If you love someone, do not think of what she or he does for you. But think of 'Have you done anything for him or her yet?'...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
แบ่งปันไอเดีย ทำอาหารให้ลูกน้อยวัยขวบครึ่ง

ตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะเขียนบล๊อกเรื่องทำอาหารให้ลูก ณ วัยขวบกว่า แต่ไม่มีโอกาสสักที หลังจากที่ลืมถ่ายรูปอยู่บ่อยครั้ง รอบนี้เจ้าเหม่งน้อยขวบครึ่งแล้ว คงเขียนได้สักทีเพราะช่วงที่ผ่านมาเพิ่งมีโอกาสถ่ายรูปโน่นนี่นั่นได้เยอะบ้าง  

วิธีการของเราอาจจะเป็นประโยชน์กับแม่ๆ มือใหม่เอาไปประยุกติ์ใช้เอานะคะ ปรับวิธีการให้เหมาะกับตัวเอง เพราะเราว่าแต่ละคนคงมีวิธีการถนัดที่ไม่เหมือนกัน เราเองก็ไม่ใช่เชฟทำอาหารเก่งกาจที่ไหน ปกติไม่เคยทำอาหารด้วยซ้ำค่ะ อาศัยกินนอกบ้าน กับมีคนทำให้ทานตลอด ต้องมาลงมือทำอาหารเองทุกวันก็เพราะเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะคะ ที่สำคัญเลยคือบ้านเราไม่ทำกับข้าวค่ะ ส่วนใหญ่กินง่ายๆ กับกินนอกบ้าน ไม่ก็ซื้อเข้ามา แล้วก็มีแม่บ้านบ้านญาติข้างๆ ทำมาให้ทาน เราก็เลยจำเป็นต้องลงมือทำอหารให้เจ้าตัวเล็กนี่ละคะ อร่อยบ้าง หน้าตาอาหารดูขี้เหร่บ้าง ลูกไม่กินบ้าง ก็มีบ่อยๆ ค่ะ

แต่สุดท้ายอยากบอกว่าตั้งแต่ลูกโตมาจนขวบครึ่งแล้ว ยังไม่เคยท้องเสียเลยค่ะ มีแต่เป็นไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ แค่นั้นเอง คงเป็นเพราะเราลงมือทำเองทุกอย่าง ไม่ได้ปล่อยให้พี่เลี้ยงทำเท่าไหร่ เพราะเคยเห็นฝีมือความสะอาดแล้ว ไม่ค่อยถูกใจ ก็เลยตัดสินใจเหนื่อยเองดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกเราค่ะ

 

อาหารที่เราทำเอาสะดวกเราเป็นหลักเลย เพราะเราต้องทำงานนอกบ้านวันจันทร-ศุกร์ค่ะ เลยไม่มีเวลามานั่งผัดๆ ปรุงอาหารแบบซับซ้อนมาก เอาง่ายๆ แบบพี่เลี้ยงหรือคุณย่าสามารถไปอุ่นเพื่อทานในแต่ละมื้อได้ง่ายๆ อาหารก็จะเป็นประเภทนึ่งทั้ง 3 มื้อ สำคัญเลยคือเราไม่อยากให้พี่เลี้ยงหรือคุณย่าต้องมานั่งเปิดแก๊สทำอาหารค่ะ กลัวอันตรายตอนไม่มีคนอื่นอยู่บ้าน แล้วก็เราก็ชอบด้วยเพราะยังไม่อยากให้ลูกทานอาหารผัดๆ ที่มีน้ำมัน เน้นอาหารนึ่ง ปรุงรสนิดหน่อยก็พอ

เริ่มแรกก็ต้องเตรียมวัตถุดิบกันก่อน เราจะไปซื้ออาหารสด ผัก ทุกอาทิตย์ค่ะ วันเสาร์หรืออาทิตย์ก็ได้แล้วแต่ว่าสะดวกวันไหน เวลาซื้อส่วนใหญ่ก็ถ้าไม่เป็น Top ก็จะไป The Mall 

พวกเนื้อสัตว์ต่างๆ นี่แต่ก่อนเราจะปรุงสุกแล้วก็เก็บเข้าฟรีส แต่ตอนนี้ลูกโตแล้ว เราจัดเก็บเข้าฟรีสเหมือนเหมือนเดิม แต่จะเก็บแบบดิบๆ เลย เพื่อความง่ายและสะดวก

เนื้อสัตว์ที่เราซื้อหลักๆ ตอนนี้ก็มี --

1) เนื้อปลาแซลมอน เลือกแบบเกรดเอ เนื้อจะนิ่มรสชาติดีกว่าแบบธรรมดา หอมกว่า ตกกิโลละประมาณ 1500 บาท ขึ้นอยู่ว่าช่วงไหนมีโปรโมชั่นก็จะถูกลงหน่อย เวลาเลือกให้เลือกเนื้อตรงช่วงกลางๆ ค่อนไปทางหัว เลือกชิ้นสีสดมีชั้นไขมันเยอะหน่อย เพราะประโยชน์ของปลาแซลมอนก็อยู่ตรงน้ำมันนี่ละคะ ลงทุนซื้อของแพงแล้วก็ต้องเลือกส่วนที่ดีที่สุดไปเลย เวลาซื้อบอกคนขายได้ค่ะว่าเราต้องการช่วงไหน แล้วก็ขนาดชิ้นเท่าไหร่ คนขายก็จะกดมีดให้เราดูว่าเราโอเคมั้ย ปกติเราจะซื้อครั้งละประมาณ 300-600 บาทค่ะ จัดแบ่งแล้วก็กินได้อาทิตย์กว่าๆ

2) เนื้อปลากระพง ปลาเก๋า อันนี้เราจะชอบเลือกแบบชิ้นใหญ่ๆ ที่เค้าตัดมาจากตัวใหญ่ๆ เลือกชิ้นที่อยู่ตรงกลางค่อนไปทางหาง เพราะกลัวก้างค่ะ เราไม่ชอบซื้อแบบตัวเล็กๆ เพราะกลัวก้างนี่ละคะ ไม่อยากมานั่งเสียเวลาคัดก้างออก ปลาตัวใหญ่ก็จะแพงหน่อยแต่ก็สะดวกดีตรงที่เบาใจว่าแทบจะไม่มีก้าง หรือถ้ามีก้างก็จะเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่เราเห็นได้ง่าย 

3) เนื้อปูแกะ เท่าที่เดินๆ ดูตามเซ็นทรัลจะค่อนข้างแพงมาก เราซื้อที่เดอะมอลล์ค่ะ จะถูกหน่อย แพ็คนึงก็ประมาณ 250 บาท เป็นเนื้อก้อนแกะได้ดีมาก อันนี้ขอชม ราคาไม่แพง คุณภาพดี

4) เนื้อหมู-ไก่ พยายามเลือกแบบเลี้ยงธรรมชาติไม่ใส่ฮอร์โมนนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ไก่มีฮอร์โมนเยอะ ไม่ดีต่อเด็ก ทำให้เด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วเกินธรรมชาติ อันนี้เราได้ยินประสบการณ์ตรงจากเพื่อนที่ทำงาน 2-3 คน ก็เลยเริ่มกลัว ลด เลี่ยงดีกว่าถ้าทำได้

5) เนื้อกุ้ง จริงๆ กุ้งแบบไหนก็ทานได้หมดนะคะ แต่ถ้าให้ดีหน่อยเป็นกุ้งทะเลค่ะ แชบ๊วยแพงๆ ก็โอเลย เนื้อนิ่มอร่อย แต่ช่วงหลังๆ นี่แชบ๊วยในห้างแพงมากค่ะ กิโลนึง 8-900 ซื้อไม่ค่อยลง เน้นซื้อตามตลาดข้างนอกถูกกว่าครึ่งๆ ค่ะ วิธีเลือกกุ้งของเราก็เน้นตัวแข็งๆ เปลือกแข็งๆ ตัวไสๆ หัวไสๆ

ช่วงนี้เราก็จะซื้อเนื้อสัตว์ 5 อย่างนี่ละคะ สลับๆ กันไป อันไหนเริ่มหมดก็ค่อยๆ ซื้อเข้ามาเก็บไว้ ถ้านึกอะไรออก อยากให้เค้าทานอะไรแปลกๆ ก็ซื้อมาเก็บใสบล๊อกเข้าฟรีสไว้


วิธีเตรียมเนื้อสัตว์ก็ล้างๆ แล้วก็หั่นเป็นชิ้น พร้อมปรุง แล้วก็เก็บใส่บล๊อกน้ำแข็งไว้  พอแข็งก็แกะใส่ทัพเพอร์แวร์ค่ะ

แซลมอนนี่เอาหนังด้วยนะคะ อย่าทิ้งเสียดาย มีประโยชน์มาก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เด็กจะได้ทานง่ายๆ แต่ดูนิดนึงกว่าขอดเกล็ดออกหมดหรือเปล่า เดี๋ยวติดคอได้

แล้วก็เอาใส่บล๊อกน้ำแข็งไว้ เพื่อง่ายต่อการเอามาละลายเพียงพอต่อการทำอาหารแต่ละมื้อ
ใส่เรียบร้อยก็เอาเก็บเข้าตู้เย็นช่องฟรีสเลยค่ะ

เนื้อปลาแซลมอนเราซื้อมารอบนี้ 350 บาท แบ่งทานได้ 9 มื้อ ตกมื้อละ 35 บาท ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ มีประโยชน์เยอะมาก

 

จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการเตรียมทำน้ำซุป เราใช้หม้อตุ๋นอันนี้ค่ะ ใช้ทำอาหารลูกได้ทุกอย่างในหม้อนี้ คุ้มมาก ใช้เป็นที่นึ่งอาหารของลูกแต่ละมื้อด้วยค่ะ ใช้ง่าย พี่เลี้ยง-คุณย่าก็ใช้เป็น กดปุ่มเดียวพร้อมนึ่งได้เลย

ผักที่เราใช้ใส่เพื่อเตรียมทำน้ำซุปก็มี
มันฝรั่ง
หัวใชเท้า
หอมหัวใหญ่
มะเขือเทศ
+ ใส่เกลือปรุงรสนิดหน่อย ไม่ใช้น้ำปลาลดกลิ่นคาวจากน้ำปลา

ตุ๋นผักจนเกือบเปื่อย ถึงค่อยใส่เนื้อหมู (หรือเนื้อไก่)

เวลาทำน้ำซุปหมู เราใช้กระดูกหมูแบบชิ้นตรงซี่โครงที่เป็นเส้นตรงๆ เราไม่ซื้อกระดูกหมูแบบที่ชิ้นใหญ่ๆ แล้วมีเอ็นขาวๆ อันนั้นมันเยอะค่ะ แล้วก็จะใส่เนื้อหมูตรงสันใน หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าใส่หม้อตุ๋น ตุ๋นไปพร้อมกันเพื่อให้เนื้อนิ่มลง เนื้อหมูที่เอาไปตุ๋นจะหอมนิ่ม น่ากินกว่าเนื้อหมูที่เอาไปนึ่งเยอะเลยค่ะ

ตั้งเวลาตุ๋นประมาณ 10 ชั่วโมง แล้วก็ตั้งอุ่นทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จัดการแยกน้ำ เนื้อหมู ผัก ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็ ตักน้ำซุปเข้าบล๊อกน้ำแข็งเก็บ ส่วนเนื้อหมูที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ปั่นอีกนิดนึง เพราะลูกยังไม่มีฟันกราม แล้วก็เอาเก็บเข้าบล๊อกน้ำแข็ง แต่ถ้าลูกมีฟันกรามขึ้นเยอะแล้วก็ไม่ต้องปั่นแล้วค่ะ ให้เค้าเริ่มเคี้ยวเองได้เลย ที่เราปั่นอีกหน่อยเพราะไม่อยากให้ลำไส้เค้าทำงานหนัก เดี๋ยวท้องผูกถ่ายยากแล้วจะเป็นปัญหาใหญ่

 

หรือจะทำน้ำซุปผักบ้างก็ดีคะ เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่มีไขมันจากสัตว์ด้วย เพิ่มความหวานจากผักแทน ผักที่ใส่ก็จะมี

หอมหัวใหญ่ หัวไชเท้า ฟัก แครอท ฟักทอง สาหร่าย

ส่วนผักสดก็ล้างน้ำแช่น้ำยาฆ่าแมลง แล้วก็วางทิ้งให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่อง

อันนี้เป็นมุมเก็บอุปกรณ์ประกอบอาหารของเหม่งน้อยค่ะ

 เก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย เวลาเอามาใช้จะได้สะดวกง่าย รวดเร็ว

 

ข้าวสาร ตอนนี้เราใช้ข้าวสวยธรรมดาแล้วค่ะ ไม่ได้ใช้ข้าวซ้อมมือเหมือนแต่ก่อน เพราะเหม่งน้อยไม่ค่อยยอมกินข้าวสีน้ำตาลเท่าไหร่ อยากกินสีขาวๆ ชอบกินเหมือนพ่อแม่ ก็เลยเปลี่ยนเป็นข้าวหอมมะลิ แต่ก็ยังแอบผสมเมล็ดแฟล็กซ์ให้เค้าทานอยู่ค่ะ แต่ก็ใส่น้อยลง

 

เวลาเตรียมทำอาหารให้ลูก เราก็จะเตรียมตอนเย็นก่อนนอน เอาน้ำซุป เนื้อสัตว์ที่ใส่ฟรีซไว้ เอามาใส่ถ้วยไว้แบบนี้ ช่วงนี้ลูกไม่ค่อยชอบทานเนื้อเท่าไหร่ ชอบทานแต่ข้าวเปล่า ก็จะใส่เนื้อแค่ก้อนเดียว

 

แล้วก็ใส่ผักสารพัดประเภทลงไป เค้าจะทานหรือไม่ทานก็ไม่เป็นไร แค่มีกลิ่นไอผักผสมอยู่ด้วยเราก็โอเคแล้วค่ะ ช่วงหลังนี่ลูกทานผักน้อยลง เจอผักจะชอบคายทิ้งอย่างเดียวเลย

ประเภทของผักหลักๆ ที่เราจะใส่ให้เค้าทุกวันจะเป็นหอมหัวใหญ่ กับผักชีหั่นละเอียดค่ะ ต้องใส่ทุกมื้อ มื้อละนิดหน่อย ที่เหลือก็เป็นผักใบเขียว ผักกาดขาว บล๊อกโคลี กับผักอื่นๆ สลับกันไป ตอนนี้ต้องหั่นผักชิ้นเล็กลงค่ะ เพราะลูกชอบคายผักที่เป็นเส้นยาวๆ หั่นให้สั้นขึ้นจะไม่ค่อยคายเท่าไหร่

แล้วก็จะมีใส่เต้าหู้บ้าง เป็นเต้าหู้ไข่ เต้าหู้ถั่วเหลืองของญี่ปุ่น เหมือนที่เค้าใส่ในซุปของญี่ปุ่นนั่นละคะ เด็กชอบ


อันนี้ก็จะเป็นถ้วยหลักๆ ที่เราเตรียมไว้ให้พี่เลี้ยงค่ะ มื้อเช้านี่เราจะลงมาเตรียมทำให้เรียบร้อยพร้อมทานตั้งแต่เช้าเลย ปกติก็จะเป็นไข่ตุ๋นเนื้อปูบ้างเนื้อปลาบ้างแล้วแต่ แล้วก็ใส่สารพัดผัก

ไข่ตุ๋นที่เราทำก็ผสมน้ำลงไปเยอะหน่อย ใช้ที่กรองไข่ที่ตีผสมน้ำ ใส่ลงในถ้วยที่มีเนื้อปูกับผัก+ก้อนน้ำซุป คนๆ ให้เข้ากัน ผิดฝาด้วยฟอยส์แล้วก็เอาเข้าเครื่องนึ่งเลย

ส่วนมื้อกลางวันก็จะเป็นอาหารประเภทเส้น พี่เลี้ยงก็จะเอาถ้วยอาหารที่เราเตรียมไว้ ถ้วยนึง (มื้อเที่ยงจะใส่น้ำซุปเยอะหน่อยเพราะจะทำเป็นก๋วยเตี๋ยวค่ะ) ใส่หม้อนึ่ง พร้อมกับเส้น อันนี้เค้าเลือกเองได้ค่ะว่าจะทานเส้นอะไร เส้นหมี่ เส้นก๋วยจั้บ เส้นมักกะโรนี เส้นบะหมี่ เราเตรียมใส่กล่องทัพเพอร์แวร์เอาไว้เพื่อความสะดวกเรียบร้อยแล้ว ก็เอาเส้นที่เลือกใส่กระปุกใส่น้ำลงไปแล้วก็ปิดฝาเอาเข้าหม้อนึ่ง รอสักพักสุกแล้วก็เอามาผสมกัน ทานได้เลยเป็นก๋วยเตี๋ยวแล้วค่ะ

ส่วนมื้อเย็นก็จะเอาถ้วยที่เหลือเข้าหม้อนึ่ง พร้อมกับข้าวสวยที่ผสมเมล็ดแฟล็กใส่น้ำลงในกระปุก เอาเข้าหม้อนึ่งเหมือนเดิม มื้อเย็นก็จะเป็นทานข้าวสวยกับปลานึ่ง

 

อาหารพร้อมเสิร์ฟแล้วค่า 

 

Smiley

Smiley 

Smiley

เตรียมอาหารสด ผัก อาหารมื้อหนักเรียบร้อย

สุดท้ายก็เหลือ อาหารว่าง ผลไม้

ทุกๆ วันเราก็จะเตรียมผลไม้ ขนมปังไว้ประมาณนี้ค่ะ หั่นใส่กระปุกไว้ พอถึงเวลาก็จะเอากระปุกให้เค้าไปถือไว้แล้วหยิบทานเอง เค้าก็จะชอบที่ได้ถือเองแล้วทานเองค่ะ

ขนมปังเลือกแบบโฮลวีทค่ะ ผลไม้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน มะละกอ มะม่วงสุก สตรอเบอรี่ ส้มโอ สับปะรด แก้วมังกร ส้ม ผลไม้ตามฤดูกาลอย่างอื่นๆ

จะมีน้ำส้มคั้นอีกอย่างที่เราเตรียมทำใส่แก้วให้เค้าทานทุกวัน แต่ละวันก็จะทำประมาณนี้ ใช้เวลาไม่นานค่ะ ถ้าเราเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมไว้ตั้งแต่เสาร์อาทิตย์ พอถึงเวลาก็หยิบๆ มาใส่ หั่นใส่ ง่ายมาก

 

SmileySmileySmileySmileySmileySmiley


ช่วงแรกที่เราต้องเตรียมเริ่มทำอาหารให้ลูกก็เครียดค่ะ เพราะหาข้อมูลไม่ค่อยมีเลย อีกอย่างเราไม่เคยทำกับข้าวนี่สิ เลยไม่รู้จะเริ่มยังงัย ลองผิดลองถูกมาเรื่อย มีบางเรื่องก็เสียใจที่รู้ช้าไป หรือทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อน ตอนนี้ย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่เราเริ่มเตรียมทำอาหารเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่มันก็ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงแชร์ประสบการณ์แบ่งปันให้แม่ๆ มือใหม่ที่บังเอิญมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน

ต้นทุนความรู้แต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนบางครอบครัวทำอาหารเป็นอยู่แล้วก็โชคดีไป หรือมีคุณย่าคุณยายทำอาหารเก่ง คุณแม่ๆ ก็สบายไป แต่บ้านเราคุณย่าไม่ได้ทำอาหารค่ะ ทำไม่เป็นเลย ก็เลยต้องเป็นเราที่ทำทุกอย่าง ทำอาหารนี่เป็นอะไรที่บางครั้งเหนื่อยมาก แต่ก็โชคดีที่ทำอาหารอย่างเดียวไม่ต้องล้างจาน ไม่งั้นก็เหนื่อยคูณสอง ... เราไม่กล้าปล่อยเรื่องทำอาหารให้พี่เลี้ยงหรือคนทำงานบ้านทำให้ลูก กลัวหลายๆ อย่าง เรื่องความสะอาดนี่สำคัญเลย แต่สักพักนึงโตกว่านี้คงต้องพึ่งพาป้าแดง แม่บ้านบ้านข้างๆ ที่ทำอาหารให้ที่บ้านเราทานให้เค้าช่วยทำให้เหม่งน้อยทานด้วย

บางทีก็หมดมุขไม่รู้จะสรรหาอะไรมาให้ลูกทานดี ก็อาศัยแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน มีลูกวัยไล่ๆ กันนี่ละคะ ช่วยได้เยอะ

Smiley  Smiley  SmileySmileySmileySmiley

คิดว่าคงเป็นประโยชน์กับแม่ๆ มือใหม่ได้บ้าง แบ่งปันกันค่ะ 




Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2556 17:30:29 น. 11 comments
Counter : 8380 Pageviews.

 
LIKE


โดย: deco_mom วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:40:58 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะ เป็นประโยชน์มากเลย


โดย: เชอรี่แม่น้องเลโอ IP: 202.176.88.21 วันที่: 8 ตุลาคม 2556 เวลา:17:00:03 น.  

 
ทำอาหารไม่เป็นเลย คนแรกอาม่าทำให้ คนที่สองมีที่ทำเองได้แล้ว อ่านดูแล้วน่าจะทำตามได้ ขอบคุณมากนะคะ


โดย: แม่น้องหมีพูห์ IP: 49.48.190.54 วันที่: 6 มกราคม 2557 เวลา:22:53:09 น.  

 
เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ


โดย: ืnatcha IP: 182.52.63.218 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:10:23:04 น.  

 
กำลังคิดอยู่เลยค่ะว่าถ้าวันนึงลูกกิน 3 มื้อคงไม่มีเวลาทำให้ทานเองทุกมื้อทุกวันแน่ เพราะเลี้ยงลูกคนเดียวค่ะ มาอ่านเจอแล้วเป็นประโยชน์มากค่ะ แล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวนี่เก็บยังไงคะ แล้วพวกเนื้อกับผักสดฟรีซไว้ได้นานไหมคะ ไม่เสียเหรอคะ


โดย: แม่น้องออกัส IP: 182.52.10.95 วันที่: 30 พฤษภาคม 2557 เวลา:21:24:46 น.  

 
คุณแม่น้องออกัส

พวกเนื้อสัตว์ก็เก็บแบบสดเข้าฟรีซก็น่าจะเก็บได้ 2-3 อาทิตย์เลยนะคะ ตู้เย็นสองประตูเราว่าเก็บได้นาน เพราะอย่างนมแม่ก็เก็บได้ 6 เดือนแล้ว

ส่วนผักสดก็ส่วนใหญ่จะซื้อทุกอาทิตย์ ไม่ก็เว้นอาทิตย์ถ้ายังมีเหลือค่ะ ผักที่หั่นแล้วก็สัก 2-3 วัน แต่ถ้ายังไม่หั่นก็อาทิตย์นึงยังได้อยุ่นะคะ


โดย: Bigcrab วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:8:18:20 น.  

 
ขอถามเพิ่มนะคะถ้าสมมุติเราทำเป็นอาหารที่ปรุงเรียบร้อยแล้วจะเก็บฟรีสไว้ได้เหมือนกันไหมคะ ปกติทำอาหารไม่เป็นเลยเพิ่งมาทำตอนมีลูกนี่ล่ะคะ แถมต้องเก็บล้างเองด้วยเหนื่อยสุดๆ


โดย: แม่น้องออกัส IP: 101.109.165.89 วันที่: 18 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:48:22 น.  

 
สมัยลูกเราเล็กๆ ก็ทำอาหารที่ปรุงสุกแล้วเก็บเข้าฟรีซนะคะ เอามาอุ่นก็ทานได้เลย แต่พอดีช่วงหลังลูกโตขึ้นแล้ว อยากทำอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ให้ทานแทนค่ะ


โดย: Bigcrab วันที่: 21 กรกฎาคม 2557 เวลา:8:43:18 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ผมเลี้ยงลูกชายเอง หาขอมูลดีๆๆอยู่ครับ


โดย: Sumo nook IP: 1.47.72.231 วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:10:18:50 น.  

 
สุดยอดคุณแม่เลยคะ ขอบคุณมากค่ะ มีประโยชน์มากๆ


โดย: may IP: 58.97.30.178 วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:13:44:36 น.  

 
ดีจังเลย ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ


โดย: summer flower IP: 203.155.126.130 วันที่: 25 ธันวาคม 2558 เวลา:18:56:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bigcrab
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 160 คน [?]




Friends' blogs
[Add Bigcrab's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.