ผมเคยเล่าไปแล้วในเกม ที่ชิลีพลิกถล่มสเปน 2-0 เกิดเหตุไม่คาดคิด แฟนบอลชิลีนับร้อยที่ไม่มีตั๋ว แหกด่านรักษาความปลอดภัย โซนของผู้สื่อข่าวเข้าไปในศูนย์สื่อมวลชนที่สนามมาราคานา ในริโอ เด จาเนโร ด้วยหวังว่า จะเข้าไปชมเกมในสนามแบบฟรีๆ จนถูก รปภ.คุมตัวไว้ได้กว่า 80 คน ทำให้ฟีฟ่าและเจ้าภาพเสียหน้า เพราะหากเกิดเรื่องร้ายแรงคงฉาวไปทั่วโลก
เกมต่อมาที่สนามมาราคานา ระหว่างเบลเยียม กับรัสเซีย เจ้าภาพจัดกำลังตำรวจมาเพิ่มมากกว่าเดิม มีการตรวจตราแฟนบอลหลายด่าน ใครไม่มีตั๋วห้ามเข้าใกล้บริเวณรอบสนามโดยเด็ดขาด เข้าตำราวัวหายล้อมคอกนั่นแล
บอลคู่นี้คล้ายการชกมวย เบลเยียมถนอมกำลังไว้ หลอกให้บุกเข้าทำเป็นส่วนใหญ่ จนถึงช่วงท้ายครึ่งหลัง นักเตะหมีขาวหมดแรงข้าวต้ม เพราะเตะกันเวลาบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น แดดเปรี้ยง อุณหภูมิอยู่ที่ราว 28 องศา
เบลเยียมที่มีแนวรุกสดกว่า มีโอกาสกระชากจากเอเดน อาซาร์ หมีขาวออกอาการป้อแป้เอาไม่อยู่ เป็นเหตุให้อาซาร์ลากไปถึงเส้นหลังแล้วตบกลับเข้ามาให้ดิว็อก โอริกี หัวหอกดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่เล่นให้สโมสรลีลล์ในฝรั่งเศส ยิงประตูชัยให้ทีมปิศาจแดงแห่งยุโรปสยบรัสเซีย 1-0 ลอยลำเข้ารอบน็อกเอาต์ไปอีกทีม
ตั้งแต่ช่วงก่อนบอลโลก ฟีฟ่าโดนวิจารณ์จนอ่วม ทั้งเรื่องการเป็นเจ้าภาพบอลโลก 2022 ของกาตาร์ มาจนถึงระหว่างทัวร์นาเมนต์ก็ถูกดิเอโก มาราโดนา เทพเจ้าลูกหนังของชาวอาร์เจนตินาจวกแหลกกรณีที่เรียกนักเตะคอสตาริกาไปตรวจโด๊ปถึง 7 คน หลังจบเกมที่เชือดอิตาลี แต่เรียกนักเตะอิตาลีไป 2 คน สร้างความไม่พอใจให้โค้ชฮอร์เก หลุยส์ ปินโต และสมาคมฟุตบอลคอสตาริกาอย่างยิ่ง
มาราโดนา ที่เคยถูกจับโด๊ปในบอลโลก 1994 ที่อเมริกา ออกมาเป็นปากเสียงให้คอสตาริกาว่า ฟีฟ่าไม่ยุติธรรม ทำไมไม่เรียกนักเตะอิตาลีมา 7 คนให้เท่ากับคอสตาริกา และไม่ตรงตามกฎที่ปกติสุ่มตรวจแค่ทีมละ 2 คนเท่านั้น เหมือนไม่ให้เกียรตินักเตะทีมเล็กๆที่อยู่ในสายดี มีอดีตแชมป์โลกอยู่ถึง 3 ทีม ทั้งอิตาลี, อุรุกวัย และอังกฤษ แต่คอสตาริกาก็หักปากกาเซียนทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง
ล่าสุด หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ ร่วมวงถล่มฟีฟ่ากรณีจัดโปรแกรมแข่งขันให้บราซิลได้เปรียบ โดยเฉพาะนัดสุดท้ายรอบแรก ฮอลแลนด์เตะกับชิลี ก่อนบราซิลดวลกับแคเมอรูน 4 ชั่วโมง ทำให้เจ้าภาพจะรู้ผลสายบีแล้วว่า ใครเข้าที่ 1-2 สามารถเลือกได้ว่า จะไปเจอใคร ทั้งที่ 2 นัดแรก บราซิลเตะก่อนฮอลแลนด์มาตลอด นัดสุดท้ายก็ควรจะเตะก่อนเช่นกันเพราะบอลโลกเริ่มแข่งไล่กันมาเป็นลำดับเริ่มตั้งแต่สายเอ
ไม่มีใครอยากเจอทีมแซมบ้าในรอบนี้ ฟาน กัล จึงกดดันไปว่า บราซิลเองก็คงไม่อยากเจอกับนักเตะดัตช์เช่นกัน ถามแฟนบอลทั่วไป ส่วนใหญ่ก็คงไม่อยากให้คู่นี้มาเจอกันก่อนเวลาอันควร หวังว่าผลออกมาจะเป็นที่ 1 สายทั้งคู่
หลังดูเกมเบลเบียมชนะรัสเซียที่มาราคานาแล้ว ผมต้องรีบกลับที่พักที่อยู่ไกลจากสนามพอสมควร การเดินทางที่นี่ค่อนข้างลำบาก ช่วงเวลาเร่งด่วนในริโอ เด จาเนโร ย่านตัวเมืองชั้นในถนนค่อนข้างแคบ มีสี่แยกเยอะ ติดไฟแดงเป็นระยะ รถเคลื่อนตัวได้ช้า
แต่หากการจราจรโล่งเมื่อไหร่ พนักงานขับรถเมล์ซิ่งไม่แพ้รถเมล์ในกรุงเทพฯ ขับเร็ว กระชาก เบรก กระตุก มีครบ ดีกรีระดับน้องๆ
สาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ แต่ที่ริโอมีเส้นทางขึ้นเขา ลงเขา เข้าโค้งหนักๆอยู่เป็นระยะ ใครไม่คุ้นเคยมีสิทธิอาเจียนเอาง่ายๆ ผมเองก็ถึงกับมึนๆไปเหมือนกัน
ถึงที่พักแล้วต้องปั่นงานเก็บข้าวของเดินทางไปเซา เปาโล ด้วยรถบัสนั่งยาวอีก 6 ชั่วโมง นอนในรถไปถึงเซา เปาโล ช่วงเช้า เพื่อไปดูคู่ฮอลแลนด์- ชิลี ที่สนามอารีนา เดอ เซา เปาโล ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของสายบี ในเวลา 13.00 น. จะได้รู้เสียทีว่า รอบ 16 ทีม สายเอ-บี ทีมไหนจะไขว้มาประกบกัน บราซิลจะเลี่ยงฮอลแลนด์เพราะรู้ผลก่อนเหมือนที่ฟาน กัล ว่าไว้หรือไม่
การเดินทางโดยรถบัสในบราซิลเสียเวลากว่าเครื่องบินมาก นักท่องเที่ยวที่มีเงินมากพออาจจะเลือกเครื่องบินเพราะจากริโอไปเซา เปาโล แค่ชั่วโมงเดียว แต่การนั่งรถบัสข้ามคืนเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่ต้องเสียค่าโรงแรม ใช้วิธีเดินทางกลางคืนนอนในรถแทน
รถบัสระหว่างเมืองของบราซิลก็ไม่ขี้เหร่ สะอาด กว้างขวาง นั่งนอนสบาย ผมนั่งรถบัส 2 ชั้นเสียค่ารถ 100 เรอัล (เรียล) หรือราว 1,500 บาท ดูเหมือนแพง แต่ก็เป็นไปตามระดับค่าครองชีพแดนแซมบ้าที่สูงกว่าบ้านเรา บอลโลกจัดในประเทศใหญ่ๆอย่างบราซิล เดินทางเหนื่อยจริงๆครับ.
โต้ บ้านแหลม