ถึงตรงนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพ่อหนุ่มหน้ามน "ฮาเมส โรดริเกซ" กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ได้ลงทะเบียนแจ้งเกิดเป็น 1 ในสตาร์ประจำศึกลูกหนังโลกครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว
เขาคือส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพาทีมจากละตินอเมริกาทีมนี้สร้างประวัติศาสตร์เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก หลังฝ่าด่านยากทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม รวมไปถึงคู่แข่งในรอบ 16 ทีมอย่างอุรุกวัย
นอกจากจะพาทีมทำผลงานได้ดีแล้ว โดยส่วนตัวฮาเมสก็ยังนำโด่งเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นต์ที่จำนวน 5 ประตูจาก 4 เกม บวกกับอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งยิงได้มากกว่า 2 สตาร์อย่างลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์ ด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าในรอบก่อนรองชนะเลิศ วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ เขาก็จะได้วัดความยอดเยี่ยมกับความหวังอันดับ 1 ของเจ้าภาพอย่างเนย์มาร์ อีกด้วย
"ผมมีความสุขมาก เพราะเราได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาแล้ว" ฮาเมส เผยถึงความยินดี หลังคว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เกมที่ 3 ของเขาในทัวร์นาเม้นต์ จากเกมที่ชนะอุรุกวัย 2-0
"ในฐานะที่ผมเป็นแค่ดาวรุ่ง การมาถึงจุดนี้ได้ มันเป็นอะไรยิ่งกว่าความฝัน และหวังว่าจะไปได้ไกลกว่านี้ด้วย" พร้อมพูดถึงประตูที่ 2 อันสุดสวยของตัวเองด้วยว่า "มันคือการยิงที่ผมพยายามทำตลอดในการซ้อม ดังนั้นเมื่อมันกลายเป็นประตูขึ้นมาจริงๆ ผมจึงแฮ็ปปี้มากๆ"
ก่อนจะพูดถึงบราซิล คู่แข่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายว่า "ไม่มีความกดดันอะไรเลย แน่นอนว่าพวกเขามีนักเตะชั้นยอดที่เล่นกันดี แต่เราก็มีนักเตะดีๆ และสามารถสร้างอันตรายให้พวกเขาได้เช่นกัน มันจะเป็นเกมที่น่าติดตามมากๆอย่างแน่นอน" หนุ่มหน้ามนกล่าว
ขณะที่โฮเซ่ เปเกร์มัน เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ของโคลอมเบีย ก็ยกย่องลูกทีมคนเก่งรายนี้ ว่ามีทุกอย่างสำหรับการที่ยอดนักเตะระดับโลกสักคนพึงมี
"จากประสบการณ์อันยาวนานในวงการฟุตบอลของผม ผมเคยร่วมงานกับยอดนักเตะมากมาย ซึ่งเขาคือ 1 ในนั้นแน่นอน เพราะผมสามารถรับรู้ถึงความพิเศษที่มีอยู่ในตัวเขา"
"ที่น่าตกใจก็คือด้วยวัยของเขานั่นล่ะ ทั้งที่เขายังหนุ่ม แต่กลับไม่มีปัญหาอะไรเลยในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ ซึ่งนักเตะบางคนต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าใจได้"
"เขาเป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิค ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการเป็นนักเตะระดับโลก เขาทำได้ดีทั้งการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมและทำด้วยตัวเองเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย"
"ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจสักนิดเลยว่า ทำไมฟุตบอลโลกครั้งนี้ถึงเป็นของเขา" เปเกร์มันกล่าว
เช่นเดียวกับออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ นายใหญ่ทีมจอมโหด ผู้พ่ายแพ้ต่อ 2 ประตูของฮาเมส ก็บอกว่า หนุ่มคนนี้กำลังก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับยอดแข้งอย่างดีเอโก้ มาราโดน่า, ลิโอเนล เมสซี่ หรือแม้แต่ หลุยส์ ซัวเรซแล้ว
"สำหรับผม นักเตะคนพิเศษย่อมหมายถึงคนที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่มันหลุดจากกรอบของความธรรมดา ดีเอโก้ มาราโดน่า, ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และแน่นอน ฮาเมส โรดริเกซ ทั้งหมดนี้มีพรสวรรค์ที่สามารถทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษขึ้นมา" ตาบาเรซกล่าว
"ผมเชื่อว่าเขาจะเป็น 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่ ผมไม่ได้เพี้ยนนะ เขายังหนุ่มยังแน่น เราพยายามที่จะปิดทางเพื่อไม่ให้เขาแสดงความสามารถออกมา แต่เขาก็ยังไปของเขาได้เรื่อยๆ"
"หวังว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ โลกของฟุตบอลต้องการนักเตะที่มีคาแร็คเตอร์แบบนี้" กุนซือทีมจอมโหดทิ้งท้าย
"โอ้ว, ขอบคุณครับ" ฮาเมสกล่าว หลังได้รับทราบถึงคอมเมนต์จากยอดกุนซืออย่างตาบาเรซ พร้อมเปิดใจต่อว่า "ถือว่าเป็นเกียรติและน่าภูมิใจมากที่คนระดับเขาพูดถึงเด็กน้อยอย่างผมแบบนั้น"
"อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมต้องการอย่างเดียวในตอนนี้คือ พาทีมคว้าชัยชนะและไปให้ไกลที่สุดในเวิลด์ คัพครั้งนี้ เพื่อสร้างความสุขให้คนโคลอมเบียทั้งประเทศ"
ก่อนจะวกกลับมาพูดถึงคู่แข่งในวันศุกร์นี้อย่างทีมเจ้าภาพว่า "บราซิลคือยอดทีมอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขามีประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งและยอดนักเตะอยู่ในทีม แต่ผมก็เชื่อว่าเราจะลงสนามด้วยความมั่นใจที่ว่าเราจะชนะ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เราเป็นมาตลอด เราทั้งเล่นดีและยิงประตูได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากๆ"
"อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด สำหรับความสำเร็จที่ผมได้รับมา แต่สำหรับผม ผมมองว่าถ้าคุณมีความฝัน คุณก็ต้องพยายามทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้"
แต่องค์ประกอบสำคัญอย่างนึงที่อยู่ควบคู่ไปกับความสำเร็จของฮาเมส ก็คือเปเกร์มัน เทรนเนอร์อาร์เจนไตน์ของทีมนั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวกล่าวถึงเจ้านายว่า
"ที่ผมก้าวขึ้นมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ผมต้องขอบคุณเขา เพราะเขาช่วยผมในทุกๆด้าน เราได้คุยกันบ่อย ซึ่งช่วยพัฒนาตัวผมทั้งในเรื่องของแท็คติกและความแข็งแกร่งของจิตใจ" ฮาเมสกล่าวปิดท้าย
แม้ไม่มีอะไรรับประกันว่า เขาจะพาโคลอมเบียไปได้ไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และสุดท้ายไม่ว่าแชมป์จะเป็นใคร
แต่ที่แน่ยิ่งกว่าอะไร
คือในอนาคต ถ้ามีการย้อนกลับมาคุยกันถึงเวิลด์ คัพ 2014 ที่บราซิล
"ฮาเมส โรดริเกซ" คือชื่อแรกๆที่ทั้งเราและท่านนึกออกแน่นอน
เครดิต : หนังสือพิมพ์ "สปอร์ตพูล"