ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้จัดทำการประเมินภายนอกสถานศึกษารอบ 3 ประจำปี 2554 โดยเบื้องต้นผลการประเมินสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7,985 แห่ง พบจำนวนถึง 2,295 แห่งไม่ผ่านการรับรองว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่ทำให้ไม่ผ่านการรับรอง ซึ่งปัจจัยที่อาจจะทำให้เป็นข้อจำกัด เช่น ครูไม่ครบชั้น ไม่ครบวิชา ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ไม่ผ่านการรับรอง อย่างไรก็ตาม การประเมินสถานศึกษาของ สมศ.จะยึดแต่ข้อมูลจากเอกสารเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะอาจทำให้โรงเรียนไม่ผ่านการรับรองจำนวนมาก แต่ต้องคำนึงตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วยทั้งด้านความพยายาม ความก้าวหน้าในพัฒนาการของโรงเรียน หากนำปัจจัยด้านความก้าวหน้ามาประเมินก็เชื่อว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่หากใช้มาตรฐานเดียวกันมา กำหนดเป็นตัวชี้วัดประเมินโรงเรียนทุกแห่ง โรงเรียนที่ห่างไกลก็จะเสียเปรียบ
ดร.ชินภัทรกล่าวอีกว่า สิ่งที่กล่าวไม่ได้เป็นการแก้ตัว แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตถึงระบบการประเมินที่ต้องดำเนินการแบบครบวงจรและอยากให้ สมศ.จัดทำข้อเสนอแนะ รวมถึงมาตรการต่างๆที่เป็นปัจจัยเป็นตัวแปรในการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพโรงเรียนได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงประเมินและรายงานผลแล้วจบ ที่ผ่านมาก็มีการเสนอแนะบ้างแต่ยังไม่ชัดเจน เพียงระบุว่าขาดครู ขาดปัจจัย นอกจากนี้ ควรจะมองไปถึงการนำศักยภาพโรงเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงการสร้างเครือข่าย ซึ่งเป็นปัจจัยในการพัฒนาโรงเรียน.