สักยทิษฐิ
***สักายทิฏฐิ*** . ***สักกายทิฏฐิ** เอาตัวนี้เข้ามาตั้งต้นก่อน อารมณ์ขั้นต้นของพระโสดาบัน กับสกิทาคามี ท่านมีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย และบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรก็ดี ญาติโยมพุทธบริษัทก็ดี มีความรู้สึกเหมือนพระโสดาบัน สกิทาคามีไหม ท่านมีความรู้สึกตัวท่านเอง ท่านจะตายไหม แต่ก็บางทีหลายๆ ท่านอาจจะลืม ต่อแต่นี้ไปเรามาตั้งต้นกันใหม่ดีไหม ว่าต่อนี้ไป ก่อนจะหลับเราจะคิดไว้ว่าหลับคราวนี้ จะได้ตื่นเห็นพระอาทิตย์วันใหม่หรือไม่ก็ไม่ทราบ เราอาจจะต้องตายระหว่างการหลับหรือก่อนสว่างก็ได้ พอสว่างแล้วตื่นขึ้นมา ก็มีความรู้สึกว่าเราจะได้เห็นกลางคืนของคืนวันนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะชีวิตในช่วง ๑๒ ชั่วโมง ของกลางวันเราอาจจะตายก่อนก็ได้ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เรื่องความตายนี้ บรรดาท่าพุทธบริษัทจงอย่าคิดว่าคนคิดถึงความตายนี้ ต้องงอมืองอเท้าไม่ทำมาหากิน ไม่สั่งสมความดี อันนั้นผิด ***องค์สมเด็จพระธรรมสามิสรทรงแนะนำว่า คนที่นึกถึงความตายนี่ เขาเป็นคนแกล้วกล้า ประกอบกิจการงานทุกอย่างตามหน้าที่ครบถ้วน เพราะไม่แน่ใจว่าจะตาเมื่อไร ***สักกายทิฏฐิ** มีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้มันจะไม่ตาย ร่างกายสวยสดงดงาม ร่างกายเป็นเราเป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา ทิ้งไปจากกำลังใจ มาสร้างความรู้สึกเสียใหม่ ว่าร่างกายนี้มันต้องตายแน่ เมื่อความมั่นใจอย่างนี้มีอยู่ จะได้ปฏิบัติความดี คือ ประกอบความดีให้ครบถ้วน อารมณ์ใจอย่างนี้เป็นอารมณ์ใจของพระโสดาบัน และพระสกิทาคามี ถ้ามีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ น่าเกลียดโสโครก มันเกลียดจริงๆ ไม่ใช่น่าเกลียดเฉยๆ มันสกปรก เราไม่ต้องการทั้งร่างกายของเรา ร่างกายคนอื่น หรือวัตถุธาตุใดๆ อย่างนี้เป็นกำลังใจของพระอนาคามี ถ้ามีความรู้สึกว่า ร่างนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา อย่างนี้เป็นกำลังใจของพระอรหันต์ ***กำลังใจ ๓ ประการให้เลือกปฏิบัติเอา จะเอาขั้นไหนก็ได้ตามกำลังใจของท่าน แต่ขอได้โปรดอย่าบอกว่าทั้ง ๓ อย่างนี้ผมไม่ไหว ถ้าเป็นอย่างนี้ละก็เชิญกลับไปเถอะครับ อย่าอยู่ที่นี่เลย มันรกที่ ที่นี่ไม่ต้องการคนประเภทนี้ ***สักกายทิฏฐิ** ตามแบบท่านอธิบายไว้ในหลักสูตรนักธรรมชั้นโท เป็นคำอธิบายถึงอารมณ์พระอรหันต์ ถ้าจะปฏิบัติกันตามลำดับแล้วต้อง ใช้อารมณ์ตามลำดับคือ ใช้อารมณ์ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูงสุด .....อารมณ์ขั้นต้น นั้นให้ใช้อารมณ์แบบเบาๆ คือ มีความรู้สึกตามธรรมดาว่า ชีวิตนี้ต้องตาย ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่จะทรงชีวิตได้ตลอดกาลไปคู่กับฟ้าดิน ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกันหมด แต่ท่านให้ใช้อารมณ์ให้สั้นเข้า คือมีความรู้สึกไว้เสมอว่า ความตายไม่ใช่จะมาถึงเราในวันพรุ่งนี้ ให้คิดว่า เราอาจจะตายวันนี้ไว้เสมอ จะได้ไม่ประมาทในชีวิต .....อารมณ์ขั้นกลาง ท่านให้ทำความรู้สึกเป็นปกติว่า ร่างกายของคนและสัตว์ ตลอดจนวัตถุทุกชนิดเป็นของสกปรกทั้งหมด ร่างกายคนและสัตว์มีสิ่งที่น่ารังเกียจฝังอยู่ก็คือ อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เป็นต้น เมื่อมีความรู้สึกตามนี้ ก็พยายามทำอารมณ์ให้ทรงตัวจนเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายทั้งหมด ไม่ยึดถือว่าร่างกายใดเป็นที่น่ารักน่าปรารถนา ***อารมณ์สูงสุด มีความรู้สึกตามนี้ คือมีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย และร่างกายไม่มีในเรา มีอาการวางเฉยในร่างกายทุกประเภท เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์*** . ***โอวาทธรรมคำสอน***พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๙๙ ๑๐๑ Benjar Nippitarnit ผู้พิมพ์คัดลอก... ... https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1214162038729868&id=100004082511265 ...
Create Date : 12 ตุลาคม 2560 |
Last Update : 12 ตุลาคม 2560 10:25:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1073 Pageviews. |
|
|
|
|
|