ธนาคารญี่ปุ่น
ไม่ๆๆๆ.. ไม่ได้จะตั้งชื่อบล็อกเพื่อเขียนเรื่องราวมีสาระ ประเภทญี่ปุ่นมีกี่ธนาคาร ดอกเบี้ยดอกหอยเป็นเช่นไร ธนาคารระดับแนวหน้าคืออะไรบ้าง.. ไม่ใช่ประเภทนี้เลยค่ะ ไอ้ที่ยกตัวอย่างไปนั่นก็ไม่รู้
พอดีวันนี้ไปธนาคารมา ก็เคยไปมาหลายเพลาแล้วแต่วันนี้รู้สึกในใจเป็นพิเศษ เลยเขียนเก็บไว้ซะหน่อย..
ต้นเหตุของความรู้สึกดีๆในใจ เห็นจะเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มหน้าที่คอยให้บริการตามช่องรับจ่ายเงินมังคะ.. อ๊ะ.. ป้าโซเป็นทอมหรือนี่?
คือปกติป้าโซจะเดินเข้าธนาคารไปนี่ก็เพื่อจะถอนเงินจากเครื่องเอทีเอ็มเท่านั้น แต่วันนี้มีเหตุให้ต้องไปถอนเงินจากอีกบัญชีหนึ่ง ระหว่างที่นั่งรออยู่ก็มองโน่นมองนี่ไปตามประสากะเหรี่ยง บรรยากาศภายในธนาคารย้อนความรู้สึกสมัยป้าโซยังทำงานอยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้ทำงานธนาคารหรอกนะคะ แต่เข้าธนาคารบ่อยอยู่.. จากนั้นก็นั่งคิดไป เปรียบเทียบไปเรื่อยๆถึงความเหมือนความแตกต่างของธนาคารในไทยกับญี่ปุ่น
เมื่อย่างเข้าไปในธนาคาร ก็จะมีพนักงานยืนคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ดูเงอะๆงะๆอย่างป้าโซ เอ๊ยยย!! เขาก็ให้บริการสำหรับลูกค้าที่ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อยังไง กรอกแบบฟอร์มในส่วนไหน กดเครื่องเอทีเอ็มยังไง ประมาณนี้น่ะค่ะ เพราะญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุเยอะ ส่วนมากลูกค้าสูงวัยเหล่านี้มักไม่ค่อยอัพเดทเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เรื่องเอกสารที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามยุคสมัย พนักงานต้อนรับเหล่านี้จึงช่วยได้มากซึ่งสำหรับตรงนี้ก็เหมือนธนาคารไทยเรา เลยไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่
พอแจ้งความประสงค์ว่าจะถอนเงิน พนักงานต้อนรับก็แนะว่าควรต้องกรอกแบบฟอร์มชนิดไหน ซึ่งตรงที่วางแบบฟอร์มนั้นจะมีตัวอย่างว่าต้องกรอกอย่างไรในแต่ละชนิด ที่เก๋ก็คือเขาจะวางแว่นสายตายาวไว้ให้ลูกค้าแก่ๆทั้งหลาย เจ้าแว่นสายตายาวนี่ จะมีสองระดับความเข้มของสายตา สถานที่ราชการบางที่อาจจะมีให้ถึงสามระดับความเข้ม แล้วไอ้เจ้าแว่นนี่กรอบจะมีสีสันแสบทรวง เหลืองแปร๋น แดงแจ๋น ส้มจ๋า เพราะงั้นใครจะทำเนียนใส่ติดตากลับบ้านก็คงต้องคิดหน่อย
ขั้นตอนในการเขียนใบถอนเงินที่นี่ง่วยมั่ก แค่เขียนชื่อตามสมุดบัญชี เลขที่บัญชีและจำนวนเงินที่ต้องการถอน จากนั้นไม่ต้องเครียดเซ็นชื่อให้เหมือนกับตัวอย่างที่ให้ไว้กับธนาคาร เพราะที่นี่เขาใช้ตราประทับประจำตระกูลกัน ตอนไปเปิดธนาคารก็ให้ตัวอย่างของตราประทับนี่ไว้ ป้าโซเคยสงสัยว่าคนญี่ปุ่นที่นามสกุลซ้ำๆกันมีออกเยอะ มันจะไม่บังเอิญเหมือนกันบ้างเลยหรือกับตราประทับ แต่เขาบอกว่ามันจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่แตกต่างกัน ให้ชื่อเหมือนกันยังไงแต่ตราประทับตะละอันจะต่างกันไป เอา..เขาว่าไงก็ว่าตามนั้น บ้านเราใช้แต่เซ็นชื่อนี่หว่า..
สำหรับป้าโซ ความยากในการกรอกข้อความนี่อยู่ตรงชื่อภาษาคันจิค่ะ ก็เหม่..ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรานี่เนาะ จากนั้นก็บรรจงประทับตรางามๆ
พอกรอกแบบฟอร์มเสร็จก็ไปกดรับบัตรคิวที่เครื่อง จากนั้นก็มานั่งรอให้คอมพิวเตอร์เรียกตามหมายเลข ระหว่างนั่งนั่นก็แหม่.. น้องคนนั้นหน้าตาแช่มช้อย คนนี้ก็น่ารักหยดย้อย เลยออกไปนั่นน้องผู้ชายก็น่าเข้าไปซบอก วุ้ย..ดูไปจิตใจแสนจะชื่นมื่น หันมาดูการทำงานที่ช่องรับจ่ายเงิน เออ.. มีเหมือนเมืองไทยด้วยวุ้ย ตรงที่หัวหน้างานต้องคอยมารูดบัตรผ่านให้พนักงานชั้นผู้น้อย รอได้สักพักก็ถึงคิวป้าโซ น้องคนน่ารักที่นั่งประจำเคาท์เตอร์ก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับโค้งพร้อมกับเอ่ยปากขอโทษที่ให้รอ รับงานไปทำแล้วไล่ เอ๊ย .. เชื้อเชิญป้าโซไปจ่อมลงที่เดิม
ป้าโซนั่งมองสาวน้อยแล้วก็คิดว่า ไอ้หน้าตาคนเรานี่มันก็เป็นประตูด่านแรกจริงๆเนาะ อย่างเรื่องการงานอะไรนี่ถ้าหน้าตาดูดีก็จะมีชัยไปกว่าครึ่ง โดยเฉพาะงานทางด้านให้บริการลูกค้า มันเป็นความบังเอิญหรือเปล่าหว่าที่ธนาคารนี่เขาคัดเลือกพนักงานหน้าตาจุ๋มจิ๋มมาทำงาน มองไล่ไปเรื่อยเลยค่ะ แต่งหน้าเนียนๆใสๆสไตล์สาวญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่แนวแบกขนตาเป็นแผงนะคะ แกใสของแกเองด้วยวัย พูดแล้วให้อิจฉาจนต้องดมยา เอิ้กกกกกก
พอป้าโซฟุ้งซ่านได้ที่ น้องคนสวยก็เรียกชื่อให้ไปรับทรัพย์ได้พร้อมกล่าวขอบคุณที่มาใช้บริการ เชื่อไหม.. ตอนเขาขอบคุณน่ะ พนักงานทั้งหลายร้องระงมร่วมด้วยช่วยขอบคุณ เฟ้ยยย.. มันจะอะไรกันนักกันหนาฟระ
อ้อ.. เพราะสำหรับญี่ปุ่น ลูกค้าคือบุคคลสำคัญยิ่งนั่นเอง..
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 12:11:59 น. |
Counter : 1383 Pageviews. |
|
|
|
แหะ แหะ ได้เวลาเข้างานหลังพักเที่ยง นายเดินส่ายอาด ๆ เข้ามาแย้ว วันนี้คงยุ่งอีกทั้งบ่าย
เดี๋ยวเย็น ๆ แวะมาใหม่น่อ