หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Something sweet…เรื่องเล่าของพิณสุดา(บทที่7)



พิณสุดาเดินลากกระเป๋ามาตามทางลูกรังอย่างเหนื่อยหอบ สาวผิวคล้ำคมขำนึกบริภาษตัวเองที่อวดเก่งจนได้เรื่อง รู้อย่างนี้หล่อนยอมให้บุษบามารับที่ท่ารถดีกว่า ใครจะไปนึกล่ะว่า อยู่ดีๆรถโดยสารจะเสียกะทันหัน
หล่อนจึงเคว้งท่ามกลางคนแปลกหน้าที่มองหล่อนด้วยสายตาสงสัย ในการแต่งตัวกางเกงขาสามส่วนเข้ารูป
เสื้อลายสก๊อตผูกเอวเปิดให้เห็นเสื้อสายเดี่ยวสีขาวโชว์อกอวบๆ รองเท้าส้นสูง


พิณสุดามาเรียนกรุงเทพฯตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย หล่อนอาศัยอยู่กับญาติ ก่อนที่จะแยกมาอยู่คนเดียวเมื่อเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตในเมืองใหญ่ ผู้คนไม่สนใจกัน ทำให้หญิงสาวไม่แคร์สายตาคนอื่น


พิณสุดานั้นตัวเล็กผิวคล้ำ หน้าคม ผมหยักศก อกอึ๋ม
รูปร่างหน้าตาหล่อนจัดอยู่ในสเปคฝรั่งเต็มที่ ยิ่งหล่อนพูดภาษาอังกฤษคล่องด้วย แม้หล่อนจะไม่จัดว่าอยู่ในประเภทสวย แต่ก็เป็นคนที่ดูดี พิณสุดารู้จักเลือกอะไรที่เหมาะกับตนเอง นอกจากนั้นหล่อนยังมีวาจาเป็นอาวุธ


หล่อนพูดเก่ง ช่างเจรจา จนเจ้านายร่ำๆจะเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นเซลล์ของโรงแรมอยู่แล้ว
เวลามีงานอบรมพนักงานทีไรหญิงสาวจะเป็นพิธีกรตลอด


ถนนลูกรังสีแดงทอดยาวไปไกล แดดร้อนเปรี้ยงๆ ไม่มีรถผ่านมาสักคันเลย พอหล่อนจะโทรหาเพื่อน แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ก็ดันหมด พิณสุดาลากกระเป๋าอย่างเหนื่อยอ่อนพลางเข่นเขี้ยวเอากับคนขับรถ


“ ไร่อสัญเหรอครับ คุณเดินตรงไปได้เลย “
คนขับรถโดยสารผิวคล้ำแดดยิ้มแป้น ตอนที่หล่อนถาม
“ เดินไปไม่กี่กิโลหรอกครับ “
คงไม่กี่กิโลตามที่เขาว่าจริงๆ แต่เป็นกิโลแม้ว…เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที


รถกระบะคันหนึ่งวิ่งฝุ่นคลุ้งแดงตลบมาตามถนน พิณสุดาอารามดีใจรีบโบกให้จอด แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่หลังรถหญิงสาวจึงชะงักมือโดยไว ผู้ชายทั้งนั้น ท่าทางน่ากลัวด้วย รถวิ่งผ่านเลยไปพร้อมกับสายตาหลายคู่ที่มองหล่อนตาค้าง แล้วรถคันนั้นก็ถอยหลังกลับมา


“ จะไปไหนเหรอจ๊ะ น้องสาว “
เสียงผู้ชายบนหลังรถกระบะถาม สายตาโลมเลียเต็มที่ พิณสุดารีบดึงกระเป๋าลากมาไว้ใกล้ตัว
หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง เตรียมเผ่นเต็มที่ถ้าใครจะมายุ่มย่าม


“ พวกพี่ไปส่งไหมจ๊ะ “
อีกคนโน้มตัวลงมาจากรถ ยิ้มฟันเหลืองให้หล่อน พิณสุดายิ้มปุเลี่ยน
“ ไม่เป็นไรค่ะ เดียวก็ถึงแล้ว “
หล่อนรีบลากกระเป๋าไปอีกทาง
แย่จริง!บุษบามาเพื่อนสาวมาอยู่บ้านไร่ ...นี่ก็ว่าเหมือนในนิยายพอแล้วนะ
ยังจะมาเจออันธพาลเหมือนหนังไทยอีก


“ ไม่เป็นไรพวกพี่มีน้ำใจ เดี๋ยวไปส่งให้ “
คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียงแต่ผู้ชายหลายคนบนหลังรถกระบะเดินลงมา ย่างสุขุมเข้ามาหา


สัญชาตญาณหญิงส่งเสียงหวอมาแต่ไกล สถานการณ์อันตราย! ร่างคล้ำรีบลากกระเป๋าโกยอ้าวไปทันใด
“ เฮ้ย! ตาม แต่งตัวยั่วอย่างนี้กูชอบ “
เสียงตะโกนไล่หลังตามมา พิณสุดาวิ่งหนีบนรองเท้าส้นสูง พอพวกมันจะใกล้เข้ามาหญิงสาวจึงรีบกอบดินลูกรังขว้างออกไป ฝุ่นแดงคลุ้งจนพวกมันต้องปิดตา
“ โอ๊ย! นั่งนี่ฤทธิ์มากนัก “


ที่นี่ไกลจากกรุงเทพฯไม่เท่าไหร่แต่ทำไมผู้คนเถื่อนกันอย่างนี้ นี่หล่อนจะถูกข่มขืนหรือ?
แม้สมองจะตระหนกแต่ขาก็ยิ่งวิ่งต่อไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงเฟี้ยวฟ้าวแหวกอากาศ พวกที่วิ่งตามหล่อนมาทำท่าเหมือนโดนอะไรเจ็บๆ
กุมแขนกุมขากันเต็มที่


“ พวกแกทำอะไรกัน “
ร่างหนึ่งโผล่พรวดเข้ามา สูงใหญ่ แต่งชุดลายพรางแบบทหาร สวมหมวกและปิดหน้าปิดตา ในมือเขามีปืน
จากนั้นคนแต่งกายในชุดคล้ายๆกันอีกสี่ห้าคนก็ตีวงล้อมเข้ามา


“ ฉันถามว่าพวกแกทำอะไร “
เสียงนั้นตะคอกอย่างทรงอำนาจ พวกที่ตามหล่อนมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก พิณสุดาไม่สนใจอะไร
เมื่อเห็นสบโอกาสจึงลากกระเป๋าหนี


“ เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน ทางนั้นมัน…”
ยังไม่ทันที่จะได้ฟังจนจบประโยค พิณสุดาก็รู้สึกพื้นตกวูบ หล่อนตกตุบไปในหลุมที่เฉอะแฉะ ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากอุทานอะไร บางอย่างที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมก็ลอยมากระทบศีรษะ หล่อนจำได้แล้วกระเป๋าหล่อนนั่นเอง
หญิงสาวรู้ได้แค่นั้นแล้วสติก็ดับวูบไป


พิณสุดาตื่นมาอีกครั้งในห้องที่มีกลิ่นประหลาด เหมือนกาวยางและพลาสติก เสียงรายการภาษาอังกฤษดังแว่วๆมาจากอีกด้านหนึ่ง เมื่อหล่อนลุกขึ้นมาก็แทบกรี๊ด เสื้อผ้าหล่อนหายไป! หล่อนนอนเปลือยกายอยู่…มีเพียงผ้าผืนบางคลุมกันอุจาด


ที่นี่ที่ไหน! เสียงกึ๊กกักดังอยู่ข้างนอก หญิงสาวหันซ้ายหันขวา ห้องนี้ประดับด้วยปืนทั้งหมด ทั้งเล็กทั้งใหญ่ มีชุดลายพรางแบบทหารแขวนอยู่หลายชุด


หล่อนกระชับผ้าห่มแน่น ข่มขืน! ในหัวหล่อนมีแค่คำนี้ เสียงเดินนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พิณสุดาดึงผ้าห่มพันรอบกาย ลุกจากเตียง วิ่งไปหยิบปืนที่แขวนอยู่มากระบอกหนึ่ง ใจคิดว่าเป็นไงเป็นกัน ถ้าเป็นคนร้าย แม่จะยิง!

…แล้วถ้าเป็นคนดีที่มาช่วยหล่อนล่ะ แม้ว่าอีกใจจะค้านอย่างนั้นแต่หล่อนก็มีคำตอบให้เสร็จ
คนดีที่ไหนกันที่มาถอดเสื้อผ้าผู้หญิงล่อนจ้อนอย่างนี้


ประตูเปิดผัวะเข้ามาพร้อมกับร่างหนึ่ง สูงใหญ่ ใส่กางเกงขาสั้นสีขี้ม้า เสื้อยืดลายหัวกะโหลก และที่เหนือกว่านั้นใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ผมยาวรวบเป็นปมไว้กลางหัว ดวงตาของเขาซ่อนไว้ในแว่นกรอบพลาสติคสีเหลือง
“ หยุดนะ ยืนอยู่ตรงนั้น “
หญิงสาวขู่ฟ่อ ยกปืนขึ้นเล็งเขาเต็มที่
“ นายเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน “
แต่ร่างสูงนั้นกลับมองหล่อนแว่บหนึ่ง ก่อนจะเดินโครมๆไปที่ตู้เสื้อผ้า


“ หูแตกหรือยังไง ฉันถามว่านายเป็นใคร เห็นไหม ฉันมีปืน เดี๋ยวก็ยิงไส้แตกหรอก “
เขาชะงัก ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลย พิณสุดาจึงตัดสินใจจะยิงขู่ แต่ทว่า…
“ ปืนไม่มีกระสุนหรอก ปืนจำลอง BB Gun น่ะรู้จักไหม “
เจ้าของเสียงหนวดเคราครึ้ม ยื่นเสื้อผ้ามาให้หล่อน หญิงสาวยังทำหน้างุนงงอยู่
ที่ลั่นไกไปแล้ว แต่ไม่มีอะไรออกมาเลย


“ ใส่ซะ “
เขาย้ำ ปรายตาดูอกอิ่มๆภายใต้ผ้าห่ม เล่นเอาพิณสุดาทิ้งปืนจำลองเสียงโครม รีบเอามือกระชับผ้าให้แน่นขึ้น
“ เสื้อผ้าฉันล่ะ “
“ ส่งซักอยู่ ใส่นี่ซะถ้าไม่อยากเป็นชีเปลือย หรือไม่ก็จะโดนไล่ข่มขืนรอบสอง “
มือใหญ่นั้นยื่นเสื้อยืดและกางเกงแพรจีนพับเป็นระเบียบมาให้


“ ที่นี่ ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง “
หญิงสาวถามรัวเร็วอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ ไร่นายพล คุณสลบตกหลุมโคลน ผมเลยพามาที่นี่ ตัวคุณเปื้อนมากผมไม่อยากให้เตียงสกปรก
เลยเปลี่ยนเสื้อผ้า “
คนตัวโตตรงหน้าบอกเสียงเรียบนิ่ง


“ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ“
หญิงสาวปากคอสั่น เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หล่อนแสดงว่าเขาคงเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดนะสิ
เขาไม่ได้ตอบอะไร หล่อนไม่รู้เลยว่าใบหน้าภายใต้หนวดเครานั้นแสดงสีหน้าเช่นไร


“ คุณมันไม่เป็นลูก ผู้ชาย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ฉวยโอกาส “
หล่อนบริภาษเขาเป็นชุด
ชายหนุ่มเพียงกอดอกมองหล่อนพูดปาวๆอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนจะเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย


“ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ผมอุตส่าห์มีมนุษยธรรมช่วยคุณจากไอ้พวกคนงานหื่นกามแล้วนะ
แต่ผมก็มีลิมิตนะ ผมไม่อยากให้เตียงนอนผมเปื้อน แต่จะให้ผมทิ้งคุณในชุดเปียกโคลนแนบเนื้อไว้แคร่กลางไร่ก็ไม่ได้ เลยต้องพามานี่ “


พิณสุดารับฟังด้วยสีหน้าแดงซ่าน เหตุผลมันก็ฟังขึ้นอยู่หรอก แต่ยังไงหล่อนก็เสียหาย ถึงแม้หล่อนจะชอบแต่งตัวเปรี้ยวปานใด แต่การที่เปลือยกายให้ผู้ไม่รู้จักมักจี่เห็นนี่มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงธรรมดาจะรับได้


“ ถ้าคุณบอกว่าผมไม่เป็นสุภาพบุรุษ คุณก็ไม่เป็นสุภาพสตรีเหมือนกันล่ะ แต่งตัวล่อตะเข้ออกอย่างนั้น “
ผู้ชายตรงหน้าพูดเสียงเยาะ หญิงสาวปากคอสั่นอยากจะกรี๊ดให้ลั่นห้องเลยทีเดียว


“ อีกอย่าง ถ้าเป็นในนิยายสุภาพบุรุษคงต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงาน ถ้าเป็นคุณก็โอเคอยู่หรอก
แต่ต้องปรับปรุงเรื่อง การแต่งตัวอีกหน่อย เขาว่ากันว่าผู้หญิงที่มีไฝที่สะดือจะเป็นคนใจเย็น เป็นเมียที่ดี “
ไฝที่สะดือ…เขารู้เรื่องไฝหล่อนแสดงว่าเห็นหมด


“ ใส่เสื้อผ้าซะ อย่าออกไปไหน เดี๋ยวผมจะพาไปส่งทีที่คุณจะไป “
เขาทิ้งท้ายก่อนที่จะปิดประตูปัง พิณสุดายืนนิ่งสักครู่หนึ่งก่อนที่จะกรี๊ดออกมาเสียงลั่น
น้ำตาพรั่งพรูร้องไห้กับชีวิตบัดซบของตัวเอง


ตั้งแต่เกิดมา มีแฟนก็หลายคน
แต่ไม่มีใครที่คบกันลึกซึ้งขนาดที่รู้ว่าหล่อนมีไฝอยู่ที่สะดือ
หมดกัน ชีวิตหล่อน…แม้จะไม่โดนข่มขืนแต่ก็ต้องตกเป็นอาหารตาของอีตาผู้ชายปากเสียตัวใหญ่อย่างกับหมี
มันกรรมเวรอะไรของหล่อนล่ะนี่…


สีหนาทยืนฟังเสียงหญิงสาวกรี๊ดอยู่ที่ประตูด้านนอก ถ้ากรี๊ดได้ดังอย่างนี้แสดงว่ามีแรงแล้ว
หน้าตาท่าทางที่มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนั่น แสดงว่าสมองยังปรกติ ไม่ได้น็อคจากการตกหลุม


“ คุณสิงห์คะ ผู้หญิงที่พามาเป็นยังไงบ้าง “
คนรับใช้เก่าแก่วัยกลางคนเดินเข้ามาถาม แต่ก็ต้องนิ่วหน้ากับเสียงกรี๊ดปนสะอื้นของคนในห้องเจ้านายหนุ่ม


“ ไม่เป็นไร ปรกติดีแล้ว เข้าใจว่าฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เลยอายที่ถูกฉันเห็นแล้วก็สติแตก “
คนถามถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางบ่นอุบอิบ
“ อิฉันล่ะโล่งใจ แต่ทำไมคุณสิงห์ไม่บอกเธอละคะว่าอิฉันเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ “
คนเป็นเจ้านายหัวเราะหึๆ หัวเราะแบบเวลาได้ปืนจำลองอันใหม่มา


“ ไม่เป็นไรหรอกป้า อย่าไปบอกเธอล่ะ ผมขี้เกียจอธิบาย ให้เจอเรื่องอย่างนี้เป็นบทเรียนน่ะดีแล้ว จะได้ระวังเรื่องการแต่งตัวด้วย ผู้หญิงอะไรแต่งตัวยั่วซะ “
ตอนที่เขาเห็นหล่อนครั้งแรก คิดว่าตัวเองตาฝาดบียอนเซ่ โนว์ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตัวเล็ก ผิวสีแทน อกอึ๋ม
เขาพอจะเข้าใจพวกคนงานกลัดมันในไร่ของพ่ออยู่หรอกที่วิ่งไล่ตามหล่อน


“ เดี๋ยวป้าให้คนไปตามธนามาหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย “
สีหนาทสั่งเสียงเข้ม ธนาคือคนดูแลไร่ของท่านนายพลผู้เป็นพ่อ มีอำนาจสิทธ์ขาดในไร่แห่งนี้
การรับคนงานที่ทำตัวเยี่ยงโจรพวกนั้นเข้ามาก็เหมือนกัน ฝีมือหมอนี่หมด
พ่อเขาเชื่อใจธนามาก บางทีอาจจะมากกว่าเขาที่เป็นลูกในไส้


ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ในเมื่อทางนั้นมีประวัติที่ขาวสะอาด แต่สีหนาทกลับทำเรื่องเสื่อมเสีย
แต่การที่มีธนาอยู่ก็ดีเหมือนกัน เพราะพ่อเขาก็เจ้าชู้ สนใจแต่ผู้หญิง ขณะที่เขาเองก็หมดกำลังใจในชีวิต
หลบอยู่แต่ในโลกส่วนตัว คนขับเคลื่อนทุกสิ่งจึงเป็นธนา


แต่บางทีคนขับเคลื่อนก็คือคนขับเคลื่อน
ในเมื่อเจ้าของตัวจริงก็ยังอยู่ เขาคงต้องปรามบ้างแล้ว ว่าเขาเป็นใครและธนาเป็นใคร…


พิณสุดาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร รู้อยู่หรอกว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
แต่อาการเจ็บใจ เสียศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงนี่ยอมไม่ได้
หล่อนจะไม่ว่าเลยถ้าคนที่มาเห็นเรือนร่างเปลือยหล่อนเป็น จอร์ส คลูนีย์ แต่อีตาคนปากเสียมารยาทเมื่อกี้กลับมอมมอซอเหมือนกัปตันแจ็ค สแปรโรว์ แล้วยังมาว่าเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวของหล่อนอีก ก็ในเมื่อมีจุดเด่น
หล่อนก็ต้องใช้กันหน่อยสิ


สีหนาทเดินเข้าอีกครั้งพร้อมกับจานอาหาร ข้าวราดแกงอะไรสักอย่างเหลืองๆ
“ หิวหรือเปล่า ผมเอาข้าวมาให้ “
หญิงสาวเม้มปากแน่นสนิท แม้จะหิวสักเพียงใด แต่หล่อนก็ไม่ยอมกินของอีตานี่หรอก


ฉันจะกลับแล้ว เสื้อผ้าของฉันล่ะ ข้าวของของฉัน “
สีหนาทมองคนที่ใส่เสื้อผ้าของตนเองแล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวอีกชั้นอย่างขำๆ หล่อนน่ามองอย่างประหลาดในชุดรุ่มร่ามของเขา กิริยาตาวาวๆเม้มปากหน่อยๆนี่ทำให้อยากแกล้งเป็นบ้า


“ เดี๋ยวคนของผมจะเอามาให้ ว่าแต่คุณจะไปที่ไหนล่ะ ผมจะได้ให้คนไปส่ง “
“ ไร่อสัญ “
ชื่อนั้นจากริมฝีปากบางทำเอาเขาขมวดคิ้ว ไร่อสัญนั้นน่ะหรือ? ที่มีเจ้าของไร่ชื่อนายระเด่นหัวโล้น
คนของไร่โน้นมีเรื่องกับไร่ของเขาประจำ


อีกอย่างพ่อของเขาเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาตั้งแต่อดีตที่เคยจะซื้อไร่และอดีตผู้หญิงคนหนึ่งของพ่อไปติดพันเจ้าของไร่หนุ่มนั่นแล้ว
“ ฉันจะไปที่ไร่อสัญ คุณให้คนเอาของมาให้ฉันสิ ฉันจะได้โทรศัพท์ไปให้เพื่อนมารับ “


แต่ทว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมที่แบตหมดดับสนิทนั้นต้องรอการชาร์ทไฟสักพัก พิณสุดาร้อนใจเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่สักนาทีเดียว คนหนวดเครารุงรังจึงหายไปสักพักก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งให้
“ เอาไปใช้สิ เครื่องนี้แบตเต็ม เปลี่ยนซิมก็โทรได้ “
หล่อนจึงโทรหาเพื่อนสาวให้มารับได้


“ จะไม่ขอบคุณผมสักหน่อยเหรอ อุตส่าห์ช่วยตั้งหลายอย่าง ทั้งซักผ้าให้ หาที่นอนให้ แถมมีโทรศัพท์ให้ใช้อีกต่างหาก “
เขาพูดเสียงยียวนตอนที่หล่อนยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้


“ ขอบคุณ “
หล่อนตอบเสียงห้วน บุญคุณถือว่าเจ๊ากันไปตั้งแต่ที่เขาปากเสียใส่หล่อน แล้วก็เห็นหล่อนโป๊นั่นแล้ว
“ ผมชื่อสีหนาท แล้วคุณล่ะ “
ชายหนุ่มหนวดครึ้มเริ่มแนะนำตัว พยักหน้ามาทางหล่อนเป็นทำนองถาม


“ ฉันชื่อพิณสุดา อีกเดี๋ยวเพื่อนฉันจะมารับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง “
พิณสุดาเข่นเขี้ยว นึกในใจว่าช่างมัน คิดเสียว่าทำทานให้…ดู
ยังไงก็คงจะไม่ได้เจอกันเป็นครั้งที่สอง


บุษบาอ้าปากเหวอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกับเพื่อน
พิณสุดาตัดส่วนที่เกี่ยวกับสีหนาททิ้งเกือบหมด
หล่อนเล่าเพียงถูกลวนลาม มีคนมาช่วย และหล่อนกลัวก็เท่านั้น…
“ แล้วคนที่ช่วยเธอเขาจับพวกนั้นส่งตำรวจหรือเปล่า “


“ คนที่ช่วยฉันเขาบอกว่าแจ้งให้เจ้าของไร่ทราบแล้ว เดี๋ยวเจ้าของไร่จะจัดการเอง “
สีหนาทบอกหล่อนอย่างนั้นก่อนออกมา แต่เอ๊ะ! แล้วอีตานั่นเป็นใครในไร่ล่ะ ดูเหมือนคนเกรงๆเขาอยู่


เดียร์วิ่งทั่กๆเข้ามาหาหล่อนในห้อง คนตัวป้อมมองดูเพื่อนหล่อนตากลมแป๋ว
บุษบาจึงต้องอธิบายเรื่องเชื้อชาติอันซับซ้อนของเจ้านายในบ้านนี้
เด็กชายชอบพิณสุดามากเพราะพูดภาษาอังกฤษเก่ง เด็กชายเรียนโรงเรียนนานาชาติบริเวณเขาใหญ่
คนที่ไร่นี้ที่จะพูดภาษาอังกฤษกับเขามีอยู่ไม่กี่คน แต่ถ้าเป็นที่บ้านคุณตาคุณยายและแกรนมัมทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษได้หมด


บุษบาก็พูดได้ แต่หล่อนจะถนัดภาษาฝรั่งเศสมากกว่าเพราะไปเรียนทำขนมอยู่ที่นั่นหลายปี เด็กชายจึงชวนพิณสุดาไปดูวีดีโอการ์ตูนที่ห้อง เมื่อเห็นเพื่อนร่าเริงขึ้นหล่อนก็เบาใจ


บุษบามาอยู่ที่ไร่นี้แม้จะมีเจ้าของไร่นิสัยไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ระเด่นมนตรีคงจะเป็นคนเข้มงวดมาก ขณะที่ไร่อื่นอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตามที่นี่ก็เป็นไร่ที่มีแต่คนงานผู้ชายเหมือนหล่อนคงต้องระวังตัวไว้


บุษบาเดินลงไปในครัวส่วนตัวของหล่อนที่โรงเก็บของ หญิงสาวจำได้ว่าเพื่อนชอบผลไม้เปรี้ยวๆ
หล่อนจึงจะทำขนมปลอบใจเพื่อน ขนมที่ทำง่ายไม่เปลืองวัตถุดิบคือPavlova
หญิงสาวไปขอไข่จากลุงทองมาจำนวนหนึ่ง หล่อนสัญญาว่าจะใช้คืนเมื่อได้ไปตลาดปากช่องครั้งต่อไป


ไข่ขาวหล่อนจะเอามาอบแบบเมอแรงค์ใส่น้ำตาลลงไปมากหน่อย ถ้าเดียร์จะกินด้วยคงต้องบังคับให้แปรงฟันบ้วนปากหลังกินเสร็จ
การทำฐานของPavlovaต้องทำเป็นมอแรงค์ ขนมที่จะว่าทำง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก
มอแรงค์จะต้องแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ห้ามมีไขมันโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะตีแล้วไม่ขึ้นฟู


เมื่อตีไข่ขาวผสมน้ำตาลจนและเพิ่มแป้งข้าวโพดเพื่อความแข็งของเนื้อมอแรงค์
เมื่อทุกอย่างตีจนตั้งยอดอ่อนแล้ว หล่อนจึงนำไปอบประมาณสิบนาที
ก่อนที่จะลดไฟลงและอบต่ออีกประมาณสี่สิบนาที


บุษบาแต่งหน้าเค้กด้วยครีมสดที่หล่อนทำเก็บเอาไว้เอง แช่ในตู้เย็นเพราะต้องใช้ทำขนมบ่อยๆ
หล่อนไปขอแบ่งแช่ไว้ที่ตู้เย็นใหญ่ในครัวโดยห่อกันการดูดซับกลิ่นเป็นอย่างดี เนื่องด้วยเป็นการทำขนมกะทันหัน


ปรกติPavlovaควรจะมีเบอรี่ซอสเปรี้ยวๆและผลไม้ออกแนวซิตรัสมาตัดความหวาน
วันนี้หล่อนจึงใช้เป็นแยมราสเบอรี่และสตรอเบอรี่กระป๋องแทน


ส่วนไข่แดงที่เหลือหล่อนจะเก็บใส่กล่องไว้ก่อน ร่างโปร่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไปทำอะไรดี
ทาร์ตไข่ดีไหม? หรือว่าจะเป็นขนมไทยๆ อย่างตระกูลทองทั้งหลาย อย่าง ทองหยิบ ฝอยทอง
ถ้าอย่างนั้นน่าจะตุนน้ำตาลไว้เยอะๆ


สงสัยตอนเย็นๆคงต้องปั่นจักรยานไปร้านขายของชำเรือนคนงานเพื่อซื้อน้ำตาลมาเพิ่ม
ระหว่างที่หล่อนกำลังดำดิ่งลงสู่โลกของการทำขนมนั้น
หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาสองคู่กำลังจับจ้องอยู่


ระเด่นมนตรี ยืนอยู่ที่ประตูนานแล้ว เขานึกแปลกใจกับผู้หญิงที่อยู่หน้าเตาอบเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนสมาธิดี หรือว่าไม่สนโลกกันแน่ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาหาหล่อนจะไม่รู้สึกตัวเลย


บุษบายิ้มให้กับขนม นิ้วเรียวบางจับโน่นจับนี่อย่างคล่องแคล่ว ใจเขากระตุกวูบทันทีเมื่อลุงสุขมาเล่าเรื่องเพื่อนหล่อนให้ฟัง ระหว่างทางเขาภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นอีกเลย
คนไร่นายพลนั้นความมีระเบียบผิดกับไร่เขา โดยเฉพาะคนดูแลไร่อย่างนายธนาที่แสนอันตรายนั่น


โชคดีไปที่เพื่อนหล่อนมีคนช่วยไว้คือสีหนาท ชายหนุ่มได้ยินข่าวลือหลายอย่างในทางไม่สู้ดีของลูกชายคนเดียวของท่านนายพลมานาน เพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ สีหนาทดูสุภาพไม่มีพิษไม่มีภัยจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มจะก่อเรื่องร้ายแรงดังข่าวลือ ข่าวลือที่ราวกับไฟลามทุ่ง น่าขำที่ผู้ชายทั้งสองไร่อยู่ติดกันกลับมีข่าวลือด้านลบด้วยกันทั้งคู่


สังฆายืนดูผู้เป็นพี่ชายจากหน้าต่างชั้นล่างในบ้าน พี่ชายหัวโล้นมองเข้าไปในโรงเก็บของอยู่เป็นนานสองนาน
ชายหนุ่มรู้สึกสองจิตสองใจ จะว่าดีใจที่พี่ชายรู้สึกสนใจผู้หญิงอีกครั้งก็ดีใจอยู่
แต่อีกใจก็มองเป็นปัญหาลางๆจากอดีตของพี่ชายที่น่าเศร้า


ระเด่นมนตรีดูเหมือนจะเกิดมาในดวงดาวที่ชงกับผู้หญิงอย่างแรง
มีคนรักเมื่อไหร่มักมีเรื่องเสมอ เวลามีเรื่องทีไรพี่ชายเขาอาการหนักทุกที
ผู้หญิงที่อยู่รอบกายพี่ชายเขานำมาซึ่งปัญหาอยู่เรื่อย


จนกระทั่งเดี๋ยวนี้อิทธิพลความโชคร้ายเรื่องผู้หญิงทำท่าว่าจะลามมาถึงเขา อย่างหนึ่งก็เรื่องขาที่เข้าเฝือกอยู่นี่แหละหนึ่งเรื่องแล้ว ไหนจะเรื่องที่คุณแม่ลูกครึ่งแต่หัวอนุรักษ์ไทยเต็มขั้นบอกว่าจะให้เขาดูตัวเพื่อหมั้นกับลูกสาวเพื่อนแม่อีก เขาจึงต้องลี้ภัยมาที่นี่กะทันหัน เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นแม่ยังเคืองระเด่นมนตรีเรื่องการตายของจินตหรา


จะว่าไปเรื่องนั้นเขาก็มีส่วน ทั้งที่รู้เรื่องดีอยู่แล้ว ทั้งที่จินตหราอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่เขาก็รักพี่ชายมากกว่า
พี่ชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้เพียงนิด…


พิณสุดากับเดียร์อ้าปากหวอเมื่อหล่อนยกPavlovaไปให้
“ บุษบา ฉันล่ะเชื่อกับเธอจริงๆในหัวมีแต่เรื่องขนม “
เพื่อนสาวร้องพลางตักPavlovaเข้าปากเป็นครั้งที่สี่ เดียร์เคี้ยวตุ้ยๆจนแยมเลอะปาก
“ ฉันจำได้ว่าเธอชอบผลไม้เปรี้ยวๆนะพิณ “
หล่อนบอกเพื่อนยิ้มๆ


“ ฉันล่ะเสียดายฝีมือเธอจริงๆ น่าจะไปสมัครโรงแรมใหญ่ๆนะ เอาแถวภูเก็ตหรือเชียงใหม่ก็ได้ “
เพื่อนเสนอ หญิงสาวได้แต่ส่ายศีรษะ หล่อนบอกพิณสุดาเพียงว่าต้องการจะพักสมองจากเรื่องต่างๆก่อน
เพื่อนสาวเล่าให้ฟังว่าเชฟที่ขึ้นมาแทนที่หล่อนทำขนมอร่อยดีอยู่หรอกแต่สู้บุษบาไม่ได้


“ เป็นแค่ความรู้สึกมั้งพิณ สูตรขนมพวกนั้นมันตายตัวอยู่แล้ว เอกสารต่างๆก็มี “
ก่อนออกจากที่ทำงานหล่อนก็มอบหมายสูตรและสิ่งที่ต้องทำให้คนมีตำแหน่งรองหล่อนทำไปแล้วนี่…


เพื่อนสาวย่นจมูกพลางตักครีมสดราดด้วยแยมผลไม้รสเปรี้ยวใส่ปากเด็กชาย
“ จะมีใครที่ใจเย็นแล้วก็หัวแข็ง ยึดติดกับสูตรดั้งเดิมแบบเธอล่ะ คนขึ้นมาใหม่เขาโดนบีบ
ฝ่ายบริหารเห็นว่าสูตรขนมของเธอใช้วัตถุดิบที่ราคาแพงเกินไป บางอย่างต้องสั่งมาจากต่างประเทศ
เขาเลยให้ปรับลดสูตรเพื่อลดรายจ่าย “
บุษบาใจหายวาบ ปรับลดสูตรแต่หล่อนรู้โดยทันทีว่าราคาไม่ลดลงแน่


ความขัดแย้งกันระหว่างแผนกอาหารกับผู้บริหารมีกันทุกโรงแรม ในเมื่ออีกฝ่ายคำนึงถึงกำไร
แต่อีกฝ่ายคำนึงถึงศักศรีดิ์ในฐานะคนทำอาหาร
เมื่อยามเรียนอยู่ต่างประเทศวิชาที่ค่อนข้างกรีดใจพวกหล่อนที่สุดก็คือวิชาบัญชี
วัตถุดิบดีๆย่อมนำมาซึ่งราคาแพง ราคาของขนมแต่ละชิ้นจะแพงไปด้วย


“ พวกคุณคือวาทยกรในวงออเคสตร้า ทุกอย่างมีจุดดีจุดด้อย หน้าที่ของพวกคุณคือนำทุกอย่างมาบรรเลงผสานรวมกันให้กลมกล่อม เพลงที่ไพเราะย่อมได้รับการปรบมืออย่างยาวนาน เหมือนกับขนมที่อร่อยย่อมประทับใจคนกินไม่รู้ลืม “อาจารย์ที่สอนวิชาบัญชีให้พวกหล่อนพร่ำบอกเสมอ


การทำอาหารเป็นศิลปะ แต่ไม่เหมือนกับศิปะอย่างอื่นที่เก็บไว้เชยชมได้นาน ทุกอย่างต้องลงสู่กระเพาะทั้งนั้น หน้าที่ของอาหารจึงควรเป็นไปอย่างควบคู่กัน ทั้งในเชิงพานิชย์และในเชิงศิลปะ แต่ทุกครั้งที่หล่อนได้ฟังการลดวัตถุดิบเพื่อเพิ่มผลกำไรก็รู้สึกเสียดายเมื่อนั้น เพราะรสชาติอร่อยลิ้นดั้งเดิมกำลังจะหายไปอีกหนึ่ง


เสียงแตรรถดังขึ้นที่ด้านล่าง กำนันเชิดพูดอะไรลั่นๆ
บุษบาหูแว่วได้ยินเพียง…ลูกสาวกำนัน…อุบัติเหตุ…และการประกวดนางงามประจำอำเภอ


+++++++จบบทที่7+++++++





Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 15 เมษายน 2552 20:05:44 น. 1 comments
Counter : 412 Pageviews.

 
ติดตามอ่านอยู่ค่ะ ทั้งเรื่องสั้นและนวนิยาย
เขียนดีค่ะ


โดย: Jute IP: 115.67.199.244 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:16:51:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.