|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
แปลงกายไปขายมะม่วง
ขายมะม่วง
ใครจะคิดบ้างคะว่า อุตส่าห์เดินทางมาร่ำเรียนหนังสือหนังหาหาความรู้ไกลถึงต่างประเทศจะต้องมีวันนึงวันนี้ที่อะฮั้นต้องมาเป็นแม่ค้ายืนขายมะม่วง ทุเรียน มะพร้าวอ่อน
เหตุเพราะคือความอยากลอง ชอบของแปลกๆ คนแปลกๆ เรื่องแปลกๆ และที่สำคัญความงกฮ่ะ เพราะมันเป็นงานที่ได้เงินด้วยน่ะสิ
เรื่องของเรื่องคือมีซุปเปอร์มาร์เกตรายหญ่ายแห่งนึง นำผลไม้ไทยตามที่บอกไว้ข้างต้นเข้ามาขาย ซุปฯเขาก็ต้องการเพิ่มสีสันการขายก็เลยติดต่อมาว่าต้องการหญิงสาว ขาว หมวย สวย อึ๋ม ซะเมื่อไร เอาเข้าไป เขาแค่ต้องการหญิงไทยสวมชุดไทยมายืนขายผลไม้ ตอนที่เขาแจ้งมาก็มีแค่ว่าให้ไปยืนที่จุดขายแล้วก็ปอกมะม่วงแจกให้ลูกค้าชิม แต่เอาเข้าจริงพอไปยืนนะ เราก็จะถูกถามโน่นถามนี่ ก็เลยกลายเป็นว่าต้องแนะนำวิธีกิน วิธีปอก วิธีเลือก ให้ลูกค้าำไปด้วยโดยปริยาย โอ้วแม่เจ้า ต้องระลึกความทรงจำพอสมควรเลยล่ะ ก็แหม เวลาอยู่เมืองไทยเึคยเลือกผลไม้อะไรเองกับเขาที่ไหน อย่างมากก็ไปซื้อส้มเองได้ ไม่โดนเขาหลอกโกงตาชั่ง แต่ด้วยความที่ตามแม่ไปซื้อผลไม้ที่ตลาดสดอยู่บ่อยๆ ก็เลยพอจะจำได้ลางๆ ว่าแม่เลือกอะไรยังไง
ที่จริงผลไม้ที่ส่งออกมาเนี่ยโดยมากก็จะเป็นของดีอยู่แล้วอ่ะนะ อย่างมะม่วงที่เอามาขายเนี่ยก็เป็นมะม่วงอกร่องน้ำดอกไม้ลูกโตสวยเชียว เวลาปลอกมาให้เขาชิมกันนะ แหม มันอร่อยหวานทุกลูกเลยจริงๆนะ อ๊ะ ทำไมรู้น่ะเหรอ ก็ิแอบชิมสิคะ เวลาที่ลูกค้าบางตาน่ะคะ อิ อิ ที่ญี่ปุ่นเนี่ยเขาไม่สามารถปลูกมะม่วงได้มากนัก มีปลูกกันบ้างที่เกาะโอกินาว่าทางตอนใต้ของญี่ปุ่นที่มีภูมิอากาศคล้ายประเทศไทย ซึ่งสนนราคาที่เห็นวางขายในซุปฯที่โตเกียวและโยโกฮาม่าเนี่ยก็ไม่แพงเท่าไร ลูกละประมาณ 1,000~3,000 เยน เท่านั้นเอง ไม่แพงเท่าไรหรอก ฮึ ฮึ แค่ซื้อไม่ได้เท่านั้นเอง ส่วนของเราที่เอามาขายเนี่ยลูกละประมาณ 200~300 เยน ไม่แพงเลย
มะม่วงที่เห็นมีวางขายในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์ เขาจะทำแพกเกจมาดีเชียว กล่องละสามลูกแล้วก็มีอะไรล่ะ ไม่รู้เรียกว่าไรอ่ะนะ ไอ้ที่มันเป็นตาข่ายที่ทำจากโฟมอ่ะ ห่อมาเป็นลูกๆ ซึ่งเท่าที่ลองกินนะรสชาติไม่ต่างจากอกร่องบ้านเราเท่าไร แต่รูปร่างเหมือนมะม่วงแก้ว เปลือกหนา ทำให้ช้ำยาก ไม่เหมือนอกร่องบ้านเราเปลือกบางเลยทำให้ช้ำง่าย วันแรกที่ขายนะก็สวยดีหรอก พอวันที่สองเริ่มมีจุดดำๆ เราก็ต้องบอกลูกค้าว่าลูกที่มีจุดดำนี่แหละที่หวานอร่อย คนญี่ปุ่นเขาดูไม่เป็นหรอกว่าลูกไหนมันหวานไม่หวานเขาก็เลยจะดูแต่ลักษณะภายนอก จะเลือกเอาแต่ลูกที่เปลือกสวยๆนวลๆ อันนี้ก็ไม่ใช่ว่าเขากีดกันผลไม้ไทยนะ ต้องบอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะมีคนออกมาว่า คนญี่ปุ่นมันแกล้งคนไทย มะม่วงมีจุดนิดหน่อยมันก็ไม่เอา ญี่ปุ่นมันเลว มันกลั่นแกล้งผลไม้ไทย เอ้า มีนะคะทำเป็นพูดเล่นไป พวกพ่อค้าไทยที่เกลียดเขาแต่อยากได้เงินเขาใจจะขาดเนี่ย ไม่ได้รู้จักพัฒนาสินค้าของตัวเองให้ดีเพื่อเรียกให้ลูกค้ามาสนใจหรอก พอเขาไม่ซื้อก็ด่าเขา อู้ย น่าเบื่อมากค่ะ
บอกไว้เลยนะว่าคนญี่ปุ่นเขาเรื่องมากแม้กระทั่งผักผลไม้ในประเทศเขาเอง ชาวสวนญี่ปุ่นเขาบอกเองเลยว่าตลาดญี่ปุ่นชอบผลไม้ที่ดูภายนอกแล้วสวย พวกที่เปลือกสวยเนี่ยจะขายได้ราคาดี (ที่จริงอันนี้ก็คงเหมือนบ้านเราแหล่ะ) แล้ววิธีกินมะม่วงเขาก็ไม่เหมือนเรา บ้านเราจะปอกเปลือกออกก่อนแล้วค่อยกินใช้ม้า แต่คนญี่ปุ่นเขาจะฝานออกมาทีละครึ่งซีกแล้วบากเป็นลูกเต๋า แบะออกแล้วค่อยกิน อย่างในรูปนี่ล่ะค่ะ ไม่ต้องปอกเปลือกสะดวกดี
อีกอย่างนะเวลาขายของกินที่ญี่ปุ่นเนี่ย คนญี่ปุ่นเขาจะมีการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วย อย่างมะม่วงเนี่ยเขาก็จะโฆษณาว่ามีวิตามินซี ฯลฯ ซึ่งก็ทำให้คนซื้อพาลคิดไปได้ว่ากินมะม่วงก็มีประโยชน์กับร่างกายนะ มีเยอะมีน้อยก็เถอะเขาก็จะค้นมาว่ามันมีสารอาหารหรือวิตามินอะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายบ้าง เอามาเป็นจุดขายอ่ะว่าง่ายๆ คนสนใจมาซื้อเยอะนะ จากที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักผลไม้ที่ชื่อมะม่วงเนี่ย ก็รู้จักและนิยมกินกันมากขึ้น แต่เขาจะไม่รู้จักมะม่วงดิบนะ ส่วนใหญ่ที่เอามาขายเนี่ยก็เป็นมะม่วงสุกทั้งนั้น
ส่วนทุเรียนเนี่ยก็อ่ะนะ ขายยากหน่อย เพราะกลิ่นหอมหวานของมันเนี่ยแหละ คนญี่ปุ่นเขาบอกว่าเหม็น เหม็นแบบจะอ้วกเลยล่ะ รายการโทรทัศน์ญี่ปุ่นเองก็ชอบนักล่ะ ให้คนที่เล่นเกมส์แพ้ดมกลิ่นทุเรียน เขาเหม็นกันประมาณไหนก็ลองจินตนาการว่ามันเป็นกลิ่นปลาร้าล่ะกัน (สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นปลาร้าเท่านั้นที่จะเข้าใจ) คนที่มาซื้อส่วนมากก็คนไทย ฟิลิปปินส์ ที่อยากและโหยหาอยากกินแต่หาไม่ได้ในญี่ปุ่น ส่วนคนญี่ปุ่นเนี่ยเขามาดูๆ ดมๆ แล้วก็จากไป มีน้อยคนนักที่จะซื้อกลับไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากลองกินนะ แต่ทางซุปฯ เขาไม่แบ่งขาย เขาก็กลัวกินไม่หมด อีกอย่างมาเป็นลูกๆอย่างนี้ อย่าว่าแต่คนญี่ปุ่นเลย คนไทยเองก็แกะไม่เป็นเหมือนกันแหล่ะ
ขอเล่าอาการของคนที่มาดูๆ ดมๆ นี่หน่อยละกัน ตลกมากเลยล่ะ แบบว่าทุเรียนเขาก็เอามาตั้งวางเป็นลูกๆโดยที่ไม่ได้เฉาะให้ดูเนื้อทุเรียนแบบบ้านเรา(คงกลัวกลิ่นมันจะไล่ลูกค้ามั้ง) ลูกค้าก็เอาจมูกเข้ามาดมใกล้ๆ มีหลายคนบาดเจ็บเลือดตกยางออกกลับไป เพราะไม่ระวังเอาหน้าไปจิ้มทุเรียนเข้า (ก๊าก) เหอ เหอ เหอ อันนี้ทางห้างก็ไม่ได้ทำประกันไว้อ่ะนะ ก็ต้องไปรักษากันเอาเอง ฮิ ฮิ แล้วมันก็ไม่ได้กลิ่นไรมากหรอกเพราะทุเรียนมันยังห่าม ไม่สุกดีเท่าไร แต่พอวันที่สองสิ บางลูกก็ก้นแตกกลิ่นโชยเชียว คนที่มาดมวันที่สองนี่ก็โชคดีหน่อยเพราะจะได้กลิ่นอันรุนแรง จนหน้าเบ้กลับไป ประมาณว่าตูไม่น่ามาดมเลย กลิ่นติดตัวเป็นอาทิตย์แน่ เดี๊ยนก็ให้ความร่วมมือสุดชีวิตค่ะ ใครที่เข้าไปดมผิดลูก ดมลูกห่ามๆ ไม่ได้กลิ่น ก็จะแนะนำค่ะว่า ดมลูกนี้สิคะ แน่นอนกว่า ลูกค้าก็อ๋อเหรอ ไหน ไหน..... แหวะ เหม็น แล้วก็หัวเราะเฝื่อนๆเดินตุปัดตุเป๋กลับไป เป็นที่สนุกสนานของอิฉันมาก หุ หุ จ๋มอยากดมดีนัก อ้อ สนนราคาก็ไม่แพงนักลูกละพันกว่าเกือบสองพันเยนเอง
ส่วนมะพร้าวอ่อนนี่ก็ขายลูกละร้อยเยน ขายง่ายค่ะ แต่ส่วนใหญ่เขาจะไม่รู้วิธีกิน เราก็ต้องอธิบายวิธีบ้านๆ ไปว่า ก็เอาหลังบังตอนะคะ เฉาะ ป๊อก ป๊อก หลายๆทีหน่อย เอาน้ำมะพร้าวออกมาใส่แก้วแช่ตู้เย็นไว้ดื่มเล่นเย็นๆใจ แล้วเอาช้อนควักเนื้อทานเลย หรือจะใส่ลงไปในแก้วเดียวกับน้ำมะพร้าวกินพร้อมกับน้ำก็ได้ วันแรกก็ปกติดีไม่มีอะไร พอวันที่สองสิคะ บางลูกเนี่ยฟองฟ๊อดเลยค่ะ มันคงเสียเพราะไม่ได้ใส่ตู้เย็นไว้หรือไงไม่รู้ เราก็ต้องคัดมันออกไปกองไว้ ให้ฝ่ายอนามัยของซุปฯที่เขาจะมาสุ่มสินค้าไปตรวจวันละรอบสองรอบเก็บไป
อ้อ ยังไม่ได้บอกหน้าที่ของดิฉันใช่ไหมคะว่าไปทำอะไรบ้าง
ตอนเช้า เข้าซุปเปอร์เหมือนพนักงานทั่วไป เปลี่ยนชุดเป็นชุดไทย เสร็จแล้วก็ไปยืนที่จุดขาย เนื่องจากอาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์พิเศษสำหรับขายผลไม้ไทย เลยได้ทำเลดีหน้าประตูทางเข้าห้างด้านที่จอดรถ ทีแรกก็ยืนเฉยๆค่ะ ก็ไม่รู้จะทำไร เพราะเขาบอกว่าให้มาช่วยตอนปอกมะม่วงให้ลูกค้าลองชิมดูเท่านั้น แต่เวลาทำจริงๆ เขาก็ปอกมาจากด้านในแล้วเอามาวางให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาเข้ามาจิ้มชิมกันไป เราก็ไม่ต้องทำไรเท่าไร ด้วยความที่ยืนเฉยๆ ตัวเองก็เบื่อ พอดีกับที่คุณป้าบูธข้างๆเขาก็ยืนขายผักออแกนิกแกตะโกนเรียกลูกค้าใหญ่เลย เราก็เลยตะโกนร้องเรียกลูกค้าบ้าง อู้ย สนุกค่ะ สวมวิญญานแม่ค้าสุดฤทธิ์ ผลไม้ไทยไหมคะ มะม่วงหวานๆค่ะ ลองชิมดูก่อนก็ได้นะคะ
กลางวัน ได้พักหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าไปกินข้าวกล่องที่ซื้อมาเอง นั่งกินที่ห้องพักพนักงานเล็กๆ ประมาณ 2x3 เมตร ก็ห้องเดียวกับที่เปลี่ยนเสื้อผ้าตอนเช้านั่นแหละ มีน้องสาวพริตตี้(มั้ง)มาโปรโมทขายมือถือ กับป้าๆสองสามคนเข้ามาจับจองที่อยู่ก่อนแล้ว ต่างคนต่างกิน ต่างคนต่างพัก เพราะไม่รู้จักกันแล้วก็ท่าทางจะยืนตลอดตั้งแต่เช้าเหมือนเรานั่นแหละ พอกินเสร็จ บางคนก็อ่านหนังสือ บางคนก็งีบ พักผ่อนกันไปตามอัธยาศรัย เสร็จสรรพหนึ่งชั่้วโมงก็ออกไปทำงานกันต่อ
ตอนเย็น ห้าโมงเลิกงานเดี๊ยนก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเลยค่ะ ไม่มีโอกาสได้สังสรรค์เสวนากับใครเขาหรอกค่ะ เพราะต่างคนต่างทำงาน เวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับก็มีคนไปเปลี่ยนอยู่บ้างแล้วคนสองคน เปลี่ยนเสร็จก็ล่ำลากันตามมารยาท โอะจึกาเรซามะ แล้วก็ลากลับกันไป
ขอย้อนกลับไปหน่อยละกัน คือ ก่อนที่จะเข้าไปทำงานเนี่ย ต้องมีการตรวจอุจจาระก่อนด้วยนะ เนื่องจากตามกฏของทางญี่ปุ่น คนที่ทำงานจับต้องของกินเนี่ย ต้องตรวจอุจจาระดูก่อนว่ามีเชื้อไวรัสอันตรายอะไรบ้างเปล่า เพื่ออนามัยของผู้บริโภค ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากอะไร ทางซุปฯเขาให้รายชื่อหน่วยงานที่รับตรวจมา2~3 แห่ง เราก็เลือกที่สะดวกเรา โทรศัพท์ไป ที่ที่เราโทรไปเขาให้เราไปรับอุปกรณ์เก็บอุจจาระที่สำนักงานเขา แล้วส่งกลับมาทางไปรษณีย์ได้ ฟังแล้วก็จั๊กกะจี้ดีนะ อึเราจะถูกส่งทางไปรษณีย์ มีคนหลายคนต้องสัมผัสกับหลอดเก็บอึเรา คริ คริ เขินๆ ไงก็ไม่รู้ เสร็จแล้วเขาก็จะส่งผลมาให้เราที่บ้าน แต่กว่าเราจะทำใจส่งอึไปได้เนี่ยก็นานเหมือนกัน ก็แหม มันกลัวอ่ะ กลัวเขาเหม็นน่ะ แล้วกว่าจะถึงมือคนตรวจก็สองสามวัน สงสารพนักงานไปรษณีย์ อิดออดอยู่หลายวัน ทีแรกว่าจะไม่ทำแล้วล่ะงานนี้ ตอนที่เขาบอกว่าต้องตรวจอุจจาระด้วยเนี่ย ฟังแล้วยุ่งยากเชียว แต่ในที่สุดก็ไปทำอ่ะนะ
สรุป สนุกดี ได้ประสบการณ์แปลกๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ประสบมาก่อน เด๋วยังมีัอีกหลายงาน ที่เราไปทำมา แล้วจะทยอยเอามาเก็บไว้ต่อไป
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
12 comments |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2549 18:20:42 น. |
Counter : 1506 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อพันตรี 19 กุมภาพันธ์ 2549 17:20:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: yadegari 20 กุมภาพันธ์ 2549 3:29:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: iamname IP: 218.140.64.49 20 กุมภาพันธ์ 2549 17:12:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: อพันตรี 20 กุมภาพันธ์ 2549 20:32:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeko 20 กุมภาพันธ์ 2549 21:06:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: Qooma 21 กุมภาพันธ์ 2549 11:41:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: IP: 58.147.72.45 2 มีนาคม 2549 8:27:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|