แท็บเล็ตสะดุดสัญญาจากจีนไม่ลงตัว ชงสกลับเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อหาความชัดเจน
วันนี้ ( 5 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้จะมีการเซ็นสัญญาเอ็มโอยูจัดซื้อแท็บเล็ต ระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ที่กระทรวงไอซีที แต่ปรากฏว่ามีการเลื่อนการเซ็นสัญญาดังกล่าว โดยการเลื่อนเซ็นสัญญามาจาก 2 สาเหตุ คือบริษัท เสิ่นเจิ้นฯ เอกสารไม่พร้อม โดยในร่างสัญญาระบุว่า แท็บเล็ตป.1 ล็อตแรก จำนวน 630,000 เครื่อง เป็นเงิน 1,610 ล้านบาท โดยบริษัท เสิ่นเจิ้นฯ จะต้องวางเงินประกันค้ำสัญญา 15 เปอร์เซ็นต์ และต้องส่งแท็บเล็ต จำนวน 2,000 เครื่อง มาให้ทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องภายใน 28 วัน
ขณะที่อีกสาเหตุหนึ่ง แหล่งข่าวจากกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ตชั้น ป.1 เปิดเผยว่า ความจริงแล้วการเลื่อนเซ็นสัญญาเอ็มโอยูจัดซื้อแท็บเล็ตกับบริษัท เสิ่นเจิ้นฯ ที่จะมีขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะความไม่ชัดเจนเรื่องการรับผิดชอบของรัฐบาล ภายหลังจากการเปลี่ยนรูปแบบการจัดซื้อแบบรัฐบาลกับรัฐบาล หรือจีทูจี มาเป็นการลงนามความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู โดยไม่สามารถหารัฐมนตรีเซ็นกำกับรับรองเอ็มโอยูฉบับดังกล่าวได้ จึงมีข้อเสนอจากที่ประชุมให้นำเอ็มโอยูฉบับดังกล่าวกลับเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความชัดเจนดังกล่าวด้วย เบื้องต้นก็ไม่ทราบว่าจะนำเสนอเข้าครม.วันใด
วันเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัฒน์ ธำรงบุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการของคณะกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ตชั้น ป.1 (One Tablet PC per Child) โดยที่ประชุมมีการแสดงความพร้อมด้านต่างๆ แต่ทั้งนี้ที่ประชุมไม่ได้พูดถึงกรณีสิทธิขาดของแท็บเล็ตที่รัฐบาลให้นักเรียนสามารถนำกลับบ้านได้ หากเกิดปัญหานักเรียนทำตกหล่นและพัง ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่อยู่ในประกัน และกรณีโรงเรียนต้องแบกรับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลังแจกแท็บเล็ตเดือน พ.ค.นี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ