|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Hadaka no Ousama
ต่อเนื่องจากเมื่อวานที่เขียนเรื่องการวางตัวครม.ชุดใหม่ ซึ่งคราวนี้สื่อญี่ปุ่นไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ใครจะได้ดำรงตำแหน่งใดบ้าง เพราะนายกฯโคอิซูมิอุบเงียบจนวินาทีสุดท้าย ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวนายกคนนี้ไปแล้วที่มักจะคิดทำการอะไรคนเดียวโดยไม่ปรึกษาแกนนำในพรรคคนอื่นๆ จะว่าดีไม่ดีก็พูดยากนะ เพราะขึ้นอยู่กับตัวนายกแล้วก็คนรอบข้างด้วย ถ้าคนรอบข้างเป็นเสือสิงห์กระทิงแรดประจำรัฐบาลล่ะก็ ไม่ต้องปรึกษาใครได้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาลูบหน้าปะจมูกกันภายหลัง จนประกาศโป้งออกมา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรอย่างที่สื่อคาดหมายกัน การแต่งตั้งครม.ครั้งนี้ว่ากันว่าเป็นการกำหนดตัวตายตัวแทนนายกโคอิซูมิ เพราะประกาศมาแล้วว่าในปีหน้าจะถอนตัวจากการเป็นหัวหน้าพรรคLDP ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่ดำรงนายกฯสมัยหน้าอีก การแต่งตั้งครม.คราวนี้จึงมีความหมายนัยๆให้พอรู้ได้ลางๆ ว่าโคอิซูมิวางตัวทายาททางการเมืองไว้อย่างไร ที่พูดเรื่องการเมืองญี่ปุ่นขึ้นมาก็เำพราะ ช่วงหลังเวลาที่ดูข่าวการเมืองญี่ปุ่นแล้วภาพการเมืองไทยมันซ้อนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ อาจเพราะว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด จัดขึ้นในปีเดียวกันเวลาใกล้เคียงกัน สาเหตุของการจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอาจแตกต่างกัน โดยของไทยเป็นการเลือกตั้งเนื่องจากครบสมัย แต่ของญี่ปุ่นเลือกตั้งเนื่องมาจากการประกาศยุบสภาของนายกฯเนื่องมาจากนโยบายแปรรูปไปรษณีย์ให้เป็นเอกชนนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในสภา จึงยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกนโยบายของใคร ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นการยุบเพื่อสลายแกนนำหัวเก่าโบราณในพรรคด้วย เห็นเขาว่า(อีกแล้ว)พวกเก๋าๆพวกนี้แหละที่เป็นตัวเขมือบงบประมาณ หรือพูดง่ายๆเงินของประชาชนมาเข้าเป๋าตัวเองง่ะน่ะ แถมอีกเรื่องละกันคือว่าด้วยลูกของนายกทั้งสองไม่ได้ดำเนินรอยตามพ่อตนเลย หันเหไปทางโลกบันเทิงทั้งคู่ ที่ว่าภาพมันซ้อนกันก็เพราะว่าผลการเลือกตั้งของทั้งไทยและญี่ปุ่นออกมาคล้ายกันคือ พรรครัฐบาลเดิมเป็นพรรคที่ชนะอย่างท่วมท้นได้เสียงข้างมาก มากจนเป็นประวัติการณ์ มากจนไม่จำเป็นต้องมีพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลก็ได้ แต่นายกญี่ปุ่นตัดสินใจให้พันธมิตรการเมืองพรรคโคเมโตที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นรัฐบาลด้วยดีมาโดยตลอดเข้่าร่วมเป็นรัฐบาลผสมอีกครั้ง ขอย้ำว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่พรรคLDPจะต้องดึงพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาล อาจเป็นเพราะสัจจะทางการเมืองหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ เพราะนายกโคอิซูมิืเนี่ยนอกจากจะเป็นคนหัวแข็ง ไม่ํฟังไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้ว ยังเป็นคนที่รักษาสัจจะ รักษาสัญญาประชาคมได้เป็นอย่างดี และเขาก็ไม่กลัวว่าใครจะมาตรวจสอบอะไรด้วยเพราะเขาเชื่อมั่นว่าเขาทำทุกอย่างด้วยความสุจริตใจ
อย่างเรื่องการแปรรูปไปรษณีย์เป็นเอกชนก็เป็นนโยบายที่เขายึดมั่นถือมั่นมาตั้งแต่สมัยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในกระทรวงการสื่อสารและไปรษณีย์เมื่อหลายปีมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะเมื่อได้เข้าไปทำงานแล้วเห็นว่ามีการกินกันเยอะ ว่ากันง่ายๆเลยแล้วกัน เพราะไปรษณีย์ญี่ปุ่นนั้นหลายคนคงพอรู้แล้วว่ามีบริการรับฝากถอนเงิืนเหมือนธนาคารทั่วไปด้วย และเป็นธนาคารที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุดและมีสาขาให้บริการมากที่สุดในประเทศอีกด้วย รัฐบาลก็นำเงินฝากของธนาคารไปรษณีย์นี้แหละมาหมุนใช้บริหารประเทศและสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ หลายคนคงไม่ทราบว่ารายได้ของไปรษณีย์เล็กๆที่เราเห็นอยู่ใกล้บ้านเรานั้นมีมากมายขนาดไหน เอาให้เห็นภาพนะก็คือเงินบำนาญของคนเฒ่าคนแก่ที่รัฐโอนมาให้เนี่ยก็ผ่านธนาคารไปรษณีย์นี่แหละเป็นส่วนใหญ่ และประชากรผู้สูงอายุที่ได้รับบำนาญเหล่านี้มีมากแค่ไหนคงไม่ต้องสาธยายแล้วมั้ง เพราะเป็นที่รู้กันว่าสังคมญี่ปุ่นตอนนี้น่ะเป็น สังคมผู้สูงอายุ
อีกอย่าง การบริหารประเทศญี่ปุ่นก็เป็นการบริหารโดยมอบอำนาจการตัดสินใจต่างๆให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเต็มที่ กล่าวคือ มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ดังนั้นมันก็เลยพ่วงติดพันมายังพวกสส.ท้องถิ่น หมายถึง สส.ที่มีฐานเสียงอยู่ต่างจังหวัด ที่ต่างพยายามดึงความเจริญมาสู่บ้านเิกิดของตนมากที่สุด ในการเลือกตั้งของญี่ปุ่นั้น โดยมากปัจจัยในการเลือกก็จะมาจากการที่ประชาชนจะเลือกพรรคที่ตนนิยม และพรรคต่างๆก็จะพยายามส่งผู้สมัครที่เป็นคนในท้องถิ่นนั้นจริงๆมาลงสมัคร นอกจากจะหาไม่ได้จริงๆก็จะเลือกคนที่เป็นที่รู้จักอยู่บ้างของท้องถิ่นนั้นๆ เมืองชนบทที่อยู่ห่างไกลความเจริญมากๆเนี่ยก็กลัวว่าเมื่อแปรรูปไปรษณีย์แล้วพนักงานที่ทำงานในไปรษณีย์ก็จะหลุดจากการเป็นข้าราชการกลายเป็นพนักงานกินเงินเดือนเต็มขั้น งานที่เคยทำแบบสบายๆเช้าชามเย็นชาม(แต่เช้าชามเย็นชามของญี่ปุ่นก็ไม่ถึงขั้นที่มีการกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันระหว่างทำงานหรอกนะ) ก็ต้องเปลี่ยนเป็นมีการแข่งขัน ซึ่งในญี่ปุ่นก็มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทที่ทำหน้าที่ส่งจดหมายและพัสดุึเหมือนไปรษณีย์อยู่แล้วหลายแห่ง สส.ต่างจังหวัดก็พยายามเอาใจฐานเสียงของตนโดยลืมความจำเป็นของประเทศชาติโดยรวมไป พยายามจะดึงเอาไปรษณีย์ไว้ให้ได้ ซึ่งที่จริงแล้วเอกสารจดหมายที่จะส่งให้บ้านเรื่อนที่ห่างไกลนั้นก็มีไม่มากนักหรอกบางวันทีแค่หกเจ็ดฉบับ ซึ่งถ้าจัดระบบดีๆแล้วก็น่าจะพัฒนาได้อีกเยอะ ที่เกริ่นมาซะยาวเนี่ย ก็แค่อยากจะแนะนำสำนวน Hadaka no Ousama(พระราชาล่อนจ้อน) ซึ่งมีต้นตอมาจากนิืทานสอนเด็กของฝรั่ง ความหมายตามพจนานุกรมญี่ปุ่น-ญี่ปุ่นหมายถึง การขึ้นดำรงตำแหน่งสูงแล้วไม่มีคนรอบข้างคนใดกล้าเซย์โน กล่าวคำคัดค้ัาน ทำให้ผู้นั้นกระทำการทุกอย่างได้ตามความประสงค์ จนหลงลืมตนเอง เป็นคำกล่าวที่คนญี่ปุ่นพูดฝากไปยังนายกโคอิซูมิผ่านโทรทัศน์ ซึ่งพอฟังแล้วก็ ใช่เลย!!! อยากจะเหมือนคนนอนกรนให้ข้างบ้านได้ยินจัง อยากจะกรนใหัดังไปถึงประเทศไทยเลยว่างั้่นเถอะ เหมือนที่นายกทักษินเราพูดถึงประเทศมาเลเซียไงงั้นเลยง่ะ
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2548 11:35:02 น. |
|
4 comments
|
Counter : 940 Pageviews. |
|
|
|
โดย: iamname วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:14:39 น. |
|
|
|
โดย: lilyai IP: 218.229.52.101 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:00:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
บวกกับไม่ค่อยรู้เรื่องการเมืองญี่ปุ่นเท่าไหร่นัก
ศัพท์ก็ยาก
มาเล่าให้ฟังอีกนะ..ชอบชอบ
แล้วไปรฯ จะเปลี่ยนเป็นของเอกชนเมื่อไหร่อ่ะ
จะต้องมีการโหวตเสียงอีกใช่เปล่า