35 weeks 4 days พบคุณหมอตามนัด (17/03/2011)

ช่วงนี้ อากาศที่ กทม. เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก วันนี้ (17/03/2011) ครึมฟ้าครึมฝนแต่เช้า อากาศเย็นเหมือนหน้าหนาวเลยทีเดียว การเดินทางไปโรงพยาบาล วันนี้ไปถึงเร็วกว่าทุกวัน พอกินข้าวเช้าเสร็จก็ไปยื่นขอบัตรคิวเพื่อเข้าตรวจ

การตรวจวันนี้ ปัสสาวะปกติ น้ำหนัก 63.8 kgs. ความดัน 119/48 แต่พอตอนคลำท้องเพื่อฟังเสียงหัวใจ เหมือนเจ้าเธียร์เตอร์จะเขินอาย หลบจนคุณพยาบาลต้องคลำหาตั้งนานกว่าจะเจอ วัดเสียงหัวใจเต้นได้ 142 ลองเทียบดูกับครั้งเก่า ๆ ที่เคยมาพบคุณหมอ ครั้งนี้เต้นต่ำที่สุดเลย

ตอนพบคุณหมอก็ไม่มีอะไรมาก อด ultrasound ด้วย ไอ้เราก็ปากหนักไม่ได้ถาม แต่ก็เอาเถอะ ส่วนยาก็เอายาฟอเลต และยาบำรุงเลือดมาเพิ่ม เพราะจะหมดแล้ว เสร็จแล้วก็ออกไปฉีดวัคซีนกันบาดทะยัก และรอไปชมห้องคลอดต่อ

คุณพยาบาล พาไปชมห้องนมแม่ และห้องพักผู้ป่วย โดยที่นี่ มีห้องรวมพัดลม ญาติอยู่ไม่ได้ เยี่ยมได้ตามเวลา ห้องรวมพิเศษ เป็นห้องแอร์ ญาติเฝ้าได้ แต่ถ้าสามีจะเฝ้า เฝ้าได้ถึง 2 ทุ่ม ส่วนญาติที่จะนอนด้วยต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ส่วนห้องพิเศษ มีแค่ 2 ห้องเอง แถมต้องมีญาติอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง นอนเฝ้าได้เฉพาะญาติที่เป็นผู้หญิง

ราคาค่าห้องรวมค่าคลอด ถ้าคลอดธรรมชาติ แบบปกติ ราคาอยู่ 5,000 6,000 7,000 บาท นอนโรงพยาบาล 2 วัน ส่วนถ้าผ่าคลอด ราคาก็ 12,000 14,000 16,000 บาท นอนประมาณ 3 วัน ส่วนถ้าลูกผิดปกติ แม่ต้องอยู่กับลูก และออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูก ถ้าทำหมันเพิ่ม 2,000 บาท แต่ถ้าเด็กอาการผิดปกติมาก ก็ต้องส่งตัวไปที่อื่น เพราะที่นี่เครื่องมือไม่พอ ห้องเด็กก็อยู่ใกล้กัน แอบเห็นแม่บางคนเอาลูกมาเลี้ยงที่เตียงด้วย ดีจัง

เสร็จแล้วก็ไปห้องคลอดต่อ พยาบาลก็แนะนำว่า เมื่อมาแล้วทำอะไรบ้าง เตรียมตัวอย่างไร อาการแบบไหนที่ควรมาโรงพยาบาล ดูห้อคลอดแล้วก็โอเคอยู่ เหมือนโรงพยาบาลเก่า ๆ มองดูเตียงคลอดแล้ว หวิว ๆ แต่โชคดีที่พี่ตู่สามารถเข้ามาด้วยได้ เพราะเข้าโครงการของโรงพยาบาลครบทุกครั้ง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน คือ หากอยู่ห้องรอคลอด แล้วเกินเวลาเยี่ยม ก็ต้องให้สามีกลับก่อน แล้วพยาบาลจะแจ้งให้กลับมาใหม่ แต่หาก ใกล้หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ก็สามารถให้อยู่ต่อได้หากคนไข้กำลังจะคลอด เราก็โอเค แต่ถ่ายรูปตอนคลอดไม่ได้

โดยพยาบาลแจ้งว่า วันธรรมดาเลาทำการให้ติดต่อทางไหน วันหยุดราชการให้มาติดต่อตรงไหน มาถึงแล้วพยาบาลจะตรวจอะไรบ้าง โดยเริ่มจากดูว่า อาการที่มาเป็นอาการเตือนว่าใกล้คลอดจริงแล้วหรือไม่ ถ้าใช่ ก็จะทำการทำความสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า ย้ายไปห้องรอคลอด แต่ถ้สเป็นแค่การเจ็บเตือน จะให้กลับไปที่บ้านก่อน และเสียค่าตรวจ 200 บาท (คิดในใจ หนูยอมเสียคะ เพราะเป็นคนกลัวอยู่แล้ว) แต่คุณพยาบาลบอกว่า ถ้ายังไง ลองโทรมาเล่าอาการก่อนโรงพยาบาลสอบถามก่อนได้

เสร็จแล้วก็ไปฟังวิธีการฝึกหายใจช่วงการคลอด และการเฝ้าดูอาการ หรือสัญญาณเตือนว่าจะคลอด อย่างเช่น มีน้ำเดิน ปวดท้อง ท้องแข็งทุก ๆ 10 นาที อะไรประมาณนี้ แถมคุณพยาบาลยังกำชับให้เฝ้าดูการดิ้นของลูกให้ดี เพราะช่วงนี้ เค้าเหลือพื้นที่ในพุงน้อย เนื่องจากตัวใหญ่ และกำชับให้ฝึกหายใจมาด้วย เพราะจะช่วยเราและลูกได้ตอนเจ็บท้อง เนื่องจาก ช่วงที่เราเจ็บท้อง มดลูกบีบตัว ทำให้บีบสายสะดือที่ส่งอาหาร และอากาศไปให้ลูกได้น้อย ลูกก็จะได้รับออกซิเจนได้น้อยไปด้วย ถ้าเราฝึกวิธีหาใจ เราก็จะช่วยลูกได้เหมือนกัน เสร็จแล้วก็กลับ ออกมาอากาศเย็นมาก ๆ ยังกลับอยู่ลอนดอน ฝนก็ตกปรอย ๆ แต่เราก็ยังไปแพลตตินั่มต่อ 555

ไปเดินซื้อกางเกงกับเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ เผื่อเอาไว้ใส่หลังคลอด ตอนนี้แน่น ๆ ท้องมาก เหมือนที่ในพุงมันเหลือน้อยแล้ว แถมตอนกลางวันยังกินฟูจิอีก จนพุงแน่น สงสัยเธียร์เตอร์จะไม่ค่อยมีที่ให้ดิ้นแน่ ๆ เลย น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ย

กว่าคุณหมอจะนัดอีกทีก็ 28/03/2011 เฮ้อ นึกว่าจะนัดอาทิตย์หน้าอีกทีเสียหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ไว้แอบบโดนงานแล้วกัน พออากาศเป็นแบบนี้ เลยไม่ได้ซักผ้าของเธียร์เตอร์ต่ออีกเลย เพราะขนาดเสื้อผ้าตัวเองก็ยังไม่ได้ซักเลย

ตอนนี้ก็ต้องใส่ใจการดิ้นเจ้าเธียร์เตอร์ให้มากขึ้นเสียแล้ว ใกล้แล้วสินะเจ้าตัวดี ไม่รู้ป่านนี้กลับหัวแล้วหรือยัง

Create Date : 17 มีนาคม 2554		3 comments
Last Update : 18 มีนาคม 2554 10:07:34 น.
Counter : 799 Pageviews.
Share Tweet