หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Something sweet..หญิงสาวในอดีต(บทที่6)



ระเด่นมนตรีแว่วได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อลืมตาขึ้นดู ก็เห็นเป็นเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มตัวเล็กๆ
‘พี่ระเด่น ’
เสียงเรียกกังวานใส คุ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่เขานึกไม่ออก


‘พี่ระเด่นอย่าลืมสัญญานะ ’
เด็กหญิงทำหน้ากระเง้ากระงอดจนเขาแอบยิ้ม สัญญาอะไร เขาจำไม่ได้…

‘ขอโทษนะครับ พี่จำไม่ได้ว่าเคยสัญญาอะไรกับหนูไว้ ’
เมื่อได้ยินสิ้นคำเขา ใบหน้านั้นกลับบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาวาวราวกับไม่ใช่มนุษย์
‘พี่ระเด่นจำได้ แต่แกล้งลืมต่างหาก ”
เสียงจากปากเล็กนั้นเปลี่ยนเป็นเสียงหญิงสาวที่เขาจำได้ดี จินตหรา!


‘คราวนี้พี่ระเด่นอย่าผิดสัญญากับจินนี่อีกนะคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็…’
เสียงนั้นขาดหายไป ระเด่นมนตรีรู้สึกว่าตนเองลืมตาโพลง ชายหนุ่มสั่นศีรษะเรียกสติ
จินตหราหล่อนไม่อยู่แล้ว!
เขาแค่ฝันไป ปลายสายตาเขาเห็นใครคนหนึ่งมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา


‘ฝันร้ายเหรอคะแดนนี่ ’
เสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน คนตรงหน้าคือสาวผมทองทรงเสน่ห์
‘นาเดียล่า คุณมาที่นี่ได้ยังไง ’
สาวสวยยิ้มหวาน เท้าคางส่งสายตาเป็นประกายให้เขา ตอนนี้หล่อนควรจะอยู่ที่อเมริกาสิ...


‘คุณอยากเจอฉันไม่ใช่เหรอคะ...ที่รัก’
‘ ผมว่าคุณใช้คำผิดแล้วนะครับ คุณไม่เคยรักผมเลยต่างหาก ผมไม่เคยได้เป็นที่รักของคุณ ’
ชายหนุ่มประชด หญิงสาวหัวเราะคิกคักเห็นฟันขาวเป็นระเบียบ
‘ทั้งที่คุณเป็นผู้ชายที่เห็นฉันทุกรูขุมขนน่ะหรือคะ ’


‘ แต่ผมก็ไม่เคยได้ใจคุณเลย ’
ชายหนุ่มเอ่ยความจริงที่แสนเจ็บช้ำ
“ คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเซ็กส์กับใครก็มีได้ แต่ความรู้สึกรักมีให้กับบางคนเท่านั้น ’


‘ทั้งที่ฉันบอกคุณอย่างนั้นตั้งแต่แรก คุณก็ยังดึงดันที่จะเลือกฉัน ’
คำพูดของหล่อนทำให้เขาเงียบกริบ นั่นเป็นความจริงอีกข้อที่เขาไม่เคยลืม
เขาเคยคบกับหล่อนสมัยเรียนอยู่ที่อเมริกา ระเด่นมนตรีเคยคลั่งไคล้ หลงใหล ยอมได้แม้กระทั่งไม่เชื่อข่าวลือต่างๆของหล่อน ความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจะลืมเลือน


ตอนนั้นเขายังเชื่อในรักแท้ เชื่อว่าความดีของเขาจะชนะใจหล่อนในที่สุด
เชื่อว่าสักวันหนึ่งหล่อนจะเห็นมามองเขา แต่แล้วก็ไม่!
หล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความปลิ้นปล้อนของผู้หญิง
สิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจได้ยาก ยากต่อการเชื่อใจ...


‘เขาคนนั้นของคุณ มีดีอะไร ’
หญิงสาวเลิกคิ้ว ดวงตาสีบรั่นดีทอดมองไปไกล
‘ไม่รู้สิคะ ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันรักเขา ’
หล่อนแสดงใบหน้าที่เขาไม่เคยได้เห็นยามเมื่อหล่อนเอ่ยถึงตนเอง
ใบหน้าของหญิงสาวที่ตกอยู่ในห้วงความรัก


‘แล้วคนนั้นของคุณตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ คุณถึงกลับมาหาผม ’
หญิงสาวกลับมานั่งตัวตรง ดวงตาทอดมองเขานิ่ง
‘คุณจำไม่ได้จริงๆเหรอคะแดนนี่ หรือกว่าแกล้งไม่จำ ’
เสียงนั้นช้าลงราวกับเทปยืด ร่างหล่อนขาวซีด


เขาทบทวนความทรงจำอันเลือนลาง หนังสือพิมพ์สีขาวดำ
ข่าวอุบัติเหตุของชายหญิงคู่หนึ่ง งานศพ ผู้หญิงวัยกลางคนในชุดดำ ดอกกุหลาบขาวที่หล่อนชอบที่สุด
เขาเอาไปวางที่สุสานกับมือ


นาเดียล่ายิ้มเย็น ลุกขึ้นแช่มช้าจากเก้าอี้เดินจากเขาไป เหมือนวันนั้น
วันที่หล่อนรับโทรศัพท์และไปกับเขาคนนั้น


‘ นาเดียล่า ’
วันนั้นเขาไม่ได้ห้ามหล่อน แต่วันนี้เขาจับหล่อนไว้ได้แล้ว เนื้อตัวของหญิงสาวยังอุ่นๆ
เขากอดกระชับหล่อนไว้ซบหน้ากับเรือนผม
‘อย่าทิ้งผมไป ’


“ ปัง ”
เสียงปืนดังแหวกอากาศ เสียงเอะอะ ลุงสุขสั่งการอะไรสักอย่างแว่วๆที่รัวเร็ว
ขณะที่คนตัวสูงยังกอดหล่อนไม่ปล่อย


“ นายระเด่น ”
หญิงสาวพยายามเรียกสติเขา แต่ชายหนุ่มยิ่งซุกไซร้จมูกโด่งกับเรือนผม บุษบายันตัวเขาออกทว่าดูเหมือนจะไม่ได้ผล ระเด่นมนตรียิ่งกอดกระชับร่างบาง แขนแข็งแรงนั้นราวกับคีมเหล็ก ลมหายใจร้อนๆของเขาเป่ารด


“ อย่าทิ้งผมไป ”
เสียงกระซิบระคนกับกลิ่นไวน์ แอลกอฮอล์ที่ทำให้มึนเมา ระเด่นตรีปรือตาประคองใบหน้าเล็กนั้นเข้ามาใกล้
บุษบาราวกับต้องมนต์ของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น ดวงตามีพลังอำนาจ หล่อนเพิ่งรู้ซึ้งก็วันนี้นี่เอง


ดวงตาของเขาที่ทอดลงมาทำให้หล่อนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมากขึ้น... มากขึ้น
ระเด่นมนตรีรู้สึกราวกับกึ่งฝัน แปลก...ที่นาเดียล่าตัวหอมกลิ่นขนมหวานขนาดนี้


“ นายระเด่นครับ นายระเด่นเกิดเรื่องแล้ว ”
เสียงวิ่งตึงๆเข้ามาในบ้าน เรียกสติของหญิงสาวกลับมาโดยพลัน ร่างสูงโปร่งจึงผลักเขาออกเต็มแรงเป็นผลให้คนที่กอดอยู่เสียการทรงตัว ผงะล้มลงบนเก้าอี้ไม้


ระเด่นมนตรีตื่นในทันใด! รู้เลยว่าไม่ใช่ฝัน นาเดียล่าจากไปแล้ว
เมื่อสักครู่ร่างอุ่นหอมนั่นเป็นของใคร?


“ นายระเด่น ”
ลุงสุขรี่เข้ามาหาพร้อมกับรายงานสถานการณ์ ปลายสายตาเขามองเห็นเขามองเห็นร่างโย่งสะบัดหน้าเดินหลบเข้าห้องไป บุษบา!


บุษบาหน้าแดงแจ๋ เสยผมตนเองอย่างไม่เข้าใจในสถานการณ์เมื่อสักครู่ ระเด่นมนตรีกอดหล่อน
เขากอดแนบแน่นราวกับกลัวหล่อนว่าจะหนีหาย พึมพำชื่อผู้หญิงคนอื่น หรือว่าเขานอกใจภรรยา...


หญิงสาวย่นจมูกดูถูก ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่รู้จักพอ เมียตายก็หาใหม่ แล้วก็มักจะมีปัญหาครอบครัวตามมา
หล่อนนึกสงสารเดียร์ขึ้นมาจับใจ ไม่รู้ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนในอนาคต


ระเด่นมนตรีมีท่าทีว่ารักลูกก็จริง แต่ความรักรึจะสู้ความหลงในผู้หญิงคนใหม่
เมื่อคิดถึงชื่อคู่กรณีบุษบาก็รู้สึกร้อนบริเวณวงแขนที่เขาสัมผัสอีกครั้ง ไม่หรอก...


เขาแค่เมา ละเมอ ไม่รู้ตัว พรุ่งนี้เขาคงลืม หล่อนก็เหมือนกันต้องลืมให้ได้ แม้ใจจะสั่งเด็ดขาดอย่างนั้น
แต่ทว่าหญิงสาวก็สลัดความตะขิดตะขวงใจนี้ไม่ออกสักที


กว่าระเด่นมนตรีจะได้นอนก็ตีสี่กว่าๆ เรื่องคืนจันทร์เสี้ยวนี่ทำให้เขาปวดหัวทุกครั้ง คนของเขามีเรื่องกับคนไร่นายพลอีกแล้ว คราวนี้หนักหน่อย เล่นปืนผาหน้าไม้กันทีเดียว กว่าจะสะสางกันได้ เขาไม่อยากให้เป็นเรื่องบาดหมางใจกันทีหลัง ส่วนสาเหตุนะหรือ...ก็เรื่องเดิมๆ ผู้ชายทะเลาะกันเรื่องใหญ่ๆเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องผู้หญิง


สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนแสนกล พูดอีกแบบแต่ต้องตีความอีกแบบ
จนเขาชักจะสงสัยแล้วว่าผู้หญิงใช้ภาษามนุษย์คุยกับเหมือนพวกเขาอยู่หรือเปล่า?


คืนนี้เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน การฝันถึงผู้หญิงในอดีต เรียกความทรงจำที่ขมปร่าเข้ามาในสมอง
เมื่อไหร่นะ เขาจะพ้นคำสาปของผู้หญิงพวกนั้นเสียที
คำสาปที่เขาต้องทรมานเพราะพวกหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำสาปที่อยู่กับเขามานานจนบางครั้งเขาก็ยังคิดแบบเบื่อๆว่า


ใครกันแน่ที่โดนสาป...ใครกันแน่ที่มีปัญหา เขาหรือว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัว...


“ ฉันได้วันหยุดยาวล่ะบุษบา ”
พิณสุดากรี๊ดกร๊าดผ่านโทรศัพท์มือถือมาหาหล่อน


“ ฉันจะไปหาเธอที่ไร่อสัญดีไหม อยากไปเห็นนายระเด่นมนตรี ”
เพื่อนล้อมาตามสายเล่นเอาหญิงสาวนิ่วหน้า เพราะเจ้าของชื่อ หลังจากเกิดเหตุการณ์ละเมอเรียกชื่อสาวอื่นแล้ว
วันถัดมาหล่อนก็ไม่เห็นเขาอีกเลย


“ ช่วงนี้แม่วัวกำลังจะตกลูกครับ เลยต้องไปดูมันหน่อย ”
วิทยากรเป็นทนายหน้าหอส่งข่าวให้และยังอธิบายต้นเหตุของเสียงปืนคืนนั้นเสร็จสรรพ


“ เรื่องธรรมดาของการที่ผู้ชายมาอยู่รวมกันมากๆครับ ”
เขายิ้มทิ้งท้ายตามเคย หล่อนชักจะรู้แล้วล่ะว่าวิทยากรเป็นประเภทชอบเล่าอะไรแบบกั๊กๆถ้าไม่จี้หรือเจอเหตุการณ์จังๆเขาจะไม่บอกความจริงเด็ดขาด และที่สำคัญดูเหมือนเขาจะรู้ทันหล่อนไปทุกอย่าง


ผู้ชายอย่างนี้แหละที่ผู้หญิงเราจะหยุดไว้เพียงแค่ความเป็นเพื่อน เพราะให้ความรู้สึกสนิทสนม หมั่นไส้
ต้องการเขาเป็นที่พึ่ง แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ก็จะไม่เกินเลย
เพราะลึกๆผู้หญิงไม่ต้องการให้ผู้ชายมาเข้าใจ


ที่พวกหล่อนต้องการคือใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างยามอ่อนล้าต่างหาก และมีอำนาจพอที่จะบังคับต่างหาก
การที่เขาทำท่าว่ารู้อะไรทุกอย่าง มันทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่ากำลังสูญเสียความเป็นส่วนตัว
แล้วจะพาลเกลียดขี้หน้า จนความสัมพันธ์ชะงักในที่สุด


“ เดี๋ยวฉันจะขอเจ้าของไร่ก่อนก็แล้วกัน ว่าพาเพื่อนมาค้างได้ไหม ”
บุษบาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไป ใจจริงหล่อนก็อยากเจอพิณสุดาอยู่หรอกแต่ต้องถามชายหนุ่มก่อนว่าเขาจะว่าอย่างไร เพราะเขาเคยตีหน้ายักษ์เปรยเรื่องที่หมอจัตวาจะมาหาหล่อนครั้งหนึ่งแล้ว


ช่วงกลางวันบุษบาจึงติดรถลุงสุขไปที่โรงเลี้ยงวัวโดยที่มีเดียร์ไปด้วย ชายสูงวัยแวะมาเอาอาหารกลางวันไปส่ง


เดียร์วิ่งทั่กๆไปกอดผู้เป็นพ่อทันที ระเด่นมนตรีมีไรหนวดเขียวขึ้นรอบริมฝีปาก เขาแกล้งคุยเล่นกับลูกชาย
แต่เมื่อหล่อนเผลอ ชายหนุ่มก็แอบมองร่างสูงโปร่ง ระเด่นมนตรีพยายามจะไม่คิด


คืนนั้นเขาแค่เมา ละเมอ เผลอเข้าใกล้หล่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาหวังว่าจะเห็นท่าทางประดักประเดิดของหล่อนในยามเช้า


แต่ทว่าก็มีเหตุสุดวิสัยขึ้นมาเสียก่อน ยิ่งวันนี้หล่อนทำหน้าเฉยเมยมองเขา ระเด่นมนตรียิ่งคิดว้าวุ่นในใจ
หล่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับชาชินในเรื่องแบบนี้แล้ว ลางสังหรณ์ของเขาคงจะยังใช้การณ์ได้


หล่อนมาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง การเปลี่ยนสถานที่อยู่บางครั้งก็เพื่อหลีกหนีใครบางคน…
ผู้หญิงในเมืองใหญ่ สังคมที่เฉิดฉาย ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง การแตะเนื้อต้องตัวกัน


สำหรับหล่อนอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเขา ท่าทีที่เดาไม่ออกของหล่อนนี่ทำให้เขาหงุดหงิด


“ นายระเด่นคะ ฉันจะขอพาเพื่อนมาค้างที่นี่ได้ไหม ”
บุษบาลองถามแย็บๆเจ้าของไร่หัวโล้นนิ่วหน้า
“ ฉันแค่ลองถามดูแค่นั้นค่ะ บังเอิญมีเพื่อนผู้หญิงมาจากกรุงเทพฯ ”
หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่าคำว่า ‘เพื่อนผู้หญิง’ นั่นแหละที่ทำให้เขาอนุญาตให้พิณสุดามาพักที่ไร่ได้


“ ถ้าคุณจะพาเพื่อนไปพักที่ไหน ให้บอกผมด้วย เพราะบางพื้นที่ในไร่เป็นเขตหวงห้ามเฉพาะคนงาน ”
แต่กระนั้นเขาก็ยังมิวายบอกให้หล่อนแอบหมั่นไส้ ไร่นี้ขุดหาทองกันหรืออย่างไรจึงมีพื้นที่หวงห้ามด้วย
บุษบานึกค่อนแคะในใจ แต่ก็ยังดีที่เขาอนุญาตให้เพื่อนหล่อนมาพักด้วยได้



แต่ทว่าเรื่องที่ดูเหมือนง่ายกลับไม่ง่ายเลย บุษบารู้ทันทีเมื่อรับโทรศัพท์จากพิณสุดา
“ บุษบาเหรอมา รับฉันหน่อย ”
เสียงเพื่อนตื่นตระหนก บุษบารับรู้ถึงความแปร่งปร่าในน้ำเสียง


“ พิณ นี่เธออยู่ไหนน่ะ ไหนว่าจะมาวันนี้ไง ”
หล่อนกรอกเสียงร้อนรน พิณสุดาบอกว่าจะมาวันนี้โดยมากับรถโดยสาร ทีแรกบุษบาจะไปรับแต่เพื่อนปฏิเสธ
นัยว่าอยากผจญภัยดูเอง

“ มาแล้ว แต่ฉันอยู่ที่ ที่ไหนนะ ”
เสียงเพื่อนหันไปแว้ดใครบางคน ร่างโปร่งได้ยินเสียงทุ้มนุ่มแบบผู้ชายตอบมาเบาๆ
“ ที่นี่ไร่นายพล ”


“ ใช่บุษบามารับฉันที ที่ไร่นายพล เรื่องรายละเอียดอย่างอื่นเอาไว้คุยกันทีหลัง ”
พิณสุดาตัดสายไปแล้ว ขณะที่หล่อนยังเอ๋ออยู่ แล้วจะให้หล่อนทำอย่างไรล่ะ?


ลุงสุขและวิทยากรเป็นตัวช่วยที่ดี แต่คราวนี้แปลก ทั้งสองหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อหล่อนอธิบายถึงปลายทางที่ต้องไปรับเพื่อนสาว
“ ทำไมเพื่อนคุณบุษบาถึงไปอยู่ที่ไร่นั้นได้ล่ะครับ ”
ลุงสุขถามเสียงเรียบแต่ปลายประโยคแฝงความกังวลลึกๆ


“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพื่อนเพิ่งโทรมาบอก โทรไปก็ไม่รับสาย วานลุงสุขกับคุณวิทช่วยพาฉันไปรับเพื่อนหน่อยนะคะ ”


ทั้งสองนิ่งอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะบอกให้หล่อนไปเตรียมตัว บุษบาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมงแล้ววิ่งปร๋อไปที่โรงรถ แต่ทว่าผู้คนที่ยืนอยู่ที่นั่นทำให้หล่อนถึงกับผงะ


ชายฉกรรจ์ล้วนๆสี่ห้าคนเตรียมตัวขึ้นรถกระบะคันหนึ่ง ขณะที่อีกคันระเด่นมนตรีเป็นคนขับเอง
เกิดอะไรขึ้น! ทุกคนหน้าเครียด ซุบซิบกันอย่างกับจะไปก่อสงคราม


“ เร็วหน่อยคุณบุษบา เราต้องรีบไปรับเพื่อนคุณ ”
เสียงระเด่นมนตรีตะโกนลั่นๆมาจากรถ บุษบาทิ้งความสงสัยไว้เบื้องหลัง ด้วยความห่วงเพื่อนมีมากกว่าจึงรีบขึ้นรถโดยพลัน


ระหว่างทางไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย แม้แต่วิทยากรก็ตาม เขาโทรศัพท์คุยกับใครคนหนึ่งตลอด
แว่วๆว่าให้ปล่อย…คุณสีหนาท…แขกพิเศษ


สภาพของพิณสุดาไม่ได้แย่ หรือเป็นอันตรายอย่างที่หล่อนคิด เพื่อนสาวผู้มีผิวสองสียังมีอาการดีอยู่
แต่ขอบตาช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก


พิณสุดาอยู่ในชุดกางเกงสามส่วน รองเท้าส้นสูง
และเสื้อเอวลอย อันเป็นการแต่งตัวที่เปรี้ยวตามปรกติของเพื่อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นร่างสูงโย่งของบุษบา
พิณสุดาก็โผเข้ามาหาทันที กลุ่มผู้ชายแยกไปคุยอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่ระเด่นมนตรีจะสั่งเสียงเข้ม
“ คุณบุษบากลับ! ”


ระหว่างทางพิณสุดาไม่พูดอะไรกับใคร ไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น หญิงสาวซบบ่าบุษบาตลอด
เมื่อกลับถึงไร่อสัญก็พบรถตู้สีขาวสามคัน รถยี่ห้อดาวแดงของยุโรปสีดำสนิทอีกสอง และกลุ่มบุคคลชุดดำ


ขณะที่หล่อนพยุงเพื่อนลงจากรถ หูก็ได้ยินวิทยากรพึมพำอะไรสักอย่าง
“ สังคามาระตา...มา ”
แต่บุษบาไม่มีเวลาจะสนใจ เรื่องของพิณสุดาต้องมาก่อน เพื่อนไปเจออะไรที่ไร่นายพลมาจึงมีสภาพเป็นเช่นนี้


“ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง แต่ก่อนอื่นหาอะไรให้ฉันกินหน่อย ”
พิณสุดาที่สภาพดีขึ้น ร้องเสียงโหย หล่อนจึงจำใจต้องทิ้งเพื่อนไว้บนห้องแล้วมาหาอะไรไปให้เพื่อนกิน


บุษบาจึงนำนมสดที่คนจากโรงเลี้ยงวัวปันมาให้ทุกเช้าและแช่ไว้ในตู้เย็นตลอด มาใส่หม้อเคลือบยกขึ้นตั้งไฟ
มีแอปเปิ้ลเหลืออยู่ในตู้เย็นสองสามลูก หล่อนจึงปอกและขูด


เมื่อนมเดือดจึงผสมแอปเปิ้ลขูดและน้ำผึ้งลงไปหน่อย โรยอบเชยป่น เพื่อเรียกกลิ่นอันสดชื่น
ความหวานของน้ำผึ้งให้พลังงาน แอปเปิ้ลขูดช่วยเพิ่มรสสัมผัส กระตุ้นการบดเคี้ยว


นมสดร้อนๆช่วยผสานให้ทุกอย่างละมุนลงตัว
เหนือสิ่งอื่นใดไอร้อนของอาหารช่วยปลุกปลอบใจที่เมื่อยล้า หนาวเหน็บ
จากเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ชะงักนักแล


เมื่อบุษบาจัดการกับอาหารเสร็จเตรียมจะยกขึ้นไปให้เพื่อน ก็ต้องผงะกับชายแปลกหน้าที่ยืนพิงประตูครัวอยู่
เขาตัวสูง คมสัน ผิวขาวจัด ผมยาวระต้นคอเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมแว่นตาใสไร้กรอบ
ร่างสูงนั้นมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะยิ้มหยัน


“ นี่น่ะเหรอ นางบุษบาที่เจ้าวิหยาสะกำมันหลงรูปจนถึงกับรับเข้ามาทำงานที่นี่ ”
คะแนนความหน้าตาดีตกลงวูบเมื่อเจอวาจาเสียดสี ทำไมผู้คนที่นี่ถึงได้ชอบเอาหล่อนไปผูกกับเรื่องอิเหนามากเมียนักนะ แค่ชื่อเหมือนกันเท่านั้นเอง


“ แต่ก็ถือว่าใช้ได้ ”
ผู้ชายคนนั้นยังวิจารณ์ไม่เลิก หล่อนเห็นอะไรสีน้ำตาลใกล้ๆเขา
ไม้ค้ำ และขาข้างหนึ่งของเขาก็ใส่เฝือกอันโตสีขาว
“ อ้าวคุณสังข์ เข้ามาในครัวทำไมละครับ ขายังเจ็บอยู่ ”
เสียงลุงสุขทัก ชายหนุ่มที่ชื่อสังข์เพียงแต่ยิ้มๆ แล้วใช้ไม้ค้ำพยุงตัวเองไป


“ ใครเหรอคะ ลุงสุข ”
บุษบาอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ คุณสังข์ สังฆาครับ น้องชายนายระเด่น แกจะมาพักที่นี่ครับ เพราะป่วย ”
บุษบาพยักหน้าเข้าใจในทันใด พี่น้องกันนี่เอง มิน่าล่ะ...คำพูดถึงได้แย่เหมือนกันอย่างนี้


เรื่องของหนุ่มสองพี่น้องอยู่ในหัวของบุษบาไม่นานก็ต้องรีบขึ้นไปดูเพื่อนข้างบน
พิณสุดาดื่มนมร้อนสูตรพิเศษของหล่อนอย่างกระหาย
“ ฝีมือเธอนี่ไม่ตกเลยนะบุษบา ”
เพื่อนชมเปาะ หญิงสาวได้แต่โคลงศีรษะก่อนที่จะถามเสียงเข้ม
“ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ พิณ! ”

+++++++++++จบบทที่6



Create Date : 13 เมษายน 2552
Last Update : 13 เมษายน 2552 23:52:20 น. 0 comments
Counter : 292 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.