|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน 4มีค2555
พวกเราทั้งหลายถือว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้อยู่ในกาละและเวลาที่พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์ ยังมีตัวอย่างของบุคคลที่ประพฤติดีประพฤติชอบ อย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ได้ประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่าง เป็นครูบาอาจารย์ แล้วนำเอาสิ่งทั้งหลายนั้นมาบอกกล่าว มาแนะนำ มาสั่งสอน เพื่อให้พวกเราได้ก้าวเดินตามไปโดยที่ไม่ยากลำบากเหมือนกับท่าน
พวกเรานับว่าเกิดมาในปฏิรูปเทส ก็คือถิ่นที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เกิดในขอบเขตของพระพุทธศาสนา อยู่ในสถานที่ ๆ สามารถปฏิบัติธรรมได้โดยไม่แปลกแยกจากคนอื่น แล้วขณะเดียวกันเรายังเกิดในกาละ ในเทศะ ก็คือในเวลาและสถานที่ ๆ เหมาะสมอย่างยิ่ง ก็คือในระยะเวลาที่เราสามารถมองเห็นทุกข์ได้อย่างชัดเจน และขณะเดียวกันก็ยังมีพระเดชพระคุณหลวงปู่หลวงพ่อเป็นแบบอย่างที่เราสามารถประพฤติปฏิบัติตามได้อย่างวิเศษยิ่ง
เมื่อเราประกอบไปด้วยโชคดีเช่นนี้ ก็ขอให้พวกเรามั่นใจว่า เราทั้งหลายจะต้องประกอบกรรมความดี ในศีล ในสมาธิ ในปัญญามาจนนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ถึงได้ก่อเกิดเป็นพลวปัจจัย เป็นอุปนิสัยนำส่งให้พวกเราไม่ทอดทิ้งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราทั้งหลายก็ได้ก้าวเข้ามาประพฤติปฏิบัติธรรมทั้งหลายเหล่านี้ต่อไปอีก
หลายท่านอาจจะคิดว่าเรามาช้าไป ไม่มีโอกาสได้กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอย่างแท้จริง ขอให้ทุกท่านอย่าได้คิดน้อยใจ วาระบุญวาระกรรมของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บุคคลที่มาทีหลังไม่ได้หมายความว่าจะไปทีหลัง บุคคลที่มาก่อนไม่ได้หมายความว่าจะไปก่อน ขึ้นอยู่กับความพากเพียรพยายามของเรา ขึ้นอยู่กับ สติ สมาธิ ปัญญา ของเรา ถ้าหากว่าเรากระทำอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ถึงมาทีหลังเราก็อาจจะไปก่อนได้ ขณะเดียวกันบุคคลที่มาก่อน ถ้าหากว่าผ่อน หย่อนการปฏิบัติลง ก็อาจจะกลายเป็นบุคคลที่ไปทีหลังก็ได้
พวกเราทั้งหลายเมื่อมาในวาระที่เหมาะสม เกิดมาในสถานที่ ๆ สมควร เกิดมาในวาระที่พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ เราต้องฉวยโอกาสอันดีนี้เอาไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดรอดมือไปเป็นอันขาด เพื่อที่สุคติ คือที่ไป ณ เบื้องหน้าของเรา จะได้มั่นคงและแน่นอน
ไม่เช่นนั้น ถ้าหากว่าเราไม่ได้ฉวยโอกาสในการที่จะกอบโกยความดีเข้าใส่ตัว เราอาจจะพลาด ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าหากว่าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ไปเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็ยังนับว่าดีมาก แต่ถ้าเราหลุดลงไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย เป็นเปรต หรือหนักขนาดหลุดลงไปเป็นสัตว์นรก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลำบากทุกข์ทน อยู่ในระยะเวลาที่ยาวนานจนประมาณไม่ได้
เมื่อหลุดพ้นขึ้นมา ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วพบพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? เราอาจจะเกิดในสุญกัป กัปที่หาความดีไม่ได้ เกิดในอันตรายกัป กัปที่มีแต่การรบราฆ่าฟันกันอยู่เป็นปกติ บุคคลทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรม ฆ่าฟันกันเหมือนกับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเนื้อเป็นปลา ถ้าอย่างนั้น เราก็เกิดมาแล้วตายเปล่า เสียฟรีไปชาติหนึ่ง
เมื่อเรามีโอกาสเกิดมาในวาระที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง มีบุคคลตัวอย่างที่ดีเลิศ ปฏิบัติแล้วเห็นผล เป็นผู้นำทางให้แก่เรา เราก็ควรที่จะเร่งรีบ เร่งรุด ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายของเรา ด้วยการตั้งใจรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
พยายามสร้างสมาธิของเราให้ตั้งมั่น เมื่อกำลังสมาธิตั้งมั่นแล้ว ต้องประคับประคองให้สมาธินั้นทรงตัว อย่าคลาดเคลื่อนไปไหน ประคองไว้ให้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ยิ่งยาวนานเท่าไร กำลังใจของเราก็ยิ่งสงบ ใส สะอาด ถ้าอย่างนั้นปัญญาของเราก็จะเกิดได้ง่าย
เราก็จะเห็นว่าทั้งคนและสัตว์ ทั้งเราและเขาทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ ทุกชีวิตก็ประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ และท้ายสุดไม่มีใครทรงตัวตั้งมั่นอยู่ได้เลย ล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายตายพังไปทั้งสิ้น เมื่อเป็นดังนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้ เราไม่พึงต้องการ การเกิดมามีร่างกายที่ทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ เราก็ไม่พึงต้องการ หากว่าต้องตายลงไปเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว
เมื่อกำลังใจของเราพิจารณามาถึงตรงจุดนี้แล้ว ก็ให้เอาจิตของเรากำหนดถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ภาพของพระนิพพานก็ดี ให้ทรงตัวอยู่เฉพาะหน้าของเรา ตั้งใจว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากอยู่บนพระนิพพาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ก้าวล่วงไปสู่พระนิพพานแล้ว เราทั้งหลายถ้าหากว่าต้องสิ้นชีวิตลงไป จะด้วยเพราะหมดอายุขัย หรือเกิดจากอุปฆาตกรรมใด ๆ ก็ดี เราขอไปยังสถานที่นี้ คือพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น
ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนพิจารณาดู ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดรู้คำภาวนาของเราไป ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลง หรือคำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้อยู่เฉพาะหน้าเท่านั้น ให้ทุกคนกำหนดรู้เช่นนี้ หรือกำหนดภาพพระหรือพระนิพพานเช่นนี้เอาไว้ให้มั่น จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี วันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๕ ... สาธุ ขอบพระคุณที่มาจาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1809745585742781&id=190961370954552 ... ...
...
...
...
Create Date : 31 มกราคม 2561 |
Last Update : 31 มกราคม 2561 10:35:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 703 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|