออ ขอขอบคุณคนเขียนบท+ผู้กำกับอย่างแรง



ด้วยความดัง ฮอลลีวูดเลยเอาไปทำหนังเรียบร้อย คงจะฉายปี 2011 นี้แหละ (และเดาว่าน่าจะไม่ดีเท่าฉบับสวีเดน) แต่เราคงไม่ไปดูหรอก ไม่ใช่สไตล์ และรู้ปริศนาหมดแล้วด้วย

Create Date : 24 กรกฎาคม 2554		6 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2562 11:21:33 น.
Counter : 2721 Pageviews.
Share Tweet