Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
 
18 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 

ฟุตบอลกับบราซิล โดยไก่ป่า



''ผมไม่รู้จะอธิบายคุณอย่างไร รู้แต่ว่าไปโรงเรียนเราก็เล่นแต่ฟุตบอล กลับมาบ้านเปิดทีวีก็เจอแต่ฟุตบอล พ่อของผมก็ชอบฟุตบอล ทุกอย่างมันซึมซับด้วยตัวมันเอง บางประเทศอาจต้องให้ใครพาเข้าสนามหรือปลูกฝัง แต่สำหรับพวกเราแล้วมันเป็นไปตามธรรมชาติ'' 

        (ย้อนความจากฉบับวานนี้)


        ด้วยความบังเอิญ (เสมอ) บนรถโค้ชที่ทางเจ้าภาพจัดให้นักข่าวรับ-ส่งไปกลับจากสนามถึงใจกลางเมือง มีผมกับเขาอีกคนเท่านั้น 


        ตอนแรกนึกว่าเขามาจากแอลจีเรีย แต่ผิดถนัด


        ''ผมเป็นคนบราซิล''


        ...


        ''ผมมาจากประเทศไทย ยินดีที่ได้รู้จัก'' 

        เริ่มจากแนะนำตัวเองไปตามธรรมเนียม เขาหันมาฉีกยิ้มให้หนึ่งที ยื่นมือมาเช็กแฮนด์ด้วยเท่านั้น เรื่องราวต่างๆ ก็ไหลลงดั่งสายน้ำตก เราหันหน้าชนกันเกือบครึ่งชั่วโมงได้ สิ่งใดที่ผมเคยค้างคาก็ถูกชำระล้างจนเกือบหมดจด อะไรที่เคยเป็นเครื่องหมายคำถามก็ได้รับคำตอบแทบไม่เหลือ

        เขาผู้นี้ทำงานให้หนังสือพิมพ์ชื่อดังประจำเมืองกูรีตีบาซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา หากด้วยความรักเกมลูกหนังไม่ได้ต่างจากชาวบราซิลคนอื่นๆ จึงเลือกสะพายเป้ตะลุยไปทั่ว 

        ''ผมชื่อ อาเดรียโน่ ริเบโร่ แล้วคุณล่ะ'' ภาษาอังกฤษของเขาดีที่สุดเท่าที่ได้เจอมา

        ผมยื่นบัตรคล้องให้ดู เพราะกลัวบอกไปก็คงต้องบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดคาด ใครๆ ก็อ่านชื่อของผมเป็นอย่างนั้นตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

        ''ยินดีรู้จัก...อัคราช''

        ''โนๆ ผมชื่อเอกราช''

        เราแลกเปลี่ยนมุมมองกันในเพรสของสนามมิไนเราแห่งเมืองเบโล โอริซอนชีที่ถูกเลือกให้ใช้แข่งขันเวิลด์ คัพหนนี้ทั้งสิ้น 6 แมตช์ ยาวจนถึงรอบรองชนะเลิศด้วยเหตุผลสองข้อคือ หนึ่ง ความจุขนาดหกหมื่นที่นั่ง สอง ความที่เดินทางสะดวกจากรีโอ เด จาเนโรหรือเซา เปาลูก็ตาม

        ''ผมสนใจประวัติศาสตร์ของเกมฟุตบอลพวกคุณมาก มันน่าทึ่งเสมอที่จะหาชาติใดเทียบเคียงบราซิลในด้านความยิ่งใหญ่หรือว่าความบ้าคลั่งได้ ทำไมล่ะ ทำไมบราซิเลียนถึงรักเกมลูกหนัง'' ผมจู่โจมอย่างตื่นเต้น ไม่เข้าถ้ำเสือไม่มีทางหรอกจะได้ลูกเสือคือคติประจำตัวเสมอมา



                           คนบราซิลคลั่งไคล้เกมกีฬาของพวกเขาอย่างไร สังเกตได้อย่างว่าพวก
                                เขาจะดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกตามร้านอาหารข้างทาง (จะติดทีวีเกือบทุกร้าน)
                                 และเป็นภาพที่หาเจอได้ทั่วไป 

        ''ไม่รู้ซิ ผมไม่รู้จะอธิบายคุณอย่างไร ผมเกิดมาพออายุสัก 6-7 ขวบก็ชอบมันอย่างไม่รู้ตัว เพราะไปโรงเรียนเราก็เล่นแต่ฟุตบอล กลับมาบ้านเปิดทีวีก็เจอแต่ฟุตบอล พ่อของผมก็ชอบฟุตบอล ทุกอย่างมันซึมซับด้วยตัวมันเอง บางประเทศอาจต้องให้ใครพาเข้าสนามหรือปลูกฝัง แต่สำหรับพวกเราแล้วมันเป็นไปตามธรรมชาติ''


        สาบาน นาทีนั้นดวงตาของผมลุกวาว 

        เทียบกันอิงลิชชนชาติที่เรียกตัวเองว่า''Home of fooball'' ก็จะมีข้อแตกต่าง พวกนั้นอาศัยการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ก็จะมีเหมือนกันกลุ่มที่ไม่นิยมหรือพูดตรงๆ คือรังเกียจ หันไปบูชากีฬาอย่างรักบี้, คริกเกต หรือเทนนิสด้วยการหยามเหยียดว่า การวิ่งไล่เตะลูกกลมๆ คือกีฬาคนชั้นล่าง

        ''แล้วคุณเชียร์ทีมอะไรล่ะ'' ผมรุกต่อทันที

        ''พัลเมรัส''

        ''ทำไมพัลเมรัส มาจากเซา เปาลูแต่คุณโตที่กูรีตีบา ทำไมไม่เชียร์ทีมประจำเมืองล่ะ''

        ''ก็เพราะตอนเด็กๆ พวกเขาเก่งมาก มันก็คงเหมือนที่ใครชอบเรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล หรือแมนฯ ยูไนเต็ดอะไรประมาณนั้น'' เขาวาดจนเห็นภาพชัดเจน

        ยุคหนึ่งพัลเมรัสเคยมีผู้เล่นนามกระเดื่องอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ ริวัลโด้ ก่อนที่ต่างย้ายไปค้าสตั๊ดในยุโรปซึ่งก็ถือว่าปกติมากสำหรับชาตินี้ สินค้าส่งออกยอดนิยมนอกจากกาแฟหรือน้ำตาลแล้ว ก็คงจะเป็นนักเตะเชื้อสายแซมบ้า


        ''ใช่ๆ ทุกคนอยากไปยุโรปเนื่องจากรายได้ดีกว่า มีโอกาสสร้างชื่อมากกว่า มันเหมือนความฝันเลยว่า เมื่อได้เป็นนักเตะอาชีพของบราซิลแล้วก็ต้องอยากจะมีทีมในยุโรปสนใจดึง'' อาเดรียโน่อธิบาย ''ทุกนัดในลีกสูงสุดของเราจะมีแมวมองมาดู พวกนี้ก็มีเครือข่ายส่งต่อไปยังเอเยนต์''

        ว่ากันว่าถ้าหากสืบค้นรากเหง้าของเกมลูกหนังชนชาตินี้ อาจต้องอาศัยเวลานานพอกับอยากจะรู้จักโลกทั้งใบชนิดทุกรูขุมขน เนื่องจากไม่เคยมีสถาบันหรือหนังสือเล่มไหนสามารถเจาะจงได้ว่า พวกเขามีสโมสรอาชีพทั้งหมดกี่ทีมกันแน่ อย่างวิกิพีเดียจะบอกว่ามี 794 แต่ก็มีบางแหล่งอ้างว่าจริงๆ แค่ 302 ทีมเท่านั้น เนื่องจากที่เหลือจัดในข่ายล้มละลาย


        ลองจินตนาการตามครับ ด้วยขนาดอันมหึมาและด้วยการแบ่งซอยออกเป็นทั้งหมด 27 รัฐกับอีก 52 ดิวิชั่น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถเสาะหาได้ครบถ้วน


        ''ใช่ๆ เราไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆ แล้วเรามีทั้งหมดกี่ทีม อย่างเคยมีปีหนึ่งมีทีมที่ขอจดทะเบียนเป็นทีมอาชีพร้อมกันถึง 48 ทีมภายในหนึ่งสัปดาห์'' หนุ่มผู้ที่สารภาพเอาไว้ว่านอกจากบราซิลแล้วก็ยังแอบเชียร์เยอรมัน ค่อยๆ เอากะลาออกจากหัวของผมทีละอันๆ 


        ''อย่างไรก็ตามเรามีทีมดังที่คนส่วนใหญ่ชอบโดยไล่ตามลำดับตามฐานแฟนบอลคงได้ว่าฟลาเมงโก, โครินเธียนส์, เซา เปาลู, พัลเมรัส, วาสโก ดา กาม่า, ครูไซโร่, เกรมิโอ, ซานโตส...''

        ว่าแล้วเขาก็จัดแจงเปิดโน้ตบุ๊กเข้าเว็บไซต์อะไรสักอย่างที่เป็นสกุลของตัวเองโดยมีการจัดแจงถึงตัวเลขเลยว่า ปริมาณกองเชียร์ของแต่ละสโมสรดังกล่าวตกอยู่ราวเท่าไร

        ''คุณดูเอาเองนะ''

        ผมจ้องแป้นด้วยความทึ่ง : ฟลาเมงโก (25.6 ล้านคน), โครินเธียนส์ (17.4 ล้านคน), เซา เปาลู (9.2 ล้านคน), พัลเมรัส (9.1 ล้านคน), วาสโก ดา กาม่า (8.5 ล้านคน), ครูไซโร่ (5.3 ล้านคน), เกรมิโอ (5.2 ล้านคน), ซานโตส (4.7 ล้านคน), อินเตอร์นาซิอองนาล (4.2 ล้านคน), อัตเลติโก มิเนโร่ (2.6 ล้านคน), ฟลูมิเนนเซ่ (1.9 ล้านคน)

        ประชากรของบราซิลทั้งหมดมีประมาณ 200 ล้านคน หากเอาจากตรงนี้มาเป็นหลักฐานก็คงจะพอตีความได้กระจ่างขึ้นว่า ทำไมพวกเขาถึงคลั่งไคล้ฟุตบอลแบบเข้าเลือด ถึงขนาดยอมสละวิญญาณให้เลยหากผลการแข่งขันน่าอดสูราวว่าโลกนี้ไม่เหลืออะไรให้น่าใฝ่ฝันอีกต่อไปแล้ว

        ใช่ มันคือเรื่องจริงเลยกับคำกล่าวเชิญชวน ''จำนวนคนรักฟลาเมงโกมีพอๆ กับคนที่หายใจในเปรู''

        ตามท้องถนนก็มักจะเห็นเสื้อสีแดง-ดำเดินกันขวักไขว่ ไม่ใช่แค่นั้น แง่ง่ามยังมีทั้งยาวและลึกไปอีก โดยหนนี้ต้องอาศัยปากกากับกระดาษมาเป็นอุปกรณ์เสริม

        ''ใครเจอกันเป็นดาร์บี้แมตช์เบอร์หนึ่งเหมือนอย่างกลาซิโก้ที่มาดริดเจอบาร์เซโลน่า หรือแมนฯ ยูไนเต็ดเจอลิเวอร์พูลในอังกฤษ'' 

        ''ไม่มีนะ พวกเราจะให้ความสำคัญเป็นรัฐหรือเมืองไม่มีเหมือนยุโรป'' อาเดรียโน่บอกเช่นนั้น ''อย่างในรีโอ เด จาเนโรก็ต้องฟลาเมงโกกับฟลูมิเนนเซ่ ส่วนเซา เปาลูก็ต้องโครินเธียนส์กับพัลเมรัส''


        ผมพยักหน้าคล้อยตาม


        ''ยกตัวอย่างฟลาเมงโกเจอฟลูมิเนเนเซ่ก็จะมีศัพท์เฉพาะว่าฟลา-ฟลู โดยพวกเขามีอคติต่อกันตรงที่ฝ่ายหนึ่งพื้นฐานเป็นคนจน (นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฟลาเมงโกถึงมีฐานหนาแน่น) ส่วนอีกฝ่ายมาจากชนชั้นกลางขึ้นไป (นั่นก็คือสมมุติฐานอีกได้ว่า ทำไมฟลูมิเนนเซ่ถึงมีแฟนน้อยสุด)''


        แล้วเขาก็หยิบปากกามาเขียนประโยคหนึ่ง

        ''silenco na favela''

        ''แปลว่าอะไร''

        ''silence in the favela''

        อาเดรียโน่อธิบายต่อมาดังนี้ ''ความหมายคือ ทุกครั้งหากฟลาเมงโกกำลังแพ้หรือแพ้ไปแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็จะร้องเพลงถากถางทันทีว่า ตอนนี้สลัม (favela) คงเงียบไปแล้ว''

        ใช่ นี่แหละสิ่งที่ผมแสวงหา...

        ก็ทำนองคล้ายว่าทำไมสเกาเซอร์ถึงเป็นที่ชิงชังของบุคคลภายนอก อะไรคือเหตุให้เกิดการตั้งไข่ของนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ หรือเพราะอย่างไรไทน์กับเวียร์สองสายน้ำถึงไม่เคยบรรจบกันได้

        เสียดายอยู่อย่างที่พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลในเบโล โอรีซอนชีปิดชั่วคราวเนื่องจากมหกรรมเวิล์ด คัพ ไม่งั้นก็คงจัดการไขสมองได้มากกว่านี้

        เพราะสมัยก่อนบราซิลเป็นหนึ่งดินแดนที่มีคนอพยพสงครามมาอยู่เยอะ หลายทีมก็เลยมีรากเหง้ามาจากเผ่าพันธุ์อื่น นอกจากครูไซโร่กับพัลไมรัสที่ถือกำเนิดจากอิตาลีแล้ว วาสโก ดา กาม่าก็มาจากคนโปรตุเกส ขณะที่เกรมิโอนั้นมาจากเยอรมัน

        อืม german.......gremio

        ''เรื่องยังมีอีกเยอะเลย ถ้ามีเวลาแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์ในเซา เปาลู นั่นเป็นหมายเลขหนึ่งของพวกเรา รวบรวมประวัติศาสตร์ทุกอย่างเอาไว้'' นักข่าววัยริมสามสิบยังกำชับมา

        ยังมีอีกเรื่องที่ค้างเติ่งแถวอกข้างซ้าย ก่อนสิ้นสุดบทสนทนาที่ช่วยยกกะลาออกจากหัวของผม จึงไม่รีรอที่ต้องถาม ''บราซิลเป็นประเทศที่มีคนจนเยอะแล้ว ทำไมถึงกล้าลงทุนสร้างสนามใหม่เสียเงินหลายพันล้านล่ะ พวกคนประท้วงทั้งหลายก็รอขอเงินเหล่านี้อยู่มิใช่เหรอ''

        ''ใช่ ผมเห็นใจพวกเขานะ พวกเขาควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่พวกเราแค่อยากแสดงให้โลกรับทราบว่า บราซิลก็มีดี พวกเราสามารถทำได้ และสำคัญที่สุดฟุตบอลต้องคู่กับบราซิล''

        ''เราตายเพื่อสิ่งนี้ได้...''
                                                                  ''ไก่ป่า''
                                                            kaipa9@yahoo.com

ข้อมูลจาก //www.siamsport.co.th/




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2557
0 comments
Last Update : 18 มิถุนายน 2557 18:45:50 น.
Counter : 1079 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.