Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ตามรอยราชมรรคา ทริปปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ตอน 2










ทริปปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ตอน2


ทริบปราสาท จังหวัดสุรินทร์ตอนแรก


หลังจากที่เราไปเที่ยว ปราสาทศีขรภูมิกันแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปยัง

ฐานปฎิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960

เพื่อเยี่ยมเยียน และมอบของเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ในการปฎิบัติหน้าที่

พบต้นกล้วยประหลาด ตรงฐาน
ครูทิพมาให้ข้อมูล กล้วยนี้เรียกว่ากล้วยญวน

ขอบคุณครูทิพมากค่ะ





มารู้จัก "กล้วยเวียตนาม" หรือ "กล้วยญวน" กันสักหน่อยนะคะ ครูเห็น

แล้วก็เกิดความสงสัยนัก จึงต้องเข้าไปกราบนมัสการสอบถามจากพระคุณ

เจ้ารูปหนึ่งที่ท่านยืนอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ได้ความว่าท่านเจ้าอาวาสวัดนี้

ท่านชื่นชอบ "กล้วย"เป็นพิเศษ ท่านจะหาพันธุ์แปลกๆ มาปลูกไว้ในวัด

"กล้วยญวน"นี้ไม่แตกหน่อ ต้องปลูกด้วยเมล็ดอย่างเดียวหากต้นนี้ให้ผล

แล้วก็ตาย ต้องเพาะเมล็ดปลูกใหม่ กล้วยญวนมีผลดกมากมีกลิ่นหอมจัด

แต่มีเมล็ดจำนวนมากเมล็ดติดกันเป็นแท่งคล้ายกับเมล็ดฝ้าย มีเนื้อบางๆ

หุ้มเมล็ดอยู่ แทบจะไม่มีเนื้อให้บริโภคได้ แต่ก็มีความหอมถูกใจ


//www.oknation.net/blog/Tip2/2008/08/02/entry-1






ดอกลิ้นมังกรสีชมพูที่ฐาน บานต้อนรับคณะเรา





ที่บริเวณนั้นมีต้นสำโรงสูงใหญ่ห่มผ้าเหลือง

แสดงว่าแถวนั้นได้มีการทำพิธีบวชป่า ,บวชต้นไม้

ขอเอาข้อมูลการบวชป่ามาลงไว้ เพื่อเป็นความรู้





การบวชให้ต้นไม้ใดบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อและเจตนาของชุมชนเอง บวชได้ตั้งแต่ต้นไม้ขนาดเล็ก

กลาง ใหญ่ แต่ส่วนมากจะเน้นต้นไม้ที่ขนาดใหญ่ มีความสำคัญต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตใน

ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งต้นไม้ในป่าที่ผ่านการรุกทำลาย เพราะจะสามารถฟื้นคืนสภาพ

เป็นป่าสมบูรณ์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ถ้าไม่ถูกรบกวนอีก


ชาวบ้านเชื่อว่า ผืนป่าที่ผ่านพิธีบวช เป็นเสมือนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไป

ทำลายได้ ทำให้ต้นไม้มีโอกาสคืนความชุ่มชื้นแก่แผ่นดินได้เต็มที่ และสายน้ำลำธารที่เกิดจากป่า

ต้นน้ำดังกล่าว ก็จะฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งหนึ่ง


การบวชป่า ให้ชุมชนที่ร่วมมือกันรักษาความอุดมสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติไว้ให้กับลูกหลาน

เป็นการเรียกร้องสิทธิ์ของชุมชน ในการดูแลรักษาป่าและแหล่งต้นน้ำลำธารเองด้วย พิธีบวชป่า

จึงเป็นความปรารถนาที่ดี ส่งต่อไปสู่คนรุ่นหลัง ท่ามกลางตอไม้นับพันนับหมื่นในอดีตผืนป่าของ

เมืองไทย เพื่อเป็นป่าที่สมบรูณ์ในอนาคตต่อไป


ดังพระราชดำรัส “...การปลูกป่าสำคัญที่ปล่อยให้เขาขึ้นเองได้ อย่าไปตอแยกับต้นไม้

อย่าไปรังแกต้นไม้ เพียงแต่คุ้มครองเขาหน่อย ขออย่าไปรังแกเท่านั้นเอง ไม่ต้องทำอะไรมาก...”

(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูป่าธรรมชาติ เมื่อวันที่

๕ ธันวาคม ๒๕๓๗) (หนังสือรวมพระราชดำรัส )

//gotoknow.org/blog/library/135507





แหงนมองดูยอดของสำโรง สูงใหญ่ เห็นปลายยอดอยู่ลิบๆ

สำโรงเป็นไม้เนื้ออ่อนปลูกง่ายโตไว





เอารูปดอกฝักและใบสำโรงในเวบดอกไม้มาให้ชม

ตอนนั้นยังใช้กล้องคอมแพคอยู่ ซูมก็ไม่ได้มากถ่ายตอน6โมงเช้า

แสงยังน้อยอยู่ ได้มาแค่นี้เอง จากนั้นก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นและ

ถ่ายดอกสำโรงอีกเลย

เพราะฉะนั้นภาพนี้ถึงจะถ่ายได้ไม่สวยไม่งามแถมติดเบลอ ก็เป็นภาพ

ที่ทรงคุณค่านะคะ อิอิ


ดอกสำโรงจะเป็นสีน้ำตาลจิ๋วมากๆ ถ้าเทียบกับฝักแล้ว ขนาดต่างกัน

ราวกับมดกับยักษ์เลยทีเดียว





จัดโต๊ะเพื่อเตรียมทำการมอบของให้กับเหล่าทหารหาญ





อ.ศุภศรุต-มอบผ้ายันตร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง





ขอบคุณเอ็ม150 ที่ร่วมส่งผลิตภัณฑ์มาให้เหล่าทหารหาญในครั้งนี้ด้วย





มีหนังสือจากโอ.เค. นำมามอบให้อ่าน





หนูวันศุกร์ ส่งมอบหนังสือ





ช่วยๆกันมอบ มีหลายอย่าง ขนมของขบเคี้ยวก็มี





ป้ารุ มอบยากันยุง เพราะรู้พิษสงของยุงป่าเป็นอย่างดี อิอิ





ช่วยกันถ่ายภาพคนละหนุบละหนับ


ส่วนช่างภาพเฟิงสุ่ยคนนี้เด็ดสุด ถ่ายทั้งกล้องและวีดีโอไปพร้อมๆกัน

ทำได้ไงนี่ 555





และแล้วพวกเราก็ชักภาพกันเป็นที่ระลึก .........เย้

ขอขอบคุณคุณอะหนึ่ง สำหรับป้ายอันสวยงามขนาดใหญ่ และ

ป้ายห้อยคอของแต่ละท่าน ย่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกเรียบร้อยแล้ว





จากนั้น กรุ๊ปทหารหาญก็พาเราไปชมปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ห่างจากฐาน

ไปเล็กน้อย ระหว่างทางเดินเห็นดอกอะไรไม่รู้หน้าตาคุ้นจัง


รีบถ่ายไว้ก่อน พอมาถึงบ้านถึงได้นึกออก ดอกอ่อนของหมามุ่ยนั่นเอง

พอแก่แล้วจะกลายเป็นสีม่วงสวยทีเดียว แต่ฝักหมามุ่ยใครโดนเข้า

จะคันคะเยอเลยทีเดียว ประโยชน์มี โทษมี เอาข้อมูลมาฝาก





หมามุ่ยพืชอนุรักษ์ดินและน้ำ


หมามุ่ย เป็นพืชตระกูลถั่วอายุข้ามปี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mucuna pruriens L.

(พันธุ์พื้นเมือง) Mucuna capitata (พันธุ์ไม่มีขนคัน) ขึ้นเป็นแถวคลุมไม้อื่นจนแน่นทึบ

โดยเฉพาะในไร่ร้างจะพบหมามุ่ยขึ้นเต็มไปหมด จนกลายเป็นพืชที่มีปัญหา แต่ละเถา

จะติดก้านใบขนาดใหญ่ยาว ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ ใบหนานุ่มมีขนอ่อน ติดดอก

ปลาย ฤดูฝนเป็นช่อ กลีบดอกสีม่วงอ่อนดูเด่น ยอมรับว่าหมามุ่ยให้ดอกช่อดอกยาว

ใหญ่ทยอยกันบานจากโคนถึงปลายช่อ ต่อมาก็ติดฝักถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ฝักจะแบน

ส่วนพันธุ์เล็กฝักจะกลม ฝักจะมีขนอ่อนคลุม ฝักแก่นี้เองจะกลายเป็นพืชที่มีพิษ

เพราะขนจะปลิวว่อนไปตอนต้นลมตั้งแต่ฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง ถ้ามีดงหมามุ่ยอยู่ใน

บริเวณใกล้เคียง จะคันยุบยับไปทั้งตัว ยิ่งเหงื่อตกยิ่งรู้สึกคันยิ่งขึ้น แก้โดยถูกับผม

หรือใช้เทียนขี้ผึ้ง หรือใช้ข้าวเหนียวสุกนวดให้เป็นก้อน กลิ้งเบา ๆ บริเวณที่คัน


โชคดีที่นักพฤษศาสตร์ปรับปรุงพันธุ์พื้นเมืองให้เป็นสายพันธุ์ใหญ่ ใบเล็ก ฝักไม่มีขนพิษ

และอายุสั้น โดยนำมาปลูกเป็นปุ๋ยพืชสด หรือปลูกคลุมพื้นที่ว่างเปล่า เมื่อประมาณ 15

ปีที่ผ่านมา มีนักวิชาการได้นำเมล็ดพันธุ์หมามุ่ยไม่มีพิษมาจากโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งอาจจะนำพันธุ์มาจากไต้หวันและได้นำมาขยายพันธุ์ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหิน

ซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา ต่อมาได้กระจายนำพันธุ์

ไปทั่วทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีการนำหมามุ่ยไม่คันมาปลูกข่มหญ้าขจรจบ

ดอกเหลืองในกระถางทดสอบ พบว่าสามารถข่มวัชพืขได้ดีเช่นเดียวกับถั่วพร้าและถั่วแปบ

ในระยะแรกเพราะเป็นพืชที่มีเมล็ดใหม่ เปลือกบาง จึงงอกได้รวดเร็วมีใบใหญ่บังแสงได้

มากพอ จนวัชพืชไม่สามารถจะงอกได้ แต่หมามุ่ยชนิดนี้เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นโทรมเร็วไม่

สามารถข่มวัชพืชข้ามปีได้


การใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดิน ควรปล่อยให้ขึ้นคลุมพื้นที่ลาดเทซึ่งปล่อยทิ้งไม่ใช้ประโยชน์

จะช่วยยึดดินไม่ให้พังทลายในฤดูฝน ถ้าเป็นหมามุ่ยพันธุ์พื้นเมือง ไม่ควรเข้าไปใกล้ ขณะติดฝัก

แก่ในฤดูแล้ง เพราะขนจะปลิวมาแตะผิวหนังทำให้ผื่นคันได้ส่วนพันธุ์ต่างประเทศใช้ปลูกคลุมดิน

เหมือนพืชคลุมดินทั่ว ๆ ไป





ที่มา : รวบรวมจาก ลุงหริ วารสารอนุรักษ์ดินและน้ำ ฉบับที่ 2 เดือนกรกฏาคม - ธันวาคม 2541


//web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi5/mamui/mamn.htm





จากนั้นพวกเราก็เดินตามเส้นทางที่ทหารนำไปอย่าหลุดออกนอกเส้นทางเป็นอันขาด

เพราะส่วนที่กั้นไว้โดยรอบ การกู้ระเบิด ยังไม่หมดอันตราย





หนูยุ้ยบรรยายผ่านการบันทึกสื่อ ว่าส่วนตรงที่เป็นป้ายสีแดง รูปกระโหลกไขว้ ห้ามเข้านะคะ





น้องยุ้ย กับครูเจี๊ยบ คุยกันกระหนุงกระหนิง





ถึงแล้วเหล่ากลุ่มปราสาทตาเมือนธม





ประวัติปราสาทตาเมือนธม


ปราสาทตาเมือนธม (คำว่า ตา เมือนธม เป็นภาษาเขมรแปลว่า ตาไก่ใหญ่)

เป็นปราสาทหินทรายโบราณขนาดใหญ่ที่สุด ในกลุ่มปราสาทตาเมือน โบราณ

สถานแบบขอม 3 หลัง อันประกอบไปด้วย ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาเมือนโต๊ด

และปราสาทตาเมือนธม ปราสาททั้งสามตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน บนแนวภูเขาบรรทัด

ในต.ตาเมียง กิ่งอ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ติดชายแดนกัมพูชา ห่างเพียง 100 เมตร

เท่านั้น โดยตัวปราสาทตาเมือนธม สร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูป

ของสวยัมภูลึงค์ หรือลึงค์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และนี่เองที่เป็นเครื่องหมาย

ที่แสดงว่า ปราสาทหลังนี้เป็นศาสนาสถานในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย

เป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม แต่ภายหลังได้ถูกใช้เป็นพุทธสถาน นักโบราณคดี

กำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตรงกับศิลปะขอมแบบบาปวน


ตัวปราสาทตาเมือนธมจะหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทอื่นๆ ที่มักหันหน้า

ไปทางทิศตะวันออก และทิศเหนือ เช่น ปราสาทพระวิหาร ซึ่งห่างจากด้านหน้าของปราสาท

นี้ออกไปในเขตกัมพูชาจะมีสระน้ำ มีถนนตัดผ่านมาจากเมืองพระนครของเมืองเสียมราษฎร์

โดยถนนเส้นนี้ได้มีการกล่าวถึงในจารึกปราสาทพระขรรค์ ในเมืองพระนครว่า ได้ถูกตัดขึ้น

ในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724-1763) เพื่อเชื่อมระหว่างเมืองพระนครกับเมือง

พิมาย ตัดผ่านมาถึงสระน้ำของปราสาทหลังนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีความ

สำคัญพอสมควร





ปราสาทตาเมือนธม ประกอบด้วยปรางค์สามหลัง มีปรางค์ประธานขนาดใหญ่ที่สุดอยู่

ตรงกลาง ปรางค์อีกสององค์อยู่ถัดไปด้านหลังทางด้านขวาและซ้าย ปรางค์ทั้งสามองค์

หันหน้าไปทางทิศใต้ ที่ปรางค์ประธานมีลวดลายจำหลักที่สวยสดงดงาม แม้ว่าจะถูก

ลักลอบทำลายและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา องค์ปราสาทตาเมือนธม ก่อนหน้านี้

กรมศิลปากรเข้าไปบูรณะ แต่ถูกกัมพูชาประท้วงจึงต้องหยุดก่อน อาจเป็นหลังปักปัน

เขตแดนเสร็จสิ้น ถึงจะบูรณะต่อได้





ส่วนทางด้านตะวันออกและตะวันตก มีวิหาร 2 หลังสร้างด้วยศิลาแลง อาคารทั้งหมด

มีระเบียงคดซึ่งสร้างด้วยหินทรายล้อมรอบ มีโคปุระทั้งสี่ด้าน โคปุระด้านใต้ มีขนาด

ใหญ่ที่สุดและมีบันไดทางขึ้นจากเชิงเขาด้านนั้น นอกระเบียงคดทางด้านทิศเหนือมี

สระน้ำเล็ก 2 สระ ซึ่งในปราสาทเขมรทั่วๆ ไปมักจะพบว่า มีสระน้ำ หรือแหล่งน้ำ

ธรรมชาติอยู่ใกล้ๆ เสมอ คาดว่าคงเป็นเรื่องของการจัดการแหล่งน้ำ และที่ลานริม

ระเบียงคดทางมุขด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีศิลาจารึกภาษาขอม กล่าวถึงชื่อ

พระกัลปกฤษณะ จึงสันนิษฐานได้ว่า โบราณสถานแห่งนี้คงจะสร้างขึ้นเนื่องในศาสนา

พราหมณ์ จากลักษณะทางสถาปัตยกรรมและลวดลายจำหลักต่างๆ ทำให้ทราบได้ว่า

โบราณสถานแห่งนี้คงจะสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งเก่าแก่กว่าโบราณ

สถานอีกสองแห่งในกลุ่มปราสาทตาเมือน





อย่างไรก็ตาม ปราสาทตาเมือนธม อยู่ห่างจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่สร้างใน

พุทธศตวรรษที่ 15 ไปทางตะวันตกหลายร้อยกิโลเมตร แม้จะไม่โด่งดังเท่าปราสาท

นครวัด หรือ ปราสาทพระวิหารที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่ในขณะนี้ แต่ก็เป็น

ส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมอันน่ามหัศจรรย์ของอาณาจักรขอมโบราณ


ปราสาทตาเมือนธมถูกสร้างเป็นพระตำหนักพักผ่อนของกษัตริย์ขอมในยุคโบราณ ตั้งอยู่

ริมถนนโบราณที่เชื่อมระหว่างเมืองที่ตั้งปราสาทนครวัด กับดินแดนที่เป็นภาคตะวันออก

เฉียงเหนือของไทยในปัจจุบัน โดยฝ่ายไทยอ้างว่าปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน





และหากใครที่สนใจไปเยี่ยมเยือนปราสาทขอมโบราณแห่งนี้ ควรสอบถามข้อมูลจากหน่วย

งานทหารที่ดูแลพื้นที่ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นก่อน เนื่องจากโบราณสถานกลุ่มนี้อยู่ใกล้ชายแดน

ไทย-กัมพูชา การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกล

จากแนวต้นไม้รอบปราสาท เพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจมีระเบิดฝังอยู่ และ

จะเดินไปเหยียบกับระเบิดได้


//hilight.kapook.com/view/27358





เมื่อความงามจากอดีต มาบรรจบกับความงามปัจจุบัน

(แสดงแบบโดยครูเก๋คนสวย)





สวยงามมหัศจรรย์





ลวดลายและร่องรอย





ภายใน





ทำจากหินสีชมพู





ขอบันทึกภาพแบบclose upไว้เยอะหน่อย เก็บมาฝากท่านผู้ชม





ป้ารุแกนคนสำคัญสำหรับเรื่องสิ่งของที่นำไปมอบให้ทหารหาญ

ทริปนี้เงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ป้ารุได้ฝากให้บล๊อกเกอร์เจ้าภาพ

นำไปจัดหาซื้อแปลญวนเพื่อนำมามอบให้อีกระลอก เพราะทราบว่า

ยุงเยอะ และทหารจำเป็นต้องย้ายที่นอนบ่อยๆ เพื่อที่จะได้ดูแล

พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ





ณ ดาว และคู่หู นักข่าวสาวสวย สีสันของทริปนี้





ส่วนฐานที่มีลวดลายสมบูรณ์





ส่วนที่ถูกสกัดทำลาย





ย่าเอง ขอแรงคุณเสือน้อยช่างภาพตัวกลั่นถ่ายให้





บูรณะ





ป้ายสีแดง ที่ไว้ ตรงส่วนบริเวณห้ามเข้า





จิ๊กซอร์ประวัติศาสตร์





***





เห็นแล้วสะท้อนใจ





ดูมุมกว้าง





เลื่อนลงมาด้านล่าง





หนุ่มแพทริออท





ขอต่อบล๊อกหน้าค่ะ ภาพเยอะ อิอิ







สั่งซื้อสมุดมด

สั่งซื้อสมุดสร้างสุข






Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 14 พฤษภาคม 2559 20:16:18 น. 13 comments
Counter : 4172 Pageviews.

 
สวยดีครับ ไม่เคยไปอีสานเลย


โดย: boatboat วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:12:07:58 น.  

 
Photobucket

สวัสดีค่ะ แวะมาเที่ยวสุรินทร์ บ้านเกิดเมืองนอน

ถ่ายรูปได้สวยค่ะ


โดย: Irish girl วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:18:10:57 น.  

 

ชมภาพไปด้วยอิ่มบุยตามไปด้วยค่ะย่าดา
ฝนตกบ่อยๆ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ป่านนี้ย่าดาคงหลับฝันดีเน๊าะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:0:59:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

เคยไปเที่ยวมิวเซียมสยามหรือยังค่ะ?

ลองหาโอกาสไปเที่ยวนะค่ะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:13:26:29 น.  

 
สวัสดีค่ะย่าดา

ขอชื่นชมกับกิจกรรมดีๆ ค่ะ และขอขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และข้อมูลน่าสนใจที่นำมาฝากกันค่ะ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ขอศึกษาจากบล๊อกนี้ไปก่อนแล้วกันค่ะ


โดย: กิ่งลีลาวดี วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:16:40:10 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: doctorbird วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:12:35:34 น.  

 
ดีจังค่ะย่าดา ทหารที่โน่นคงมีกำลังใจทำงานกันต่อไปอีกนานเลยนะคะ


ขอบคุณภาพสวยๆ ด้วยค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:15:09:38 น.  

 
งานดีๆแบบนี้ต้องหนับหนุนคับ
ไปเที่ยวแม่วงก์กันคับ





โดย: B/W วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:21:56:05 น.  

 
สวัสดีค่ะย่าดา

ลูกสำโรงแปลกดีนะคะ เคยได้ยินมาว่า กินแล้วจะเป็นบ้า ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า



จำได้ว่าย่าดาชอบดอก trumpet honeysuckle ที่เคยโพสต์เมื่อเดือนมิถุนายน

ตอนนี้ไม่มีดอกแล้วค่ะ เหลือผลเบอร์รี่ส์สุก ๆ แค่สองพวง เพราะพวกนกชอบ


โดย: fulgurant วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:22:18:40 น.  

 

หลับฝันดีนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:0:28:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

อ้อมแอ้มพาเพื่อนสนิทไปทำบุญวันเกิดมาค่ะ

เลยแวะเอาบุญมาฝาก รับไว้ด้วยนะค่ะ..


โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:16:53:52 น.  

 

สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันหยุดที่อากาศดีๆ



โดย: หน่อยอิง วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:8:51:38 น.  

 
ย่าดาละเอียดสมกับเป็นย่าดาเลยจริงๆ ค่ะ


โดย: สิริปตี IP: 222.123.204.21 วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:23:57:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.