[Books] Oracles Moon (Elder Races # 4) Thea Harrison
"I started counting time for you"
- Khalil : Oracle's Moon
Oracles Moon เป็นเล่มที่ 4 ในชุด The Elder Races ซึ่งเป็นเรื่องราวในโลกปัจจุบันที่มีสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ทั้งหลายอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ The Elder Race (เผ่าพันธุ์บรรพกาล) แบ่งเป็น 7 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ Wyr (สัตว์วิเศษสองสภาวะ), Elf (เอลฟ์), Light Fae (เฟย์ขาว), Dark Fae (เฟย์ดำ), Nightkind (พวกแวมไพร์), Demonkind (ภูตปิศาจ), และ Witch (แม่มด ที่ไม่จำกัดแค่ผู้หญิง) ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่มีพลังเหนือธรรมชาติ
ชาวบรรพกาลจำนวนหนึ่งอพยพจากอาณาจักรของตนเองในมิติอื่นมาอาศัยในโลกมนุษย์ สำหรับในอเมริกาเหนือชาวบรรพกาลแบ่งเขตแดนของตนเองตามภูมิภาคที่ไปจับจองอยู่ เช่น พวกเวียร์อยู่ที่นิวยอร์กซิตี้ พวกแม่มดอยู่ที่หลุยส์วิลล์ แวมไพร์อยู่ที่ซานฟรานซิสโก ฯลฯ
เราอ่านโรแมนซ์แนวเหนือจริงไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าอ่านก็เน้นเรื่องที่มีอารมณ์ขัน และชุดนี้ก็มีอย่างเหลือเฟือ เราติดใจชุดนี้มาจากเล่ม 1 พระเอกเป็นมังกร ราชาของเผ่าเวียร์ นางเอกเป็น...สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่ไม่เฉลยจนกระทั่งจบเล่ม แต่เดาได้ง่ายมากตั้งแต่ต้นๆเรื่อง เธอถูกส่งเข้าไปจิ๊กของวิเศษจากรังของคุณมังกรขี้หงุดหงิด (หมายเหตุ: นี่ไม่ใช่เรื่องฮอบบิท) เล่ม 2 Thunder bird (อินทรีสายฟ้า) จับคู่กับ เจ้าหญิงเฟย์ดำ เราอ่านแล้วเฉยๆ มีตัวละครที่สนใจและจะเป็นพระเอกในเล่ม 3 คือ รูน ซึ่งเป็นกริฟฟอน แต่พอรู้ว่านางเอกของรูนจะเป็นราชินีแวมไพร์ใกล้สิ้นอายุขัย เราก็หมดความรู้สึกอยากอ่าน (ทั้งที่คิดว่าถ้าอ่านก็อาจจะให้ 3 ดาว) จึงกระโดดข้ามมาเล่ม 4 ซึ่งเป็นเรื่องของ หนุ่มจินน์ (Djinn) กับสาวน้อยนักพยากรณ์ (Oracle)
เราเห็น คาลิล ครั้งแรกในเล่ม 2 แต่ไม่ได้สนใจหมอนี่ นึกไม่ถึงว่าพอมีเล่มของตัวเองจะน่ารักอย่างนี้ ส่วนเกรซ ก็น่าเอ็นดูมาก เธอทำให้เรานึกถึงนู๋เพียซึ่งเป็นนางเอกเล่ม 1 ใจสู้ เข้มแข็ง และตลก เราชอบอารมณ์ขันในเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หยอดเข้ามาในเรื่อง อย่างเช่น ผู้พยากรณ์จะเรียกเก็บเงินค่าบริการไม่ได้ ต้องแล้วแต่ผู้มายื่นคำขอจะบริจาค ทีนี้เรื่องราวเกิดใน "ยุคปัจจุบัน" มันก็ต้องทันสมัยกันหน่อย นู๋เกรซ The Oracle จึงมีเว็บไซต์ และบัญชี Paypal ด้วยนะเออ ประ.ทับ.ใจ. XD
เกรซไม่นึกฝันมาก่อนว่าจะต้องมารับตำแหน่งผู้พยากรณ์แห่งเดลไฟต่อจากพี่สาวที่เสียชีวิตไปพร้อมพี่เขยในอุบัติเหตุรถยนต์ ตัวเกรซเองก็บาดเจ็บที่ขาซึ่งทำให้เธอต้องใส่เหล็กดามเข่าเป็นพักๆ ยังไม่นับที่ต้องรับภาระหลานวัย 4 ขวบ กับ 9 เดือน ที่กำพร้าพ่อแม้ เธอดร็อปเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อมาดูแลหลานๆเต็มเวลา เงินเก็บที่มีร่อยหรอจนแทบไม่เหลือ ทั้งค่าผ่าตัดรักษาตัว งานศพพี่สาวพี่เขย และค่าใช้จ่ายประจำวัน การหารายได้พิเศษก็ลำบาก บ้านและที่ดินที่มีก็ขายไม่ได้ เพราะการพยากรณ์ต้องกระทำในถ้ำใต้ดิน เธอจึงต้องมีที่ดินรอบบ้านใหญ่โตทั้งที่ตัวเองชักหน้าไม่ถึงหลัง และเนื่องจากต้องรับตำแหน่งผู้พยากรณ์อย่างกะทันหัน จึงมีหลายอย่างเหลือเกินที่เธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพลังนี้
Screw pretty. Id rather be strong. Pretty fades over time. Strength gets you through the bad shit. And that matters, because sometimes theres a lot of bad shit.
ผู้พยากรณ์เกี่ยวพันห่างๆกับเผ่าแม่มด (อย่างน้อยก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน) ดังนั้น ทางเผ่าจึงพยายามช่วยเหลือตามธรรมเนียมแต่โบราณ กรณีของเกรซก็คือ เวลาเธอต้องทำหน้าที่ และไม่สามารถดูแลเด็กๆที่บ้านได้ พวกแม่มดจะผลัดกันอาสาสมัครมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยถือเป็นงานบริการชุมชนชนิดหนึ่ง หรือมีการจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านผู้พยากรณ์ (ผู้ถังแตกเป็นเนืองนิตย์) โดยพวกแม่มดจะมาตัดหญ้า ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ทาสี ซ่อมบ้าน ฯลฯ ทั้งหมดนี้เราว่าเสริมเสน่ห์ของเรื่องดี
การเมืองของเผ่าต่างๆก็น่าสนใจ ภายในเผ่ายังมีระดับชั้นความซับซ้อนยิบย่อยไปอีก น่าเสียดายที่คนเขียนไม่ลงลึกเท่าไหร่ แต่อย่างว่านะ มันเป็น Paranormal Romance
เราชอบทั้งเกรซและคาลิล ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ทั้งตลกทั้งน่ารัก จริงๆตรรกะเกี่ยวกับพวก Elder Race นี่มีจุดอ่อนบานพะเรอตั้งกะเล่มแรก ประมาณว่าพวกนี้รู้จักวัฒนธรรมของมนุษย์บางอย่างดีจนเว่อร์ แต่กลับซื่อบื้อในเรื่องง่ายๆ นัยว่าเพื่อเสริมสร้างความน่ารักของตัวละครอะนะ ในสองเล่มแรกที่อ่าน เราสะดุด หยุด และกลอกตา แต่เล่มนี้ ทั้งที่รูปแบบยังเซมๆ แต่เรากลับปัดมันออกไปจากใจได้ง่ายกว่า เค้าเรียกว่ามนต์เสน่ห์ของเรื่องสินะ
เราสนุกกับ Oracles Moon มากจนอ่านจบแล้ววิ่งไปซื้อเล่ม 3 เพราะอยากอ่านฉากที่เกรซกับคาลิลได้พบกันครั้งแรก ที่สำคัญ ไม่เข้าใจว่าทำไมพล็อตสำคัญอย่างหนึ่งในเล่มนี้ ถึงไพล่ไปเป็นเป็นชื่อเรื่องของเล่ม 3 Serpents Kiss
พูดถึงคาลิลเล็กน้อย แบบว่ารู้ละว่าคนเขียนล่อลวงให้เราหลงเสน่ห์ แต่ก็ยินดีหลง ^^ คาลิลไม่ใช่พระเอกหยิ่งจองหอง มีอดีตน่าเศร้าแต่ไม่เอาแต่ระทมหม่นหมอง คล้ายๆจะรู้เรื่องในโลกดีแต่ก็ไร้เดียงสา จะว่าไปนึกถึงคุณยมทูตใน Meet Joe Black หน่อยๆ เป็นอารมณ์แอบขำแกมเอ็นดูน่ะ ที่สำคัญ คาลิลเป็นแฟนที่เลี้ยงง่ายมาก อาบแสงอาทิตย์เป็นอาหารเนี่ย ประหยัดดีชะมัด ^^
สิ่งหนึ่งที่เสียดายคือ อาการของ เฟดรา ลูกสาวของคาลิล หายง่ายไปหน่อย เข้าใจว่ามันเข้ากับจังหวะของเนื้อเรื่องนะ และถ้าจะต้องขยายเป็นแฟรนไชส์ เอ๊ย รักษาจินน์ตนอื่นต่อ ก็ควรจะไม่ยากลำบากนัก แต่ ว้า ก็อยากให้มันลึกซื้งมากกว่านี้นี่นา
ฉากที่ชอบ
- ตอนที่เกรซกระตุกหาง เอ๊ย สายเชื่อมพลังของคาลิล
- "I will achieve pancakes." หัวเราะก๊ากเลยแหละฉากนี้
- ฉากที่คาลิลล้างเท้าให้เกรซ
- ทุกฉากที่มีโคลอี้กับแม็กซ์ สองหลานแก้มยุ้ยของเกรซ เวลานึกภาพสองคนนี้อยู่กับคาลิลทีไรต้องยิ้มทุกที
- คาลิลอวดรูนกับคาร์ลิงว่า ตัวเองเป็นเพื่อนกับเกรซ และคืนนี้จะมีเดท เข้าใจเลยว่าทำไมรูนกับคาร์ลิงตะลึง 5555 จากนั้นคาลิลก็บอกว่า ต้องแต่งตัวแบบลำลอง แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง จะไปกูเกิลดู คือ เรานึกภาพจินน์กูเกิลแล้วขำอะ
- "You will call me." อ่านจบย่อหน้า ต้องวางหนังสือลงแล้วร้อง OMG จากนั้นเกรซก็ตอบว่า "I love you, too." *ละลาย*
- คาลิลไล่รายการข้าวของที่แม็กซ์ต้องการให้อิบราฮิมฟัง โอ๊ย เข้าใจเลยว่าทำไมเกรซถึงตกหลุมรักคาลิลอีกรอบ รู้นะว่าคนเขียนขุดหลุมไว้ล่อ แต่เราก็เต็มใจตกล่ะ
- การเดทบนดวงจันทร์ คุณพระ นู๋เกรซบ้าไปเลย 55555 You crazy Djinn!
สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านชุด Elder Race เราคิดว่าเริ่มที่เล่มนี้น่าจะมึนเอาการอยู่ ควรต้องอ่านเล่ม 1 ปูพื้นเป็นอย่างน้อย ถ้าต้องการฉบับภาษาไทย สำนักพิมพ์แก้วกานต์ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว รออ่านกันได้ค่ะ
4.5 ดาว
| Create Date : 06 เมษายน 2557 |
| Last Update : 25 ธันวาคม 2562 10:13:11 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 2799 Pageviews. |
|
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [
