หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Something sweet…หญิงสาวในครัว(บทที่4)


บุษบาตื่นนอนแต่เช้าตรู่จนเป็นนิสัย การเป็นเชฟขนมฝรั่งมักจะเริ่มทำงานตอนเช้าก่อนคนอื่น
เตรียม อบขนมปัง เตรียมเนยแยมต่างๆ ครัวไทยก็ไม่ต่างกัน เพราะหล่อนตื่นเช้าแล้วไม่มีอะไรทำจึงมาช่วยเปรมและลุงทองทำข้าวผัดยามเช้า เดียร์ลงมากินข้าวเช้าด้วย เด็กชายไม่พูดไม่คุยกับใครทั้งนั้น กินเสร็จก็เดินไปดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น


“ น้องเดียร์ครับออกไปเดินเล่นกันไหม ”
หล่อนพยายามชวนแต่เด็กชายก็ยังเฉย

“ วันนี้อากาศดี น้องเดียร์พาพี่ชมไร่หน่อยสิ พี่ยังเห็นไร่ไม่ทั่วเลย”
หญิงสาวปด เอาน่า…ถือว่าเป็นการปดแบบสีขาว(White Lie)
แต่เด็กชายก็ยังนิ่งอยู่ ภาพตัวการ์ตูนในจอโทรทัศน์เต้นไหวไปมา บรรยากาศเงียบสงบ


หล่อนจึงพลอยดูการ์ตูนไปด้วย ตลกดีเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่หล่อนมีโอกาสได้นั่งดูการ์ตูนปล่อยอารมณ์เรื่อยเปื่อยแบบนี้
สักพักหนึ่งภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ดับไปเฉยๆ ไม่ใช่ไฟดับแน่ เพราะหลอดไฟบนเพดานยังสว่างอยู่
“ ไหนว่าจะให้เดียร์พาชมไร่ล่ะ ”
เด็กชายพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


“ ตอนนี้เดียร์ว่างแล้ว จะไปเลยไหม”
ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วนั้นมองตรงมาที่หล่อน บุษบาชักจะรู้แล้วว่าอย่างแรกที่ต้องสอนเด็กชายคือมารยาท
คนตัวเล็กพูดจาไม่มีคำลงท้ายเสียเลย


พาหนะที่นำชมไร่ในวันนี้คือจักรยาน หล่อนไม่กล้ารบกวนคนอื่นในไร่ ทุกคนมีงานกันหมด
รถทุกคันควรจะใช้งานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่อย่างนั้นระเด่นมนตรีอาจจะแขวะหล่อนอีกรอบเรื่องเป็นคนกรุงเทพฯที่ต้อง นั่งรถยนต์ตลอด

ส่วนคนที่เคยพาชมไร่อีกคนอย่างวิทยากรนั้นหล่อนก็เกรงใจเขาเหลือเกิน
ในเมื่อมันเป็นงาน หล่อนก็จะทำเอง เด็กชายเห็นรถจักรยานที่หล่อนยืมจากคนงานแถวๆนั้นแล้วก็นิ่วหน้า


“ ขึ้นมาสิคะ น้องเดียร์ไหนว่าจะพาพี่ชมไร่ ”
หล่อน ยิ้มหวาน มือยังจับแฮนด์รถจักรยานอยู่ ตะกร้าหน้าหล่อนทำแซนด์วิชและของกินเล่นอย่างเร่งด่วนเตรียมตัวไปปิกนิก แต่น้องเดียร์ก็ยังนิ่งอยู่

จริงสิ…หล่อนลืมไปเด็กชายตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งเองไม่ได้นี่นา
ระหว่าง ทางที่ปั่นจักรยานไปบุษบาก็ถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับไร่ตลอด คนซ้อนท้ายก็ตอบแบบกึ่งรำคาญ ไปๆมาๆ เด็กชายก็เลยชี้ให้ดูโน่นดูนี่แล้วก็อธิบายเสียเอง ท่ามกลางเสียงเยินยอของหล่อน


“ น้องเดียร์เก่งจังเลยค่ะ จำแม่น”
เด็กชายจึงทำท่ายืดภูมิใจขึ้นมาหน่อย บ้ายอไม่น้อย…เด็กหนอเด็ก

ทั้งสองพักกินอาหารกลางวันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
เด็ก ชายคงหิวจัดกินแซนวิชที่ทำมาให้เสียหลายชิ้น ของหวานเป็นคุกกี้ที่อบเมื่อคืน บุษบาเตรียมมาให้ครบพอดีที่จะหารครึ่ง ชิ้นสุดท้ายที่เหลือจึงเป็นของหล่อน แต่ดูเหมือนเดียร์จะเล็งไว้เหมือนกัน คนตัวเล็กยังกล้าๆกลัวอยู่ แสดงว่าเด็กชายก็คงจะรู้เหมือนกันว่ากินไปเยอะแล้ว


“ อยากกินอีกเหรอครับ ได้ งั้นเดี๋ยวพี่ให้ แต่ว่า…”
ดวงตาของเด็กชายเป็นประกายแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะจ้องเป๋งแบบไม่ไว้ใจ
“ พี่จะให้ขนมกับเด็กดีเท่านั้น”
เดียร์หน้าบึ้งไปในพริบตา เด็กชายรู้ตัวเองดีว่าห่างไกลจากความเป็นเด็กดีอยู่มากโข


“ อย่างแรกที่เด็กดีควรทำคือพูดจาเพราะๆ”
ร่างสูงโปร่งนั้นยิ้มพลางยื่นคุกกี้ชิ้นสุดท้ายให้ เด็กชายมองหน้าหล่อนสลับกับคุกกี้แล้วก็เม้มปาก
“ แด๊ดดี้บอกว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า”
คราวนี้คนที่เลิกคิ้วงงคือบุษบาเอง
ไหง...คนตัวป้อมมาบอกอย่างนี้เอาตอนนี้ล่ะ เมื่อคืนยังกินคุกกี้ของหล่อนซะปากมันแผล่บ


“ แต่เดียร์เคยเห็นพี่แล้ว พี่จะให้เดียร์เรียกชื่อว่าอะไรล่ะ เราจะได้รู้จักกัน”
เด็กชายพูดเสียงอุบอิบ บุษบาจึงยิ้มกว้างกับอาการฟอร์มจัดของคนตรงหน้า เด็กคนนี้อายุสี่ขวบจริงหรือเปล่า?

“ พี่ชื่อบุษบาค่ะ เรียกพี่ว่าบุษบาเลยก็ได้”
“ เดียร์ชื่อเดียร์ ชื่อจริงชื่อจิณณ์ครับ”
เสียงเล็กนั้นแนะนำตัวแล้วยื่นมือมาหยิบคุกกี้จากหล่อน


“ ขอบคุณครับ”
ว่าแล้วเด็กชายก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆ ขากลับเดียร์พาหล่อนไปที่โรงเลี้ยงวัว ผู้คนทักทายเด็กชายเต็มไปหมด
เขาพาหล่อนไปดูวัวหลายตัว วัวแต่ละตัวมีชื่อหมด
“ นั่นชื่อ แจ๊ค นั่นชื่อ ปีเตอร์ นั่นชื่อเบอร์นาด”
เด็กชายไล่ชื่อวัวเสียงแจ้วๆ


บุษบาไม่นึกแปลกใจเลย สงสัยญาติที่เป็นชาวต่างชาติคงสอนให้ แต่อย่างหนึ่งที่หล่อนนึกไม่ถึงเลยก็คือ
ชื่อพวกนั้นคือชื่อเพื่อนร่วมชั้นหัวทอง หัวแดง ของเด็กชายนั่นเอง นอกจากเด็กชายจะกำราบเพื่อนร่วมชั้นขี้อวดเพื่อกลบปมด้อยเรื่องที่ไม่มีแม่ แล้ว
คนตัวเล็กยังเอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อวัวเรียกเล่นๆให้สะใจ


หล่อนขอปันนมสดที่เหลือๆมาได้ขวดหนึ่งกะว่าจะเก็บไว้ทำอะไรกิน
“ พี่บุษบาจะเอานมไปทำอะไร”
เด็กชายถามขณะที่หล่อนปั่นจักรยานพาเขากลับ

“ ไม่รู้สิครับน้องเดียร์”
หล่อนตอบไปงั้นๆ สงสัยต้องลองทำเป็นพุดดิ้งดู แต่จำได้ว่าตอนไปซื้อของหล่อนซื้อเจลาตินแผ่นมาด้วยนี่นา
เพราะดัดแปลงทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง


หล่อนนี่ก็เหลือเกินอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ มักจะคิดถึงแต่เรื่องทำอาหาร สงสัยชาตินี้คงเป็นคนทำอาหารไปจนตาย
“ พี่บุษบาจอดก่อน”
เดียร์ให้หล่อนจอดที่เรือนพักคนงานอันติดเป็นแถว ห้องหนึ่งเปิดประตูกว้างมีของเล็กน้อยๆวางระเกะระกะ

“ เดียร์จะซื้อของ”
เด็กชายวิ่งปรู๊ดเข้าไปในร้านขายของชำ ร้านขายของชำ ใช่แล้ว! บุษบาเดินรี่ตามเด็กชายไปทันที


คนตัวป้อมอ้าปากค้างเมื่อเห็นหล่อนเทน้ำผลไม้กล่องที่ซื้อมาจากร้านขายของชำลงอุ่นในหม้อ
หลังจากนั้นจึงใส่เจลาตินลงไปคนให้เข้ากันแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น บุษบาเทน้ำผลไม้ทับกันทีละชั้น แต่ละชั้นจะคั่นด้วยนมผสมเจลลาตินบางๆ
“ พี่บุษบาจะทำอะไรน่ะ”
เด็กชายถามตาเป็นประกายปิ้งๆ หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์
“ พี่จะทำสายรุ้ง”


เด็กชายห่อปาก ร้องว๊าวๆ สายรุ้งเจ็ดสีที่เขาเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ สายรุ้งที่ทุกคนบอกว่าสวย
“ แต่วันนี้มาไม่ครบเจ็ดสี น้องเดียร์จะช่วยพี่ทำสายรุ้งไหมครับ”
เด็กชายพยักหน้าหงึก แต่พอหล่อนจ้องหน้ายิ้มๆเขาก็รู้ตัวว่าตนเองลืมอะไร

“ ทำครับ เดียร์จะช่วยทำ”
เด็ก ชายเปลี่ยนมาเป็นคำพูดสุภาพ หญิงสาวจึงยื่นชามน้ำผลไม้ผสมเจลลาตินให้คน บางครั้งบุษบาก็ให้เด็กชายช่วยจัดเรียงผลไม้ ร่างกลมป้อมดูมีความสุขมาก ยิ้มจนฟันขาว


“ นายระเด่นวู้ นายระเด่น”
เสียงผู้สูงอายุดังขึ้นที่ประตูครัว เป็นชายหัวล้านคร้ามแดดและคนหนุ่มผิวขาวใส่แว่น
“ อีหนูเห็นนายระเด่นไหม ไอ้พวกหน้าประตูมันวอเข้ามาตั้งนานแล้ว มันบอกนายระเด่นให้มารอที่นี่”
ชายสูงวัยนั้นยิ้มยิงฟันขาวท่าทางเป็นมิตร ขณะที่คนหนุ่มอีกคนมองหล่อนไม่วางตา

“ นายระเด่นอยู่ในไร่มั้งคะ เดี๋ยวฉันให้คนไปตามให้ค่ะ”
แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไรลุงสุขก็เข้ามาเสียก่อน
“ อ้าว พ่อกำนันนั่นเองไปไงมาไง มาๆเชิญที่ห้องรับแขกเลยครับ”
กลุ่มผู้ชายจึงเดินออกไปจากห้องครัวนั้นได้
บุษบาจึงกลับมาสนใจเยลลี่ต่อโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าคนใส่แว่นนั้นมองตามหลังหล่อนตาปรอย


อาหารค่ำวันนี้มีคนมาเพิ่มคือกำนันที่ชื่อเชิด ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหมอประจำอำเภอคนใหม่ชื่อหมอจัตวา
ทีแรกที่กำนันแนะนำตัว เล่นเอาหล่อนนิ่วหน้า หูพาลได้ยินว่าชื่อจรกา พอฟังใหม่จึงค่อยโล่งอก
เฮ้อ…หล่อนนี่ สงสัยติดเชื้อเพ้อเจ้อเรื่องละครอิเหนามาจากคนในไร่นี้เสียแล้ว


โต๊ะอาหารเจ้านายวันนี้คุยกันเรื่องงานวัดประจำปีของอำเภอ กำนันเชิดต้องการขอจิตศรัทธาร่วมบริจาคให้วัด
ซึ่งระเด่นมนตรีก็รับปาก

“ ผมกะว่างานปีนี้จะให้มีประกวดนางงามของอำเภอเหมือนเดิมนะนายระเด่น เลยจะเชิญนายระเด่นเป็นกรรมการด้วย”
เสียงกำนันเชิดดังลั่นๆ


หล่อน นึกไม่ออกจริงๆว่าระเด่นมนตรีจะเป็นกรรมการประกวดนางงามอีท่าไหน สงสัยในใบความเห็นของเขาคงมีแต่ถ้อยคำเสียดสีนางงามเต็มไปหมด จะว่าไปบางทีผู้หญิงหลายคนอาจจะชอบก็ได้

ผู้ชายที่มีลักษณะเป็นแบดบอย หล่อนคนหนึ่งแหละที่ขอผ่าน แบดบอยในชีวิตจริงไม่น่ารักเหมือนในฝัน…

ของหวานวันนี้เป็นเยลลี่ที่หล่อนทำ เรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วจากทุกคน
หล่อน อุตส่าห์เลี่ยงไปจัดจานอาหาร ตั้งแต่ทุกคนยังกินกันไม่เสร็จ บรรยากาศการทำงานที่เร่งรีบและกดดันอย่างนี้แหละ ทำให้คิดถึงบรรยากาศงานในโรงแรมดีชะมัด


“ แม่เจ้าโว๊ย! สวยจนไม่กล้ากินเลย”
เสียง คนงานพึมพำเพ่งพินิจดูของหวานแสนสวยในจาน แม้จานจะเป็นเมลามีนซอมซ่อ แต่ประกายปิ้งๆราวกับอัญมณีของเยลลี่สลับสียามต้องแสงไฟก็ยังจับตาอยู่ดี

“ เรนโบว์ เดียร์ก็ช่วยพี่บุษบาทำด้วยล่ะนี่ไง”
เด็กชายคุยฟุ้ง ชี้ไปที่สับปะรดเป็นชิ้นๆที่แทรกอยู่ในเนื้อเยลลี่สีเหลือง


“ พี่บุษบาบอกว่าวันนี้มีไม่ครบเจ็ดสี เดี๋ยวต่อไปจะทำให้ใหม่เอาให้ครบ”
เดียร์รื่นเริงเต็มที่ ผู้ใหญ่หลายคนได้แต่เยินยอว่าเด็กชายเก่ง ระเด่นมนตรียิ้มนิดๆคนตัวโย่งนี่เก่งพอดู

แค่วันเดี๋ยวทำเอาลูกชายตัวแสบของเขาเรียกพี่บุษบาจ้อยๆ
ภาพที่เห็นหล่อนอยู่ในครัวกับลูกชาย ทำเอาเขารู้สึกแปลกๆ ชายหนุ่มไม่คิดจะหาสาเหตุของอาการนั้น
แค่เห็นลูกชายเขามีรอยยิ้มก็พอใจแล้ว


“ ชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้วว่ะ ทำงานในไร่มาตั้งนาน เพิ่งรู้สึกว่าโชคดีสุดๆก็วันนี้แหละได้กินอาหารแบบโรงแรม”
ความเห็นนี้เรียกเสียงเฮฮาได้ทั่ว
“ ผลหมากรากไม้ธรรมดานี่แหละ แต่คุณบุษบาเอามาจัดเสียสวย ขอบคุณนะคร๊าบ คุณบุษบา”
เสียงชมดังอื้ออึง หล่อนยิ้มรับพอเป็นพิธี


“ คุณบุษบาเคยทำงานโรงแรมเหรอครับ”
จัตวาหมอผิวขาวใส่แว่นถามหล่อน
“ ค่ะ เคยทำอยู่ที่…”
หญิงสาวเอ่ยชื่อโรงแรมเดิม ชายหนุ่มเลิกคิ้ว


“ ขนมที่นั่นอร่อยมากเลยนะครับ สวนก็สวย ผมเคยเข้าไปใช้บริการอาฟเตอร์นูนที บราวนี่อร่อยมาก
ได้ยินว่าเชฟขนมที่นั่นเก่ง จบมาจากนอก”
เสียงนั้นชื่นชมหล่อนจากใจจริง แต่มันเป็นอดีตไปเสียแล้วสำหรับหล่อน

“ เชฟคนที่ว่าก็คุณบุษบานั่นแหละครับหมอ ”
ลุงสุขโพล่งขึ้นสีหน้ายิ้มๆ เหลือบดูระเด่นมนตรีที่มีสีหน้าเรียบเฉยกินเยลลี่ไปจนจะหมดชิ้นอยู่แล้ว


“ โอ้โห! บังเอิญจัง งั้นก็แสดงว่าไร่ที่นี่โชคดีสุดๆเลยน่ะสิครับ น่าอิจฉา สงสัยผมคงต้องมาฝากท้องบ่อยๆแล้วมั้งครับกำนัน”
หมอหนุ่มหัวเราะเบาๆ ทำเอาทุกคนครื้นเครงไปด้วย
“ หมอชอบทานขนมเหรอครับ”
วิทยากรแกล้งถาม จัตวายิ้มแป้น


“ ครับ ก็มันอร่อยดีนี่นา ผมรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังตัดใจไม่ขาด เลยกินให้น้อยๆลง แต่ก่อนผมกินจุจนอ้วนเลย พอเรียนหนักอ่านหนังสือเยอะน้ำหนักเลยลด”
ชายหนุ่มผิวขาวเป็นคนเปิดเผยดีมาก


เขา รู้สึกแปลกตั้งแต่ที่เข้ามาในบ้านหลังใหญ่ แล้วได้กลิ่นหอมหวานของผลไม้ เมื่อเดินเข้าไปในครัวตามกำนัน ภาพที่เขาได้เห็นยิ่งชวนใจเต้นเข้าไปใหญ่
หญิงสาวร่างสูงในชุดผ้ากันเปื้อนครึ่งตัว ยืนค่อยๆเทน้ำผลไม้ลงบนถาด
ผมที่รวบไว้ลุ่ยลงมาตกเป็นปอยนิดหน่อย หล่อนหันมายิ้มกับเด็กชาย


หมอหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นภาพวาดแบบตะวันตกมีชีวิต ภาพวาดของหญิงสาวในครัว
จนหล่อนเดินมาใกล้พวกเขา กลิ่นหอมหวานของผลไม้ผสมกับกลิ่นนมเนย ...ติดจมูกยิ่งกว่าน้ำหอมใด


หมอหนุ่มได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรง ประสาทสั่นไหว อยากมองร่างสูงโปร่งตรงหน้านั้นไปนานๆ
เขานึกไม่ออกเลยจริงๆว่าอาการนี้ทางการแพทย์จะเรียกว่าอย่างไร…

++++++จบบทที่4



Create Date : 11 เมษายน 2552
Last Update : 11 เมษายน 2552 20:19:10 น. 2 comments
Counter : 328 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: baareeraa วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:23:27:07 น.  

 
its really nice, update soon!!


โดย: SENieez วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:1:45:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.