1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28
เฮ้อ...แล้วอีกกี่ชาติ ประเทศมันถึงจะพัฒนาสักที!!!
ก่อนอื่น ต้องขอ Happy Valentine's days ย้อนหลังก่อนเน้อ คนไม่มีแฟนอย่างเรา ก็นอนเล่นไปตามเรื่อง ^^ ตอนเย็นเมื่อวาน กำลังเคลิ้มๆ พี่จุ๊บโทร.มาหา "เบ็บ ถามอะไรอย่างดิ" ไอ้เราก็กำลังงัวเงียๆ เลยงึมงัมๆตอบไป "อะไรล่ะพี่" "เซนติเมตรเนี่ย ตัวย่อมันมี s ปะ" คราวนี้ ตาสว่าง หูตั้งทันควัน รู้เลยว่ามีคนจ้างเจ๊พิมพ์งาน แล้วเขียนอะไรประหลาดๆอีกแหงๆ "ไม่มี๊ มีที่ไหนกันเจ๊ ถ้าเขียนเต็มสิ ถึงจะมี" "ชั้นก็ว่างั๊นแหละ กำลังคิดอยู่ว่าภาษาอังกฤษชั้นก็ไม่ได้เพี้ยน ทำไมมันเขียนประหลาดๆ กิโลกรัมก็ kg เฉยๆใช่ไหม ไม่มี S นะ" "ไม่มี จะมีก็ตอนเขียนเต็ม พิมพ์อะไรอีกอ่ะพี่" "มีคนเขาจ้างพิมพ์เรซูเม่ แกเอ๊ย มันเขียนมาชั้นงี๊ปวดหัว ตรง Education มันเขียนว่า Cirtificate of vacation แล้ว major มันเขียน Electricity" "หา! อะไรนะเจ๊ มันปริญญาอะไรอ่ะ ไม่ใช่ปริญญาดิ มันใบ cir แต่ cir อะไรของมัน การพักร้อนเรอะ ถ้าพักร้อนมันน่าจะท่องเที่ยว มันก็น่าจะเป็นพวก artsสิ ถ้าจบตรีก็ต้องเป็น Bachelor of arts แล้วเอกอะไรก็ว่าไป แต่นี่มันเอกอะไรของมันเนี่ย Electricity มันก็กระแสไฟฟ้านะเจ๊ ปกติ พวกวิศวะไฟฟ้า มัน Electrical engineering นะ" "เออ ชั้นงงๆอยู่นี่ไง ถ้าท่องเที่ยวมันก็ต้อง tourism สิ แล้วไอ้อิเล็คทริคซิตี้เนี่ย มันเขียนไม่มีตัว r ด้วยนะ" "เวรกรรม เอางี๊แล้วกัน เจ๊ก็ถามเขาดูว่าจะเขียนอะไร ไงๆก็แก้ให้เขาหน่อยเหอะ ถือว่าเอาบุญ ขืนเขียนเรซูเม่ไปอย่างนี้จริงๆ ไม่มีใครรับเข้าทำงานแน่" "เออๆ ชั้นนัดให้มาเอาอีกสิบห้านาที เดี๋ยว โทร.ไปรายงานผล"ทีนี้ ข้าพเจ้าก็ตื่นล่ะ ลุกขึ้นมาด้วยความงงงันกับภาษาอังกฤษภาคพิศดาร สักพัก พี่จุ๊บโทร.กลับมาใหม่ "แก เด็กที่มันมาให้พิมพ์ มันบอกว่าอาจารย์สอนอย่างนี้ อาจารย์เพิ่งจบตรีมา" "หา! มันเรียนอะไรอะพี่" "เทคนิคแถวนี้ล่ะมั๊ง มันบอกว่ามันเรียนเอกไฟฟ้ากำลัง" "เอ่อ แล้วไฟฟ้ากำลัง มันเกี่ยวอะไรกับ vacation" "ไม่รู้ มันบอกให้แก้เป็น cirtificate of electrical power แล้ว major ก็เป็น electrical power มันเรียนไฟฟ้ากำลัง" "เจ๊ หนูว่ามันผิดนะ power มันต้องอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เหรอ" "เออ แต่มันจะให้พิมพ์งี๊ ชั้นก็เลยตามใจมัน มันว่าไม่ได้สมัครงาน อาจารย์สอนให้เขียนมา อาจารย์ก็เปิดดิคสอนเหมือนกัน" "ฮ๊า เวรๆๆ อาจารย์ให้เขียนงี๊เนี่ยนะ" "เออ มันบอกว่าลอกมาเลย ขอโทษเถอะนะ ตอนแรกเนี่ย of มันก็สะกด fo นะ มันว่าลอกจากกระดานมาเลย" "กรรมเวร อาจารย์เป็นงี๊น่ะสิ ลูกศิษย์ถึงได้เป็นอย่างนี้" "เออ ก็เขาไม่สกรีนอาจารย์เลย เฮ้อ..." ถอนหายใจกันไป โม้เรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วก็วางหูเฮ้อ...ขอถอนใจอีกรอบ อยากรู้จริงๆ ว่าอาจารย์ที่ว่านี่จบมหาลัยไหนมาฟะ อย่าบอกให้อายเขาเชียวนะ รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น จบปริญญาตรีมาแล้วไม่รู้เหรอ ว่า cm น่ะ มันไม่ใส่ s สะกด of ก็ยังผิด โอ้ น่าอนาถยิ่งนักประเทศไทย ว่าแล้วก็นึกถึงตอนคุยกะเพื่อนคนหนึ่ง คนนี้ เรียนครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยดังของรัฐ คุณเพื่อนเล่าว่าตอนไปฝึกสอน เจอเด็กอีกมหา'ลัยหนึ่ง... (อย่าบอกเลย เดี๋ยวเป็นเรื่องเป็นราวหาว่าดูถูกสถาบันการศึกษาอีก ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ก็ดูได้อย่างถูกต้องเลย ไม่ได้ผิดสักนิด เหอๆ) เขาให้ออกข้อสอบเด็ก 20 ข้อ ยัยคนนี้ข้อแรกก็ไม่ผ่านแล้ว สมมตินะ มีส้มสิบผล แม่ให้มาอีกสองผล รวมแล้วเป็น"เท่าไหร่" เอ่อ เท่าไหร่ มันภาษาพูดนะคุณ ภาษาเขียนเขาต้องเขียนว่า"เท่าไร" ถ้าคุณเรียนเอกอื่นมันก็ไม่แปลกอะไรถ้าจะผิดคำประเภทนี้ แต่นี่คุณเรียนเอก ครุศาสตร์ นะ มันผิดได้ที่ไหนกันเล่า คุณต้องออกข้อสอบให้เด็ก เป็นคนสอนเด็กถึงสิ่งที่ถูกต้อง แต่นี่คุณเองยังทำผิดเลย แล้วเด็กภายใต้การสอนของคุณ จะเป็นอย่างไรไม่อยากจะคิดเลย ให้ตายสิ!!! แล้วเวลาเขาเรียกไปว่า คุณเธอตอบว่าอะไรรู้ไหม "ใช่สิ หนูมันไม่ได้เรียนที่... ไม่ได้เป็นเด็ก...นี่" แหม ฟังคำตอบแล้วอยากจะโดดถีบ แม่คุณทูนหัวสักที ไอ้ที่เขาว่าน่ะ เพราะคุณทำผิด ยังมีหน้ามาข้างๆคูๆ ว่าเพราะตัวเองไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยดังเขาเลยจับผิด จะบ้าเรอะ ใครทำผิดมันก็ต้องโดนว่าทั้งนั้นแหละ มีมหาวิทยาลัยไหนด้วยเหรอ ที่ทำผิดแล้วไม่โดนว่า ฟังเพื่อนเล่าแล้วจะบ้าตาย ขนาดตัวเองผิดเอง ยังไม่สำนึก อ้างไปข้างๆคูๆได้อย่างน่าทุเรศ แล้วเราจะได้คนอย่างนี้มาสอนเด็กเฮ้อ...แล้วอีกกี่ชาติ ประเทศมันถึงจะพัฒนาสักที!!!
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2549 9:55:00 น.
4 comments
Counter : 1048 Pageviews.
โดย: FaRaWaYGiRL วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:40:12 น.
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
I cant stand to fly Im not that naive Im just out to find The better part of me Im more than a bird Im more than a plane More than some pretty face beside a train ...Its not easy to be me...