Shangri La มนต์เสน่ห์...ดินแดนสุดขอบฟ้า 3
ต่อจากนั้นก็เตรียมไปผจญความหนาวบนยอด เขาหิมะมังกรหยก กันค่ะ กว่าเราจะหลุดจากวัดอวี้เฟิงก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมงกว่าแล้ว ระหว่างทางแวะซื้อออกซิเจนกระป๋องในราคา 40 หยวน ไปถึงที่ทำการของอุทยานเขาหิมะมังกรหยกต้องรอคิวที่จะขึ้นรถบัสของอุทยานไปส่งเพื่อขึ้นกระเช้าอีกที คิวที่ได้คือตัว E แต่คิวที่กำลังเรียกอยุ่นั้นคือคิวตัว G ถูกแล้วค่ะเราต้องรอจนมันวนมาถึงตัว E อีกรอบ รวมเบ็ดเสร็จก็ประมาณชั่วโมงกว่าๆถึงได้ขึ้นรถบัส ไปถึงที่ขึ้นกระเช้าอยู่ในระดับความสูงที่ 3,356 เมตร ต้องยืนเข้าคิวต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้ากว่าจะได้ขึ้นก็อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงซึ่งคิวตรงนี้จะต้องยืนเข้าคิวไปตลอดจนกว่าจะได้ขึ้นค่ะ ถึงตรงนี้ต้องคอยสูดออกซิเจนเป็นระยะเพื่อป้องกันการขาดออกซิเจน
หน้าที่ทำการอุทยาน
จุดที่ต้องไปเข้าคิวขึ้นกระเช้า ดูคิวด้านในสิคะ ที่เห็นนั่นเวลาเคลื่อนแถวเดินทีละแถว ข้างในนั่นเขาแบ่งเป็นช่องเล็กๆให้เดินเรียงหนึ่งเท่านั้น
กระเช้าของที่นี่เป็นกระเช้าเดี่ยวนั่งได้ 6 คน วิวระหว่างทางเป็นหุบเขามองเห็นป่าสนข้างล่างทั้งสวยทั้งเสียว บางช่วงเหมือนกับว่ากระเช้าที่เรานั่งจะวิ่งเข้าไปชนกับหน้าผาเนื่องจากความสูงชันของภูเขาหิมะมังกรหยกที่กระเช้าต้องไต่ระดับขึ้นไป เมื่อพ้นระดับป่าสนก็จะเห็นภูเขาหินที่ปกคลุมด้วยหิมะบางๆจนหนาขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้ยอดเขา ถึงตอนนี้เราต้องสูดออกซิเจนกระป่องถี่ขึ้น กระเช้าขึ้นไปจนสุดที่สถานีระดับความสูง 4,506 เมตร ตอนนี้อาการปวดหัวหนึบๆเริ่มมากขึ้นเนื่องจากอากาศเบาบางมาก ประกอบกับมีคนจำนวนมากแออัดอยู่ในสถานี แต่พอพ้นออกไปนอกสถานีอาการปวดหัวก็ดีขึ้นแต่ความหนาวเข้ามาแทนที่ เพราะข้างนอกลมแรงมาก บรรยากาศมืดครึ้มมีละอองหิมะโปรยปราย เพิ่มบรรยากาศความหนาวเย็นให้มากขึ้นอีก เสื้อผ้ากันหนาวที่บรรจงใส่ไปถึง5ชั้น รวมถึงหมวกและถุงมือหนังไม่ได้ช่วยให้รู้สึกว่าอุ่นขึ้นเลย ความตั้งใจตั้งแต่ก่อนมาว่าจะต้องเดินขึ้นไปให้ถึงจุดที่สูงที่สุด(ที่ระดับ 4,606 เมตร) ต้องเดินไต่ทางเดินที่ทางการสร้างไว้ไปอีกประมาณ 400 เมตร เป็นอันล้มพับไปด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจและสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม
เบ็ดเสร็จใช้เวลาในการเข้าคิวขึ้นลงภูเขาหิมะมังกรหยกกว่า 4 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาในการชื่นชมความงามซึมซับความหนาวเหน็บ ไม่เกิน 20 นาที แต่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการดั้นด้นและทรมาณร่างกายขึ้นมา
กว่าจะกลับลงมาถึงเมืองลี่เจียงก็ค่ำเป็นเวลาอาหารเย็น เย็นนี้กินอาหารเย็นกันที่โรงแรมที่พักรสชาติอาหารอร่อยใช้ได้ทีเดียว ถึงตอนนี้ร่างกายก็เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแต่ก็มีอาการมึนๆนิดหน่อย ยังมีแรงไปเดินเล่นกันต่อที่เมืองเก่าลี่เจียง ว่ากันว่าลี่เจียงเมืองเก่าเวลากลางคืนสวยมากเพราะทุกบ้านตกแต่งโคมไฟไว้ (อันที่จริงความตั้งใจแต่แรกที่จะมาลี่เจียง อยากชื่นชมลี่เจียงยามเช้ามากกว่า เลยรู้สึกผิดหวังเล็กๆ)
ลี่เจียงยามค่ำนี้คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายเดินกันขวักไขว่ จะถ่ายภาพก็เห็นแต่หัวดำๆเต็มไปหมด ต้องยกกล้องส่องมุมสูงอย่างเดียว ลี่เจียง ณ วันนี้ได้แปรสภาพจากสาวชาวบ้านบริสุทธ์ มาเป็นสาวทันสมัยเปรี้ยวปรี๊ดดโดยยังคงสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองไว้ภายนอก เพียงแค่เดินเข้าไปก็จะได้ยินเสียงเพลงดังลั่นถนน ทั้งเพลงพื้นเมือง เพลงฝรั่งทันสมัย เพลงแดนซ์ มองเข้าไปตามตรอกซอกซอยจะเห็นบ้านเก่าๆสวยๆที่แปรสภาพเป็นผับมากมาย
ถึงตรงนี้ค่อนข้างผิดหวังกับลี่เจียงในฝันที่อยากมา ในจินตนาการประกอบกับข้อมูลและภาพที่รวบรวมไว้ คือลี่เจียงที่เป็นเมืองเก่าๆในหุบเขาที่สงบเยือกเย็น คงความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา
ด้านหน้าเมืองลี่เจียงยามค่ำ ตกแต่งโคมไฟสวยงาม
บ้านเก่าที่ถูกแปรสภาพเป็นร้านอาหาร
ร้านนี้ขายงานผ้าน่ารักมากมาย ตามประสาคนบ้างานฝีมือเข้าแล้วแทบไม่อยากออกมา แต่สนนราคาที่เขาบอกเรานั้นแพงมากๆ คงเพราะเห็นเราเป็นท่องเที่ยว จะต่อราคาก็ไม่รู้จะต่อเท่าไรดี เลยไม่ได้อะไรติดมือออกมาสักชิ้น
จบการเดินทางวันที่สอง ติดตามตอนที่สี่ในบล็อคต่อไปนะคะ
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 |
|
13 comments |
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 20:03:39 น. |
Counter : 1728 Pageviews. |
|
|
|
ความที่เห็นรูปภูเขาหิมะ พอมาดูรูปถ่ายที่ 2-3 จากด้านล่าง(โรงแรมใช่ไหมคะ ที่ถ่ายเป็นตอนกลางคืน) แล้วมีใบเมเปิลโปรย ปรายลงมา ได้บรรยากาศและโรแมนติกดีจังค่ะ