น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
จดหมายถึงพระจันทร์ ฉบับที่ 1

16 เมษายน 2548 (วันนี้เป็นวันพระ)



พระจันทร์ที่รัก
หัวค่ำวันนี้ ดูเหงาๆ นะ ...
เหงาจนกระทั่งฉันคิดว่า ฉันสงบ นิ่ง พอที่จะไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจ
แต่มันเป็นความหลง

พระจันทร์คืนขึ้น 8 ค่ำ วันนี้คล้ายผลแตงโมเลย
เธอรู้ไหมว่า ฉันหลงโลก เหมือนหลงเธอ
หลงว่า เธอเป็นพระจันทร์จริงๆ
หลงจนฉันต้องเขียนจดหมายถึงเธอ

ฉันหลงว่า ฉันเป็นคนดี ทำสมาธิได้ดีๆ
ฉันหลงว่า ฉันมีความรู้ทางธรรมะดี หลงว่า ฉันเข้าใจชีวิตดี มีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตที่ดี
ฉันหลงว่า ฉันเป็นคนมีเมตตา ฉันรักคนอื่น
ฉันหลงในความเป็นฉัน

วันนี้ ฉันไปทำบุญมา
ฉันหลงคิดว่า ฉันเป็นคนเข้มแข็ง ฉันอยู่เพียงลำพังได้ ฉันไม่ต้องการให้ใครมาดูแลหรือเอาใจใส่ฉัน
ฉันไม่ต้องการเสพกาม ฉันไม่ต้องการมีสามี
แต่ฉันก็ยังถูกหลวงปู่ดุฉันอีกว่า ฉันบ้ากาม
เพราะฉันพูดมาก

หลวงปู่ท่านดุฉันว่า การพูดมากนั้น เป็นกามอย่างหนึ่งเหมือนกัน
เพราะฉันอยากพูด ฉันพูดแล้วมีความสุข ที่จริงไม่ใช่ความสุขหรอก มันเป็นความหลงทุกข์
สำคัญว่ามันเป็นความสุข

ฉันคิดถึงหลักของซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่บอกว่า คนเราอยู่ด้วยสัญชาตญาณทางเพศ
พอท่านดุฉันว่า ฉันบ้ากาม ฉันจึงเข้าใจว่า ฉันคงเป็นโรคสำเร็จความใคร่ด้วยการพูดแน่ๆ เลย
เธอรู้ไหมว่า ฉันอึดอัดเพียงใดกับการที่ฉันไม่ได้พูดคุยกับใคร
ไม่ได้สื่อสารอะไรกับใคร
ฉันจะกระอักอกตายเสียให้ได้

มันเป็นทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ นะนั่น ....
พระจันทร์ที่รัก ... เธอคงเข้าใจฉันดี
ชีวิตฉันในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับเวลาราตรี
ที่รอให้ถึงเวลาแจ้งแจ่มแห่งแสงตะวันเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากความสลัวลาง ความไม่ชัดเจน และความโง่เขลามืดมนในจิตใจ

พระจันทร์ที่รัก ....
ความหลงของฉันนั้นมีมากเกินบรรยาย
ฉันหลงตนเสมอ และในทุกๆ ครั้งที่ได้รับคำสรรเสริญ
ใครสักคนเข้ามาอ่านบล็อกของฉันแล้วชมว่า ฉันเขียนดีเหลือเกิน ฉันดีใจลึกๆ
ฉันพยายามคงที่ที่กายที่จิต ฉันพยายามหายใจลึกๆ ฉันพยายามนึกท้องฟ้ากว้างๆ สว่างๆ ขาวๆ ฉันพยายามนึกแผ่นดินเรียบเสมอทั่วทั้งหมด ฉันพยายามแผ่กระแสจิตไปทั่วโลก
แต่ฉันก็ยังมีหลงตัวหลงตน สำคัญตนว่า เป็นคนเก่งอยู่นั่นแล้ว

พอฉันถูกใครติเตียนขึ้นมา
แม้ฉันจะนิ่งเฉยได้ ฉันสงบได้ เหมือนๆ ฉันยอมรับมันได้
แต่ลึกๆ ของฉันเกิดอาการทุกข์ขึ้นมาแทบที่จะไม่รู้ตัว
ฉันเจ็บปวดลึกๆ บางทีฉันก็ตอกย้ำตัวเองว่า คงเป็นแบบนั้นจริงๆ
บางทีก็ปกป้องตัวเองว่า ฉันดีอยู่แล้ว คนอื่นไม่เข้าใจฉัน
นี่แหละ ... กิเลสที่ฉันเกือบเห็นตามไม่ทันมัน

เธอรู้ไหม?
สิ่งเหล่านี้มันเป็นทุกข์ในใจ เป็นทุกข์ที่ปกปิดซ่อนเร้น
ฉันเบื่อโลกเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ฉันหลงโลกอยู่อย่างนี้นี่แหละ
ฉันหลงว่า โลกเป็นสิ่งจริง คำสรรเสริญ คำติเตียนเป็นสิ่งจริง .... มันช่างโง่เสียเหลือเกิน
ฉันนี่ ร้ายกาจนักนะ มีทั้งความโง่ บ้า หลง ครบสูตรเลยทีเดียว

พี่ปราณีบอกกับฉันในวันนี้ว่า ฉันไม่ควรจะพูดไปติดหัวเราะไป เวลาพูดอะไรให้ยิ้มๆ ไว้
พี่อำนาจก็เพิ่งเตือนฉันไปหยกๆ เมื่อไม่นานเท่าไหร่ในเรื่องเดียวกัน
หลวงปู่ท่านติเตียนฉันในเรื่องนี้เป็นประจำ
แม่สุภัทรก็ติงฉันในเรื่องสติอยู่เสมอมา
พี่วิบอกให้ฉันรู้จักละเอียดในการทำสิ่งต่างๆ
แต่ฉันก็ยังคงที่ไม่พอ ฉันไม่สามารถที่จะแก้ไขตัวเองได้ตลอดเวลา

การติดนิสัยนี่ เป็นผลเสียอย่างร้ายกาจทีเดียว
พระจันทร์ที่รัก ... ฉันอยากเปลี่ยนตัวเองใหม่
ฉันอยากเป็นคนดีกว่านี้
ฉันอยากเอาความขี้เกียจหลุดจากตัวฉันออกไปให้หมดเลย
โอย ... กิเลสของฉันเยอะเหลือเกิน ฉันรำคาญเหลือเกิน ฉันอึดอัดเหลือเกิน ฉันทุกข์เหลือเกิน

มันเจ็บปวดลึกๆ เหมือนกันนะ
เมื่อกิเลสมันปรากฏตัวให้ฉันเห็นชัดๆ อย่างนี้
ฉันต้องทนดูมันเฉยๆ ฉันจะทิ้งมันก็ไม่ได้ เอาไว้ก็ไม่ได้
ฉันจะต้องรู้จักกับมันให้ได้

แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่นิ่งพอ
ตราบใดที่ฉันยังไม่คงที่ที่กายที่จิตพอ
ยังมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งกายและจิตไม่ได้
ฉันก็จะรู้จักกิเลสเหล่านี้ไม่ได้

การรู้จักกิเลสเหล่านี้ เหมือนแสงตะวันที่สาดลงมาที่จิต
กิเลสคือความโง่งมที่ฉันยังไม่เคยเห็นมัน มันมืดสนิท มันก็จะหายไปทันที
มันคงหายวับไปเหมือนเอาแสงไปสาดความมืดละมัง
ฉันอยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ จัง

ฉะนั้น ... ฉันควรทำอย่างไรดี?
ฉันต้องกลับไปทำสมาธิ
ทรงนิมิตท้องฟ้ากว้างๆ จรดขอบฟ้า
แผ่นดินเรียบเสมอ
กายตัวเองทั้งด้านหน้า ด้านหลัง
กายภายนอก กายภายใน
ลมหายใจที่ผ่านทุกรูขุมขน
ลมหายใจทั่วโลก ทั่วแผ่นดิน แผ่นฟ้า
แผ่นดินแผ่นฟ้าที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง
ทรงนิมิตไว้ให้ครบ ... เพื่อที่ว่า แสงแห่งปัญญาจะสาดส่องให้ฉันเห็นแจ้งอะไรชัดๆ ขึ้นมา

หลวงปู่บอกว่า นิมิตเป็นที่อยู่ของสมาธิ
กสิน 10 กอง พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้ว
แต่การเพ่งกสินจะต้องทรงสติสัมปชัญญะไว้ด้วย
สติจะต้องทั่วพร้อมที่กายที่จิต
ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหนจะต้องรู้
และลมสั่นสะเทือนภายในก็ต้องรู้

ฉันทรงได้ไม่ตลอดเวลาหรอก
วันนี้ หลวงปู่ท่านดุฉันอีกเรื่องนะ พระจันทร์ที่รัก
ท่านบอกว่า ฉันฟุ้งซ่าน
ฉันหยุดนึกหยุดคิดไม่ได้
พี่ณาเคยบอกว่า สมาธิของฉันแทนที่จะเกิดวิปัสสนา ก็จะกลายเป็นวิปัสสนูปกิเลส
มีโอกาสทำให้คิดฟุ้งหลงคิดไปว่า เราบรรลุธรรมแล้วก็ได้

การหยุดนึกหยุดคิดได้ ทำให้เราไม่หลง
ทำให้เราเห็นชัด
ความคิดความนึกของฉันนี่นะ ... ทำให้ปัญญาถูกบดบังไปหมด

ฉันเข้าใจดีว่า การเจริญกรรมฐาน ไม่ใช่การใช้สมองคิด
แต่ต้องใช้จิตในการดู ดู ดู และก็ ดู
ไม่ใช่การคิดพินิจพิจารณาให้ฟุ้งไป

ความคิดที่ฟุ้งๆ นี่น่ารำคาญเสียเหลือเกิน
เมื่อเช้าฉันก็รู้สึกว่า ฉันทุกข์เพราะความคิดของฉัน
ฉันหยุดมันยากมาก ฉันจึงใช้อุบายใหม่
"เอ้า ... อยากคิดก็คิดซะให้พอ"
มันหยุดคิดได้ด้วยแฮะ ...

หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า กรรมฐานช่วยทำให้ความคิดดีขึ้น ปัญญารุ่งเรืองขึ้น
แต่การคิดฟุ้งทำให้ฉันโง่งม
พระจันทร์ที่รัก ... เธอพอเข้าใจไหม
ฉันหมายความว่า การเจริญกรรมฐานแล้วคิดอะไรแล้วจะทำให้เกิดเป็นปัญญา เพราะความคิดเป็นระบบ
แต่ความคิดฟุ้งๆ นอกกรรมฐานของฉันนี่สิ มันขวางปัญญา

ฉันเหนื่อยเหลือเกินพระจันทร์ที่รัก ...
ถ้าวันหนึ่ง ถึงเวลาเช้าของฉันเมื่อจิตของฉันรู้แจ้งแล้ว
ฉันคงไม่มีอะไรคุยกับเธออีกแล้ว
ในยามที่ฉันสลัวลางในยามราตรี ฉันมีเธอนี่แหละที่อยู่ในภาวะเดียวกับฉัน
เดี๋ยวบางคืนเธอก็เต็มดวงแจ่มกระจ่างเหมือนมีปัญญาสว่าง
บางคืน เธอก็มืดดับไปทั้งดวง
ไม่ต่างอะไรจากจิตของฉันหรอก

บางวัน ฉันก็โล่งโปร่ง สมาธิดีเยี่ยม มีปัญญาที่จะเห็นอะไรต่ออะไร
แต่บางวัน กลับหม่นหมอง เห็นอะไรผิดเพี้ยนผิดพลาดไปเสียทั้งหมด
ปุถุชนก็เป็นเช่นนี้แหละนะ

พระจันทร์ที่รัก ....
จิตของพระอริยะ เหมือนท้องฟ้ายามเช้า ยามสาย ยามเที่ยง
เหมือนใบบัวที่มีหยดน้ำหยดลงแล้วไม่สามารถทำให้ใบบัวนั้นเปียกได้ นอกจากกลิ้งอยู่บนใบบัว
เหมือนน้ำใสสะอาดที่ปราศจากตะกอน กระเพื่อมยังไงก็ยังใสสะอาดอยู่อย่างนั้นนั่นแล้ว

ไม่เหมือนจิตของปุถุชนอย่างฉัน
เหมือนท้องฟ้ายามพลบค่ำ ยามหัวค่ำ ยามค่ำคืน
เหมือนกระดาษที่ซับน้ำได้เสมอ
เหมือนน้ำที่แม้ใสสะอาดก็ยังมีตะกอนนอนก้น กระเพื่อมแรงก็มีความขุ่นมัว นิ่งได้ก็ใสราวกระจก

วันนี้ ฉันเหนื่อยแล้วพระจันทร์ที่รัก
ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนของฉันให้ฉันระบายความใคร่ในจิตในใจ
ให้ฉันได้ระบายข้อความและเขียนอะไรออกมาบ้าง
ถ้าฉันหลุดจากความใคร่ เลิกบ้ากามอย่างที่หลวงปู่ท่านติง
ฉันคงไม่มีอะไรเขียนให้เธออ่านยาวๆ อย่างนี้หรอก

ขอให้เธอมีความสุขนะ ... พระจันทร์ที่รัก
ขอให้ฉันมีความสุขด้วยนะ
ขอให้คนที่เข้ามาอ่านจดหมายของฉันมีความสุขทุกคนนะ

ยังรักเธออยู่นะพระจันทร์เพื่อนร่วมทุกข์แสนรัก : )
นกกระจิบฟองน้ำ




Create Date : 16 เมษายน 2548
Last Update : 17 เมษายน 2548 18:57:29 น. 3 comments
Counter : 286 Pageviews.

 
มาแอบอ่านจดหมายของพระจันทร์ค่ะ อิอิ


โดย: +*~ S O u LM a T e~*+ วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:22:14:44 น.  

 
มาอ่านจดหมายด้วยคนค่ะ ^^









...




โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 17 เมษายน 2548 เวลา:9:30:53 น.  

 
"หยุดตัวเอง ด้วยการหยุด ความต้องการของจิต
ความต้องการนี้ เป็นแค่ความคิดนึก จับต้องไม่ได้ "
ผมจะใช้ เวลาต้องการหยุดความคิดของตนเอง หุหุ . .

- คุณแดดเช้า นิสัยเหมือนพี่สาวผม เกือบทุกอย่าง พูดเก่ง คิดเก่ง นับถือเจ้าแม่กวนอิม ต่างกันตรงแต่งงานแล้วนะสิ . .


โดย: eq0 IP: 202.44.14.194 วันที่: 1 พฤษภาคม 2548 เวลา:20:46:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.