เริงชัย ประยูรเวช
จับตาเกมยื้อ เก้าอี้อธิบดีกรมอุทยานฯ เดิมพันด้วยผืนป่าของชาติ
กลายเป็นแม่สายบัวแต่งตัวเก้อมาถึง 3 สัปดาห์แล้ว กับการ ตั้งผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แทน นายดำรงค์ พิเดช ที่เกษียณอายุราชการไปตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
หลังจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีการนำชื่อผู้ที่จะได้นั่งเก้าอี้สำคัญตัวนี้เข้าไปสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะ ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2555 แต่จนการประชุมวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุดการประชุม ครม. วันที่ 15 ต.ค. ก็ยังคงไร้วี่แววว่าใครที่จะมานั่งในตำแหน่งนี้ ทั้งๆที่ควรจะลงตัวกันตั้งแต่ก่อนที่นายดำรงค์จะเกษียณอายุราชการแล้วด้วยซ้ำ
ยื้อเก้าอี้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ....?
คือคำถามที่เริ่มมีการพูดกันหนาหู พร้อมๆ กับการตั้งข้อสงสัยถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมของชาติ
เพราะต้องไม่ลืมว่า หากรัฐบาลมีความต้องการและจริงใจในการรักษาผืนป่าไว้ให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว นโยบายปราบปรามกลุ่มอิทธิพลที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง
1 ปีที่ผ่านมากับการปฏิบัติงานของอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ นายดำรงค์ พิเดช ที่ทำหน้าที่มือปราบรีสอร์ตรุกป่าได้รับเสียงขานรับจากประชาชนและสังคม และนั่นคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความต้องการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดกับกลุ่มอิทธิพลที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติทุกราย
ไม่ว่าเป็นกรณีการบุกรุกพื้นที่วังน้ำเขียว-ทับลาน จ.นครราชสีมา-ปราจีนบุรี สิรินาถ จ.ภูเก็ต เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เป็นต้น ทุกแห่งต้องถูกดำเนินคดีในมาตรฐาน เดียวกัน
โรงแรม รีสอร์ต บ้านพักตากอากาศที่ศาลตัดสินแล้วว่าบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต้องรื้อถอนทุบทิ้งทันที
ขณะที่ข้าราชการซึ่งทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุน บุกรุกที่ดินของหลวงต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา
แต่การเสนอชื่ออธิบดีกรมอุทยานฯ คนใหม่ กลับถูก ครม. เลื่อนกลับไปทั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งๆ ช่วงบ่ายวันที่ 1 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรียกรองอธิบดี ที่อยู่ในข่ายจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ไปแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แทบจะไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว กระทรวงทรัพยากรฯ ในฐานะต้นสังกัดต้องทำหน้าที่กลั่นกรองรายชื่อและที่มาที่ไปของแต่ละคนก่อนเสนอผ่านทางนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อนำเข้าสู่การอนุมัติของ ครม.
และสิ่งที่สร้างความประหลาดใจจนกลายเป็นคำถามจากหลายคนคือ หลังประชุม ครม. วันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มีการเสนอต่อ ครม. ให้ นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดี กรมอุทยานฯ ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด ให้ขึ้นเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ คนใหม่ แต่นายกรัฐมนตรีขอพิจารณาก่อน
และนั่นนำมาซึ่งคำถามจากผู้คนในสังคมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผิดปกติหรือไม่?
การเมืองเข้ามาล้วงลูกตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯ หรือไม่?
เพราะขณะที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่ามาจากประชาชน แต่ในการแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯ คนใหม่ รัฐบาลกลับไม่ฟังเสียงประชาชนและสังคม ทั้งที่ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งประชาชนและสังคมส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งสมาคมศิษย์เก่า คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาคมอุทยานแห่งชาติ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เป็นต้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการข้าราชการที่กล้าลุย กล้าชน มาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ เพื่อจัดการกับกลุ่มอิทธิพลที่บุกรุกครอบครองผืนป่าซึ่งเป็นสมบัติของชาติและนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว
เมื่อยังไม่มีการแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่เสียที ก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ และหนาหูมากขึ้นเรื่อย ซึ่งมีตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดึงชื่อซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯ เสนอออกไป เพราะมีคนในรัฐบาลให้ข้อมูลกับนายกรัฐมนตรีว่า นายเริงชัย เป็นคนใกล้ชิดนายดำรงค์ หากตั้งนายเริงชัย เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็จะมีการเดินหน้ารื้อ ถอน ทุบทิ้งโรงแรมรีสอร์ตบ้านพักตากอากาศ ที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ต่อไป
พร้อมกับมีการเสนอชื่อบุคคลอื่นที่ มีภาพของความประนีประนอมขึ้นมาแทนนายเริงชัย เพื่อไม่ให้กระทบกับฐานเสียงและนายทุน ของการเมืองบางกลุ่ม
ที่สำคัญมีการไปให้ข้อมูลว่า อธิบดีกรม อุทยานฯคนใหม่ ต้องเป็นคนที่รัฐบาลสั่งได้
เลวร้ายที่สุดคือ กระแสข่าวที่ว่ามีการลงขันของกลุ่มนายทุน เจ้าของรีสอร์ต โรงแรม ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติร่วมกับข้าราชการบางกลุ่มเป็นเงินจำนวนถึง 40 ล้านบาท ผ่านนักการเมืองซึ่งเป็นคนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรี ผลักดันคนที่มีภาพลักษณ์ประนีประนอม แถมสั่งได้ นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม มองว่า หากรัฐบาลยังคงลากยาวหรือยื้อตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ออกไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งเป็นการสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคม ที่อาจตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลเกิดความเกรงใจกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล ซึ่งยังคอยจังหวะจ้องฮุบสมบัติของแผ่นดินอย่างไม่ลดละ หรืออาจจะมีนายทุน ผู้มีอิทธิพล นั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลเสียเอง
และเรามองว่าหน้าตาของอธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่นี่แหละ ที่จะเป็นตัวชี้วัด ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเลือกอยู่ข้างคนส่วนน้อยไม่กี่คนที่เบียดบังและเอาเปรียบประชาชนทั้งประเทศ หรือจะเลือกคนส่วนใหญ่ ทั้งถือเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ของชาติ
เพราะหากบทสรุปสุดท้าย หากรัฐบาลยืนกรานที่จะเอา คนที่สั่งได้ มาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ
นั่นย่อมหมายถึงหายนะของทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทยในที่สุด.
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม