ท่ายูโด เซโอนาเกะ เซโอนาเกะ แล้วก็เซโอนาเกะ
ท่ายูโด เซโอนาเกะ เซโอนาเกะ แล้วก็เซโอนาเกะ
ความเดิมตอนที่แล้วคือ จะมีการสอบยูโดเลื่อนขั้นในปลายเดือนนี้ (อีก2-3อาทิตย์ถัดไป) วิธีการสอบคือการแข่งขัน2ครั้ง จากจำนวนนักเรียนระดับเดียวกัน คะแนนสำหรับการเลื่อนสายในครั้งนี้อยู่ที่ 2 แต้ม ส่วนคะแนนสำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น ชนะได้1แต้ม เสมอได้0.5แต้ม แพ้ได้0แต้ม ดังนั้นการที่จะเลื่อนสายในเดือนนี้ได้คือต้องชนะรวด2นัด จากการแข่ง2ครั้ง ถ้าเก็บไม่ได้2แต้มก็ต้องไปแข่งใหม่เดือนหน้า ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้2แต้ม ยกตัวอย่างเช่นบางคนอาจจะเอาแค่เสมอ ก็ใช้เวลา2เดือนในการเสมอ4ครั้งก็จะผ่าน ได้เลื่อนสาย
การสอบแข่งนี้จะคล้ายๆกับการแข่งขันแบบจริงๆจังๆ คือมีกรรมการ3คน (กรรมการก็จะเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่ทุกวัน กับอาจารย์คนอื่นที่ไม่รู้จักสลับกันมา) แล้วก็มีคนดูอีกต่างหาก คนดูก็คือนักเรียนที่รอสอบระดับอื่นกับเพื่อนๆทั่วไป ปัญหาคือแรงกดดันมากกว่าครับ ที่จะต้องชนะให้ได้ทั้ง2ครั้ง เพื่อนคนอื่นผมไม่ทราบ เพราะว่าบางคนก็ค่อยเป็นค่อยไป ช้าไปก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเป็นคนญี่ปุ่นยังไงก็อยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ช้าไปเดือน2เดือนก็ยังมีเวลาอีกเป็นหลายสิบปี แต่สำหรับผมแล้ว ไม่อยากเสียเวลารอไปอีกเดือน ถึงจะผ่านระดับนี้ ในการสอบเลื่อนสายระดับต่อไปก็ยังเป็นการแข่งขันอยู่ดี ถ้าในการเลื่อนสายแต่ละครั้งใช้เวลาถึง2-3เดือน กว่าจะไปถึงสายดำคงกินเวลาเกือบปี ถัดจากนั้นการจะเลื่อนระดับจากสายดำขั้นแรกไปเป็นขั้นสอง มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย1ปีเหมือนกัน (ตอนนี้เป้าหมายผมไม่ได้อยู่ที่สายดำขั้นแรกแล้วครับ) ดังนั้นการแข่งปลายเดือนนี้จะต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น
วิธีการที่จะชนะของผม ก็มีอยู่หลายท่า ที่ใช้ได้ผลอยู่ ปัญหาคือมันไม่สมศักดิ์ศรีเท่านั้นเอง เพราะเป็นท่าที่ไม่ได้มาจากการเรียนที่โคโดกัง หรือบางท่าก็เป็นท่าที่เพื่อนนักเรียนด้วยกันยังเรียนไม่ถึงเช่นพวกท่าทิ้งตัว พวกสุเตมิวาซะ หรือว่าโยโกสุเตมิ เทคนิคการทุ่มทั่วๆไป แบ่งออกเป็น5ประเภท คือ มือ สะโพก ขา สุเตมิ และ โยโกสุเตมิ การเรียนการสอนเพื่อไปถึงสายดำขั้นแรกจะเรียนแค่3ประเภท คือ การทุ่มด้วยมือ การทุ่มด้วยขา และการทุ่มด้วยสะโพก ท่าพวกการทิ้งตัวอาจารย์ก็เคยเตือนว่าถ้าเป็นไปได้อย่าใช้ ควรจะไปหัดท่าพื้นฐานให้ชำนาญมากกว่าการใช้ท่าพวกนี้เพื่อการเอาชนะ
ตัดพวกท่าที่อาจารย์ไม่อยากให้ใช้ออกไป ผมก็เหลือแค่ท่าเดียวที่พอจะใช้ให้เห็นผลเป็นคะแนนได้คือท่า อุจิมาตะ แบบเชื่องช้า แล้วถ้าเกิดเจอคู่ต่อสู้ที่แก้ทางของท่านี้ได้ ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะทำให้ผมต้องรอไปอีกเดือนนึงเพื่อเก็บแต้มให้ได้ครบตามที่กำหนดสำหรับการเลื่อนสาย ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการฝึกท่า เซโอนาเกะ
วิธีการเข้าท่าก็เรียนมาหมดแล้ว ปัญหาหลักคือทำยังไงถึงจะทุ่มด้วยเซโอนาเกะได้ คำตอบคือ เร็ว กับ แรง ทุกๆวันถ้าฝึกการเข้าท่า ทั้งจะเป็นแบบเข้าคู่อุจิโกมิ หรือว่าจะเป็นการฝึกคนเดียวก็ตามแต่ สิ่งที่ได้มาคือความเร็ว แต่ไม่ใช่ว่าฝึกวันสองวันแล้วมันจะเห็นผล ความเร็วมันต้องค่อยๆสะสมเก็บเรื่อยๆ ที่สำคัญควรฝึกการเข้าท่าให้ถูกต้องซะก่อน มิฉะนั้นแล้วถึงได้ความเร็วที่เพิ่มมา แต่ท่าผิดๆถูกๆก็ไม่มีประโยชน์
ว่าด้วยเรื่องความเร็ว เพื่อนๆที่เรียนด้วยกัน บอกว่าท่าเซโอนาเกะของผมแปลกประหลาดกว่าคนอื่นๆ เป็นเพราะว่าผมถือหลักที่ว่า ย่อต่ำมากเท่าไรการคู่ต่อสู้ก็จะน้ำหนักเบาลงมากเท่านั้น ดังนั้นการย่อตัวของผมจะต่ำกว่าทั่วๆไป แรกๆอาจารย์สอนว่าให้ย่อเข่าลงจนมองไม่เห็นนิ้วโป้งที่ขา แต่เซโอนาเกะของผมจะย่อจนลงไปทั้งเข่าเลย ปัญหาหลักคือเรื่องความเร็วหลังจากการย่อจะต้องต่อด้วยการยก พอย่อลงไปสุดผมจะต้องหยุดชะงักไปหน่อยนึงก่อนที่จะดันตัวยกขึ้น ส่วนปัญหาถัดมาคือการย่อตัวแบบนี้ เข่าและขาของผมต้องรับบทหนักมากๆ วิธีแก้แบ่งเป็น2อย่างคือ การทำให้ขาแข็งแรงขึ้นโดยการวิ่ง วิ่งก็วิ่งสิ ปกติถ้าไม่ติดธุระอะไรก็จะพยายามวิ่งให้ได้วันละ10โล อย่างน้อยก็สร้างแรงอึดได้เพิ่มขึ้นและยังได้ขาที่แข็งแรงพอที่จะรองรับท่าเซโอนาเกะของผมมาอีกต่างหาก ส่วนปัญหาเรื่องการหยุดชะงักก่อนที่จะยกตัวขึ้น ไม่มีวิธีแก้ไข นอกจากการฝึกเข้าท่าแบบคนเดียวทุกๆวัน ให้มันชินและชำนาญ
ถัดมาเรื่องของความแรง ปกติการย่อขาที่ต่ำลงมากๆ(มากกว่าปกติของเซโอนาเกะทั่วๆไป)ในจังหวะหมุนตัว จะสามารถสร้างแรงดึงคู่ต่อสู้ลงมาได้โดยธรรมชาติ เพียงแต่ความแรงเท่านี้ยังไม่สามารถนำมาใช้ให้เห็นผลได้ในทุกๆการทุ่ม วิธีเพิ่มความแรงลองหาๆดูในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ไปสะดุดตากับการ ผูกสายคาดเอวไว้กับต้นไม้แล้วดึง (เคยเห็นในการ์ตูน ไม่คิดว่ามันนำมาใช้ฝึกได้จริง) ในอินเตอร์เน็ตมีอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อยว่า นักกีฬายูโดบางคนบอกว่าวิธีนี้ช่วยเพิ่มแรงในการดึงได้จริง เลยฝึกกันวันละประมาณ1000ครั้ง แต่ว่าผมไม่ว่างขนาดนั้นเอาเป็นว่าของฝึกวันละ50-60ครั้ง(แบ่งเป็น2-3รอบ) ค่อยๆเก็บไปวันละนิดวันละหน่อยก็พอ
เร็วกับแรงมันต้องไปด้วยกัน หากฝึกแต่เร็วมันก็จะได้เร็ว พอมาฝึกแรงมันก็จะลืมเร็ว วิธีที่ผมใช้ก็คือ ฝึกเร็ว(การฝึกเข้าท่าคนเดียวโดยการย่อตัวให้ต่ำที่สุด)รอบนึง แล้วก็มาฝึกแรงรอบนึง(การฝึกเข้าท่ากับต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าก็ได้) ถัดจากนั้นก็ฝึกตวัดขาในท่าอุจิมาตะรอบนึง(ถือเป็นการพักเหนื่อย) ถือเป็น1ยก แล้วก็วนกลับมาฝึกใหม่อีกครั้งเป็นยกที่2 ช่วงแรกนี้กะไว้ว่าฝึกวันละ4ยกก่อน หลังๆถ้ายังไม่เห็นผลเท่าไร คงต้องมีการเพิ่มยกเข้าไปอีกหน่อยนึง
ตอนนี้ลองใช้ดูกับการรันโดริในแต่ละวัน ก็พอจะใช้เซโอนาเกะออกไปได้ เฉลี่ยวันละ1ครั้ง เพียงแต่หลังจากทุ่มแล้วท่ายังไม่สวยเท่าไร(ส่วนใหญ่ผมจะอยู่ในท่าคุกเข่า) เพราะว่าแรงดันตัวให้ยืนขึ้นมายังไม่มีเท่าไร คนถูกทุ่มก็ท่าทางจะเจ็บพอสมควร เพราะผมยังไม่สามารถยืนและดึงมือของคนที่ถูกทุ่มขึ้นมาได้ แต่เริ่มต้นทำได้เท่านี้ก็หรูแล้วครับ
ทุกวันนี้กลับก่อนนอน ก็ยังต้องออกไปสวนใกล้ๆบ้าน เพื่อฝึกท่า เซโอนาเกะ เซโอนาเกะ แล้วก็เซโอนาเกะอยู่ แถวบ้านคงเริ่มสังเกตุเห็นคนบ้าคนนึงช่วงดึกๆออกมาดึงต้นไม้ด้วยมือเปล่ากันบ้างแล้วละครับ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่จะได้รับมา ตอนนี้ก็ยอมบ้าไปก่อนครับ
Create Date : 07 ตุลาคม 2554 |
|
27 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 13:21:08 น. |
Counter : 1467 Pageviews. |
|
|
|