ตรงนี้เราทำตามคำแนะนำคุณหมออย่างเคร่งคัดเลยคะ เพราะอยากให้ลูกทานผักเป็น ทานผักเก่ง ไม่ให้ทานผลไม้เลย ถึงแม้กระแสคุณปู่คุณย่าจะให้ทานกล้วยตั้งแต่ 6 เดือนมาแรงมาก แต่เราก็ไม่ยอมให้ทานกล้วยแน่นอน โกรธก็ไม่ว่ากัน สั่งห้ามเด็ดขาดเลย จนถึงทุกวันนี้ 2 ขวบแล้ว เห็นผลเลยค่ะ ลูกสาวทานผักได้ทุกชนิด ไม่ติดหวาน ดีใจมาก แต่ช่วงปีกว่าๆ ก็มีคายผักเป็นระยะ แต่ก็ไม่ละความพยายาม ทุกมื้อต้องมีผักไม่ต่ำกว่า 6-7 ชนิด (หลังจากที่โตแล้ว ทานอาหารมาได้สักระยะแล้ว) จนปัจจุบัน 2 ขวบกว่าๆ ไม่คายแล้วค่ะ กินผักได้หมด
จัดเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย เพื่อใช้งานง่ายสะดวกในแต่ละวัน เราจะทำอาหารให้ลูกตอนเย็น ทั้ง 3 มื้อเลย เอาพลาสติกแรฟ แช่ตู้เย็นไว้ให้พี่เลี้ยงเอามาอุ่นในแต่ละมื้อ
ส่วนของข้าวกล้องและถั่วจะสุกช้า ควรแช่น้ำทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ค่อยต้มให้สุกด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำซุปผัก ไม่ปรุงรสด้วย เกลือ ซีอิ้ว น้ำปลา น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะจะทำให้ลูกติดรสชาติ ไม่ดีกับสุขภาพ เมื่อข้าวและถั่วสุกดีแล้ว จึงค่อยใส่ผัก รอจนสุก ปล่อยให้เย็นแล้วตักใส่ช่องทำน้ำแข็ง เมื่อแข็งแล้ว แกะใส่ถุงเก็บนม แยกเป็นแต่ละเมนู เก็บได้นาน 8 สัปดาห์ เวลาจะใช้แกะออกจากถุง ใส่ภาชนะที่ปลอดภัยในการอุ่นด้วยไมโครเวฟ คนให้เข้ากันดี เพราะบางจุดร้อนจัด เดี๋ยวลวกปากลูก ไม่ควรทำอาหารจากดิบเป็นสุกด้วยไมโครเวฟ เพราะอาจสุกไม่ทั่วถึง แต่ใช้เป็นการอุ่นอาหารที่สุกมาแล้ว ส่วนจาน ถ้วย ช้อน ถาดน้ำแข็ง ล้างให้สะอาด ด้วยน้ำยาทำความสะอาดขวดนมและน้ำเปล่า ไม่ต้องนึ่ง
ช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มทำอาหารให้ลูกก็ทุลักทุเลพอสมควร ที่บ้านเราไม่ทำอาหาร เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ก็ไม่ค่อยพร้อม จะซื้ออุปกรณ์อะไรก็เหนื่อยเพราะไม่ค่อยมีความรู้ ไม่ได้เตรียมอะไรเลย แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี ค่อยๆ ปรับไปเรือยๆ
ตอนนี้ที่บ้านเราก็ยังหุงข้าวให้ลูกทานแบบใช้หม้อนึ่ง และหุงปริมาณพอลูกทานคนเดียว นึ่งไปพร้อมกับอาหารหลักเลย
อุปกรณ์ทำอาหารให้ลูก หลักๆ จะใช้หม้อนึ่ง นึ่งทุกวัน หม้อตุ๋น Slow Cooking เอาไว้ทำน้ำซุป ทำเสร็จก็ใส่บล๊อกหยอดเข้าฟรีซไว้ อาทิตย์นึงก็ทำครั้งนึง
ข้าวที่จะหุงให้ลูกทาน ปัจจุบัน 2 ขวบก็จะใช้ข้าวสวยหอมมะลิออร์แกนิคหรือข้าวหอมมะลิธรรมดา กับข้าวญี่ปุ่น สลับกัน แต่ก็จะใส่ เมล็กแฟล็ก บดหยาบ ลงไปด้วยเสมอ ... ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เราว่าเส้นผมเค้าดูเป็นผมมีคุณภาพ เงางาม มีน้ำหนัก คิ้วก็ขึ้นสวยเป็นเส้นเลย ส่วนนึงอาจเป็นเพราะเมล็ดแฟล็กหรือเปล่า เพราะเมล็ดแฟล็กมีน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากทีเดียว
อาหารสดส่วนใหญ่ก็ล้าง หั่นใส่บล๊อกน้ำแข็งเก็บไว้ เวลาใช้ก็ค่อยเอามาใช้ทีละบล๊อก บล๊อกนึงก็มื้อนึง พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป
ลูกอายุ 6-7 เดือน บดอาหารให้ละเอียด
เช่น ข้าวกล้องและถั่วที่ต้มน้ำซุปผักที่อุ่นแล้ว โดยปั่นหรือครูดผ่านกระชอน กินละมื้อเดียว ในวันแรกเริ่มป้อนเพียง 1 ช้อนโต๊ เวลากินข้าวแล้วฝืดคอหัดให้ลูกกินน้ำจากถ้วย หรือหลอดดูด หรือช้อนตักน้ำป้อนหลังกินอาหาร แล้วตามด้วยนมแม่ จนอิ่ม ค่อยๆ เพิ่มอาหารวันละ 1 ช้อนโต๊ะ อย่าเพิ่มเร็ว เดี๋ยวท้องอืด แล้วร้องกวนตอนกลางคืน แต่ถ้าลูกไม่อยากกิน ไม่บังคับ ให้หยุดป้อน แล้วค่อยให้ใหม่วันต่อไป จนกินได้ครบมื้อ ปริมาณ 5-7 ช้อนโต๊ะ นมมื้อนั้นจะเลื่อนการกินออกไปอีก 1-2 ชั่วโมง
กรณียังไม่รู้ว่าแพ้อาหารหรือไม่ ควรให้กินมื้อเช้าหรือกลางวัน เพราะหากป้อนมื้อเย็นแล้วมีปัญหาแพ้อาหาร ลูกอาจมีอาการผิดปกติตอนกลางคืน แต่ถ้ารู้ว่าไม่มีอาการแพ้ อาจเปลี่ยนมาให้อาหารเป็นเวลาเย็น จะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้น ลูกอาจหลับได้ยาวขึ้น
เดือนที่ 7 เริ่มเนื้อสัตว์
เริ่มใส่เนื้อสัตว์ลงในอาหาร บดละเอียด เริ่มเนื้อสัตว์ชนิดใหม่ทุกครั้ง ทีละอย่าง และใช้ซ้ำ 4-5 วัน เพื่อตรวจสอบอาการแพ้ เนื้อสัตว์ที่แนะนำได้แก่ ไก่ หมู ปลาน้ำจืด เช่นปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาทับทิม ปลากราย ปลาเนื้ออ่อน ตับไก่ ตับหมู ไข่แดง (ต้มให้สุกเต็มที่ ถ้าไม่สุกจะทำให้ถ่ายเป็นมูกเลือดได้) ปริมาณที่ใส่ต่ออาหาร 1 มื้อคือ 1 ช้อนโต๊ะ ไม่ควรมากกว่านี้ เพราะไตจะทำงานหนัก
ส่วนไข่ขาว และอาหารทะเล ให้เริ่มหลังจากอายุ 1 ขวบ เนื่องจากแพ้ง่าย หากเริ่มเร็วเกินไป อาจไปกระตุ้นทำให้เกิดปัญหาแพ้ภายหลังได้
คุณแม่อาจจะเริ่มผลไม้ปั่นละเอียด (เติมน้ำลงไปด้วย จะได้ไม่ฝืดคอ และไม่หวานเกินไป) เป็นอาหารว่างอีก 1 มื้อ ปริมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ เช่น แอ๊บเปิ้ล สาลี่ แคนตาลูป ชมพู่ แตงไทย แตงญี่ปุ่น ลูกพลับ ลูกพีช ลูกแพร์ พุทรา กล้วย มะม่วงสุก มะละกอสุก (หากกินผัก ผลไม้ สีเหลือง สีส้มมากๆ อาจทำให้ผิวสีเหลือง ไม่อันตราย กินต่อไปได้ ถ้าหยุดกินแล้วกว่าจะหายเหลือง จะใช้เวลานานประมาณ 6 เดือน) ส่วนผลไม้รสเปรี้ยว เช่นส้ม มะนาว กีวี สับปะรด มะเขือเทศ บลูเบอรี่ สตรอเบอรี่ ให้เริ่มหลัง 1 ขวบ เนื่องจากแพ้ง่าย
ช่วงขวบปีแรกเราจะให้ทานเฉพาะปลาน้ำจืด พวกปลาเนื้ออ่อน ปลาช่อน ปลานิล สลับกันไป ช่วงนั้นก็แทบแย่ เหนื่อยทีเดียว แต่ละอาทิตย์ต้องนั่งแกะปลา เอาก้างออกให้หมด ทำทีนึงใช้เวลา 3 ชั่วโมงขึ้นเลย ที่จะต้องคัดก้างออกจากเนื้อปลาให้หมด จะเสียเวลาแค่ไหนแต่ก็ต้องทำเพราะถ้าก้างติดคอลูกนี่เรื่องใหญ่กว่านี้แน่นอน
ส่วนผลไม้ก็จะให้ตามคู่มือป้าหมอ เป๊ะๆ
เดือนที่ 8-9 เพิ่มปริมาณและเนื้ออาหารหยาบขึ้น ตุ๋นให้นุ่ม
โดยเพิ่มข้าวเป็นสองมื้อ อาหารไม่บดละเอียด แต่ตุ๋นให้นุ่ม เวลาป้อนให้ใช้หลังช้อนบด แต่ต้องดูด้วยว่า ลูกสามารถกินได้หรือไม่ ถ้าเคี้ยวแล้วกลืนได้ ไม่ติดคอ ไม่คายออกมา ไม่อมเอาไว้ในปากโดยไม่กลืน แสดงว่ากินได้ แต่ถ้ายังไม่ได้ให้กลับไปบดละเอียดเหมือนเดิม แต่ทำให้ข้นมากขึ้นเล็กน้อย แล้วเดือนหน้าค่อยลองป้อนใหม่
มื้อที่ 3 อาหารต้ม ให้เริ่มเมื่ออายุ 11-12 เดือน
เมนูอาหารไม่ต้องตุ๋น เพียงแค่ต้ม แล้วดูว่าลูกกินได้หรือไม่ เด็กหลายคนเริ่มกินข้าวสวยและข้าวเหนียวได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ เริ่มปรุงรสอ่อนๆ ได้ แต่ต้องดูด้วยว่าไม่มีปัญหาท้องผูกหรือถ่ายออกมาเป็นอาหารไม่ย่อย เนื่องจากการกินอาหารที่หยาบมากข้น
หากลูกน้อยยังไม่ยอมรับอาหาร
การใช้นมแม่มาผสมกับอาหารอาจทำให้ยอมรับสิ่งที่ไม่ยอมกินได้ง่ายขึ้น หากลูกยอมกินนมแม่ที่สะสมอยู่แล้ว และยอมกินข้าวดีอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็น แต่หากลูกมีปัญหาดังกล่าว วิธีเอานมแม่แช่แข็งมาใช้ประกอบอาหารคาว ให้ทำอาหารให้ข้นกว่าปกติ หลังจากที่อุ่นอาหารพร้อมจะกินแล้ว ให้ละลายนมแม่มาราดบนอาหาร จะไม่เอานมแม่ไปต้มกับอาหารตั้งแต่ต้น เพราะจะเสียคุณค่าและมีกลิ่นเหม็น
อาหารพร้อมเสริฟแต่ละช่วงอายุ
หลังขวบเริ่มกินปลาทะเลได้แล้ว ปลาแซลมอนนึ่ง
ข้าวหุงพอกินเป็นมื้อๆ หุงใส่ถ้วยสเตนเลสในหม้อนึ่ง
โตมาอีกนิด กินข้าวสวยเป็นเม็ดได้ละ
มื้อกลางวัน ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ใส่กุ้งกับเต้าหู้ไข่
ข้าวต้มหมูสับไข่คน
เวลาออกนอกบ้านก็ต้องเตรียมเสบียงพร้อมเพรียง ให้ลูกทุกครั้ง
กระเป๋าสัมภาระใส่อาหาร แบบนี้ก็น่ารักดี ใช้งานสะดวก สะพายได้ หิ้วได้ มีช่องใส่กว้างขวาง
ด้านในมีเป็นฟลอยด์เก็บความร้อนความเย็นได้บ้างนิดหน่อย
หม้อนึ่งของ Philips รุ่นแบบนี้ไม่แนะนำเลยค่ะ ล้างตะกรันข้างในไม่ได้ดีเท่าทีควร ถ้าไม่ล้างบ่อยๆ เสียได้ง่าย เครื่องไม่ร้อน อาหารไม่สุก ต้องส่งศูนย์อย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้
ตอนนี้เลยเปลี่ยนมาใช้ของ Tefal เพราะว่าสามารถล้างตะกรันได้จากข้างนอกเลย สะดวก ล้างง่าย ล้างได้บ่อยๆ สังเกตตะกรันตรงแกนกลางได้เลย ถ้าเริ่มมีเยอะก็แช่น้ำส้มสายชูไว้พักนึงก็ล้างออกได้ง่าย รุ่น VC1016
ใช้ไปได้สักพักนึง ก็เพิ่งรู้ว่าตรงลูกบิดสีดำ มันจะเสียได้ง่ายมาก พลาสติกด้านในที่เป็นแกนเอาไว้เสียบกับแกนเหล็กจะละลายได้ง่าย ต้องซื้อเป็นอะไหล่มาเปลี่ยนอย่างเดียว ถ้าไปซื้อที่ศูนย์ tefal ตรงเพชรบุรี เค้าขายอันละ 110 บาท สั่งจากเคาน์เตอร์ในห้างเค้าคิด 2 อัน 275 บาท เรางงมาก ทำไมราคาไม่เท่ากันฟระ
โทรไปถามที่ศูนย์เค้าก็บอกว่าเสียเป็นปกติเพราะตัวเครื่องเป็นเหล็กแต่ตัวอะไหล่เป็นพลาสติก ใช้ไปนานๆ ก็มีเสียได้ (2-3 เดือนเองนะตะเอง หรือไม่ถึงด้วยอ่ะ)
*******************************************
เสียดายเพิ่งได้มาอ่าน