Welcome to my blog
3 วัน 2 คืน เบตง เที่ยวเมืองงามใต้สุดแดนสยาม (ตอนที่ 3)


สถานที่ท่องเที่ยว : สวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง, ยะลา Thailand
พิกัด GPS : 5° 46' 8.52" N 101° 4' 16.14" E


วันที่สาม

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปเบตงครับ ก่อนที่จะเดินทางกลับหาดใหญ่ ผมขอเดินเที่ยวชมเมืองสวยๆแห่งนี้ให้จุใจซะก่อน และอย่างที่บอกไปในรีวิวตอนก่อนๆว่า เบตงเป็นเมืองแห่งพหุวัฒนธรรมครับ กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆทั้ง ชาวจีน, ชาวมุสลิมมลายู และ ชาวไทยภาคใต้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขในเมืองเล็กๆแห่งนี้ ที่นี่จึงมีศาสนสถานของแต่ละชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น วัดกวนอิม (ของชาวจีน), วัดพุทธาธิวาส (ของชาวไทยภาคใต้) และ มัสยิดกลางเบตง (ของชาวมุสลิมมลายู) ในตอนนี้ เราจะมาเที่ยวสถานที่เหล่านี้กันครับ

เช้าวันนี้ ผมตื่นนอน 6 โมงเช้า แต่ก่อนที่จะไปเที่ยว เราขอไปชิมติ่มซำชื่อดังของเมืองนี้ที่ชื่อว่า ไท่ซีอี๊ กันก่อน

ไท่ซีอี๊ เป็นร้านร้านติ่มซำชื่อดังของเมืองเบตง เป็นที่นิยมของทั้งคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลย์ ถ้าใครมาเบตง ยังไงก็ควรจัดโปรแกรมไปชิมติ่มซำที่ร้านนี้ครับ

 

 

Tip: แนะนำให้มาก่อน 6.30 น. ไม่งั้นคนจะแน่นมาก

Comment: ติ่มซำร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือครับ ยิ่งกินกับน้ำชานี่เป็นอะไรที่โคตรฟินเลย แถมราคาก็ไม่แพง แม้ว่าจะเป็นร้านชื่อดัง โดยรวมแนะนำครับ

หลังจากเติมพลังในยามเช้าด้วยติ่มซำ ก็ได้เวลาเที่ยวครับ สถานที่แรกที่จะไปกันในวันนี้เป็นศาสนสถานของชาวจีนนั่นก็คือ วัดกวนอิม ครับ

 

วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1966 ด้วยเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาทั้งชาวจีนในไทย และชาวจีนในประเทศมาเลเซีย ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าจีนหลายองค์ทั้ง เจ้าแม่กวนอิม, ท่านแป๊ะกง, ท่านกวงกง, เจ้าแม่จิวหวังเหย่, เทพเจ้ากวนอู,ท่านขงจื้อ เป็นต้น
 



ไฮไลท์สำคัญของวัดนี้ก็คือ เจดีย์เจ็ดชั้น กับ มังกรสีทอง ตัวนี้ครับ
 
 

ช่วงที่ผมไปวัดเงียบมาก แต่โดยปกติจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียที่เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมาสักการะขอพร เป็นจำนวนมาก และส่วนมากจะขอพรด้านการมีบุตรและโชคลาภครับ

วัดถัดมาก็คือ วัดพุทธาธิวาส เป็นศาสนสถานของชาวไทยเชื้อสายภาคใต้ ก่อตั้งในปี พ.ศ.2460 ปัจจุบันมีอายุประมาณ 100 ปี วัดนี้เป็นที่เลื่อมใสของชาวพุทธทั้งในประเทศไทย และในประเทศมาเลเซีย โดยในแต่ละวันจะมีคณะทัวร์จากมาเลเซียและสิงคโปร์มาเที่ยวที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก

ไฮไลท์ที่สำคัญของวัดนี้มี 2 อย่างคือ พระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ซึ่งเป็นเจดีย์ศิลปะแบบศรีวิชัย และ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 





โรงเรียนจงฝามมูลนิธิ ตั้งอยู่ข้างๆกับวัดพุทธาธิวาส จัดตั้งขึ้นโดยพ่อค้าประชาชนชาวอำเภอเบตง 
 

ปัจจุบันโรงเรียนได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิและอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ อำเภอเบตง ดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล, ประถม ไปจนถึงมัธยมศึกษา โดยจะสอนทั้งวิชาสามัญทั่วไป และภาษาจีนกลางด้วยครับ

เนื่องจากอยู่ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นี่จึงมี มัสยิดกลางเบตง ซึ่ง
ตั้งอยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับสถานที่ทำการไปรณีย์เบตง ถนนสุขยางค์ 

เดิมมัสยิดกลางสร้างด้วยเสาไม้กลม 6 ต้น ใบจาก 6 ลายา (ตับ) ต่อมามัสยิดได้ทรุดโทรมลง ท่านอัจยี ดาเต๊ะ ซึ่งเชิญชวนชาวมุสลิมในเบตงและในภาคใต้ให้ช่วยกันบูรณะในปี พ.ศ.2497 โดยได้รับการสนับสนุนการก่อสร้างจากรัฐบาลในสมัยนั้น

พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2548 เพื่อรวบรวมโบราณวัตถุและเครื่องใช้เก่าๆของเมืองเบตง อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ที่สำคัญของพิพิธภัณฑ์นี้กลับไม่ใช่ของที่จัดแสดง แต่เป็นวิวมุมสูงของเมืองเบตง ซึ่งเราสามารถชมได้จากชั้น 3 ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ


Note: พิพิธภัณฑ์นี้จะเปิดปิดตามเวลาราชการ แต่เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่นี่จึงดูเงียบเหงามาก แต่จริงๆเปิดอยู่นะครับ

หลังจากเดินเที่ยวเหนื่อยๆ เราก็ต้องเติมพลังก่อนกลับหาดใหญ่ ในเมื่อมาเบตง ถ้าไม่ได้กิน ไก่เบตง ก็ยังไงอยู่ ผมจึงขอแนะนำร้านข้าวมันไก่อันดับหนึ่งของเมืองนี้ นั่นก็คือ เจริญ ข้าวมันไก่เบตง ครับ

ความดีงามของข้าวมันไก่ร้านนี้ก็คือ เนื้อไก่พันธุ์เฉพาะที่นำเข้ามาจากมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน (รสชาติจึงคล้ายๆกับข้าวมันไก่ที่ฮ่องกงครับ)

การเดินทางท่องเที่ยวในทริปเบตง เมืองใต้สุดแดนสยามก็จบลงที่ร้านข้าวมันไก่แห่งนี้ครับ หลังจากนั้นผมก็นั่งรถตู้ของ เบตง โพธิ์ทองทัวร์ กลับไปที่หาดใหญ่ (จองที่นั่งไว้ล่วงหน้าเมื่อวานที่เคาน์เตอร์หน้าร้านต้าเหยิน)

จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องบินของนกแอร์ บินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ และประทับใจครับ

สำหรับภาพรวมที่เมืองนี้ ก็ถือเป็นอีกเมืองในประเทศไทยที่ผมค่อนข้างชอบ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของเมืองนี้กลับไม่ใช่ตัวสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นอัธยาศัยไมตรีของผู้คนในเบตง ไม่ว่าจะเป็นคุณอาฟก เจ้าของโฮสเทล, บังมะ คนขับรถและไกด์ของเรา, ผู้ร่วมทริป และคนท้องถิ่นที่พบเจอ ทุกคนล้วนแล้วต้อนรับผู้มาเยือนเป็นอย่างดีแบบที่หาได้ยากในเมืองอื่นๆของประเทศไทยครับ

อ่านถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเริ่มสนใจในเมืองนี้แล้วล่ะ แต่บางคนอาจจะยังกลัวในเรื่องความปลอดภัย ผมจึงขอให้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้อันตรายทุกที่ เบตงถือเป็นพื้นที่ๆปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกได้ปลอดภัยแทบจะพอๆกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆในประเทศไทย และในรอบ 5 ปีมานี้ ก็ยังไม่มีการก่อเหตุรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตในเมืองนี้เลยแม้แต่คนเดียว จึงถือว่าเบตงเป็นเมืองที่เที่ยวได้แทบจะปกติ 100% ถ้าใครอยากไป ก็สามารถไปได้ครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล แค่ปฏิบัติตัวเหมือนไปเที่ยวที่อื่นๆของไทย

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 15 พฤษภาคม 2562
Last Update : 27 เมษายน 2567 7:27:10 น. 5 comments
Counter : 7999 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณทนายอ้วน


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:2:58:58 น.  

 
น่าไปเที่ยวมากครับ เบตง แต่ยังคงหาคนไปด้วยมะด้าย


โดย: IFINDNOI (Ces ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:6:26:43 น.  

 
ไปคนเดียวเลยครับ ตอนผมไปที่นี่ก็เจอน้องผู้หญิงคนนึงมาคนเดียวเหมือนกัน


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:15:31:06 น.  

 
ตามมาเที่ยวเบตงด้วยคนนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 17 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:22:10 น.  

 
ตามมาเลยครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี IP: 1.46.170.170 วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:11:27:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.