|
Something sweet…หญิงสาวในครัว(บทที่4)
บุษบาตื่นนอนแต่เช้าตรู่จนเป็นนิสัย การเป็นเชฟขนมฝรั่งมักจะเริ่มทำงานตอนเช้าก่อนคนอื่น เตรียม อบขนมปัง เตรียมเนยแยมต่างๆ ครัวไทยก็ไม่ต่างกัน เพราะหล่อนตื่นเช้าแล้วไม่มีอะไรทำจึงมาช่วยเปรมและลุงทองทำข้าวผัดยามเช้า เดียร์ลงมากินข้าวเช้าด้วย เด็กชายไม่พูดไม่คุยกับใครทั้งนั้น กินเสร็จก็เดินไปดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น
“ น้องเดียร์ครับออกไปเดินเล่นกันไหม ” หล่อนพยายามชวนแต่เด็กชายก็ยังเฉย
“ วันนี้อากาศดี น้องเดียร์พาพี่ชมไร่หน่อยสิ พี่ยังเห็นไร่ไม่ทั่วเลย” หญิงสาวปด เอาน่า…ถือว่าเป็นการปดแบบสีขาว(White Lie) แต่เด็กชายก็ยังนิ่งอยู่ ภาพตัวการ์ตูนในจอโทรทัศน์เต้นไหวไปมา บรรยากาศเงียบสงบ
หล่อนจึงพลอยดูการ์ตูนไปด้วย ตลกดีเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่หล่อนมีโอกาสได้นั่งดูการ์ตูนปล่อยอารมณ์เรื่อยเปื่อยแบบนี้ สักพักหนึ่งภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ดับไปเฉยๆ ไม่ใช่ไฟดับแน่ เพราะหลอดไฟบนเพดานยังสว่างอยู่ “ ไหนว่าจะให้เดียร์พาชมไร่ล่ะ ” เด็กชายพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ ตอนนี้เดียร์ว่างแล้ว จะไปเลยไหม” ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วนั้นมองตรงมาที่หล่อน บุษบาชักจะรู้แล้วว่าอย่างแรกที่ต้องสอนเด็กชายคือมารยาท คนตัวเล็กพูดจาไม่มีคำลงท้ายเสียเลย
พาหนะที่นำชมไร่ในวันนี้คือจักรยาน หล่อนไม่กล้ารบกวนคนอื่นในไร่ ทุกคนมีงานกันหมด รถทุกคันควรจะใช้งานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่อย่างนั้นระเด่นมนตรีอาจจะแขวะหล่อนอีกรอบเรื่องเป็นคนกรุงเทพฯที่ต้อง นั่งรถยนต์ตลอด
ส่วนคนที่เคยพาชมไร่อีกคนอย่างวิทยากรนั้นหล่อนก็เกรงใจเขาเหลือเกิน ในเมื่อมันเป็นงาน หล่อนก็จะทำเอง เด็กชายเห็นรถจักรยานที่หล่อนยืมจากคนงานแถวๆนั้นแล้วก็นิ่วหน้า
“ ขึ้นมาสิคะ น้องเดียร์ไหนว่าจะพาพี่ชมไร่ ” หล่อน ยิ้มหวาน มือยังจับแฮนด์รถจักรยานอยู่ ตะกร้าหน้าหล่อนทำแซนด์วิชและของกินเล่นอย่างเร่งด่วนเตรียมตัวไปปิกนิก แต่น้องเดียร์ก็ยังนิ่งอยู่
จริงสิ…หล่อนลืมไปเด็กชายตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งเองไม่ได้นี่นา ระหว่าง ทางที่ปั่นจักรยานไปบุษบาก็ถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับไร่ตลอด คนซ้อนท้ายก็ตอบแบบกึ่งรำคาญ ไปๆมาๆ เด็กชายก็เลยชี้ให้ดูโน่นดูนี่แล้วก็อธิบายเสียเอง ท่ามกลางเสียงเยินยอของหล่อน
“ น้องเดียร์เก่งจังเลยค่ะ จำแม่น” เด็กชายจึงทำท่ายืดภูมิใจขึ้นมาหน่อย บ้ายอไม่น้อย…เด็กหนอเด็ก
ทั้งสองพักกินอาหารกลางวันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เด็ก ชายคงหิวจัดกินแซนวิชที่ทำมาให้เสียหลายชิ้น ของหวานเป็นคุกกี้ที่อบเมื่อคืน บุษบาเตรียมมาให้ครบพอดีที่จะหารครึ่ง ชิ้นสุดท้ายที่เหลือจึงเป็นของหล่อน แต่ดูเหมือนเดียร์จะเล็งไว้เหมือนกัน คนตัวเล็กยังกล้าๆกลัวอยู่ แสดงว่าเด็กชายก็คงจะรู้เหมือนกันว่ากินไปเยอะแล้ว
“ อยากกินอีกเหรอครับ ได้ งั้นเดี๋ยวพี่ให้ แต่ว่า…” ดวงตาของเด็กชายเป็นประกายแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะจ้องเป๋งแบบไม่ไว้ใจ “ พี่จะให้ขนมกับเด็กดีเท่านั้น” เดียร์หน้าบึ้งไปในพริบตา เด็กชายรู้ตัวเองดีว่าห่างไกลจากความเป็นเด็กดีอยู่มากโข
“ อย่างแรกที่เด็กดีควรทำคือพูดจาเพราะๆ” ร่างสูงโปร่งนั้นยิ้มพลางยื่นคุกกี้ชิ้นสุดท้ายให้ เด็กชายมองหน้าหล่อนสลับกับคุกกี้แล้วก็เม้มปาก “ แด๊ดดี้บอกว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า” คราวนี้คนที่เลิกคิ้วงงคือบุษบาเอง ไหง...คนตัวป้อมมาบอกอย่างนี้เอาตอนนี้ล่ะ เมื่อคืนยังกินคุกกี้ของหล่อนซะปากมันแผล่บ
“ แต่เดียร์เคยเห็นพี่แล้ว พี่จะให้เดียร์เรียกชื่อว่าอะไรล่ะ เราจะได้รู้จักกัน” เด็กชายพูดเสียงอุบอิบ บุษบาจึงยิ้มกว้างกับอาการฟอร์มจัดของคนตรงหน้า เด็กคนนี้อายุสี่ขวบจริงหรือเปล่า?
“ พี่ชื่อบุษบาค่ะ เรียกพี่ว่าบุษบาเลยก็ได้” “ เดียร์ชื่อเดียร์ ชื่อจริงชื่อจิณณ์ครับ” เสียงเล็กนั้นแนะนำตัวแล้วยื่นมือมาหยิบคุกกี้จากหล่อน
“ ขอบคุณครับ” ว่าแล้วเด็กชายก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆ ขากลับเดียร์พาหล่อนไปที่โรงเลี้ยงวัว ผู้คนทักทายเด็กชายเต็มไปหมด เขาพาหล่อนไปดูวัวหลายตัว วัวแต่ละตัวมีชื่อหมด “ นั่นชื่อ แจ๊ค นั่นชื่อ ปีเตอร์ นั่นชื่อเบอร์นาด” เด็กชายไล่ชื่อวัวเสียงแจ้วๆ
บุษบาไม่นึกแปลกใจเลย สงสัยญาติที่เป็นชาวต่างชาติคงสอนให้ แต่อย่างหนึ่งที่หล่อนนึกไม่ถึงเลยก็คือ ชื่อพวกนั้นคือชื่อเพื่อนร่วมชั้นหัวทอง หัวแดง ของเด็กชายนั่นเอง นอกจากเด็กชายจะกำราบเพื่อนร่วมชั้นขี้อวดเพื่อกลบปมด้อยเรื่องที่ไม่มีแม่ แล้ว คนตัวเล็กยังเอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อวัวเรียกเล่นๆให้สะใจ
หล่อนขอปันนมสดที่เหลือๆมาได้ขวดหนึ่งกะว่าจะเก็บไว้ทำอะไรกิน “ พี่บุษบาจะเอานมไปทำอะไร” เด็กชายถามขณะที่หล่อนปั่นจักรยานพาเขากลับ
“ ไม่รู้สิครับน้องเดียร์” หล่อนตอบไปงั้นๆ สงสัยต้องลองทำเป็นพุดดิ้งดู แต่จำได้ว่าตอนไปซื้อของหล่อนซื้อเจลาตินแผ่นมาด้วยนี่นา เพราะดัดแปลงทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง
หล่อนนี่ก็เหลือเกินอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ มักจะคิดถึงแต่เรื่องทำอาหาร สงสัยชาตินี้คงเป็นคนทำอาหารไปจนตาย “ พี่บุษบาจอดก่อน” เดียร์ให้หล่อนจอดที่เรือนพักคนงานอันติดเป็นแถว ห้องหนึ่งเปิดประตูกว้างมีของเล็กน้อยๆวางระเกะระกะ
“ เดียร์จะซื้อของ” เด็กชายวิ่งปรู๊ดเข้าไปในร้านขายของชำ ร้านขายของชำ ใช่แล้ว! บุษบาเดินรี่ตามเด็กชายไปทันที
คนตัวป้อมอ้าปากค้างเมื่อเห็นหล่อนเทน้ำผลไม้กล่องที่ซื้อมาจากร้านขายของชำลงอุ่นในหม้อ หลังจากนั้นจึงใส่เจลาตินลงไปคนให้เข้ากันแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น บุษบาเทน้ำผลไม้ทับกันทีละชั้น แต่ละชั้นจะคั่นด้วยนมผสมเจลลาตินบางๆ “ พี่บุษบาจะทำอะไรน่ะ” เด็กชายถามตาเป็นประกายปิ้งๆ หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ “ พี่จะทำสายรุ้ง”
เด็กชายห่อปาก ร้องว๊าวๆ สายรุ้งเจ็ดสีที่เขาเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ สายรุ้งที่ทุกคนบอกว่าสวย “ แต่วันนี้มาไม่ครบเจ็ดสี น้องเดียร์จะช่วยพี่ทำสายรุ้งไหมครับ” เด็กชายพยักหน้าหงึก แต่พอหล่อนจ้องหน้ายิ้มๆเขาก็รู้ตัวว่าตนเองลืมอะไร
“ ทำครับ เดียร์จะช่วยทำ” เด็ก ชายเปลี่ยนมาเป็นคำพูดสุภาพ หญิงสาวจึงยื่นชามน้ำผลไม้ผสมเจลลาตินให้คน บางครั้งบุษบาก็ให้เด็กชายช่วยจัดเรียงผลไม้ ร่างกลมป้อมดูมีความสุขมาก ยิ้มจนฟันขาว
“ นายระเด่นวู้ นายระเด่น” เสียงผู้สูงอายุดังขึ้นที่ประตูครัว เป็นชายหัวล้านคร้ามแดดและคนหนุ่มผิวขาวใส่แว่น “ อีหนูเห็นนายระเด่นไหม ไอ้พวกหน้าประตูมันวอเข้ามาตั้งนานแล้ว มันบอกนายระเด่นให้มารอที่นี่” ชายสูงวัยนั้นยิ้มยิงฟันขาวท่าทางเป็นมิตร ขณะที่คนหนุ่มอีกคนมองหล่อนไม่วางตา
“ นายระเด่นอยู่ในไร่มั้งคะ เดี๋ยวฉันให้คนไปตามให้ค่ะ” แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไรลุงสุขก็เข้ามาเสียก่อน “ อ้าว พ่อกำนันนั่นเองไปไงมาไง มาๆเชิญที่ห้องรับแขกเลยครับ” กลุ่มผู้ชายจึงเดินออกไปจากห้องครัวนั้นได้ บุษบาจึงกลับมาสนใจเยลลี่ต่อโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าคนใส่แว่นนั้นมองตามหลังหล่อนตาปรอย
อาหารค่ำวันนี้มีคนมาเพิ่มคือกำนันที่ชื่อเชิด ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหมอประจำอำเภอคนใหม่ชื่อหมอจัตวา ทีแรกที่กำนันแนะนำตัว เล่นเอาหล่อนนิ่วหน้า หูพาลได้ยินว่าชื่อจรกา พอฟังใหม่จึงค่อยโล่งอก เฮ้อ…หล่อนนี่ สงสัยติดเชื้อเพ้อเจ้อเรื่องละครอิเหนามาจากคนในไร่นี้เสียแล้ว
โต๊ะอาหารเจ้านายวันนี้คุยกันเรื่องงานวัดประจำปีของอำเภอ กำนันเชิดต้องการขอจิตศรัทธาร่วมบริจาคให้วัด ซึ่งระเด่นมนตรีก็รับปาก
“ ผมกะว่างานปีนี้จะให้มีประกวดนางงามของอำเภอเหมือนเดิมนะนายระเด่น เลยจะเชิญนายระเด่นเป็นกรรมการด้วย” เสียงกำนันเชิดดังลั่นๆ
หล่อน นึกไม่ออกจริงๆว่าระเด่นมนตรีจะเป็นกรรมการประกวดนางงามอีท่าไหน สงสัยในใบความเห็นของเขาคงมีแต่ถ้อยคำเสียดสีนางงามเต็มไปหมด จะว่าไปบางทีผู้หญิงหลายคนอาจจะชอบก็ได้
ผู้ชายที่มีลักษณะเป็นแบดบอย หล่อนคนหนึ่งแหละที่ขอผ่าน แบดบอยในชีวิตจริงไม่น่ารักเหมือนในฝัน…
ของหวานวันนี้เป็นเยลลี่ที่หล่อนทำ เรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วจากทุกคน หล่อน อุตส่าห์เลี่ยงไปจัดจานอาหาร ตั้งแต่ทุกคนยังกินกันไม่เสร็จ บรรยากาศการทำงานที่เร่งรีบและกดดันอย่างนี้แหละ ทำให้คิดถึงบรรยากาศงานในโรงแรมดีชะมัด
“ แม่เจ้าโว๊ย! สวยจนไม่กล้ากินเลย” เสียง คนงานพึมพำเพ่งพินิจดูของหวานแสนสวยในจาน แม้จานจะเป็นเมลามีนซอมซ่อ แต่ประกายปิ้งๆราวกับอัญมณีของเยลลี่สลับสียามต้องแสงไฟก็ยังจับตาอยู่ดี
“ เรนโบว์ เดียร์ก็ช่วยพี่บุษบาทำด้วยล่ะนี่ไง” เด็กชายคุยฟุ้ง ชี้ไปที่สับปะรดเป็นชิ้นๆที่แทรกอยู่ในเนื้อเยลลี่สีเหลือง
“ พี่บุษบาบอกว่าวันนี้มีไม่ครบเจ็ดสี เดี๋ยวต่อไปจะทำให้ใหม่เอาให้ครบ” เดียร์รื่นเริงเต็มที่ ผู้ใหญ่หลายคนได้แต่เยินยอว่าเด็กชายเก่ง ระเด่นมนตรียิ้มนิดๆคนตัวโย่งนี่เก่งพอดู
แค่วันเดี๋ยวทำเอาลูกชายตัวแสบของเขาเรียกพี่บุษบาจ้อยๆ ภาพที่เห็นหล่อนอยู่ในครัวกับลูกชาย ทำเอาเขารู้สึกแปลกๆ ชายหนุ่มไม่คิดจะหาสาเหตุของอาการนั้น แค่เห็นลูกชายเขามีรอยยิ้มก็พอใจแล้ว
“ ชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้วว่ะ ทำงานในไร่มาตั้งนาน เพิ่งรู้สึกว่าโชคดีสุดๆก็วันนี้แหละได้กินอาหารแบบโรงแรม” ความเห็นนี้เรียกเสียงเฮฮาได้ทั่ว “ ผลหมากรากไม้ธรรมดานี่แหละ แต่คุณบุษบาเอามาจัดเสียสวย ขอบคุณนะคร๊าบ คุณบุษบา” เสียงชมดังอื้ออึง หล่อนยิ้มรับพอเป็นพิธี
“ คุณบุษบาเคยทำงานโรงแรมเหรอครับ” จัตวาหมอผิวขาวใส่แว่นถามหล่อน “ ค่ะ เคยทำอยู่ที่…” หญิงสาวเอ่ยชื่อโรงแรมเดิม ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“ ขนมที่นั่นอร่อยมากเลยนะครับ สวนก็สวย ผมเคยเข้าไปใช้บริการอาฟเตอร์นูนที บราวนี่อร่อยมาก ได้ยินว่าเชฟขนมที่นั่นเก่ง จบมาจากนอก” เสียงนั้นชื่นชมหล่อนจากใจจริง แต่มันเป็นอดีตไปเสียแล้วสำหรับหล่อน
“ เชฟคนที่ว่าก็คุณบุษบานั่นแหละครับหมอ ” ลุงสุขโพล่งขึ้นสีหน้ายิ้มๆ เหลือบดูระเด่นมนตรีที่มีสีหน้าเรียบเฉยกินเยลลี่ไปจนจะหมดชิ้นอยู่แล้ว
“ โอ้โห! บังเอิญจัง งั้นก็แสดงว่าไร่ที่นี่โชคดีสุดๆเลยน่ะสิครับ น่าอิจฉา สงสัยผมคงต้องมาฝากท้องบ่อยๆแล้วมั้งครับกำนัน” หมอหนุ่มหัวเราะเบาๆ ทำเอาทุกคนครื้นเครงไปด้วย “ หมอชอบทานขนมเหรอครับ” วิทยากรแกล้งถาม จัตวายิ้มแป้น
“ ครับ ก็มันอร่อยดีนี่นา ผมรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังตัดใจไม่ขาด เลยกินให้น้อยๆลง แต่ก่อนผมกินจุจนอ้วนเลย พอเรียนหนักอ่านหนังสือเยอะน้ำหนักเลยลด” ชายหนุ่มผิวขาวเป็นคนเปิดเผยดีมาก
เขา รู้สึกแปลกตั้งแต่ที่เข้ามาในบ้านหลังใหญ่ แล้วได้กลิ่นหอมหวานของผลไม้ เมื่อเดินเข้าไปในครัวตามกำนัน ภาพที่เขาได้เห็นยิ่งชวนใจเต้นเข้าไปใหญ่ หญิงสาวร่างสูงในชุดผ้ากันเปื้อนครึ่งตัว ยืนค่อยๆเทน้ำผลไม้ลงบนถาด ผมที่รวบไว้ลุ่ยลงมาตกเป็นปอยนิดหน่อย หล่อนหันมายิ้มกับเด็กชาย
หมอหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นภาพวาดแบบตะวันตกมีชีวิต ภาพวาดของหญิงสาวในครัว จนหล่อนเดินมาใกล้พวกเขา กลิ่นหอมหวานของผลไม้ผสมกับกลิ่นนมเนย ...ติดจมูกยิ่งกว่าน้ำหอมใด
หมอหนุ่มได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรง ประสาทสั่นไหว อยากมองร่างสูงโปร่งตรงหน้านั้นไปนานๆ เขานึกไม่ออกเลยจริงๆว่าอาการนี้ทางการแพทย์จะเรียกว่าอย่างไร…
++++++จบบทที่4
Create Date : 11 เมษายน 2552 |
Last Update : 11 เมษายน 2552 20:19:10 น. |
|
2 comments
|
Counter : 328 Pageviews. |
|
|
|
โดย: baareeraa วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:23:27:07 น. |
|
|
|
โดย: SENieez วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:1:45:46 น. |
|
|
|
|
|
|
|