น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
จดหมายถึงพระจันทร์ ฉบับที่ 4

19 เมษายน 2548



พระจันทร์ที่รัก
วันนี้ ฉันมีเรื่องยินดีจะเล่าให้เธอฟัง
ฉันสามารถทำการ "หยุดนึก หยุดคิด" ได้ชั่วขณะหนึ่งบ้างแล้ว

เหตุเกิดเมื่อเช้า ...
ฉันตื่นขึ้นมาประมาณตีห้ากว่าๆ
ท้องฟ้ากำลังรำไรๆ ด้วยแสงเงินแสงทองที่ขอบฟ้าเลย
แต่ฉันขี้เกียจจัง

ฉันจึงนอนแช่ต่อไปถึงราวๆ หกโมงเช้า
ตื่นมาอีกทีตอนเจ็ดโมง
ตอนนี้ตื่นจริงๆ จังๆ

ฉันฟุ้งซ่านอย่างมากมายมหาศาล
เรียกว่า ฟุ้งซ่านอย่างแหลกลาญ
ฉันคิดไปต่างๆ นานา
คิดอยากโน่นอย่างนี้ วุ่นวายสับสนไปหมด
จนกระทั่ง ถึงขนาดเหมือนกำลังจะบ้า

กิเลสมันฟุ้ง ...
ฉันไม่รู้จะทำยังไง หาที่พึ่งที่ไหนดี
โทรศัพท์หาพี่วิ ก็โทร.ไม่ติด
โทร.หาพี่อำนาจ ไม่ติดสักสาย

ฉันอยากโทร.หาหลวงปู่
เจ็ดโมงเช้าแล้ว ท่านคงเตรียมตัวจะฉันเช้า
ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะไม่ควร

เอายังไงดีนะ ... ฉันไม่รู้จะทำยังไง
เอาวะ ... ฉันลุกขึ้นมานั่งเบ่งสติ
นิมิต 5 อย่างของฉันให้ครบเลย
"ท้องฟ้า ขอบฟ้า แผ่นดิน กาย ลม"
ครบได้หมดเลย ....

ทันทีที่ฉันนิ่งได้ ...
ลมออกทั่วกาย และฉันเห็นกายภายในของฉัน
อวัยวะภายในร่างกายอย่างละเอียดทุกอย่าง
สิ่งที่เกาะๆ ที่ตัวฉันทำให้ฉันฟุ้งซ่านก็กระเด็นออกไป

ฉันอาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
เป็นกระแสวนๆ เข้าไปทำลายสิ่งปิดกั้นในกายของฉัน
ศีรษะและลำตัวของฉัน
ภายในจิตของฉัน
ละลายหายไป...
ตัวฉันเบา สบาย และนิ่งสงบลงได้

พระจันทร์ที่รัก
ฉันสบายเยอะเลย ฉันหายบ้าไปได้สักพักหนึ่ง
หลวงปู่ท่านโทร.มาตอน 9 โมงเช้า
ท่านถามว่า รุ่งเป็นยังไงบ้าง

ฉันเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าให้ท่านฟัง
ฉันก็ยังฟุ้งอยู่
ท่านบอกว่า ลองทำการหยุดนึก หยุดคิด ดูซิว่า จะได้ไหม

ฉันนิ่ง... ฉันคิดเยอะ
ฉันดูความคิดของฉัน
ฉันนิ่งได้ ฉันเห็นกายของฉันมั่น
หลวงปู่ถามว่า ทำได้หรือยัง
ฉันบอกว่า ยังไม่ค่อยจะได้เลยเจ้าค่ะ
ความคิดละเอียดๆ มันก็ยังมากวนเรื่อยๆ
ไม่ได้หมดไปหรอก
เพียงแต่ไม่วุ่นวายเหมือนก่อน

ท่านถามว่า สมาธิเป็นยังไงบ้าง
ฉันบอกว่า นิมิต 5 อย่างครบขึ้นมาเอง
ไม่ต้องทำให้ครบเลย

ท่านบอกว่า เดี๋ยวก็เข้าจตุรฌานได้
ฉันนิ่งและมั่นอย่างนั้น
ท่านถามอีกว่า เป็นยังไงบ้างรุ่ง
เสียงของฉันเปลี่ยนทันที
ฉันพูดเหมือนตั้งใจพูดขึ้นมาเอง
พูดจบเป็นคำๆ ไป
ฉันตอบว่า เข้าจตุรฌานได้แล้วเจ้าค่ะ

หยุดนึก หยุดคิดได้รึยัง
ได้แล้วเจ้าค่ะ
ฉันนิ่งอยู่อย่างนั้น
อยากเล่าอะไรให้หลวงปู่ฟัง
แต่ฉันก็รู้สึกไม่อยากพูด
ไม่อยากอะไรเลย

พระจันทร์ที่รัก
ดีจริงๆ เลยนะ การหยุดนึกหยุดคิดนี่
วันนี้ ตอนเย็นๆ ท่านยังโทร.มาตรวจสอบสมาธิของฉันอีก
ฉันพูดเหมือนเปล่าๆ ว่างๆ
พูดเหมือนไม่เจือไปด้วยกิเลส
พูดเหมือนสักแต่ว่าพูด ไม่ได้ยึดคำพูด
และคำพูดของฉันก็ชัดเจนดีกว่าเก่า
สบายกว่าเก่า ไม่ต้องพยายามพูดให้ดีๆ

ท่านบอกว่า ให้ฉันหยุดนึกหยุดคิดเรื่อยๆ
เป็นการทำอินทรียสังวรให้แก่กล้าขึ้น
ฉันเห็นด้วยกับท่านทุกอย่างเลย
เพราะสติของฉันสมบูรณ์มากขึ้น
ไม่เป็นคนบ้าเหมือนเมื่อเช้า

อะไรมากระทบ ฉันก็รู้สึกสะเทือนน้อยกว่าเมื่อก่อนๆ
ฉันสบายขึ้นเยอะเลย ... พระจันทร์ที่รัก

ฉันรู้สึกว่า สิ่งข้างนอกก็เป็นข้างนอก
เป็นของเปล่าๆ ว่างๆ
แต่สิ่งที่ฉันต้องดูแลจริงๆ คือ กาย กับ จิต เท่านั้นเอง

ใครจะเป็นยังไง
จะว่าอะไร จะชมอะไร
ฉันไม่ค่อยจะสะเทือน
เพราะมันเป็นของข้างนอก

ฉันนิ่งอยู่ภายใน
ทุกสิ่งมันก็แค่ภายนอก
โลกียปัญญาของฉันแก่กล้าขึ้นมาอีกแล้ว

พระจันทร์ที่รัก
อินทรียสังวร ทำให้ฉันบ้ากามน้อยลง
ฉันอยากได้โน่นอยากได้นี่น้อยลง
ฉันคิดน้อยลง ... ฉันก็ต้องการน้อยลง
"กามเกิดจากการดำริ" จริงดังพุทธพจน์ทุกประการ

พระจันทร์ที่รัก
พักหลัง ฉันจะรู้สึกว่า ฉันโง่
ฉันปัญญาน้อยมากๆ
เวลาใครมีปัญหาอะไร ฉันจะไม่ค่อยกล้าคิดให้คำแนะนำ
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันหลงว่าฉันฉลาดนักหนา
เดี๋ยวนี้ บางทีฉันอยากจะแนะนำเขาใจจะขาด
แต่ฉันต้องใคร่ครวญตลอดเลยว่า ควรจะพูดหรือเปล่า เขาจะเข้าใจหรือเปล่า เขาจะทำได้ไหม จะเกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไร ฉันกำลังคิดอะไร รู้สึกอะไร ถึงจะแนะนำเขาไปอย่างนั้น
ฉันระวังมากขึ้น จนกลายเป็นความโง่
ฉันรู้สึกว่า ปัญญาฉันน้อยจัง ....
บางที ฉันรู้ว่า น่าจะบอกเขาอย่างนี้ แต่ฉันก็รั้งไว้ก่อน คิดว่า ฉันเค่รู้ ฉันยังไม่เข้าถึง ยังไม่เข้าใจดี ถึงแนะนำไปอาจจะทำให้เขาพลาดพลั้งได้
ฉันจึงต้องให้เขาไปปรึกษาหลวงปู่ หรือ ผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ รวมไปถึงท่านอื่นๆ ที่ปฏิบัติได้ผลแล้ว
ฉันโง่เหลือเกิน ไหวพริบฉันน้อยนัก

ปัญญาฉันยังน้อย ....
ฉันรู้สึกเช่นนั้น
เพราะว่า บางทีฉันรู้คำตอบแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงกล้าแนะนำคนอื่นๆ อีกมากมาย
แต่เดี๋ยวนี้ ฉันต้องให้เขาไปคุยกับหลวงปู่เอง แล้วฉันคอยฟังหลวงปู่ไขปัญหาของเขา
บางที ท่านไขปัญหาด้วยวิธีการที่ฉันนึกไม่ถึง
บางที ก็เหมือนที่ฉันคิดไว้ทุกอย่างเลย

ฉันยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ
แปลกจัง ... ยิ่งปฏิบัติกรรมฐานทำไมยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองโง่ลง
โง่ลงทุกวันๆ มีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังหยั่งไม่ถึง
และก็ปัญญาตื้นมากๆ ด้วย

เมื่อก่อน ฉันสำคัญตัวเองว่า ลึกซึ้งนักหนา
แต่ที่ไหนได้ ... ยิ่งปฏิบัติยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองตื้นเขินเสียเหลือเกิน
ฉันต้องปฏิบัติต่อไปอีกตลอดชีวิต
เรื่องจิต เรื่องชีวิต เรื่องโลก เรื่องธรรม ความจริงของโลกและชีวิต เป็นเรื่องที่ศึกษาไม่มีจบสิ้น

พระจันทร์ที่รัก
วันก่อน ฉันไปกราบหลวงปู่ ฉันขอพรหลวงปู่
ขอให้หนูมีปัญญา
ท่านมองหน้าฉัน เหมือนถามว่า ทุกวันนี้ยังไม่มีปัญญาอีกหรือ
ฉันตอบในใจกลับท่านไปว่า หนูยังโง่นักเจ้าค่ะ ยังไม่สามารถตอบปัญหาหรือแก้ไขปัญหาใครๆ ได้เลยเจ้าค่ะ

วันนี้ ท่านบอกว่า ให้ฉันทำกายคงที่ จิตคงที่ หยุดนึกหยุดคิดไว้ให้ดีๆ
การที่ฉันหยุดนึก หยุดคิด จะทำให้ฉันเป็นที่ศรัทธาของใครๆ ได้
คนที่เคยเห็นฉัน เขาเห็นฉันเปลี่ยน เขาจะได้ศรัทธาในการปฏิบัติ
คนที่ไม่เคยเห็นฉัน ฉันจะได้มีปัญญาในการตอบปัญหาต่างๆ ได้
"บางที รุ่งจะมีปัญญาในการตอบปัญหาของพวกเขา ไม่ต้องมาถึงอาตมาด้วยก็ได้ จะได้เบาแรงอาตมาได้เยอะ"
"สาธุเจ้าค่ะ"
"การหยุดนึกหยุดคิด ทำให้ถึงมรรคผลได้เร็ววัน"
"สาธุเจ้าค่ะ"

พระจันทร์ที่รัก
บางที ... ฉันจะไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธออีกหลายวันนะ
ฉันอาจจะไม่มีบทกวีบทใหม่มาวางบนหน้าแรกบล็อก
ฉันอาจจะไม่มีธรรมะใดๆ หรือเรื่องราวใดๆ มาเล่าในนี้อีกหลายวัน
ฉันจะไปทำความเพียรสักที
ฉันมัวห่วงอะไรที่นี่ ตรงนี้มากเกินไปซะแล้ว
จิตใจของฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ฉันจึงเข้าใจว่า ขนาดฉันรักที่จะประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าอันเกิดจากการปฏิบัติของฉัน
เพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนอื่นๆ นำไปปฏิบัติบ้าง
ฉันยังวุ่นวายใจได้ขนาดนี้

ถ้าเกิดมีวิบากกรรม...
ทำให้ฉันต้องเจอความรักหนักๆ
ทำให้ฉันต้องรักใครสักคนมากๆ
ทำให้ฉันต้องห่วงหาใครจนยากที่จะวางใจ
ฉันมิต้องวุ่นวายใจไปกว่านี้อีกหรือ?

ฉันกลัวเหลือเกิน...
ฉันไม่รู้ว่า วิบากกรรมเรื่องคู่ของฉันจะมาเมื่อไหร่
ฉันเห็นว่า อาจจะเร็ววันนี้ที่ฉันจะต้องเจอใครสักคน
ฉันจึงต้องเร่งปฏิบัติให้ถึงเร็ววัน
เพราะถ้าความรักเข้ามา จะขวางการปฏิบัติของฉัน

ฉันเคยเจอความรักในขณะปฏิบัติธรรมหลายครั้งหลายหน
ทำให้ชีวิตของฉันเรรวน ปรวนแปร
ฉันจึงต้องเตรียมรับมือ และเร่งปฏิบัติให้ถึงเร็ววัน
ถ้าปฏิบัติถึงแล้ว เวรกรรมตรงนี้จะบางลง
ไม่ทุกข์มาก สาหัสสากรรจ์

พระจันทร์ที่รัก
ฉันมีเวรกรรมอย่างหนึ่งก็คือ เวลาฉันรักใครฉันจะรักมากๆ
ฉันจะทุ่มเททั้งกำลังจิต กำลังใจ กำลังความคิดไปสู่คนที่ฉันรัก
ตรงนี้ เป็นปัญหาของฉัน

วันก่อน ...
พี่ณาอวยพรวันสงกรานต์ให้ฉันอย่างน่าตกใจ
ท่านบอกว่า ให้ฉันเจอคู่บารมี
ฉันตกใจ ไม่เอาได้ไหมคะ คู่น่ะค่ะ ...
พี่ณาบอกว่า ในกรณีที่จะต้องเจอคู่ไงจ๊ะ ขอให้เป็นคู่บารมี
ฉันตกใจมากๆ ฉันคิดว่า พี่ณาคงเห็นอะไรจึงทักอย่างนั้นขึ้นมา
สาธุค่ะ ... พี่ณา
ถ้าเป็นเวรกรรมที่จะต้องเจอคู่ ขอให้ฉันพบคู่บารมี
ที่จะได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน ช่วยพระศาสนาด้วยกัน

พี่ณา เป็นคนที่มีทิพยจักขุญาณรู้เห็นอะไรที่ละเอียดดีกว่าฉันหลายเท่า
และมีบารมีที่ศักดิ์สิทธิ์ พี่ณาพูดอะไรมักจะเป็นไปตามที่พี่ณาพูดทุกประการ
ฉันจึงเริ่มหวั่นๆ ใจ
หรือสิ่งที่ฉันรู้สึกลึกๆ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้วว่า ปีนี้ฉันจะได้เจอใครสักคนที่จะทำให้ฉันรักมากๆ จะเป็นความจริง

ฉันเคยคุยเรื่องนี้กับหลวงปู่ว่า ฉันจะได้เจอความรักช่วงกลางๆ ปีนี้
มีคนเห็นอย่างนั้น ... เมื่อเดือนก่อนๆ ทำให้ฉันรู้สึกตกใจมาก
ฉันขอบารมีของหลวงปู่ว่า ขอให้ฉันได้ถึงมรรคผลก่อนที่จะเจอเขาได้ไหมคะ
ถ้าเจอเขาแล้วยังไม่ถึงมรรคผล จะขวางการปฏิบัติของฉัน
หลวงปู่บอกว่า ลองเอาชนะดูสิ...

เอาเถอะ ... ถ้าเป็นเรื่องเวรกรรมอย่างนั้นจริงๆ
ฉันขออธิษฐานซะตรงนี้เลยว่า ถ้าจะหลีกเรื่องการมีคู่ไม่พ้น
ก็ขอให้ฉันได้เป็นอริยบุคคลขั้นต้นก่อนแล้วกัน
เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในกามภพอย่างทุกข์น้อยๆ

เพื่อที่ว่า ... ครอบครัวที่ฉันจะสร้างขึ้นมา
ถ้าหากเป็นเรื่องของกรรมที่จะต้องมี
เป็นครอบครัวที่ดีๆ มีเกราะแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุ้มรักษาอยู่
เวรภัยใดๆ อันเป็นภัยแห่งอารมณ์กิเลสหรือปุถุชนที่ยังต้องจองเวรกันขอให้หมดสิ้นไป
อย่าได้มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพานชีวิตของฉันเลย

พระจันทร์ที่รัก
ฉันขอพรเธออีกหนด้วยนะ ทับเข้ามากับสิ่งที่ฉันจะต้องผจญ
กรรมของใคร คนนั้นจะต้องรับ
แต่จะต้องรับอย่างไรจึงจะมีทุกข์น้อยๆ

ในโลกไม่มีสุขแท้เลย มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น
ทุกข์ไม่ปกปิด ก็คือ ทุกข์ที่เห็นได้ชัดๆ
ทุกข์ปกปิด ก็คือ สุขทางโลกที่เพียบพร้อม เราไม่เห็นทุกข์ที่เจืออยู่ในนั้นง่ายๆ หรอก
เราก็หลงทุกข์ คิดว่า คือสุขแล้ว

การที่มีสามีดีๆ มีลูกดีๆ มีครอบครัวดีๆ ไม่เหงา ก็เป็นทุกข์ปกปิด
มีทรัพย์สินเงินทอง บ้าน รถ เครื่องอำนวยความสะดวก ก็คือทุกข์ปกปิด
ซ่อนเร้นทุกข์ไว้ภายใน ที่เราไม่อาจจะเข้าใจได้

บ้านหลังใหญ่มาก อุปาทานยิ่งใหญ่มาก ก็ยิ่งทุกข์มาก
ไม่รู้อะนะ ... ฉันไม่อธิบายต่อแล้วกัน
พระจันทร์ที่รัก ถ้าเธออยากรู้มากยิ่งขึ้น
เธอหยุดนึกหยุดคิดสิ แล้วดูมันเฉยๆ
แล้วเธอจะรู้เองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นทุกข์ปกปิดได้อย่างไร

ฉันพูดไป ก็ยิ่งทำให้เธอฟุ้งมากขึ้น
ฉันก็ต้องคิดมากขึ้น ฉันเหนื่อย
ฉันก็ต้องฟุ้งมากขึ้น ฉันสงบใจยากเหลือเกิน

ฉะนั้น ... นิ่งเสีย แล้วใช้จิตดู
ใช้สมองให้น้อยๆ
แล้วเธอจะแจ้งความจริงเอง

พระจันทร์ที่รัก
จบการเล่าเรื่องของฉันแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ
แล้วฉันคงจะพักสักวันสองวัน
ฉันจะมาเล่าอะไรให้เธอฟังอีก

รักเธอเหมือนกับรักโลกใบนี้
นกกระจิบฟองน้ำ




Create Date : 19 เมษายน 2548
Last Update : 19 เมษายน 2548 21:09:57 น. 3 comments
Counter : 222 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ


โดย: Redkiller1980 วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:21:33:25 น.  

 
แฮะๆ ยาวจัง แต่ก็ตามอ่านค่ะ

อืม ลิ้นจี่ได้ฝึกปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานมาเหมือนกันค่ะ (แต่ยังต้องฝึกทำอีกเยอะเลย)
คงไม่รู้เท่าคุณแดดเช้า ..แต่ก็มีข้อคิดเห้นนะคะ..
เค้าเปรียบว่าจิตคนเราเหมือนลิง อยู่นิ่งๆไม่ได้ บางทีที่เราทำได้ก็คือ กำหนดสติตามรู้อารมณ์และความคิด ..

ส่วนเรื่องคู่ครอง..จริงอยู่ ความรักความผูกพันธ์ทำให้เป้นทุกข์และเกิด"ห่วง"
แต่ใครจะรู้คะ อาจจะเจอเป้นคู่บารมีกันมาก็ได้

สัตว์โลกล้วนมีกรรมเป้นผู้กำหนดนะคะ



โดย: * ลิ้ น จี่ ก ร ะ ป๋ อ ง * วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:22:09:27 น.  

 
เวรกรรมอย่างหนึ่งที่คุณมี
คล้ายเป็นเวรกรรมอย่างเดียวกับฉัน
รักใครแล้วทุ่มเทเกินไป จนเกินไปจริงๆ


โดย: kayray (kayray ) วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:22:56:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.