ชินคันเซ็น.. อีกครั้งกับรถด่วนสุดโปรดของคนตัวเล็ก
เมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา (ปีนี้แหละค่ะ ไม่ได้ย้อนกลับไปไกลปีมะโน้น เห็นมะ..ยังอัพบล็อกทันเหตุการณ์ู้ยู้..) ช่วงค่ำๆมีโทรศัพท์เ้ข้ามาที่บ้าน ปกติที่บ้านจะให้เทปตอบรับทำงานเพราะหลีกเลี่ยงพวกเซลส์ ถ้าได้ยินเสียงที่พูดฝากเครื่องตอบรับคุ้นหูเป็นคนรู้จักถึงจะรับโทรศัพท์ .. วันนั้นได้ยินเสียงที่ฝากเครื่องตอบรับพูดเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งออกญี่ปุ่นเล็กน้อย
" ฮัลโหล.. สวัสดีค่า .. "
ปกติคนญี่ปุ่นเวลาพูดโทรศัพท์จะใช้คำว่า "โมะชิโมะฉี.." ก็คือ ฮัลโหลในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง พอได้ยินคำว่า "ฮัลโหล" ก็เ็ป็นอันว่าน่าจะไม่ใช่คนญี่ปุ่นละ คงจะเป็นคนบ้านเรา ป้าโซเลยรีบรับโทรศัพท์เผื่อเป็นคนรู้จักทักทายมา แต่พอพูดทักกลับไปแล้วฟังเีสียงดูไม่คุ้นหูเลยแฮะ ออกเสียงภาษาไทยแปร่งมากๆ เหมือนคนญี่ปุ่นพูดไทย เอ๊ะ..แล้วเรารู้ัจักคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้กี่คนหว่า? นับหัวได้เลยนะนี่ แล้วพวกญี่ปุ่นที่พูดไทยได้เนี่ย ส่วนมากจะเป็นพวกแม่ๆญี่ปุ่นที่รู้จักกันที่เมืองไทย เป็นไปไม่ได้ละที่เค้าจะโทร.มาที่นี่
ฟังสักครู่เจ้าตัวที่โทร.มาก็รายงานตัวเสร็จสรรพว่า .. จำได้รึป่าวคะ? คะวะกุชิค่่าาา.. (เอ๊า.. งงรับทานอีก ก็คะวะกุชิที่รู้จักเนี่ย มันหลายคะวะกุชิอยู่.. แล้วคะวะกุชิไหนที่พูดไทยได้ว้าา .. ไม่มีซ้ากคน) พอป้าโซทวนคำื่นามสกุลเค้าเสียงออกงง เจ้าตัวก็เลยรีบบอกชื่อเต็มมา คราวนี้อธิบายเสร็จสรรพว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนลุงที่เคยทำงานด้วยกัน มีแม่เป็นคนไทยที่รู้จักกันมานานแสนนานแล้ว ตั้งแต่น้องคนนี้ยังไม่เกิด เจอกันครั้งสุดท้ายก็ตอนครอบครัวป้าโซไปเที่ยวค้างคืนที่บ้านเค้า น้องคนนี้ยังอยู่ชั้นประถมสี่ประถมห้าอยู่เลย ..
สรุปว่าน้องเค้ามาเที่ยวคิวชูกับเพื่อนในช่วงปิดเทอม มาด้วยทุนส่วนตัวที่ทำงานเก็บเงินได้ มาเปิดแผนที่ตะลุยเที่ยวกันเองสองสาว รู้ว่าครอบครัวป้าโซอยู่ที่นี่ก็อยากจะเจอน้องๆว่าโตกันสักเท่าไหร่แล้ว เพราะตอนนั้นที่เจอครั้งล่าสุดนี่ เจ้าตัวโตของป้าโซป.สอง เจ้าตัวเล็กยังอยู่อนุบาลอยู่เลย พอลงมาเที่ยวแถบนี้เลยอยากนัดเจอกันสักแว่บก็ยังดี อุแหม่.. แว่บนึงที่ว่านี่จัดหาเวลายากเสียจริงเพราะเป็นวันธรรมดาซะด้วย แล้วเจ้าตัวก็ต้องนั่งชินคันเซ็นกลับโอซาก้าในวันรุ่งขึ้น นั่นก็คือต้องไปเจอกันในวันรุ่งขึ้นก่อนถึงเวลาชินคันเซ็นออก..
ป้าโซเลยโยนเรื่องให้คนพื้นที่เค้าจัดการวางแผนกันเอง .. ก็อิลุงกูรู้ผู้เป็นเบ๊ประจำบ้านน่ะแหละ (ดีที่ฮีไม่เข้าใจภาษาไทย อิเมียเลยต้มยำทำแกงได้ หุหุ) หะแรกลุงก็บอกจะรีบกลับมาจากทำงานไวๆแล้วขับรถไปกัน แต่คำนวณเวลารวมรถอาจจะติดด้วยแล้วน่าจะไม่ทัน ลุงเลยเลือกอีกหนึ่งทางออกคือนั่งชินคันเซ็นไปกัน .. เจ้าตัวเ็ล็กยกมือสนับสนุนอย่างเร็วเพราะของโปรดอยู่แล้ว สรุปแล้วก็คือจะนั่งชินคันเซ็นจากสถานีฟุนะโกยะไปลงที่สถานีฮะกะตะเพื่อเจอฮิโตมิจังที่นั่น.. สนนราคาชินคันเซ็นไปกลับต่อคนก็สามพันเยนกว่าๆ สี่คนก็ประมาณหมื่นสองพันเยน.. นี่ถ้าไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษละก็.. นั่งชินคันเซ็นตรูดไม่ทันหายร้อนก็ถึงซะละ ตึ๋งหนืดอย่างป้าโซมีรึจะยอม
เย็นวันรุ่งขึ้นป้าโซก็ขับรถพอเจ้าสองตัวไปหาพ่อมันที่ทำงาน เพราะอยู่ใกล้สถานีชินคันเซ็น นานๆนั่งชินคันเซ็นทีก็ชักรูปมาเป็นที่ระลึกกันซะหน่อย..
ที่ชานชาลาเนี่ยถ้าไม่มีภาษาัอังกฤษกำกับไว้ก็อย่าหวังว่าจะเข้าใจนะฮ้าาา.. ภาษาคันจิของอิฉัีนมันงูๆปลาๆ
ระหว่างรอรถไฟมาก็ถ่ายรูปกับขบวนที่โฉบไปโฉบมาก่อน คือชินคันเซ็นเค้าจะไม่จอดที่สถานีนี้ทุกขบวนเนื่องจากเป็นสถานีบ้านนอกเล็กๆ จะจอดแวะแป๊บๆเฉพาะขบวนที่ระบุไว้เท่านั้น
ภายในชินคันเซ็นจ้ะ
และแล้วก็มาเจอกับสาวน้อยที่นัดหมายไว้ คนไม่ใส่แว่นนั่นแหละค่ะฮิโตมิจัง .. ส่วนอีกสาวนึงนั่นเพื่อนเธอ สาวๆนี่ดูน่ารักสดใสดีเนาะ นี่ถ้าไม่โทร.นัดหมายกันว่าอยู่ตรงไหนละก็ เป็นหากันไม่เจอเพราะคนเยอะมาก อีกอย่างก็เดาไม่ถูกว่าเป้าหมายคือคนไหนเพราะไม่ได้เจอกันมานานมาก ฮิโตมิจังน่ะอาจจะจำเค้าหน้าป้าโซและลุงได้(ถึงแม้จะหง่อมลงก็ตาม) แต่ป้าโซไม่มีสิทธิ์จำสาวน้อยคนก่อนได้เลยเพราะเธอเติบโตขึ้นมากมาย ไม่เหลือเค้าเด็กหญิงตัวน้อยๆคนเดิมเลย การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เปลี่ยนไปจากเด็กคล่องแคล่วมาดแก่นๆนิดๆเพราะเป็นนักกีฬาร.ร. ก็มาเป็นสาวน้อยใส่ขนตาปลอมตามสมัยฮิตซะ..
เจอกันทักทายพูดคุยรวมถึงฝากพวกของทานไทยๆไปให้คุณแม่ของฮิโตมิจังทาน จากนั้นก็แยกย้ายกันไป ฮิโตมิจังกับเพื่อนก็บ๊ายบายไปขึ้นชินคันเซ็นตามเวลา ส่วนบ้านป้าโซก็แวะร้านราเม็งหม่ำคนละชามคุณชายทั้งสองเบิ้ลข้าวผัดอีกคนละจาน แล้วก็นั่งชินคันเซ็นกลับบ้าน ขากลับน่ะหลับเพลินเพราะท้องอิ่มและนุ่มตรูด
เจอกันบล็อกหน้าขอบคุณที่แวะมาและสวัสดีค่ะ..
Create Date : 02 กรกฎาคม 2555 |
|
14 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 14:56:50 น. |
Counter : 3545 Pageviews. |
|
|
|