[Books] Wool 1-5 - Hugh Howey
ถอยเล่ม Omnibus มาในราคาโปรโมชั่น ไม่งั้นคงไม่คิดจะซื้อ มีคนแถวนี้แย้ปๆยั่วยวนมา จึงได้ฤกษ์หยิบมาอ่าน
ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้น 5 ตอนที่เกิดขึ้นในโลกเดียวกัน แต่ปรากฏว่ามันคือนิยายเรื่องหนึ่งแหละ แค่แบ่งเป็น 5 ตอนเท่านั้นเอง เพราะแต่ละตอนเกี่ยวเนื่องกันแบบตัดไม่ขาด รายละเอียดและข้อมูลค่อยๆเฉลยออกมา ตำแหน่ง 50% ของเล่มอยู่ที่กลางเรื่องที่ 4 จะบอกว่ามันเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ค่อยๆดำเนินไปก็ยังได้ ดังนั้นรีวิวของแต่ละส่วนจะยาวขึ้นตามกัน
เรื่องย่อของเรื่องแรก ขี้เกียจแปล เอาอิงไป
They live beneath the earth in a prison of their own making. There is a view of the outside world, a spoiled and rotten world, their forefathers left behind. But this view fades over time, ruined by the toxic airs that kill any who brave them.
So they leave it to the criminals, those who break the rules, and who are sent to cleaning. Why do they do it, these people condemned to death? Sheriff Holston has always wondered. Now he is about to find out.
ความเห็นต่อไปนี้จะสปอยส่วนสำคัญ โปรดหยุดอ่านถ้าไม่อยากรู้ ขอแนะนำด้วยว่านี่เป็นหนังสือที่ถ้าคุณจะอ่าน ไม่ควรดูสปอย
.
.
.
.
.
เห็นว่าคนเขียนอยากให้วิจารณ์แยกเป็นแต่ละตอน คนอ่านคนนี้จึงเป็นเด็กดีปฏิบัติตาม
ส่วนที่ 1 - Wool
พล็อตคล้ายการ์ตูนเรื่องนึงที่เคยอ่านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่คุณ Howey เขียนได้อารมณ์กว่าเยอะมาก วางเรื่องได้เป็นขั้นเป็นตอน ขนาดเราเดาออกตั้งแต่บทที่สี่แล้วว่าจะจบยังไง ตอนเห็นภาพข้างนอกแวบแรกยังเคลิ้มไปสองสามวิเลย - 3 ดาว
ส่วนที่ 2 - Proper Gauge
น่าสนใจในแง่ที่ได้เรียนรู้แผนผังของไซโล แต่เรื่องมันเอื่อยจนบางตอนแอบน่าเบื่อแหละ แต่พอเจอจูเลียตแล้วสนุกขึ้น มีลางบอกเหตุว่าจะต้องมีคนโดนวางยาพิษตั้งแต่ต้นๆเรื่องละ แต่เราเข้าใจว่าคนที่ตายจะเป็นมาร์นส์ ชอบน้อยกว่าเรื่องแรก - 2 ดาว
ส่วนที่ 3 - Casting Off
เข้าใจละว่าทำไมคนถึงรู้สึกหวาดๆกะเรื่องนี้ มันเล่นจบหดหู่มาสองรอบติด แล้วเล่มนี้ตัวละครหลักดันเป็นจูเลียตด้วย เริ่มขึ้นมานี่ตั้งใจไว้เลยว่า ถ้าตายอีกละก็ ข้าพเจ้าจะเลิกอ่านแล้ว ไม่บันเทิงเจริญใจเลย ปรากฏว่า พอถึงตอนจบเท่านั้นแหละ กรี๊ดดดดดดดด อ่านต่อ อ่านต่อเดี๋ยวนี้!! - 3.5 ดาว
ส่วนที่ 4 - The Unraveling
ตื่นเต้นมาก ลุ้นเอาใจช่วยตลอด ส่วนเรื่องความรักขอเกาหัวแกรก อะไรมันจะรักง่ายและลึกซึ้งขนาดนั้น และบอกตรงๆว่าโคตรสงสารเบอร์นาร์ด ซวยจริงๆดันมาเลือกลูคัสเป็นผู้สืบทอดได้
เรามีอคติกับแม็คเลนอย่างรุนแรง ดังนั้น พอคนเขียนพยายามจะล่อลวงให้เราหลงเสน่ห์เธอเราถึงตั้งป้อมเป็นพิเศษ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะพฤติกรรมของเธอที่ผ่านมาคือร่วมมือกับ IT ส่งทุกคนออกไปตายน่ะสิ ถ้าทำไปเพราะกลัว เพราะไม่มีสมอง เพราะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น ยังพอเข้าใจได้ แต่การที่บอกว่าเธอเป็นผู้นำแสนดี ใครๆก็รัก ทุกคนบูชา สมองปราดเปรื่อง วิสัยทัศน์เยี่ยม ยิ่งทำให้เราโมโหเข้าไปใหญ่ แง่งงง
ความลับสุดยอดนั่น ช่วงท้ายได้เจอโซโลเราถึงกับกรี๊ดๆๆเมื่อเข้าใจ มันคืออีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ 7 Seeds!!! ไม่ใช่ Seeds in the open แต่เป็น Seeds in the silos! ชาบู คนเขียนเริ่ดมั่ก! 4.5 ดาว
ส่วนที่ 5 - The Stranded
ยังขอยืนยันเจตนารมณ์เดิม ข้าพเจ้าไม่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับสงคราม และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น คนเขียนจำเป็นต้องใส่ฉากรบเพื่อให้เห็นความโหดร้ายในสงครามกลางเมือง (หรือควรจะเรียกว่าสงครามกลางไซโล?) แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ชอบอยู่ดี พอพ้นช่วงเลือดสาดไปแล้วค่อยดีขึ้นมาก ความตื่นเต้นของพล็อตยังมีอยู่เหมือนเก่า อ่านไวปรื๊ดๆเพราะอยากรู้เรื่องเร็วๆ ต้องคอยบอกตัวเองให้ชะลอสปีด เพราะถ้าอ่านเร็วไปจะงง นึกภาพในสมองตามไม่ทัน ต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่ ที่สำคัญคนบรรยายสลับฉากสามแห่งไปเรื่อยๆ เหมือนจงใจทรมานเราเลย บางฉากงี้ตื่นเต้นแบบจะลุกขึ้นกรี๊ดเป็นระยะๆ คุณฮาวอี้ใจร้ายยยย สุดท้าย ไอเลิฟยู ปีเตอร์ บิลลิงส์! เขาคือคนที่เราอยากเข้าไปจับมือด้วยที่สุด - 3.5 ดาว
ปรบมือให้คนเขียนที่เข้าใจตั้งชื่อเรื่อง ทั้ง Wool ขัดเลนส์, Wool ถักนิตติ้ง (อุปมาที่แยบคายมากใน #2), และ Lifting wool from the eyes เราคิดว่าประเด็นสำคัญที่ทำให้ Wool ดึงดูดเราเข้าไปโลกของมันขนาดนี้คือ เราชอบจูเลียต ไม่งั้นเราคงไม่ตื่นเต้นร่วมลุ้นไปกับเธอ เอาใจช่วยตลอด (ถึงแม้บางเรื่องจะโคตรไม่สมเหตุสมผล พาสารพิษกลับเข้าไปในไซโล 18? เอาจิงดิ)
ส่วนที่ไม่ชอบคือความรัก มันฝืดๆฝืนๆ เหมือนตัวละครที่จำใจเล่นตามบทว่าต้องรักกัน แต่อะนะ มันไม่ใช่โรแมนซ์ ช่างเถอะ ประการที่สองคือ เรื่องมันจบเร็วเกินไป อยากให้บอกเรื่องราวต่อจากนั้นไปอีกสักบท เจ้าบทส่งท้ายหลังสัมภาษณ์คนเขียนนั่น ขอยืนยันว่าไม่พอ
อ่านจบเราไปตามต่อเลยนะว่ามีเรื่องของไซโล 17 รึเปล่า เพราะเราอยากรู้ชะตากรรมของโซโลกับเด็กๆต่อ แต่ปรากฏว่าเล่มที่ต่อจากนี้ดันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายๆๆๆร้อยปีที่แล้ว เอ่อ บ๊ายบาย ขอผ่าน เดาว่ามันคงจะหดหู่แบบประหลาดๆ T^T
| Create Date : 19 เมษายน 2556 |
| Last Update : 25 ธันวาคม 2562 10:22:05 น. |
|
7 comments
|
| Counter : 4094 Pageviews. |
|
 |
|
|
แล้วกรีดร้องในใจว่า ปุ่ม Mute อยู่ไหน! จูเลียตเป็นปัจจัยสำคัญของเรื่องเลยเนอะ ถ้าไม่มีเธอ ความน่าอ่านจะหายไป 320% ตอนท้ายเล่ม 3 อ่านมุมมองของตัวร้ายที่เห็นจูเลียตรอดเป็นอะไรที่สะจ๊าย สะจายยย ชอบ I'm coming to clean เหมือนกันค่า กำหมัดเยส! ส่วนเจ้า "We did" เนี่ย จำได้ว่าด้วยความที่อ่านเร็วจัด ผ่านไปอีกสองย่อหน้าแล้วสมองค่อยประมวลผล วิ่งกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ เลววววว แต่คิดอีกที ก็น่าจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้วปะ ถ้ามีคนทำจริงๆ คงต้องวางทางหนีทีไล่ไว้อย่างนี้ ไม่งั้นตัวเองจะไปอยู่ที่ไหน ป่านนี้ (ตามเวลาในเรื่อง) มันก็คงแก่ตายสุขสบายไปแล้ว (เดา) คนรุ่นหลังรับกรรมไป 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [
ป.ล. อ่านบลอกคุณฮาวอี้ทีพูดถึงผู้หญิงใข่เชิงดูหมิ่นแล้วกลัวใจทัศนคติที่มีต่อสตรี(ที่อาจจะออกมาในเรื่อง)จังเลย