Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
"ลมหายใจบราซิล คือฟุตบอล"






















'ลมหายใจบราซิล คือฟุตบอล'
"ลมหายใจบราซิล คือฟุตบอล" : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม

          ฟุตบอลโลก 2014 จบลงอย่างสนุกสนานท่ามกลางการลุ้นเชียร์เอาใจช่วยทีมโปรดของคอบอล แม้ประเทศเจ้าภาพบราซิลจะได้เพียงตำแหน่งที่ 4 และความอัปยศจากการปราชัยอย่างย่อยยับต่อเยอรมันนี 7 - 1 ในรอบรองชนะเลิศ แต่สุดท้ายกีฬาฟุตบอลก็ยังเป็นลมหายใจของชาวแซมบ้าไม่เปลี่ยนแปลง

          ทั้งก่อนและระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้จะมีข่าวเหตุประท้วงรายวันในบราซิล เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า แต่รัฐบาลยังดึงดันเสนอตัวรับเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก ผู้คนยังอดอยากข้นแค้น แต่รัฐกลับเจียดงบประมาณไปสร้างสนามฟุตบอลและทุ่มจัดการแข่งขันทั้งๆ ที่เงินจำนวนมหาศาลนับแสนล้านบาท ซึ่งควรนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรในประเทศมากกว่า แม้ข่าวคราวความวุ่นวายจากเหตุประท้วงในบราซิลจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ยันระหว่างการแข่งขัน แต่สุดท้ายภาพของคนบราซิลที่แสดงออกถึงความรัก ความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนังก็ยังปรากฎให้ได้เห็นในระหว่างเกมการแข่งขันหลายนัดในเวิลด์คัพครั้งนี้

          ...ใช่เพียงความรักในกีฬาฟุตบอลของคนบราซิลที่เราได้เห็นในสนามแข่งขันเท่านั้น แต่ยังมีหนังบราซิลอีกหลายเรื่อง ที่สะท้อนให้เห็นกีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม

          ปี 2006 หนังเรื่อง“Two Sons of Francisco” เป็นตัวแทนจากประเทศบราซิลเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม แม้จะพลาดไม่มีชื่อติด 1 ใน 5 เรื่องสุดท้าย แต่ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ก็ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์วงการหนังบราซิลว่าเป็นหนังที่ได้รับความนิยมจากคนบราซิลเลี่ยน โดยมีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก Dona Flor and Her Two Husbands ในปี ค.ศ. 1976 และก็สร้างสถิติเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวงการหนังบราซิล โดยกวาดเงินไปกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(คิดเป็นเงินไทยกว่า 450 ล้านบาท)จากการออกฉายทั่วโลก

          Two Sons o Francisco เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงของคู่พี่น้องนักร้องซูเปอร์สตาร์บราซิล ‘เซเซ่ ดิคามาร์โก้’ และ ‘ลูเซียโน่’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นพ่อที่มีอาชีพทำไร่ทำนา แต่ปรารถนาให้ลูกเป็นนักร้อง ด้วยการพยายามทำทุกวิถีทางทั้งปลูกฝังการร้องเพลงแต่เด็ก ส่งเสริมให้เล่นดนตรี และผลักดันให้มีโอกาสแสดงความสามารถทางการร้องเพลง แม้ตนเองจะมีฐานะยากจนและผจญกับความยากลำบากเพียงใดก็ตาม จนสุดท้ายความพยามของผู้เป็นพ่อและความมุมานะของลูกชายทั้งสองก็นำมาซึ่งความสำเร็จส่งผลให้สองพี่น้องกลายเป็นศิลปินดังของบราซิลในท้ายที่สุด

          ตลอดทั้งเรื่องของ Two Sons of Francisco แม้จะสอดแทรกไปด้วยเพลงเพราะๆ และหนังถ่ายทอดให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นล่าง ผู้ใช้แรงงานรวมถึงธุรกิจดนตรีในบราซิล แต่มิวายที่เกมกีฬาฟุตบอลถูกแทรกเข้าไปในหนัง ตั้งแต่การเป็นกีฬาสุดโปรดของลูกชายฟรานซิสโกในวัยเด็ก หรือเป็นเกมการแข่งขันริมท้องถนนในเมืองที่สองพี่น้องออกตระเวณทำการแสดง

          ไม่เพียงกีฬาฟุตบอลจะอยู่หนังดราม่าฟีลกู๊ดที่มีเพลงคอยขับเคลื่อนเรื่องราวและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับตัวละคร หนังดราม่าแอ็คชั่นที่ว่าด้วยโลกอาชญากรรมในบราซิลเรื่อง City of God ก็ยังปรากฏให้การเล่นฟุตบอลของเด็กๆกลางสลัมแห่งหนึ่งในกรุงริโอ เดอ จา นีโร แทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่องด้วยเช่นกัน รวมถึง City of Men เรื่องราวลำดับถัดมาจากไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของเฟอร์นันโด เมอเรลเลส ผู้กำกับ City of God ที่ยังคงสะท้อนปัญหาความยากจนและอาชญากรรมในเมืองใหญ่ ที่ส่งผลกระทบไปถึงเด็กและเยาวชน 

          แม้สถานะของ City of Men จะยังคงเป็นหนังแก๊งสเตอร์นำเสนอความความรุนแรงในโลกอาชญากรรมของขบวนการค้ายาเสพติดในบราซิล ท่ามกลางการดิ้นรนเอาตัวรอดของอีกหลายชีวิตที่แร้นแค้น ความสุขของเด็กๆ หรือกระทั่งผู้ใหญ่ในที่นี้ก็คือกีฬาฟุตบอล ซึ่งพวกเขาใช้พื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรในการเล่นสนุกเพื่อลืมความทุกข์ยากชั่วครั้งคราว 

          มีสิ่งที่น่าสังเกตุคือ ไม่ว่าหนังเพลงฟีลกู๊ด หรือแอ็คชั่นดราม่า ถ่ายทอดสภาพความเลวร้ายในโลกอาชญากรรม กีฬาฟุตบอลในหนังบราซิลเหล่านั้นกลับฉายภาพความมีชีวิตชีวาอันสวยงามผ่านการเล่นฟุตบอลของเด็กๆไร้เดียงสา คล้ายดังว่ากีฬาฟุตบอลในมุมมองของคนบราซิล คือความบริสุทธิ์ ความงดงาม เป็นภาพฝันที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณผู้คนให้ลืมความทุกข์ ปลุกปลอบขวัญสร้างกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้กับทุกข์ภัยที่รายล้อมพวกเขา

          ไม่แปลกที่ผู้คนในประเทศโลกที่สามอย่างบราซิล จะมีความสามารถเอกอุด้านกีฬาฟุตบอล แม้ฟุตบอลโลกปีนี้พวกเขาแทบจะไม่มีความทรงจำที่ดีกับกีฬาชนิดนี้เลยก็ตาม (ไหนจะเหตุการณ์ประท้วงตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือความปราชัยพ่ายแพ้ในสองนัดหลัง) เพราะฟุตบอลคือความฝันอันงดงามของคนบราซิล ที่ปะทุอยู่ท่ามกลางความแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้การยอมรับในฐานะผู้มีวิทยฐานะด้านกีฬาลูกหนังที่มีคนเล่นคนเชียร์ และนิยมชมชอบมากกว่าครึ่งโลก

          เมื่อหันมามองในมุมศิลปะ ชาวบราซิลเลี่ยนเองก็มีรสนิยมในการทำหนังเป็นเลิศ ไม่ด้อยไปกว่าเกมกีฬาที่พวกเขาคลั่งไคล้แต่อย่างใด
.......................................
(หมายเหตุ "ลมหายใจบราซิล คือฟุตบอล" : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม)

ข้อมูลจาก //www.komchadluek.net/



Create Date : 19 กรกฎาคม 2557
Last Update : 19 กรกฎาคม 2557 10:43:44 น. 0 comments
Counter : 2867 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.