ความรัก กับ ความศรัทธา
หายหน้าไปไม่ได้อัพ Blog + ไม่ได้แวะไปทักทายเพื่อนๆพี่ชาว Blog มาเป็นเดือน เพราะว่ายุ่งหัวฟูกับ Thesis โค้งสุดท้าย (สาธุขออย่าพลิกคว่ำกลางโค้งเลยเจ้าประคู้ณณณณ ) ว่าจะอัพเรื่องนี้มาตั้งน๊านนานแล้วแต่ก็หาเวลาว่างไม่ได้ซะทีนุง วันนี้แหละขอว่างหน่อยละกัน
ตลอดชีวิตของแอน แอนเชื่อเสมอว่าคน 2 คนจะคบกัน แต่งงานกัน มันต้องเริ่มต้นมาจากพื้นฐานของความรัก ความเข้าใจ เป็นสำคัญ แต่มาวันนึงความคิดของแอนก็เริ่มเปลี่ยนไป......บางทีการแต่งงานก็เกิดจากความศรัทธา ที่ปราศจากความรักในจุดเริ่มต้นได้เช่นกัน
แอนได้มีโอกาสติดต่อกับเพื่อนๆสมัยประถม ดีใจมากๆที่ได้เจอะเจอกันอีกหลังไม่ได้เจอกันมาร่วม 15-16 ปี (ว๊ายยย...ห้ามนับนิ้วนะคะคุณๆขา เดี๋ยวตีมือเลย) หนึ่งในแก๊งค์เพื่อนรุ่นแฟนฉัน จะมีเพื่อนคนนึงที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันลืมภาพเด็กชายแขกหัวจุก จมูกโด่ง หิ้วปิ่นโตเด็ดขาด
ขอเรียกเพื่อนว่า เพื่อนแขก แทนชื่อจริงละกันนะคะ เพื่อนแขกของแอนคนนี้เค้านับถือศาสนาซิกซ์ และเป็นชาวอินเดียที่ตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย
ความรักและศรัทธาที่แอนจั่วัวข้อไว้ก็เกี่ยวกับเพื่อนแขกนี่แหละค่ะ แอนคุยกับเพื่อนแขกทาง MSN คุยสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันน๊านนาน จนทราบว่าเพื่อนแต่งงานมีลูกอายุ 7 เดือน 1 คน
เพื่อนแขกเล่าให้แอนฟังว่าการแต่งงานของเค้ากับภรรยานั้นมาจากความศรัทธาล้วนๆ ขอเล่าตามลำดับที่ได้คุยกันมานะคะ
เพื่อนแขกของแอนเนี่ยเค้าเป็นคนที่เคร่งศาสนามาก และเค้าก็มีความศรัทธาในศาสนาของเค้าสูงมากเช่นกัน
ตอนที่เพื่อนแขกอายุได้ประมาณ 20 ปี พระศาสดาของซิกซ์ได้เดินทางมาเมืองไทย เพื่อนแขกก็ได้เข้าเฝ้าพระศาสดาด้วย พระศาสดาได้เรียกพบเด็กหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานทั้งหมด และบอกให้เพื่อนของเพื่อนแขกเตรียมตัวแต่งงาน คือ....เท่าที่แอนเข้าใจการแต่งงานของชาวซิกซืส่วนใหญ่น่าจะมาจากการที่พระศาสดาเลือกคู่ให้ อย่างที่คนไทยเรียกว่าคลุมถุงชนน่ะค่ะแบบเดียวกัน
เพื่อนแขกก็ถามเพื่อนคนที่ได้รับคำสั่งว่าให้แต่งงานนี้ว่า...ถ้าผู้หญิงเค้าไม่สวย พิการจะแต่งด้วยเหรอ แต่เพื่อนของเพื่อนแขกเค้ามีความศรัทธาในศาสนามากกว่าเพื่อนแขกของแอนหลายเท่านักก็ตอบว่า
"แต่งสิ ไม่ว่าหญิงคนนั้นจะไม่มีหัว เราก็จะแต่ง เพราะพระศาสดาอยากให้เราแต่ง เราเชื่อว่าพระศาสดาผู้เปรียบเหมือนพ่อจะประทานสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ"
เพื่อนแขกของแอนถึงแม้จะมีความศรัทธาแต่ยังไม่มากพอ ตัวเค้าเองก็ยังขัดแย้งในใจว่า...ถ้าเค้าได้รับสัญญาณให้แต่งงานเค้าจะทำอย่างไร
เหมือนกับท่านศาสดาทราบว่าเพื่อนแขกยังมีศรัทธาไม่มากพอ จึงไม่ได้กำหนดวันให้แต่งงานเพียงแต่บอกให้เตรียมตัวไว้
เพื่อนแขกของแอนก็เลยวิ่งไปตัดชุดแต่งงานเตรียมไว้เพาะไม่รู้ว่าพระศาสดาจะให้แต่งเมื่อไหร่ อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้
เพื่อนแขกรอ..รอ ระหว่างรอเค้าเริ่มคิดได้จากหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะวันแต่งงานของเพื่อนที่มีความศรัทธาเต็มเปี่ยมคนนั้น
หญิงที่เพื่อนของเพื่อนแขกแต่งงานด้วยเป็นหญิงที่ไม่สวย เดินขากระเพลก ในตอนแรกพ่อฝ่ายชายโกรธมากที่ลูกชายตกลงแต่งงาน เพราะอยากจะได้สะใภ้ที่สมบูรณ์กว่านี้ แต่เพื่อนผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาแย้งว่าอย่างไรก็จะแต่งตามที่พระศาสดาต้องการและนี่คือหญิงที่พระศาสดาเลือกแล้ว (เพื่อนคนนี้รูปหล่อราวดาราหนังบอลลี่วูด) แต่ในที่สุดพ่อแม่ฝ่ายชายถึงกับออกปากว่าหญิงคนนี้คือลูกสาวของเค้าคนนึง หาใช่สะใภ้ ก็ด้วยความดีของเธอนั่นเอง
ในวันแต่งงานภาพของเพื่อนผู้เปี่ยมศรัทธาและเจ้าสาวยืนประคองจับมือกัน เป็นภาพที่สวยงามเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สวยงามยามที่คน 2 คนอยู่คู่กัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่คือ "เนื้อคู่"
หลังจากเพื่อนแขกรอ และ คิดวิเคราะห์จนมีความศรัทธาเต็มเปี่ยมนั้นใช้เวลานานถึง 5 ปีเต็ม แล้วสัญญาณก็ส่งมาถึง
พระศาสดาเรียกพบและบอกให้เค้าแต่งงานกับหญิงที่พระศาสดาเลือกให้
เพื่อนแขกตกลงทันที เพราะเค้ารู้แล้วว่าพระศาสดาผู้เปรียบเสมือนพ่อย่อมเลือกสิ่งที่ดีให้กับลูก ดังเช่นที่พ่อกับแม่ของเค้าได้พบและแต่งงานกันจากการเลือกของพระศาสดา
แอนเล่าให้อ่านแบบนี้อาจจะไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่อยากจะบอกว่าในเวลาที่แอนคุยกับเพื่อนแอนรู้สึกได้ถึง "ศรัทธา" ที่เต็มล้นในหัวใจของเค้า จนรับรู้ได้ถึง "ความสุขแห่งศรัทธา"
ในการแต่งงานของเพื่อนแขกของแอนก็แอบมีเรื่องน่ารักๆเกิดขึ้นด้วยนะคะ ภรรยาของเพื่อนแขกอายุน้อยกว่าเพื่อนแขกราวๆ 7 ปี น้องเค้าอยู่กับครอบครัวที่อเมริกา เดิมทีเคตั้งรกรากอยู่ไทย คุณย่าของเค้ากับคุณย่าของเพื่อนแขกรู้จักกันอย่างดี อีกทั้งสังคมของคนอินเดียในไทยนั้นสนิทกันมาก น้องเค้าก็เคยพอเจอเพื่อนแขกรูปหล่อของแอนอยู่บ้าง น้องเค้าเคยอธิษฐานว่าขอให้พระเจ้ามอบชายคนนี้ให้แก่เค้าเถิด แล้ววันนึงพระเจ้าคงจะได้ยินที่น้องเค้าภาวนาไว้ จึงให้ได้มาเป็นคู่กัน
เพื่อนแขกบอกว่าถ้าเราคบกับหญิงอื่นอยู่ไม่ใช่คนที่พระศาสดาเลือกให้นั้น หญิงสามารถไปขอชายกับพระศาสดาได้ แต่ภรรยาของเค้าไม่ได้ไปขอนะคะ เค้าเพียงแต่ภาวนาในใจเท่านั้น ..... แอนรู้สึกว่า...โรแมนติกจังเลย
ในตอนแรกแอนชมวดคิ้วอยู่นานทีเดียวว่าทำไมต้องให้คนอื่นมากำหนดความรัก แต่พอมาจนถึงตอนจบ แอนเข้าใจเพื่อนแล้วว่า เค้ามั่นใจว่า "ศรัทธา" นำพามาซึ่ง ความรักและความสุขในชีวิต และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
หลังจากคุยเรื่องนี้กับเพื่อนแล้ว แอนมีโฮกาสได้ดูรายการทาง UBC ไม่แน่ใจว่าชื่อรายการอะไร แอนมาดูเอาตอนกลางๆรายการแล้วอีกต่างหาก เรื่องมีอยู่ว่า
หญิงชายชาวอินเดียคู่นึง คบกันมา 9 ปี และจะแต่งงานกัน ตามประเพณีหญิงต้องไปขอชาย ดังนั้นหญิงต้องคุยกับครอบครัวว่าตนจะแต่งงาน แต่ดูท่าพ่อแม่ไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้เอาเสียเลย แต่ก็ยอมให้ลูกแต่งงาน
การนัดพบกับฝ่ายชายเพื่อคุยเรื่องงานแต่ง ไม่ได้มีบรรยากาศของความยินดีจากฝ่ายหญิงเลย พ่อแม่ฝ่ายหญิงออกปากว่าเค้าไม่ยินดีและไม่เต็มใจในการแต่งงานนี้แม้แต่น้อย ดังนั้นญาติๆจะไม่มาร่วมงานแม้แต่คนเดียว
การเตรียมงานแต่งงานเงียบเหงา ไม่มีใครมาช่วยเจ้าสาว เพราะการแต่งงานนี้คือความอับอาย
แอนสงสัยมาตลอดว่าความอับอายคืออะไร ???
ความอับอายนั้นคือ....หญิงคนนี้แต่งงานกับคนศาสนาอิสลาม ซึ่งใครก็ตามที่แต่งงานกับคนอิสลามต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามเท่านั้น รายนี้ก็เช่นกัน ฝ่ายหญิงต้องเข้ามัสยิถ และสาบานตนเป็นคนในศาสนาอิสลาม ญาติพี่น้องฝ่ายหญิงไม่มีใครมาร่วมงานเลย ฝ่ายหญิงร้องไห้อย่างหนัก และต้องกล่าวสาบานตนเสียงดังให้คนทั่วทั้งมัสยิถได้ยิน (รวมถึงเซนต์ชื่อด้วย)
แต่แล้วศาสนาก็มาขวางกั้นความรักไม่ได้ ในงานฉลองงานแต่งงาน ฝ่ายหญิงดูมีความสุขกับการแต่งงานกับชายคนรักเป็นอย่างมาก ฝ่ายชายก็เช่นกัน และแอนก็หวังว่าหลังรายการนั้นชีวติของเค้าทั้งสองจะ Happy ไปจนถึงตอนจบ
แล้วย้อนมาดูตัว.....เราโชคดีมากที่ความรักเราเลือกเองได้ ขอเพียงแต่เราศรัทธาในคู่ของเราก็เพียงพอ แต่ไม่ใช่ว่าแอนจะดูแคลนความรักในอีกมุมมองที่เล่าให้อ่านไปข้างต้นนะคะ แอนรู้สึกเสมอว่าความรักของเพื่อนแขกเป็นความรักที่มีมนต์ขลังมาก เป็นความรักที่เกิดจากศรัทธาที่เต็มเปี่ยมต่อศาสนา และสิ่งที่แอนได้เห็นคือ เพื่อนแอนมีความสุขมากกับครอบครัวของเค้า ภรรยาของเพื่อนก็เป็นคนดี น่ารัก ลูกชายก็น่ารักมากๆ และแอนเชื่อว่าความรักของครอบครัวนี้ก่อเกิดขึ้นมาแล้วโดยมี "ศรัทธา" เป็นจุดเริ่มต้น
ส่วนความรักข้ามศาสนา แอนคิดว่าเค้าเข้มแข็งมากที่แสวงหาความรักให้แก่ตนเองจนยอมแหกกฎทั้งหมดทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักและคนรัก
ถ้าอย่างนั้น....เราก็ควรจะมีศรัทธาและความเข้มแข็งให้ได้ซักครึ่งนึงของพวกเค้าก็น่าจะดีนะคะ
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2549 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2549 20:23:30 น. |
|
6 comments
|
Counter : 834 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นุทศรี!! วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:01:02 น. |
|
|
|
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:48:13 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:55:19 น. |
|
|
|
โดย: Baby I love you IP: 71.81.236.202 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:26:26 น. |
|
|
|
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:17:26:07 น. |
|
|
|
โดย: คนไทยรักแขกซิกซ์ IP: 58.8.176.117 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:9:59:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สาวแสนงอน ... ร่ำเรียนมาทางด้าน Food Science เคยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทำงานในสายงานนี้อยู่พักนึง แล้วขอหยุดพักไปเติมความรู้ให้กับสมองเพิ่มเติมตามความฝันของตัวเอง
หนุ่มขี้เหงา ... ร่ำเรียนมาทางด้านบริหารอุตสาหกรรม เคยเป็น Production Supervisor ให้โรงงานจิวเวลรี เคยเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตในบริษัทผลิตอาหารเสริม
แต่ไปๆมาท่าไหนไม่รู้ หนุ่มขี้เหงากะสาวแสนงอนผันตัวเองมาเปิดร้าน grooming & pet shop ... ซะงั้น
....................
สาวแสนงอน ... รักการทำกับข้าว รักการรับประทาน(แต่ขี้เกียจออกกำลังกาย) รักการท่องเที่ยว รักหมาแมวมาก...มากจนเพื่อนคิดว่า...อีนี่เพี้ยน
หนุ่มขี้เหงา ... รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ มีนิสัยชอบเล่นกับหมาๆแมวๆของชาวบ้านมากๆจนพลิกผันตัวเองไปเป็น Groomer
....................
เรา คือ คนธรรมดาสองคนที่ดูยังไงก็ "แตกต่าง"
แต่ใครจะรู้ว่าเราสองคน คือ "ความเหมือน" ที่อยู่ใน "ความต่าง" ที่ต่างเติมเต็มให้แก่กันและกัน
เราสองคนกำลังจูงมือกันก้าวเดินไปตามทางของความฝัน แม้ว่าทางที่ก้าวเดินไปจะมีอุปสรรคเราก็จะไม่ปล่อยมือที่กุมไว้ออกจากกัน
เราไม่อยากเป็นคนร่ำรวยเงินทอง เราไม่อยากเป็นคนร่ำรวยชื่อเสียง
แต่....
เราอยากเป็นคนร่ำรวยความสุข เราอยากเป็นคนร่ำรวยเสียงหัวเราะ
และ.... ขอแค่มีกันและกันแบบนี้.....ตลอดไป
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|