เริ่มแล้ว..ย้อนรอย 60 ปี โก้ตระการตาแฟชั่นชั้นสูงอิตาลี ที่เซ็นทรัล ชิดลม
ย่ามาชวนให้ไปชมค่ะ นานๆจะมีงานดีๆข้อสำคัญชมฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
-----
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณะรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย และ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ร่วมด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
แถลงเตรียมจัดนิทรรศกาล"GLAMOUR,60 Years of Italian Fashion"เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องใน
โอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษาชวนชมศิลปะการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูงของ
ประเทศสาธารณรัฐอิตาลี ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี ผ่านผลงานของ 24 ดีไซเน่อร์ชั้นนำของโลกชาวอิตาเลี่ยน จำนวน 84 ชุด
สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในเมืองไทย ที่มีการรวบรวมผลงานจากแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงของโลกชาวอิตาลี่ยนมาให้ชมมากที่สุด และมีมูลค่า
รวมสูงที่สุด โดยงานนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 31 ก.ค. 54 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชึ้น 3 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม
โปรดทราบผู้บริหาร ได้ขยายเวลาจัดนิทรรศการ จากเดิม ถึง 31 ก.ค.54 เป็น ถึง 14 ส.ค. 54 ค่ะมี
เวลาชื่นชมชุดอมตะเพิ่มขึ้นแล้วนะคะ
นำภาพจากงานแถลงข่าว มาให้ชมค่ะ
ภาพชุดเ้หล่านี้คือชุดตัวอย่างในวันแถลงข่าว
----------
ชุดที่เป็นไฮไลท์ของงาน คือ
ชุดชื่อ ฺBlue palm (สีน้ำเงินซ้ายมือ)
Brand: Robertto Capucci
Year 1980 มูลค่า 30,000 Euro (1,100,000 Bath)
Worn By: DUC.SERRA CAPRIOLI
ส่วนอีกชุดชื่อ Black bodice gold, rhinestone and crystal(สีดำปักเลื่อมสีเหลือง)
Brand : Gianfranco Ferre Year 1990 มูลค่าึ 7,000 Euro (308,000 Bath)
Worn By: (ACTRESS) Monica Bellucci, F.S.A
(ชุดสีครีม)ชื่อชุด Short satin
Brand: Irene Galitzine
Year: 1960 มูลค่า 7,000 Euro( 308,000 Bath)
Worn By :(ACTRESS) Audrey Hepburn, F.S.A.
(ชุดสีดำ)ชื่อชุด Black and White flowers long dress
ํYear: 2000 มูลค่า 7,000 Euro( 308,000 Bath)
Worn By:(ACTRESS) Monica Bellucci F.S.A.
(ชุดสีครีม)ชื่อชุด Ceremony suit
Brand: Versace
Year : 1981 มูลค่า 12,000 Euro( 528,000 Bath)
Worn By : Diana ,Princess of Wales
(ชุดสีชมพูสด)ชื่อชุด Pink chiffon short dress
Brand: Biki
Year: 1960 มูลค่า 10,000 Euro(440,000 Bath)
Worn By: Lucia Mannucci (QUARTETTO CETRA)
(ชุดนี้จุดเด่นจะอยู่ที่คอด้านหลังที่เปิดลึกลงมาถึงเอว และมีโบว์ขนาดใหญ่ติดอยู่ที่เอวด้านขวา: ย่าดา )
ชื่อชุด Marylin
Brand: Versace
Year: 1982 มูลค่า 8,000 Euro (352,000 Bath)
Worn By: Defile'
(ชุดนี้จะมีหน้าของเจมส์ดีน แทรกอยู่ประปราย : ย่าดา)
ชื่อชุด Blue train
Brand: Balestra
Year: 1980 มูลค่า 8,000 Euro ( 352,000 Bath)
Worn By:(ACTRESS) Claudia Cardinale,Archive of Balestra
ชื่อชุด Jewel pin red long dress
Brand:Valentino Garavani
Year:1958 มูลค่า 6,000 Euro (264,000 Bath)
(ขออภัยไม่มีโอกาสถ่ายเต็มชุด ชายสวยมาก)
ชื่อชุด Long dress in black and gold experimental materials
Brand: Gianfranco Ferre
ราคา 3,000 Euro (132,000 ฺBath)
Worn By:Defile
หมายเหตุ 1ยูโร(Euro) เทียบเท่าเงินไทย ประมาณ 44 บาท
********
คุณปิยวรรณ ลีละสมภพ และกุลวิทย์ เลาสุขศรี เตรียมแถลงข่าว
และมีการรันมีเดียให้ชม
เตรียมพร้อมจวนได้เวลาแล้ว
ฯ พณฯ นายมิเกลันเจโล ปิปัน (H.E. Mr. Michelangelo Pipan)เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย
กล่าวภายในงาน ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณล็อบบี้เลาจน์ ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ว่า "นิทรรศการครั้งนี้เป็นเสมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความเป็น
มาของแฟชั่นอิตาลี นำเสนอการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการผลิตแฟชั่นชั้นสูงของอิตาลีตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2494
-2554) นิทรรศการจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากขาดคอลเลคชั่นที่น่าชม ผมขอขอบคุณ Mr.Giorgio Forni,
President of The Foundation ที่ให้ความร่วมมือกับสถานทูตฯ และห้างเซ็นทรัลฯ โดยส่งคอลเลคชั่นที่หาชมได้ยาก
มาจัดแสดง"ผู้เข้าชมนิทรรศการ จะสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ ดังคำที่ว่า'Made in Italy' และกระบวนการคิดสร้างสรรค์
ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงของอิตาลี นอกจากนี้การจัดนิทรรศการนี้ ยังเป็นเสมือนการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงาม ระหว่างประเทศไทยและประเทศอิตาลีอีกด้วย"
-----
คุณปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผ่ายการตลาด บริษัทสรรพสินนค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ได้มีการจัดเตรียมนิทรรศกาลครั้งนี้
โดยปรึกษาหารือกับทางสถานทูตอิตาลีต่อเนื่องมาหลายปีจนได้ข้อสรุปและลงตัวในปีนี้"ในฐานะที่ห้างเซ็นทรัลเป็นผู้นำแฟชั่น เราได้เล็งเห็นความน่าสน
ใจของศิลปะการออกแบบแฟชั่นชั้นสูงของประเทศอิตาลี ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี ซึ่งในแวดวงแฟชั่นของโลกต่างทราบดีว่า แฟชั่นชั้นสูงของ
ประเทศอิตาลี ที่มีความโดดเด่น มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ และมีความประณีตในการตัดเย็บ มักถูกเลือกใช้จากราชวงศ ์ต่างๆ และบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
เสมอ จึงทำให้เรามีความสนใจอยากจะเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะคนไทยได้มีโอกาสรับชม และยังนับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของเมืองไทย
ที่มีการรวบรวมแฟชั่นดีไซเน่อร์ที่มีชื่อเสียงของโลกชาวอิตาเลี่ยน มาให้ชมมากที่สุด และมีมูลค่ารวมสูงที่สุดอีกด้วย"
"ที่สำคัญยังเป็นโอกาสมหามงคลที่ปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา เราจึงจัดนิทรรศกาลครั้งนี้ขึ้น
เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ โดยคัดสรรมา 84 ชุด ซึ่งล้วนแต่หาชมได้ยาก บางชุดมีเพียงชุดเดียวในโลก และบางชุดยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน
ซึ่งจะทำให้ได้เห็นถึงวิวัฒนาการของแฟชั่นอิตาลีว่ามีความเป็นมาอย่างไร"
คุณ กุลวิทย์ เลาสุขศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นของเมืองไทย และเคยจับงานการจัดนิทรรศการระดับประเทศมามาก ซึ่งเป็นกำลังหลักในการจัดนิทรรศการนี้
ได้เล่าให้ฟังถึงวิธีการทำงานว่า เริ่มต้นจากการมองหาลักษณะเด่นของแฟชั่นอิตาลี ซึ่งได้ข้อสรุปว่า คือ GLAMOUR หรือ ความโก้ตะการตา ที่แสดงออกมา
ในงานออกแบบอิตาเลี่ยนได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นลักษณะทางวัฒนธรรมที่เห็นได้ชัดมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์ นิทรรศการครั้งนี้ จึงได้นำลักษณะ
เด่นนี้มาเป็นแนวคิดเสนอออกมาในโซนต่างๆ อย่างครบรส และไม่หนักจนเกินไป
"โชว์นี้รวบรวมเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์คลาสสิกตั้งแต่ยุค 1950 มาจนถึงยุค Modern ถือได้ว่าเป็นโชว์ Retrospective ของวงการ
แฟชั่นอิตาเลี่ยนเลยก็ว่าได้"
คุณฟอร์ด กุลวิทย์ เล่าต่อไปว่าในนิทรรศการครั้งนี้ จะจัดแสดงผลงานของ 24 ดีไซเนอร์ชั้นนำของโลกชาวอิตาเลี่ยน อาทิ Balestra,
Emilio Pucci, Emporio Armani, Gianfranco Ferre, Gucci,Moschino,
Sorelle Fontana, Valentino, Versace ฯลฯ รวม 84 ชุด โดยแบ่งเป็น 5โซน ดังนี้
1.Flash Back: ภาพการแสดงแฟชั่นโชว์ในอดีต
2.Hall of Italian Designers: เรื่องราวจากอดีต ถึงปัจจุบันของแฟชั่นดีไซเน่อร์ อิตาลี และผลงานของท็อป
แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอิตาลี่ยน (40 กว่าชุด) เช่น อาร์มานี่(Armani)บาเลสตรา(Balestra),คาปุชชี(Capucci),กาเมริโน
(Camerino), อัลแบร์ตา เฟอร์เรตติ (Alberta Feretti), จิอานฟรังโก้ เฟอร์เร่(Gianfranco Ferre),
วาเลนติโน่ (Valentino) และเวอร์ซาเช่(Versace) เป็นต้น โดยจะเล่าถึงประวัติ พร้อมแสดงผลงานของแต่ละท่าน
3.Signature Print: จัดแสดงแฟชั่นดีไซเนอร์ผ้าพิมพ์ลาย(Print) ของแฟชั่นดีไซเน่อร์ชื่อดัง เช่น เอมิลิโอ ปุชชี่
(Emilio Pucci),เคน สก็อตต์(Ken Scott) เป็นอาทิ
4.Red Gallery: จัดแสดงแฟชั่นดีไซเนอร์โดยเน้นสีแดง ตอกย้ำความเป็น Iconic Color ของแฟชั่นอิตาลี
5.Hall of Fame:จัดแสดงชุดหาชมได้ยาก ซึ่งเคยสวมใส่โดยสตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ฉลองพระองค์ของเจ้าหญิงไดอานา
แห่งเวลส์(Diana,Princess of Wales) และเจ้าหญิงเกรซ เคลลี แห่งโมนาโก(Princess Grace of Monaco)
ชุดที่จูเลีย โรเบิร์ต สวมขึ้นรับรางวัลออสการ์ ชุดของแจ๊กเกอลี เคนเนดี้ (Jacqueline Kennedy),นิคโคล คิดแมน,
โซเฟีย ลอเรน ฯลฯ รวมถึงชุดมาสเตอร์พีซสะสมของเหล่าเซเลบริตี้เมืองไทย
"ชุดที่ผมชอบที่สุดในโชว์นี้คือ คาปุชชี่ ดือคาปุชชี่ ด้วยโครงสร้างซับซ้อน แต่ยังคง Modern รูปลักษณ์" คุณฟอร์ด กุลวิทย์ ทิ้งท้าย
(ในภาพนี้คือชุดที่อยู่ด้านหลังคุณ กุลวิทย์ นั่นเอง : ย่าดา)
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน" ในฐานะผู้ให้ความสนับสนุนหลัก เปิดเผยว่าที่ผ่านมา
ธนาคารให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม ผ่านกิจกรรมต่างๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะของไทยหรือต่างชาติ ล้วนแต่น่าสนใจเรียนรู้
ทำให้ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ"ธนาคารจึงความความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมสนับสนุนในการนำงานศิลปการออกแบบแฟชั่นอันทรงคุณค่า และหาชมได้
ยากนี้ มาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไป ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาได้ชม ซึ่งเชื่อว่านิทรรศการในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้ถึงความเป็น
มาของแฟชั่นชั้นสูงของอิตาลี ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ชวนให้ศึกษาเพื่อเป็นความรู้ รวมไปถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจแฟชั่น
และนักออกแบบแฟชั่นคนไทย ที่จะพัฒนาตนเองเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น ก้าวสู่เวทีแฟชั่นระดับโลกต่อไป"
คุณ วินัย ฉัยรักษ์พงศ์ Creative Director Bug Studio ได้เปิดเผยถึงการออกแบบสถานที่จัดนิทรรศการครั้งสำคัญนี้ว่า
"แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรูปถ่ายงานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของอิตาลี โดย Giovanni Battista เมื่อปี 1951 ผมว่ารูปนี้
สื่อความหมายของคำว่า'กลามัวร์'(Glamour) ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น องค์ประกอบต่างๆในรูปนี้จึงถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น
Space ที่ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Labyrinth Catwalk Space' ที่สร้างรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจในการเดินชม
เรื่องราวทึ้งหมดของนิทรรศการนี้ โดย Space ทั้งหมดจะโอบล้อมด้วยวัสดุโปร่งแสง ที่ถูกออกแบบให้สะท้อนถึง Renaissance architecture
เพื่อเป็นแบ็คกราวด์ที่จะช่วยสร้าง lllusion ให้ชุดทั้งหมดดูโดดเด่นเสมือน Art Object ที่มีคุณค่าโดยเฉพาะการจัดแสงที่ให้ออกมา
ในลักษณะ Active และ Passive เพื่อสร้างบรรยากาศในการชมนิทรรศการนี้ได้อย่างรื่นรมย์"
คุณ เจนสุดา ปานโต พิธีกร พาชมชุดต่างๆ โดยมีคุณสรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง ภัณฑารักษ์ และคุณ กุลวิทย์ เลาสุขศรี เป็นผู้ให้รายละเอียดของชุดต่างๆ
ฯ พณฯ นายมิเกลันเจโล ปิปัน (H.E. Mr. Michelangelo Pipan)เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย
ถ่ายกับชุด Blue plam ชุดเด่นของงานนี้
สื่อสัมภาษณ์คุณปิยวรรณ
สองชุดนี้ ได้จังหวะถ่ายเต็ม เอามานำเสนออีกรอบ
แฟนคลับแฟชั่นอิตาลี่ ขอถ่ายกับชุดโปรด ย่าเลยเนียนถ่ายมาให้เพื่อนๆชม
True inside สัมภาษณ์เจนสุดา ปานโต พิธีกรงานนี้
วินัย ฉัยรักษ์พงศ์ หากยังจำกันได้ย่าเคยนำเสนอผลงานของเขามาบ้างแล้วที่ TCDC คืองาน
อจีรัง คือ โอกาส (Perishable Beauty)หากสนใจชมเชิญคลิ๊กที่ตรงนี้ค่ะ
ของแถมนำภาพวินโดว์โชว์สวยๆมาฝาก เผื่อเป็นไอเดียให้กับเพื่อนๆ
วินโดว์โชว์โทนสีพีชสดใส
วินโดว์โชว์โทนส้มดูอบอุ่น
และการจัดดอกไม้เก๋ๆ
สำหรับชุดตัวอย่างที่คณะผู้จัดการเลือกนำมาแสดงให้ชมในการแถลงข่าว มีอาทิ ชุดของ คาปุชชี่(Roberto Capucci)
ซึ่งมีส่วนสำคัญมากในการปฏิวัติวงการแฟชั่นอิตาลี ในอดีตถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยมาก มีความกล้าในการออกแบบที่ฉีกแนว
จากแบรนด์อื่นๆ ในสมัยนั้น และมีชื่อเสียงสืบเนื่องยาวนาน ชุดที่2. คือบาเลสตรา(Balestra) โดดเด่นที่มีความคลาสสิก
ชุดของ ลาดอลเช่ วิตา (La Dolce Vita) ซึ่งเป็นไอคอนลุคขึ้นมา จากการที่นางเอกหนังเรื่องนี้โด่งดังขึ้นมา และ ชุดสีแดง
เป็นตัวแทนของโซนชุดสีแดง รวมถึงตัวแทนชุดจากโซนเซเลบริตี้ เป็นต้น
นิสิต นักศึกษา และผู้ที่สนใจงานออกแบบแฟชั่น ตลอดจนบุคคลทั่วไป สามารถเข้าชมนิทรรศการครั้งสำคัญนี้ได้ ณ ดิ เว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3
ห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ 14-31 กรกฎาคม 2554 เวลา 10.11 น. ถึง 22.00 น.
ผู้บริหาร ได้ขยายเวลาจัดนิทรรศการ จากเดิม ถึง 31 ก.ค.54 เป็น ถึง 14 ส.ค. 54 ค่ะมีเวลาชื่นชมชุดอมตะเพิ่มขึ้นแล้วนะคะ
คลิ๊กกลับไปหน้าที่แล้ว<<ดอกไม้สีเหลืองจิ๋วๆ ที่เกาหลี ในสวน Secret Garden
| Create Date : 14 กรกฎาคม 2554 |
| Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 23:30:51 น. |
|
9 comments
|
| Counter : 3370 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
ราคาก็ถู้กถูกนะคะ..