น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
เขียนถึงพระจันทร์ (11)

17 พฤษภาคม 2548


ถึง พระจันทร์
ฉันเริ่มอึดอัดกับอาหารในกระเพาะซะแล้ว
เดี๋ยวฉันจะเล่าอาการในจิตใจให้ฟัง

เมื่อสักครู่ เพิ่งคุยกับหลวงปู่
เล่าอาการให้ท่านฟังว่า
รุ่งรู้สึกแปลกๆ คือ อยู่ๆ ก็รู้สึกเบื่ออาหารขึ้นมา
ความจริง ไม่ใช่เบื่อแบบไม่อยากกินหรอกนะเจ้าคะ
เพียงแต่รู้สึกว่า ความอร่อยมันก็เปล่าๆ ว่างๆ
ไม่เห็นมีอะไรเลย

อยู่ๆ ก็คิดอยากกินอะไรขึ้นมา
แล้วก็รู้สึกว่า อาหารก็เท่านั้นแหละ
อร่อยแค่ไหน ก็เปล่าๆ
ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลยในโลกนี้
ไม่เห็นอยากลองลิ้มรสอาหารเลย

แต่ใช่ว่า จะเบื่อความอร่อยนะเจ้าคะ
ยังอยากกินอยู่เหมือนเดิม
แต่พอกินแล้ว ก็รู้สึกว่า อร่อย แต่มันก็งั้นๆ แหละ
แปลกดี ....

ฉันรู้สึกเบื่ออาหาร
อาหารอร่อยแค่ไหน ก็มีส่วนประกอบมารวมๆ กัน
สรรสร้างปรุงแต่งขึ้นมา
ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย

อาหารมันน่ากิน .... พอนึกถึงส่วนประกอบที่ปรุงๆ เข้าด้วยกันแล้ว
ก็ไม่อยากจะกินแล้ว

หลวงปู่ท่านชอบใจ บอกว่า ดีๆ ทำสติให้มั่นๆ อีกนิด
ความกำหนัดในรสอาหารมันเริ่มคลายแล้ว
เข้าท่า ... เข้าท่า
อีกไม่นานหรอก

ถึง พระจันทร์
แต่ฉันก็ใช่ว่า จะคลายจากความติดในรสอาหารหรอกนะ
ก็ยังพึงพอใจในรสอาหารอยู่
เพียงแต่เบื่อที่มันไม่มีอะไรเลย
ผสมๆ กัน แล้วเกิดเป็นรสชาติขึ้นมาเท่านั้นเอง

วันนี้ ฉันไปกราบหลวงปู่มา
ฉันหายาดีๆ ไปถวายหลวงปู่
ไม่ได้คิดเรื่องทำบุญอะไรเพื่อตัวเองเลย
แต่คิดแต่ว่า จะบำรุงพระศาสนา จึงต้องบำรุงพระสงฆ์ เพื่อเป็นกำลังของศาสนา
ถ้าฉันไม่อุปัฏฐากครูบาอาจารย์
ฉันก็คงเหมือนคนไร้สติ
ไม่รู้จักสำนึกตัวเลยว่า ที่ฉันได้ดี มีความสุข ได้ธรรมะและมีปัญญา เป็นเพราะใคร

ฉันเห็นของดีๆ
เห็นสิ่งใดดีๆ พอที่จะนำไปถวายแด่หลวงปู่ได้
ไม่เกินกำลังของฉันนัก
ฉันก็จะทำ

ถ้าฉันมีเงินสักร้อยล้าน
ฉันจะสร้างสถานปฏิบัติธรรมและสร้างที่อยู่ใหม่ให้หลวงปู่
หาที่อยู่อันเป็นที่สบายถวายแด่ท่าน
เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

แปลกจัง ...
ฉันคิดจะให้ทาน โดยเหมือนๆ ไม่ได้ให้ทาน
ฉันให้แบบจิตใจเปล่าๆ ว่างๆ
ไม่เจือด้วยกิเลสใดๆ เลย
ฉันให้เพื่อเอื้อประโยชน์โดยแท้จริง

ถึง พระจันทร์
ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่า ฉันทำบุญไปมากมายสักแค่ไหนแล้ว
เพียงแต่ว่า ถ้าที่สำนักของหลวงปู่ขาดสิ่งใด
ฉันเห็น ฉันก็จะหามาไว้ให้ครบถ้วน
ตามกำลังที่ฉันจะทำได้

ถ้าหลวงปู่ขาดสิ่งใด
ฉันรู้ ฉันก็จะจัดหามาถวายท่าน
สิ่งใดดี เป็นประโยชน์ ฉันทำได้ฉันก็จะทำ

ฉันนำผู้คนไปกราบท่าน เพื่อประโยชน์แก่พระศาสนา
แปลกจัง ... ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกว่า ฉันทำประโยชน์ยิ่งใหญ่อะไรเลย
ในขณะที่หลายๆ คนมองฉันด้วยสายตาชื่นชม
มองว่า ฉันเป็นผู้มีพระคุณอย่างล้นเหลือ
เมื่อฉันมีปัญหาใดๆ มาปรึกษาหลวงปู่
ฉันพอจะช่วยแบ่งเบาได้ ฉันก็จะทำตามกำลังที่ฉันมี
เมื่อกิจต่างๆ ลุล่วงสำเร็จ
ผู้คนเหล่านั้นได้รับความสบายใจดีแล้ว
เขาสรรเสริญฉัน .... เหมือนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เหลือประมาณ

แต่ฉันกลับรู้สึกเป็นปกติ
ไม่เห็นวิเศษหรือแปลกแต่อย่างไรเลย

ชีวิตของฉันคงดำเนินไป ... ดำเนินไป
ไม่เห็นจะสุข จะทุกข์ มากกว่าเดิม
เบา สบาย ว่างเปล่า แต่มีคุณค่าอันเป็นปกติธรรมดาอยู่แล้ว

ถึง พระจันทร์
ฉันมาทบทวนตัวเองดูอีกครั้ง ....
ทำไมฉันถึงเฉยชากับการทำบุญของตัวเองจังเลย
ในขณะที่หลายคนตื่นเต้นเมื่อเขาได้ไปทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่มา
เขามาคุยให้ฉันฟัง
ฉันอนุโมทนาบุญกับเขาด้วย
แต่ในใจของฉันว่างเปล่า
อาจจะมีความชื่นชมยินดีกับเขา .... แต่เป็นความรู้สึกที่เย็นสบาย
ปกติแล้วในตัวของมันเอง
ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือยิ่งใหญ่อะไรเลย

อาการในจิตใจของฉันเช่นนี้ เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว
และนับวัน ยิ่งกลายเป็นความปกติจนไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย
ไว้ฉันจะเรียนถามหลวงปู่ดูสักทีว่า อาการเช่นนี้ เป็นเช่นไร

"บุญก็ไม่เที่ยง บาปก็ไม่เที่ยง"
ฉันเคยได้ยินหลวงปู่แสดงธรรมเช่นนี้
และฉันเคยรู้มาว่า
"บุญก็ไม่ใช่ตน บาปก็ไม่ใช่ตน"
แต่ผลของบุญ และ ผลของบาป มีแน่นอน

ฉันรู้มาอีกอย่างว่า จิตของคน จิตของสัตว์ จิตของเทวดา จิตของสัตว์นรก จิตของเปรต จิตของพรหม เป็นจิตเหมือนกัน
เพียงแต่มี บุญ - บาป ห่อหุ้มจิต ให้เป็นไป
บุญ - บาป ปรุงแต่งจิต
ให้เกิดเป็นไปต่างๆ
ตราบใดที่ยังไม่แจ้ง ไม่รู้ความจริง
ก็ยังต้องถูกบุญ - บาป ห่อหุ้มจิตอยู่เช่นนี้ ตลอดไปนานสักเพียงใดหารู้ไม่

ถึง พระจันทร์
วันนี้ ฉันอาจจะคุยเรื่องลึกสักหน่อย
อาจจะคุยเรื่องลึกเกินสติปัญญาของใครๆ จะหยั่งถึงได้
แต่ฉันรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ

หลวงปู่บอกว่า ปัญญาของฉันเริ่มเกิดแล้ว
ขอให้คงที่ไว้ ทำสติที่กายที่จิตดีๆ

วันนี้ ฉันเห็นฝูงมดดำตัวเล็กๆ ท่าทางร่าเริง กำลังช่วยกันแบกมดดำตัวใหญ่ๆ ที่ตายแล้วไปไหนไม่รู้
ฉันถามหลวงปู่ว่า มดดำพวกนี้เอามดดำตัวใหญ่ไปประกอบพิธีศพหรือเจ้าคะ
หลวงปู่บอกว่า คงเอาไปกินละมัง
ฉันเห็นด้วย เพราะอาการตื่นเต้นยินดี ร่าเริงเหลือเกิน
ฉันถามต่อไปอีกว่า แล้วมดดำตัวเล็กๆ เหล่านี้ มันรู้ไหมคะว่า มดดำตัวใหญ่เคยมีจิตอยู่ในกายเหมือนๆ กับพวกมัน แต่ตอนนี้จิตออกจากกายแล้ว
หรือมันไม่เคยสงสัยนึกรู้อะไรเลย

หลวงปู่ท่านเงียบ ...
แต่ฉันเห็นความโง่ หลง ความไม่รู้ ของบรรดามดเหล่านี้
มันไม่เคยรู้ความจริงแม้กระทั่งว่า สิ่งมีชีวิตมีจิต
ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่า มดตัวใหญ่ก็มีจิต

เหมือนๆ กับคนเราหรือสัตว์โลกนั่นแหละ
ถ้าพระพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้น ก็ไม่มีปัญญารู้ได้หรอกว่า เรามีจิต เขาก็มีจิต
เราอาศัยกายเพื่อดำรงชีพ
เราอาศัยก้อนโลกอยู่เพื่อประกอบกรรม
และอาศัยอวิชชา คือ ความไม่รู้ ทั้งหลาย ห่อหุ้มจนกลายเป็นสิ่งต่างๆ มากมาย

สุดท้าย ก็วนเวียน เวียนวน ...
เขียนมาถึงตรงนี้ แล้วน้ำตาจะหลั่งอีกแล้ว

ถึง พระจันทร์
วันนี้ .... ฉันนิมนต์หลวงปู่ให้สวดสรภัญญะให้ฉัน
ฉันบันทึกเทปเสียงหลวงปู่ไว้ฟัง
ท่านสวดชัดทุกถ้อยคำ
แต่ฉันสวดเหมือนเสียงแมว เงี้ยว ... เงี้ยว

ท่านลองให้ฉันสวด
ฉันก็ยังทำไม่ได้
ฉันบอกว่า ให้ทำสติอยู่ที่จิต และเกร็งขากรรไกรล่างไว้
เสียงออกจากคอ อย่าเอาเสียงออกแค่ปาก
ทำสติไว้ให้มั่นๆ แล้วจะทำได้

ฉันทำได้เป็นบางที ...
แล้วฉันจะกลับมาฝึกบ่อยๆ

เมื่อฉันจะกลับ ฉันกราบลาหลวงปู่
หลวงปู่สอนให้ฉันกราบใหม่
ให้กราบให้เป็นจังหวะดีๆ งามๆ
ท่านบอกว่า ให้สติอยู่ที่มือ มองมือตัวเองไว้ด้วยสิ

ฉันจะกลับมาฝึกทั้งหมดนี่แหละ
ทั้งการกราบ และ การสวดสรภัญญะ
"บัณฑิต ย่อม ฝึกตน"
ฉันจะจำไว้ ....
พระพุทธองค์ทรงฝึกบุคคลที่ควรฝึก
ถ้าฉันจะสำเร็จถึงขั้นโลกุตตรธรรมได้
ฉันต้องยอมถูกฝึกได้

ไม้จันทน์ยิ่งทุบยิ่งหอม
อ้อยยิ่งเคี่ยวยิ่งหวาน

ทุกครั้งที่ทดท้อ ฉันมักนึกถึงวจนะเหล่านี้เสมอๆ

ถึง พระจันทร์
ฉันคงต้องไปทำความเพียรให้ยิ่งๆ ขึ้นไปซะแล้ว
โลกใบนี้ เรียนรู้ไม่จบสิ้น
จิตใจ เรียนรู้ไม่จบสิ้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี เป็นเสขะบุคคล
เป็นบุคคลที่ยังต้องศึกษาอยู่

แม้แต่หลวงปู่ ท่านปฏิบัติได้ระดับเช่นนี้แล้ว
ท่านยังไม่ละทิ้งการศึกษา
ท่านยังศึกษาอยู่หลายๆ เรื่อง

และฉันล่ะ?
ยังไม่ถึงคุณวิเศษทางพระพุทธศาสนาหรือโลกุตตรธรรมใดๆ ด้วยซ้ำ
ทำไมฉันถึงโง่ หลงคิดว่า ตัวเองรู้แล้ว
ไม่คิดจะฝึกฝนตัวเอง

ยิ่งฝึกกรรมฐาน ยิ่งรู้สึกว่า นับวันตัวเองโง่ลงๆ
เพราะมีอะไรให้ฉันเรียนรู้อีกมากมายนัก

ปัญญาเท่าหางอึ่งของฉัน ....
ฉันคงต้องพิสูจน์ความจริงด้วยการปฏิบัติต่อไป

ถึง พระจันทร์
โลกกว้าง ทางไกล ใจลึก
ฉันคงต้องระลึกน้อมเสมอว่า ฉันเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ
ที่อาศัยคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณบิดามารดา ให้กำเนิดกาย คุณครูบาอาจารย์สานต่อความดีงาม จึงจะได้เป็น ได้มี ในสิ่งต่างๆ
หาใช่ตัวของฉันเองไม่ ....

ลำพังแล้ว ... โดยตัวฉันเอง ไม่มีอะไรเลย
มีแต่ก้อนเนื้อ ก้อนเลือด ที่บิดามารดาอุตส่าห์ทะนุถนอมให้เติบโต
ส่งเสริมความดีงาม ส่งเสริมนิสัย ส่งเสริมชีวิตให้เติบตนจนเต็มตัว
และอาศัยคุณครูบาอาจารย์ปลูกปั้นสรรจิตใจให้เป็นคนจนเต็มคน
ที่สำคัญ ฉันอยู่ใต้ร่มแห่งคุณพระ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
ฉันปฏิบัติบูชาเพื่อคุณพระรัตนตรัย

ถ้าฉันไม่ระลึกถึงคุณท่านเหล่านี้ ....
ฉันคงไม่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหรอกนะ

ไว้ฉันจะมาบันทึกอะไรให้เธออ่านอีกนะ พระจันทร์
หากสิ่งที่ฉันเขียนเป็นประโยชน์ต่อโลกบ้าง ฉันก็ยินดี
และขอให้คุณประโยชน์เหล่านี้ เป็นการสนองคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณบิดามารดา และคุณครูบาอาจารย์ของฉัน
ถวายบุญทั้งหมดเป็นการบูชา สาธุ

หวังเพียงมีปัญญาแจ่มจ้าเหมือนดวงตะวัน
นกกระจิบฟองน้ำ



Create Date : 17 พฤษภาคม 2548
Last Update : 17 พฤษภาคม 2548 21:42:35 น. 1 comments
Counter : 232 Pageviews.

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณแดดเช้า ^^




...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2548 เวลา:7:09:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.