Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน นครศรีธรรมราช นครสองธรรม: ธรรมชาติ+ธรรมะ (ตอนที่ 2: เส้นทางเลียบทะเลสายขนอม-สิชล)


สถานที่ท่องเที่ยว : เขาพลายดำ, นครศรีธรรมราช Thailand
พิกัด GPS : 9° 5' 21.45" N 99° 54' 32.43" E

ถ้าพูดถึงนครศรีธรรมราช คนส่วนใหญ่คงจะนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไอ้ไข่ จตุคามรามเทพ หรือวัดมหาธาตุกันใช่ไหมครับ แต่จริงๆนครศรีธรรมราชไม่ได้มีดีแค่นั้น ที่นี่ยังมีวิถีชีวิตชาวบ้าน มีชายหาด และท้องทะเลที่มีความสวยงามไม่แพ้จังหวัดอื่นๆในภาคใต้ และที่สำคัญทะเลและชายหาดที่นี่ยังไม่ถูกสปอยล์จากการท่องเที่ยวกระแสหลักมากนัก ทำให้ระหว่างเที่ยว เรายังสามารถพบกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล และความเงียบสงบในแบบที่หาไม่ได้จากเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ

สำหรับ รีวิวในตอนนี้ ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวยัง 2 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วยกัน นั่นก็คือ อำเภอขนอม และ อำเภอสิชล ครับ ทั้ง 2 อำเภอนี้มีถนนเลียบชายทะเลที่สวยงาม และมีแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนมากมายที่อาจจะยังไม่โด่งดังมากนัก แต่พอได้มาเยือน ขอบอกเลยว่ามันดีมาก จนผมอยากจะเอามาบอกต่อครับ

วันที่สอง

วันนี้ผมเช่ารถตู้ครับ โดยผมหารถจากกลุ่มในเฟสบุ๊คเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช จนกระทั่งไปถูกใจน้องคนขับรถตู้คนนึง เค้าคิดราคาเช่ารถตู้พร้อมคนขับต่อวันอยู่ที่ 1,500 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน ซึ่งถือว่าถูกกว่าเจ้าอื่น ผมเลยตกลงเช่าครับ (ถ้าใครสนใจน้องคนนี้ หลังไมค์มาได้นะครับ เดี๋ยวผมส่ง contact ให้)

ทริปนี้เริ่มต้นจาก บ้านพักนิทาน (The Old Time Nakhon) ที่พักของเราในเมืองนครศรีธรรมราชครับ โดยเรานัดให้รถมารับตอน 7 โมงเช้า จากนั้นก็ยิงตรงไปที่ขนอมเพื่อไป ขึ้นเรือชมโลมาสีชมพูที่แหลมประทับ จากนั้นจะเที่ยวย้อนลงมา โดยจะแวะเที่ยว เจดีย์ปะการัง จุดชมวิวเนินเทวดา นาแม่เฒ่า จุดชมวิวถนนเลียบชายทะเลเขาพลายดำ ก่อนจะไปปิดท้ายที่ วัดเจดีย์ไอ้ไข่ ในอำเภอสิชลครับ

 

 
อำเภอขนอม เป็นอำเภอที่อยู่เหนือสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ติดกับ อำเภอดอนสัก ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ท่าเรือดอนสัก สำหรับการนั่งเรือไปเที่ยวเกาะสมุยครับ

ปัจจุบัน ขนอมเริ่มมีรีสอร์ทผุดขึ้น เพราะที่นี่มีชายหาด และทะเลที่มีความสวยงาม แต่ก็ยังไม่แมสเกินไป ทำให้นักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ หลายคนจึงนิยมมาพักผ่อน เล่นน้ำทะเลกัน

กิจกรรมยอดฮิตที่ต้องห้ามพลาดสำหรับใครที่มาขนอม นั่นก็คือ การนั่งเรือเพื่อชมปลาโลมาสีชมพู ซึ่งเราจะต้องไปขึ้นเรือที่ ท่าเรือแหลมประทับ ซึ่งจะอยู่นอกตัวอำเภอออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร

 

 
แหลมประทับ ถือเป็นจุดที่เหนือสุดของอำเภอขนอม ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรงบริเวณนี้จะมี อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่า ท่านเคยเสด็จมาที่แหลมประทับแห่งนี้ครับ
 

 
ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นชาวประมงพื้นบ้าน แต่พอการท่องเที่ยวเริ่มพัฒนา พวกเค้าก็เริ่มหันมาทำอาชีพขับเรือพานักท่องเที่ยวเที่ยวทะเลขนอม โดยโปรแกรมยอดนิยมก็คือ ชมโลมาสีชมพู, สักการะหลวงปู่ทวดที่เกาะนุ้ยนอก, ชมเขาหินพับผ้า โดยเรือ 1 ลำ จะคิดราคาที่ 1,200 บาท สามารถนั่งได้สูงสุด 8 คน (ผมไป 4 คน หารออกมาก็ตกคนละ 300 บาท)

การติดต่อเรือไม่ต้องจองล่วงหน้า สามารถ walk in เข้ามาได้เลยครับ เรือมีเยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเรือ

 

 
คนขับเรือของเราชื่อพี่อุ้มครับ แกเล่าว่าจริงๆแกไม่ใช่คนขนอม แต่มาแต่งงาน เลยลงหลักปักฐานที่นี่ ส่วนน้องคนนั้นก็คือลูกชายของแกครับ
 

 
ไฮไลท์หลักของการมาล่องเรือครั้งนี้ สำหรับผมก็คือ มาดู โลมาสีชมพู นั่นเองครับ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เราได้เจอน้องตัวเป็นๆเลย (รูปนี้ผมถ่ายเองครับ พยายามถ่ายให้ดีที่สุดล่ะ แต่เนื่องจากน้องว่ายน้ำเร็วมาก เลยถ่ายออกมาได้แค่นี้ครับ)
 

ใครที่มาเที่ยวแบบนี้ต้องทำใจไว้เลยว่า โอกาสที่จะเจอปลาโลมาจะอยู่ที่ดวงครับ ต้องทำใจไว้ว่าอาจจะไม่เจอ แต่เท่าที่ถามคนขับเรือมา เค้าบอกว่า ถ้ามาช่วงเช้าๆ โอกาสที่เจอจะมีมากกว่า
 
โลมาที่นี่เป็น โลมาหลังโหนก ซึ่งจะอยู่กันเป็นฝูง ฝูงละ 5-10 ตัว แต่ในอาณาบริเวณทะเลขนอม จะมีโลมาสายพันธุ์นี้อยู่รวมกันประมาณ 50-100 ตัวครับ

 

สาเหตุที่โลมาที่นี่เป็นสีชมพู เนื่องจากท้องทะเลที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ และโลมาที่นี่ไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ ทำให้สามารถมีีชีวิตอยู่จนมีอายุมากๆ ซึ่งพอโลมาพวกนี้แก่ สีของผิวหนังก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูครับ

ท้องทะเลบริเวณนี้ยังมี เขาหินพับผ้า เผาหินรูปร่างแปลกตาที่พบกลางทะเลขนอมไม่ไกลจากแหลมประทับ เกิดจากชั้นตะกอนในท้องทะเลที่มีองค์ประกอบที่แตกต่างต่างกันค่อยๆตกตะกอนลงไปเป็นชั้นๆ
 

 



เขาหินพับผ้าเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่หาชมได้แค่ไม่กี่ที่บนโลก ว่ากันว่า มีแค่ 2 แห่งบนโลกคือ ที่นี่ กับ Pancake rock ที่ประเทศนิวซีแลนด์

นอกจากเขาหินพับผ้าแล้ว ทะเลตรงนี้ยังมี เกาะนุ้ยนอก เป็นเกาะที่มีความมหัศจรรย์คือ ที่นี่เป็นเกาะกลางทะเลที่อยู่ห่างจากฝั่งไปพอสมควร แต่บนเกาะจะมีหินลักษณะคล้ายรอยเท้าและมี น้ำจืด ไหลออกมาจากหินนั้น (เข้าใจว่าใต้ดินน่าจะมีตาน้ำอยู่)
 

 
ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อหลวงปู่ทวดเดินทางจากจังหวัดสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยา ระหว่างทางเรือเกิดอับปาง มาติดที่เกาะนี้ และขาดแคลนน้ำจืด ท่านจึงใช้เท้าเหยียบน้ำทะเลบริเวณนี้ กลายเป็นแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ให้ลูกเรือได้ดื่มกิน ดังนั้น ด้านบนของเกาะนี้จึงมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่
 

สิ่งที่ผมชอบของที่นี่ก็คือ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ครับ อย่างในรูปนี้แนวป่าโกงกางชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้


ตามเกาะและหินต่างๆ ก็ยังมีนกนางแอ่นทำรังอยู่ค่อนข้างมากครับ
 

 
เราล่องเรือเที่ยวทะเลขนอมอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อเที่ยวครบแล้ว ก็กลับเข้าฝั่งเพื่อนั่งรถไปเที่ยวยังจุดต่อไปครับ

เจดีย์ปะการัง ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากแหลมประทับเท่าไหร่ เราจึงขอแวะเที่ยวซะหน่อย


เจดีย์ปะการังเป็นโบราณสถานเก่าแก่ของอำเภอขนอม มีอายุประมาณ 1,000 ปี ตามตำนานกล่าวว่า เจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าเมืองและชาวเมืองไชยา ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะนำทรัพย์สินเงินทองไปช่วยสร้างเจดีย์วัดมหาธาตุ แต่เจดีย์นั้นสร้างเสร็จซะก่อน เลยมาสร้างเจดีย์ขึ้นที่นี่แทนครับ

สิ่งที่น่าสนใจคือ เจดีย์นี้สร้างขึ้นโดยหินปะการัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจดีย์เพียงไม่กี่แห่งของไทยที่ใช้ปะการังเป็นวัสดุในการก่อสร้าง

 

ถัดมาคือ จุดชมวิวเนินเทวดาและเนินนางฟ้า ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 20 บาทครับ พอเห็นเก็บค่าเข้าแล้ว หลายคนคงไม่อยากมา แต่บอกเลยว่า เสียเงินไปเหอะ เพราะวิวที่นี่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
 

จากตรงนี้ เราจะมองลงไปเห็นทะเล และชายหาดของอำเภอขนอมเป็นแนวยาว และยังมีจุดถ่ายรูปต่างๆอีกเพียบ
 

 
เดินต่อไปอีกนิดจะถึงจุดชมวิวเนินนางฟ้า  จัดทำเป็นระเบียงชมวิวแบบวงกลมท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น ตรงจุดนี้ลมพัดเย็นสบายมาก สามารถชมวิวทะเลได้อีกฝั่งหนึ่ง แต่อาจจะมีต้นไม้บังบ้างเล็กน้อย
 

 
จากขนอม เรามาต่อกันที่ อำเภอสิชล ครับ  เดิมทีการเดินทางระหว่างอำเภอสิชลกับอำเภอขนอมต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องอ้อมไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งจะต้องอ้อมไปมากกว่า 30 กว่ากิโลเมตร จนกระทั่งในปี 2562 ถนนเลียบชายทะเลเขาพลายดำ ก็ได้เปิดขึ้น เป็นการเชื่อมคน 2 อำเภอให้ใกล้กันยิ่งขึ้นครับ

อย่างไรก็ตาม พอถนนเส้นนี้เปิดขึ้น นอกจากจะเป็นเส้นทางสัญจรแล้ว ถนนเส้นนี้กลับกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของวัยรุ่น และเหล่าฮิปสเตอร์ โดยเฉพาะตรงจุดนี้ ที่มีคนมาจอดรถถ่ายรูปกันแทบจะตลอดเวลา จนมีธุรกิจรับถ่ายรูปอยู่ตรงจุดนี้เลย

 

ใครมาที่นี่ แล้วอยากจอดรถถ่ายรูปก็ได้นะครับ แต่อยากให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยหน่อย เพราะนี่เป็นถนนที่ใช้สัญจร รถบางคันก็ขับมาเร็วๆ อาจจะเบรกไม่ทันได้ครับ
 
น้องหมูป่า สัญลักษณ์สำคัญบนถนนเส้นนี้ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของอำเภอขนอมและสิชล
 

เลยจากจุดถ่ายรูปไปไม่ไกล จะมีอนุสาวรีย์รูปช้างที่ชื่อว่า พลายดำ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อถนนเส้นนี้อยู่ครับ ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวทะเลและชายหาดของอำเภอขนอมและอำเภอสิชล
 



ในเมื่อมาที่สิชลแล้ว แต่ถ้าไม่ได้แวะที่ วัดเจดีย์ไอ้ไข่ ก็ยังไงอยู่ครับ แม้ว่าผมจะไม่ใช่สายมูหรือสายหวย แต่ความโด่งดังของที่นี่ ก็ขอมาดูหน่อยเหอะว่า ที่นี่เป็นยังไง
 

 
ตำนานเกี่ยวกับไอ้ไข่ เกี่ยวข้องกับ หลวงปู่ทวด ครับ ว่ากันว่า ระหว่างที่หลวงปู่ทวดเดินทางจากสงขลาไปยังอยุธยา ได้พาเด็กชายคนหนึ่งมาด้วยเพื่อปรนนิบัติรับใช้ จนเมื่อมาถึงที่วัดเจดีย์ ท่านก็รับรู้ด้วยญาณว่า ต่อไปภาคภาคหน้า ที่นี่จะเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านจึงให้เด็กชายคนนั้นคอยดูแลที่นี่ โดยฝากไว้กับขรัวทอง สมภารวัดเจดีย์

เด็กชายคนนี้เป็นเด็กซุกซนตามประสาเด็ก แต่ก็มีอานุภาพพิเศษ แปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไป ชอบช่วยเหลือผู้คน หากใครมีปัญหาที่หมดปัญญาจะแก้ไข จะต้องมาออกปาก (ไหว้วาน) ทุกคราไป จึงไม่มีใครเกลียดชังแม้ว่าจะซุกซนเกเร

 

เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ด้วยจิตอันแสดงถึงอานุภาพพิเศษ ก็รับรู้ได้ว่าพระอาจารย์ (หลวงพ่อทวด) กำลังจะเดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ด้วยกลัวว่าหากพระอาจารย์กลับมาถึง จะนำพาตนกลับสู่ถิ่นฐานที่จากมา ด้วยคำสั่งของพระอาจารย์ ที่สั่งให้เฝ้าและดูแลรักษาวัดเจดีย์ และด้วยสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เด็กชายจึงเดินลงสระน้ำภายในวัด เป็นการปลดชีวิตตัวเอง สละร่างเหลือไว้แต่ดวงวิญญาณ ไว้คอยปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ไอ้ไข่ เป็นที่เคารพนับถือของชาวนครศรีธรรมราชมาเป็นเวลานานแล้วครับ แต่สำหรับคนจังหวัดอื่นๆ อาจจะยังไม่รู้จักเท่าไหร่ จนกระทั่งดาราคนดังหลายคนถูกหวยกันรัวๆ ทำให้คนจากทุกสารทิศแห่กันมาขอหวยกันที่นี่ จนตอนนี้มีเที่ยวบินจากจังหวัดต่างๆบินมาลงที่นครศรีธรรมราชเต็มไปหมด นี่ถ้าไม่มีโควิด ผมว่า คงมีไฟลท์จากต่างประเทศบินมานครศรีธรรมราชด้วยแน่เลยครับ

วัดเจดีย์ไอ้ไข่เป็นสถานที่สุดท้ายที่เรามาแวะชมในทริปวันนี้ หลังจากเที่ยวและขอหวยแล้ว เราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทริปในวันที่สองก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 21 พฤษภาคม 2564
Last Update : 27 เมษายน 2567 8:09:06 น. 5 comments
Counter : 2925 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณทนายอ้วน, คุณ**mp5**


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 22 พฤษภาคม 2564 เวลา:7:59:00 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 พฤษภาคม 2564 เวลา:20:32:23 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 25 พฤษภาคม 2564 เวลา:9:14:01 น.  

 
@ทนายอ้วน ตามมาเลยครับ
@**mp5** ขอบคุณครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 25 พฤษภาคม 2564 เวลา:21:31:19 น.  

 
น่าไปเที่ยวค่า



โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 27 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:24:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.