พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ย้อนหลังไปสู่วัยเด็ก ... ช่วงเวลา "ข่าวพระราชสำนัก" เป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อมาก
อยากดูละครเร็วๆ ก็ไม่ได้ ต้องดูข่าวนี้ก่อน
บางทีดูรายการปกติ การ์ตูน หนังจีน ละคร อยู่ดีๆ อ้าว วันนี้มีถ่ายทอดสดพระราชพิธี
ก็ต้องรอจนจบการถ่ายทอดพระราชพิธีนั้นๆ
และโรงเรียนประถมของเราอยู่ใกล้วัดที่เสด็จพระราชดำเนินไปทอดผ้าพระกฐิน
นักเรียน ก็ต้องถูกเกณฑ์ไปตากแดดตากลม (ปีนั้น ตากฝน) รับเสด็จด้วย
เป็นช่วงวัยที่รู้สึก "ห่างเหิน" และไม่สนใจใดกับเรื่องราวของพระราชวงศ์
ล่วงเข้าสู่วัยเรียนที่สูงขึ้น จบปริญญา ต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
ยังรู้สึกว่าเป็นพิธีการที่ยืดเยื้อ น่าเบื่อ กะว่าจะไม่รับ ..เพราะไม่อยาก "ลากิจ"
แต่ทว่า สีหน้าปลาบปลื้มของพ่อกับแม่และญาติพี่น้อง ทำให้เราไม่กล้าขัดใจใคร
อีกหลายปีต่อมา เมื่อได้ทำงาน ได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับพระราชวงศ์
ได้รับเสด็จเชื้อพระวงศ์ที่เสด็จมาเป็นองค์ประธานเปิดงาน หลายครั้ง
พระจริยวัตรอันงดงาม พระราชกรณีย์กิจที่ได้รับรู้มากขึ้น เมื่อต้องอ่านและทำข้อมูลนิทรรศการเทิดพระเกียรติ
ทำให้เราตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต้องพสกนิกรชาวไทย
..รู้สึกอิจฉาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้เฝ้ารับเสด็จใกล้ชิด อยากเป็นคนห่างไกลความเจริญ เพื่อได้ใกล้ชิดพระองค์บ้าง
เมื่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระชนมายุสูงขึ้น พระกำลังถดถอย งดปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ก็เป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ ผลงานศิลปินหลายต่อหลายท่านในนิทรรศการ
ได้เริ่มเก็บสะสมนิตยสารที่มีภาพพระองค์ขึ้นปก ได้อ่านเรื่องราวในนิตยสารนั้น และหนังสือที่เขียนถึงอีกมากมาย
พฤติกรรมเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นการเฝ้ารอชมข่าวในพระราชสำนัก ...วันใดที่เสด็จออกด้วยพระองค์เอง
เราก็ยินดีที่ได้เห็นว่า ยังทรงมีพระกำลังกายแข็งแรงดี พอมีข่าวประชวร ก็ใจหาย
ถ่ายทอดสดพระราชพิธี เสด็จออกมหาสมาคมในวันที่ ๔ ธันวาคม ก็กลายเป็นเวลาที่เราเฝ้ารอคอย
และเมื่อประกาศสำนักพระราชวังแจ้งข่าวสวรรคต.... เหมือนกายกับใจแยกจากกัน
ไม่อยากทำอะไรเลย แม้จะเตรียมใจว่า วันนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่า จะเร็วถึงเพียงนี้
หนังสือพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท เราก็รื้อออกมานั่งอ่านใหม่
คลิปภาพยนตร์ส่วนพระองค์ คลิปสารคดีที่สถานีโทรทัศน์เผยแพร่
ยิ่งทำให้เรารับรู้ว่า ... ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรมายาวนานถึง 70 ปี
คำหนึ่งที่ทรงตรัสบ่อย คือ "หน้าที่" ทุกคนมีหน้าที่ติดตัวมา
หากทุกคนใส่ใจทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ...บ้านเมืองก็จะเจริญก้าวหน้า
และพระองค์ก็คงไม่เหนื่อยมากอย่างที่เราได้รับรู้อย่างนี้
บัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากพวกเราไป ...จริงๆ
เราก็ควรน้อมนำพระบรมราโชวาท มาเป็นแนวทางในการทำงานต่างๆ
พระองค์ทำทางไว้ให้พวกเราแล้ว ...เดินไปตามทางของพระองค์ ชีวิตจะเป็นสุข
อีกแง่มุมหนึ่งที่เราประทับใจ ...ก็คงเป็นพระสิริโฉม
ทรงเป็นกษัตริย์หนุ่ม ที่มีความสง่างาม สมาร์ท บุคลิกภาพดี (ขอใช้คำธรรมดานะ)
ปรากฎพระองค์คราวใด ล้วนถึงดูดสายตาไปจับจ้องที่พระองค์คราวนั้น
บอกได่เลยว่า ถ้าเราเกิดทันช่วงพระองค์หนุ่มๆ ...เราก็คงเป็น "ติ่ง" คอยตามเฝ้ารับเสด็จพระองค์แน่นอน
พระบรมฉายาลักษณ์ที่เผยแพร่ออกมาผ่านสื่อต่างๆ นี้ ทำให้คิดถึงเพลง "ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น"
ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น
คำร้อง : แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง : เอื้อ สุนทรสนาน
ขับร้อง : เพ็ญศรี พุ่มชูศรี นำหมู่
เป็นเพลงที่วงดนตรีสุนทราภรณ์ บรรเลงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสเสด็จนิวัติกลับพระนครเมื่อเครื่องบินพระที่นั่งจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในปีพ.ศ.๒๔๙๓
พระองค์มีพระสิริโฉมงดงามมาก
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์