บันทีกสั้นๆ ช่วงตั้งครรภ์เจ้าตัวน้อย
ตรวจผลตั้งครรภ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2010 ขึ้นสองขีด อ่านะ ท้องแล้วแน่ๆ เลย ... สมใจคุณพ่อเค้าซะทีน๊า
หลังจากนั้นก็เริ่มหาคุณหมอที่เราอยากจะฝากท้องซะที ...
จากที่ค้นหาชื่อคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านทารกในครรภ์มาหลายวัน ก็เจอแล้วหล่ะ มีสองท่านที่น่าสนใจ มีคุณหมอเยื้อน กับคุณหมอบุญชัย ทั้งสองท่านเก่งด้วยกันทั้งคู่ ที่นี่ก็เลือกโรงพยาบาลว่าจะไปฝากที่ไหนดี เราก็มองอยู่สองที่ ก็มี BNH กับ นวบุตร สุดท้ายตัดสินใจเลือก BNH เพราะข่าวว่าคิวรอที่นวบุตรนี่นานมากกก แล้วก็เลือกฝากกับคุณหมอบุญชัย
ครั้งที่ 1 (9 weeks) --- วันที่ 4 มกราคม 2011 เวลา 17:20 ที่ BNH -- มีนัดพบคุณหมอเป็นครั้งแรก ไม่ได้ตรวจอะไรมาก แค่ไปนั่งคุยแป๊บนึง เสียค่าใช้จ่ายไป 500 บาท
ครั้งที่ 2 (11 weeks) --- วันที่ 17 มกราคม 2011 --- ไป รพ ตั้งแต่ตอนเช้าเพราะรู้สึกว่าปวดท้องแปลกๆ กลัวว่าจะแท้งอีกก็เลยรีบไป พบคุณหมอผู้หญิงแทน ก็ทำ ultrasound ดูแต่ก็ไม่พบความผิดปกติ เสียตังไป 3,300 บาท สบายไป ออกจาก รพ ก็หายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง
ครั้งที่ 3 (14 weeks) --- วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 08:00 น. -- หลังจากนี้เราเริ่มนัดพบคุณหมอเป็นวันเสาร์ช่วงเช้าแทน เพราะจะได้ให้คุณแฟนไปด้วย วันนี้ก็ไม่มีอะไรพบคุณหมอตรวจท้อง ให้วิตามินมากิน เป็นธาตุเหล็ก กับแคลเซี่ยม เสียค่าใช้จ่ายไป 1,300 บาท
ครั้งที่ 4 (18 weeks) --- วันที่ 5 มีนาคม 2011 -- วันนี้มีตรวจเลือดเพิ่มมาด้วย แต่ดูเหมือนคุณหมอจะลืมๆ ไม่ค่อยอยากให้ตรวจ เราต้องทวงถามคุณหมอว่าต้องตรวจเลือดหรือเปล่าเพราะคราวก่อนหน้านั้นคุณหมอบอกว่าจะต้องตรวจ รอบนี้ก็เสียไป 3,065 บาท
ครั้งที่ 5 (20 weeks) --- วันที่ 19 มีนาคม 2011 -- วันนี้ต้องเจาะน้ำคร่ำด้วย ตื่นเต้นมาก นอนไม่ค่อยหลับ กลัวด้วยล่ะ แต่พอถึงเวลาเจาะจริงๆ ไม่เห็นจะเจ็บอย่างที่เค้าร่ำลือกันเลย เจ็บจี๊ดเดียวเอง แล้วก็ใช้เวลาไม่นานมาก เสียค่าใช้จ่ายไป 16,200 บาท --- โทรถามผลเจาะน้ำคร่ำ หลังจากนั้น ผลก็ปกติดี แต่ช่วงเวลาที่รอนี่มันยาวนานจริงๆ
ครั้งที่ 6 (24 weeks) --- วันที่ 16 เมษายน 2011 -- พบคุณหมอปกติ เสียค่าใช้จ่ายไป 1,200 บาท
ครั้งที่ 7 (27 weeks) --- วันที่ 8 พฤษภาคม 2011 -- ไปทำ ultrasound 4D ที่ Perfect Woman ตามคำแนะนำของน้องที่ทำงาน ผลปรากฎว่าน้องเอาเท้าขึ้นมาปิดหน้า มองไม่เห็นหน้าตาซะงั้น คุณหมอที่ทำ ultrasound ให้เรา บอกว่าเรามีภาวะน้ำคร่ำน้อย อาจทำให้เด็กพิการได้ ก็แนะนำให้เรากินนมเพิ่มวันละสามสี่ลิตร พร้อมกินไข่ไก่อีกวันละ 4 ฟอง มากไปไม๊เนี่ย แต่เราก็ไม่ได้กินตามที่คุณหมอแนะนำนะ เพราะคิดว่ามันแปลก และไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าต้องกินขนาดนี้ ก็เลยไปเช็คในอินเตอร์เนท ปรากฎว่าคุณหมอท่านนี้ก็แนะนำทุกคนที่มาทำ ultrasound กับท่านให้กินแบบนี้ทุกคนเลย ... ทำเอาเครียดไปหลายวัน -_-" เสียค่าใช้จ่ายไป 2,750 บาท (ที่ต้องไปทำ ultrasound นอกสถานที่เพราะคุณหมอเราเธอไม่ทำ 4D ให้เพราะมันเป็นการสิ้นเปลือง ไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์ มีแต่ความบันเทิงเพื่อเราเองเท่านั้น)
ครั้งที่ 8 (28 weeks) --- วันที่ 14 พฤษภาคม 2011 -- พบคุณหมอปกติ เสียค่าใช้จ่ายรอบนี้ 1,060 บาท หลังจากนั้นก็ไปเข้าคอร์สเตรียมความพร้อมคุณแม่มือใหม่ ต่ออีกทั้งวัน
ครั้งที่ 9 (31 weeks) --- วันที่ 4 มิถุนายน 2011 -- พบคุณหมอตามนัดปกติ เสียค่าใช้จ่าย 1,031 บาท
ครั้งที่ 10 (32 weeks) --- วันที่ 14 มิถุนายน 2011 -- พบหมอรอบพิเศษ ตั้งแต่ตอนเช้า เนื่องจากเมื่อคืนเราเริ่มปวดท้องตอนตี 4 นอนไม่ค่อยหลับ จนตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไปทำงานก็ทานนมไวตามิลด์ ทานขนมปัง อาเจียนไปหนึ่งรอบก่อนออกจากบ้าน สองที่สองอาเจียนในรถซะเกือบหมดพุงเลย แถมอาการปวดท้องก็ยังไม่หาย ก็เลยตัดสินใจไป รพ ดีกว่า ช่วงที่รอคุณหมอก็ทานน้ำเปล่าไปแก้วนึง สักพักนึงก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำใสๆ หมดเลย
คุณหมอผู้หญิงคนเดิมที่เราเคยพบ เธอก็กดหน้าท้องดูหลายจุด จนสุดท้ายเธอวินิจฉัยว่าเราน่าจะปวดท้องเนื่องมาจากไส้ติ่งอักเสบ ก็เลยส่งเราไปพบคุณหมออีกท่านทางอายุรกรรม เพื่อยืนยันผลตรวจเพิ่มเติม ผลสรุปคือเราเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงๆ ต้องผ่าตัดเดี๋ยวนั้นเลย 555 ทำอะไรไม่ถูกเลย ดีที่มีคุณแฟนไปด้วย เธอเป็นคนคุยกับหมอ ตัดสินใจทุกอย่างให้แทนเรา เพราะตอนนั้นเราปวดท้องมากคิดอะไรไม่ออกเลย
คุยกับคุณหมอพักนึงพยาบาลก็เข้ามาตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจโน่นตรวจนี่ แล้วก็เอารถเข็นมารับเราเข้าห้องผ่าตัดเลย (ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเรยย เฮ้ออ) ออกจากห้องผ่าตัดมาก็ยังไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นอีก 2 คืนนี่เจ็บมากก แผลผ่าตัดไส้ติ่งของคนท้องนี่แผลจะอยู่ด้านขวา แต่ประมาณระดับเดียวกับสะดือ สูงกว่าปกติเพราะไส้ติ่งจะถูกดันให้อยู่สูงกว่าปกติ แล้วก็จะเจ็บมากกว่าปกติเพราะตรงที่ผ่าจะเป็นกร้ามเนื้อซะส่วนใหญ่ ขยับตัวแต่ละทีนี่ขอบอกว่าเจ็บมาก คืนแรกไม่ค่อยเจ็บมากเพราะยาช่วยไว้ แต่คืนที่สองนี่แทบตาย ก้าวแต่ละก้าวนี่ปวดสุดๆ ตั้งแต่วันพบหมอจนถึงวันออกจากโรงพยาบาล คุณแฟนก็อยู่ที่โรงพยาบาลด้วยตลอดทั้งวันทั้งคืน เธอลางานฉุกเฉินเพื่อเฝ้าเรา ไม่ยอมไปไหนเลย ไม่กลับบ้านด้วย ให้คุณพ่อคุณแม่เอาเสื้อผ้าของใช้จำเป็นมาให้ ซึ้งใจมากๆ หลังจากกลับบ้านก็ยังปวดอยู่ ลุกจากเตียงคนเดียวไม่ได้เลย ต้องมีคนช่วยพยุงตลอด เป็นอยู่ 3-4 วันกว่าจะเริ่มลุกขึ้นเองได้ รอบนี้เสียค่าผ่าติ่งน้อยไป 60,500 บาท
ครั้งที่ 11 (34 weeks) --- วันที่ 25 มิถุนายน 2011 -- พบคุณหมอตามนัดปกติ เสียค่าใช้จ่า 1,122 บาท
ครั้งที่ 12 (37 weeks) --- วันที่ 16 กรกฎาคม 2011 -- พบคุณหมอตามนัดปกติ พร้อมกับทำ ultrasound ก่อนคลอด เสียค่าใช้จ่ายไปสามพันกว่าบาท พร้อมกับนัดผ่าคลอด
ครั้งที่ 13 (38 weeks) --- วันที่ 1 สิงหาคม 2011 -- วันนัดผ่าคลอด --- ค่าใช้จ่าย ณ วันออกจากโรงพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท
พร้อมกับค่าฝาก stem cell กับ Thai Stem Life อีก 45,000 บาท (เราเลือกแบ่งจ่ายเป็นรายปีแทนเพราะไม่มั่นใจว่าบริษัทฯ ที่รับฝากจะมั่นคงมากแค่ไหน กลัวว่าจ่ายก้อนเดียวแล้วจะหายไปเลย)
Create Date : 14 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 16:04:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2018 Pageviews. |
|
|
|
|
|