"For those who believe, no proof is necessary. For those who don't believe, no proof is possible." --- Stuart Chase

Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
ขอชี้แจงกรณีแก้งาน (2)

ส่วนแรกเป็นส่วนชี้แจงของเรื่องการแก้งานนะคะ มาต่อกันที่หลังจากทราบเรื่องว่า อีกฝ่ายทำอะไรลงไป

เมื่อประมาณปลายปี ดิฉันได้ทราบเรื่องจากการพูดคุยกับน้องอมราวตี และไปหยิบหนังสือมาเปิดดู ก็พบว่า เขาเอาส่วนที่เขียนแก้ไขใส่ลงไปในต้นฉบับเลย บางส่วนใส่ลงไปทั้งแบบนั้น บางส่วนก็มีอีดิธ ตัดคำบ้างเล็กน้อย แต่ก็มีหลายจุดที่เขาเอาลงไปทั้งแบบนั้นเลย

ถ้าถามว่าทราบไหม ว่าน้องช่วยตรวจดูต้นฉบับของเรื่องนี้ ขอตอบว่าทราบค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าน้องแค่ช่วยมาร์คจุดที่สงสัยให้ตามปกติ ซึ่งทำให้กันบ่อยๆ ไม่ได้ทราบเลยแม้แต่น้อย ว่าเขาขอให้แก้ไขและอีดิธงานลงไปเช่นเดียวกับที่ขอให้ดิฉันทำ

ไฟล์ต้นฉบับค่ะ







ต่อมาเป็นไฟล์ทีดิฉันได้แก้ไข โดยเขียนเติมลงไปให้เลย ตามที่เขาขอร้องไว้ ซึ่งไฟล์นี้ ดิฉันได้โหลดมาจากอีเมล์ฉบับที่ส่งไปให้เขาในตอนแรกค่ะ







และสุดท้ายเป็นไฟล์จากหนังสือค่ะ






ขอลงตัวอย่างไว้เพียงเท่านี้นะคะ ถ้าใครอยากเห็นเพิ่มเติม แจ้งไว้แล้วกันค่ะ จะอัพเพิ่มขึ้นให้

เมื่อดิฉันเห็นดังนั้น บอกตรงๆค่ะว่าอึ้ง เพราะนี่มันไม่เป็นไปตามข้อตกลงแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้ด้วยความไว้วางใจ และเชื่อใจ แต่กลับทำลงไปทั้งแบบนี้ ทำให้ดิฉันรู้สึกแย่เอามากๆ เพราะไม่ได้มีเพียงแต่ข้างต้น แต่มีจุดอื่นๆอีกหลายจุด เป็นระยะๆ ทั้งที่อีดิธบางส่วน อีดิธทั้งหน้า หรือเขียนเติมให้เป็นหน้า

ดิฉันย้ำไปทั้งในเมล์ และทาง MSN หลายครั้ง ว่าให้แก้ก่อนจะส่งนะ อย่าส่งทั้งแบบนั้น ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจคงใช้ไม่ได้ในกรณีนี้

ดิฉันและน้องอมราวตีตั้งใจไว้ว่า จะพูดคุยกับเขาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นปี ทางคู่กรณีนั้นมีธุระยุ่ง เนื่องจากต้องทำงานเขียนให้เสร็จทันส่งสำนักพิมพ์ เพื่อที่จะออกงานได้ทันงานสัปดาห์หนังสือ ทั้งดิฉันและน้องอมราวตีจึงเห็นว่า ควรรอไว้ก่อน

ต่อมา ทางดิฉัน, น้องอมราวตี พี่ๆอีกสามคน ได้จัดทริปไปเที่ยวพะเยากัน โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทริปครั้งนี้ คือพี่เขาต้องการไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนชายที่อยู่ที่พะเยา แต่ไปกันตามลำพังจะน่าเกลียด จึงชวนพวกเราไปด้วยหลายคน โดยเพื่อนชายของพี่เขารับปากจะพาเราเที่ยวด้วย (จุดประสงค์หลักคือไปพบพ่อแม่ฝ่ายชายนั่นเองค่ะ) และทางเราได้ชวนคู่กรณีไปด้วย เพราะเคยเอ่ยปากบอกว่า อยากไปจังหวัดนี้ แต่ไม่มีโอกาสเสียที ซึ่งทางคู่กรณีก็ตกลงไปด้วยกัน

คืนก่อนวันกลับ มีการเสนอให้เปิดใจคุยกัน ถึงเรื่องที่ไม่สบายใจ และไม่พอใจต่างๆ เพราะคู่กรณีนั้นไม่ยอมพูดกับน้องอมราวตี จนพี่ๆ ที่ไปทริปทัวร์เดียวกันรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้บอกให้เคลียร์กันเสีย โดยพี่ๆจะเป็นพยานและช่วยไกล่เกลี่ยให้

ทางดิฉัน, อมราวตี และคู่กรณี จึงได้มีการพูดคุยถึงความไม่สบายใจต่อกัน รวมถึงเรื่องงานเขียนเรื่องนี้ด้วย

ดิฉันได้บอกคู่กรณีไปว่า ดิฉันไม่พอใจกับเรื่องที่เขาเอาส่วนที่ดิฉันแก้ไปลงโดยไม่แก้ไขอะไร ทางเขาจะรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องนี้ ซึ่งตัวเขาเสนอมาว่า เขาจะจ่ายสินน้ำใจให้ 15%

เมื่อได้ฟังดิฉันก็ตกใจ เพราะไม่ได้ต้องการเงินทอง เพียงอยากเห็นความรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ดิฉันถึงกับอุทานว่า จะบ้าเหรอ จะเอามาทำไม 15% มันเยอะเกินไป

ทางคู่กรณีบอกว่ายินดีและเต็มใจให้ค่ะ ดิฉันจึงบอกว่างั้นขอแค่ 5% ก็พอแล้ว ซึ่งดิฉันไม่เคยรู้ยอดเงินจนบัดนี้ ในตอนนั้นก็เป็นเพียงการตกลงคร่าวๆ ดิฉันบอก % ไปแบบไม่ทราบจำนวนเงินที่แท้จริง เจ้าตัวเขาก็จำไม่ได้

และดิฉันบอกไปว่า ไม่เป็นไร ไว้กลับมาค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไรนี่ ซึ่งเรียนตามตรง ดิฉันเองก็ออกจะผิดหวังกับคำตอบของเขาอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ดิฉันยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากเขาแม้แต่คำเดียว

ขอชี้แจงตรงนี้เลยว่า ที่รับปากจะรับเงินจากเขานั้น ดิฉันมีเจตนา อยากจะรู้ว่าเขาจะรับผิดชอบจริงหรือไม่ และดิฉันไม่เคยทวงถามเรื่องเงินแม้แต่คำเดียว

และขอประกาศย้ำตรงนี้อีกครั้งว่า

"ดิฉันไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองใดๆ จากคู่กรณีทั้งสิ้น"

ซึ่งดิฉันได้ถามทางคู่กรณีอยู่ตลอดว่า มีอะไรไม่พอใจ หรือไม่สบายใจอะไรไหม ดิฉันยินดีรับฟัง ซึ่งทางนั้นก็บอกว่าไม่มีอะไรค่ะ วันรุ่งขึ้นเราก็เที่ยวกันต่อแบบสบายใจ คิดว่าเคลียร์กันหมดแล้ว

หลังจากนั้น ก็แทบไม่ได้คุยกันเลย แม้กระทั่งในนัดมีตติงในงานหนังสือก็ไม่เจอ สอบถามไปก็บอกว่าคู่กรณีไม่มา จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2552
มีผู้ใหญ่วานให้ดิฉันนำของไปให้คู่กรณี ซึ่งดิฉันไม่อยากเก็บไว้กับตัวนานจึงพยายามติดต่อกับเขา อีกทั้งไม่ใช่ของที่เหมาะจะส่งทางไปรษณีย์อีกด้วย

ดิฉันจึงโทร.เข้ามือถือ เป็นจำนวน 4 ครั้ง ซึ่งเขาไม่รับทั้ง 3 ครั้ง ส่วนครั้งสุดท้าย ตัดสายทิ้ง จึงส่ง SMS ไปบอกว่า มีคนฝากของมาให้ ดิฉันว่างเพียงวันเดียว คือวันที่ 19 เมษายน จะไปหรือไม่ไป ช่วยโทร.กลับมาบอกด้วย ทางคู่กรณีก็เงียบไปไม่ตอบอะไร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 จึงได้ส่งอีเมล์ไปถามอีกครั้ง

(ขอนอกเรื่องนิดหนึ่งค่ะ คือ วันที่ 11-15 เม.ย. ไปต่างจังหวัด วันที่ 18,25 และ 26 เม.ย. มีสอบค่ะ)

ระหว่างที่อยู่บ้านที่ตจว. น้องอมราวตีโทร.มาร้องไห้ บอกดิฉันว่า เขาบังเอิญออนไลน์เจอกันทาง MSN คู่กรณีแจ้งน้องว่า ให้เขาเซ็นเอกสารอะไรก็ไม่รู้ พร้อมกับต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 10% พร้อมทั้งย้ำอีกว่า “ถ้าไม่เซ็น จะไม่มีการจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น” และออฟไลน์ไปทันที ทำให้น้องตกใจมาก ดิฉันปลอบให้น้องใจเย็นๆ รอให้ดิฉันกลับไปก่อน เดี๋ยวจะไปถามคู่กรณีให้ เมื่อดิฉันกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็เจออีเมล์แจ้งว่าให้เซ็นเอกสารก่อน แล้วจะจ่ายเงินให้

ซึ่งบอกตามตรงว่าอึ้ง และตกใจว่าทำไมถึงส่งอีเมล์มา เพราะดิฉันไม่เคยทวงถามเรื่องเงินแม้สักครั้งเดียวตั้งแต่กลับจากพะเยา ดิฉันคิดว่า เขาพร้อมจะจ่ายเมื่อไหร่ เขาก็คงบอกเรามาเอง

โดยสัจจริง ปัจจุบันนี้ ดิฉันเองก็ยังไม่รู้ยอดที่แท้จริงด้วยซ้ำ ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เพราะจำนวนพิมพ์ที่แจ้งให้เรารับฟัง กลับน้อยกว่าที่เราได้ยินมาจากคนอื่น

ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมีเพื่อนมาถามดิฉันว่า ไปทำอะไรให้คู่กรณี เขาถึงบอกว่า ไม่อยากจะคบกันอีกต่อไปแล้ว ซึ่งดิฉันเองก็ยังไม่เข้าใจจนบัดนี้ ว่าดิฉันไปทำอะไรให้กับเขา เขาถึงได้มาทำเช่นนี้กับดิฉัน

เมื่อได้รับข้อความจากทางนั้น ดิฉันรู้สึกว่า เขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนแล้ว เพื่อนกันคงไม่ทำแบบนี้ เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารอะไรดิฉันก็ไม่ทราบ ร่างเอกสารก็ไม่เคยเห็น จะมาบังคับให้เซ็นแล้วส่งกลับได้อย่างไร และเมื่อมีการเซ็นเอกสาร ก็กลายเป็นการจ้างวานทางธุรกิจไปแล้ว

ต่อมาน้องอมราวตีอีเมล์ไปหา ถามเขาว่า ไม่เห็นอมราวตีเป็นน้องแล้วหรือ ทำไมถึงทำแบบนี้ ส่งไปทั้งสองรอบก็มีแต่ความเงียบสะท้อนกลับมา ดิฉันจึงลงความเห็นว่า เราคงต้องคุยกันอย่างธุรกิจแล้ว เพราะเขาไม่ได้อยากคุยกับเราในฐานะเพื่อนแล้ว จึงบอกน้องไปว่าไม่ต้องร้องไห้ และไม่ต้องอีเมล์ไปเว้าวอนเขาอีก ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของเรา ก็คงต้องตกลงกันตามวิถีที่เขาเสนอมา

ดิฉันจึงตอบเมล์กลับไปแบบธุรกิจ แต่ก็เงียบหายไปเฉยๆ จนกระทั่ง 10 วันผ่านไป จึงได้เมล์กลับไปถามอีกครั้ง ว่าจะเอาอย่างไรกัน

เขาส่งเมล์กลับมาแจ้งว่า

"ขอให้เจอกันที่โรงพัก เขาจะจ่ายเงินให้ที่นั่น"

และนัดให้ไปคุยกันที่สถานีตำรวจในวันและเวลาที่ดิฉันและน้องอมราวตีไม่สะดวก เนื่องจากต้องทำงานและเรียนหนังสืออีกด้วย

เขาแสดงออกราวกับว่า เขาไม่เคยขอร้องให้ดิฉันช่วยเหลือ และมิได้ทำผิดอะไรเลย ทั้งๆที่ดิฉันแค่ต้องการสิ่งที่ดิฉันควรจะได้รับบ้าง มิใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็น “ความรับผิดชอบ”

ระหว่างนั้น น้องอมราวตีก็ได้ตั้งกระทู้ ดังที่น้องได้ชี้แจงไปแล้ว ส่วนดิฉันนั้น ดิฉันไม่ทราบมาก่อน ว่าน้องจะตั้งกระทู้ ดิฉันมาทราบหลังจากตั้งกระทู้แล้ว แต่ก็เคารพการตัดสินใจของน้องค่ะ ถ้าทราบมาก่อนก็คงจะไม่ให้น้องเขียนอะไรทำร้ายตัวเองแบบนี้

ต่อมา เรื่องนี้กลับถูกเบี่ยงประเด็นจากจรรยาบรรณไปยังสำนักพิมพ์ได้อย่างไรไม่ทราบได้ เรื่องลุกลามไปใหญ่โตจนเกรงจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับสนพ. ทั้งๆที่ทางนั้นก็ให้ความเป็นธรรมกับเรามาโดยตลอด ครั้นจะมาชี้แจงเพิ่มเติม ก็เกรงจะมีมือที่สามมาเกี่ยวข้องทำให้ประเด็นขยายออกไปอีก และเกรงว่าคู่กรณีอาจจะขอเลื่อนนัดออกไปอีก จึงจำเป็นต้องขอร้องน้องว่า อย่าเพิ่งมาชี้แจงใดๆในกระทู้

นอกจากนี้ ยังมีคนมาต่อว่าดิฉันอีก ว่าข่มขู่ จงใจรีดไถเงินกับเพื่อน ทั้งๆที่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังนั้นแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม กระทู้นั้นก็มีผลดีอยู่บ้าง เพราะคู่กรณีซึ่งหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ตอบเมล์บ้าง โยกโย้เรื่องวันนัดบ้าง ติดต่อทางไหนก็ไม่ได้ ก็ได้ส่งอีเมล์ตอบรับการนัดขึ้นมาในทันที

ซึ่งจุดประสงค์ในการพูดคุยในครั้งนี้

ดิฉันอยากจะเคลียร์ข้อข้องใจ ความค้างคาใจ รวมถึงข้อกล่าวหาทั้งหลายที่ได้ยินมา
เพราะดิฉันติดต่อคู่กรณีไม่ได้ อยู่ดีๆก็เงียบหายไป มีเพียงข่าวสารผ่านเพื่อนบางคนมาเท่านั้น ซ้ำยังเข้าใจผิดไปคนละเรื่องกับที่ต้องการจะพูดคุย
อีกทั้งยังมีการพยายามดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ
ทั้งที่จริงๆแล้ว ก็เป็นเรื่องระหว่างเราเท่านั้น ดังนั้น จึงอยากจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดก่อนจะชี้แจงใดๆ

(เชิญต่อที่บล็อกหน้า จะเข้าเรื่องโรงพักแล้วค่ะ บอกแล้วว่ามันยาวจริงๆนะ)

(เข้ามาแก้ไขความไม่สมบูรณ์ของถ้อยคำ และคำผิดค่ะ)


Create Date : 19 พฤษภาคม 2552
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 19:21:27 น. 5 comments
Counter : 672 Pageviews.

 
ตามเรื่องอยู่เป็นระยะ
เป็นกำลังใจให้คุณพิกฯ และความถูกต้องค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:47:40 น.  

 
ดีใจที่ได้อ่านเต็มๆ โดยไม่มีการปาดค่ะ


โดย: Guga วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:51:20 น.  

 
อืม...เหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้นี่เอง


โดย: จโกระ&ลาชา วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:29:24 น.  

 
อืม... เฮ้อ


โดย: ใบหม่อน วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:17:24 น.  

 
ช่วงนี้งานเข้าค่ะ
ตกข่าวอย่างแรง เพิ่งเห็นกระทู้ข้างนอกเลยตามมาอ่านเรื่องราวเป็นมา


เป็นกำลังใจให้คุณพิกซี่ค่ะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:10:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

piccy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







I can’t stand to fly
I’m not that naive
I’m just out to find
The better part of me

I’m more than a bird
I’m more than a plane
More than some pretty face beside a train

...It’s not easy to be me...











Friends' blogs
[Add piccy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.