Group Blog
 
All blogs
 

Crime Squad ว้าว!! สุดเซอร์ไพรส์พบซงอิลกุกกับซงจิฮโยในซีรีย์สนุกแนวสืบคดี



Title : Detectives in Trouble / Crime Squad
Director: Kwon Gye-Hong
Writer: Lee Soo-Hyeon, Park Seong-Jin
Broadcast : KBS2 March 7, 2011 - April 26, 2011
Monday & Tuesday 21:55 Episodes: 16 Rating : 7.4%


เป็นซีรีย์ที่ไม่ได้ตั้งใจมองหา แต่บังเอิญโผล่มาให้เห็น

ว้าว ซีรีย์เรื่องนี้มีซงจิฮโยเป็นนางเอก เห็นเธอผมสั้นอยู่ช่วงหนึ่งใน Running Man เธอหั่นผมเพื่อการแสดงเรื่องนี้เอง

ว้าว พลอตเรื่องแนวสืบสวนสอบสวน มีพระเอกเป็นตำรวจ นางเอกเป็นนักข่าว สองบทบาทอาชีพที่จะขัดแย้งก็ได้ จะ matching ก็ดี แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว



ว้าวววววววววว & กรี๊ดดดดดดด! เมื่อเห็นหน้าชัดใครเป็นพระเอกของเรื่อง นี่คือการโคจรกลับมาพบกันของซงอิลกุกกับซงจิฮโย ความค้างคาใจในอดีตของผู้เขียนต่อพระ-นางคู่นี้ กำลังจะได้รับการสะสางแล้ว

นั่นเป็นเพียงอารมณ์ 'ว้าว' ก่อนดูซีรีย์ เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรนักกับเนื้อเรื่อง เนื่องจากแนวสืบคดีไม่ใช่แนวถนัดนัก ยิ่งถ้าาเป็นของเกาหลีด้วยแล้ว เรียกว่าไม่มีความคุ้นเคยเอาซะเลย นึกปรามาสอยู่ว่าซีรีย์เกาหลีต่อให้มีอาชีพดีๆ เท่ๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องรักๆ เป็นใหญ่ อย่างอื่นเป็นรอง

แต่หลังดูก็ขอเอ่ยอีกสัก "ว้าววว!" เพราะเรื่องนี้เขาสืบคดีเป็นหลัก ดราม่าไม่หนัก ความรักไม่เน้น แต่เห็นความสัมพันธ์ของคุณตำรวจกับคุณนักข่าวแล้วมันก็สุดแสนจรรโลงใจ รักน้อยๆ ค่อยๆ คืบคลาน แต่รักแล้วรักเลย



ซีรีย์เกาหลีในระยะหลังมานี้ รู้สึกว่าหลายๆ เรื่องที่เห็นก็เริ่มหันไปเน้นการการดำเนินเรื่องด้วยแกนเนื้อหามากกว่าจะเน้นความหลักของพระเอกนางเอกเป็นหลัก ซีรีย์บางเรื่องทำให้รู้สึกว่าบทบาทความรักของพระเอกนางเอกมีน้อยลง อย่างล่าสุดซีรีย์ที่เขาร่ำลือว่าสนุกอย่าง Ghost ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่ได้ยินว่าไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กของพระนางแม้แต่น้อย ( เคยมีบล็อกหนึ่งในBloggang ที่ถูกตั้งชื่อว่า 'Ghost ตำรวจไซเบอร์เขา(ไม่)รักกัน' มันคงจะจริง) ดูซีรีย์ญี่ปุ่นมันโอเคนะคะ หากพระเอกนางเอกไม่ค่อยรักกันมันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ขอแค่เรื่องสนุกก็พอ แต่ถ้าเป็นซีรีย์เกาหลีแล้วพระเอกนางเอกไม่ค่อยรักกัน มันจะรู้สึกเหมือนมีอะไรสำคัญขาดหายไป เหมือนกินข้าวไม่มีพริกน้ำปลา กินได้ อร่อยได้ แต่ก็ยังอยากได้พริกน้ำปลามาเพิ่งมรสชาดอยู่นั่นเอง Ghost จึงเป็นซีรีย์ที่แม้จะมีนางเอกน่ารัก-ลียอนฮี เป็นคู่กับพระเอกหล่อ-โซจีซบ แต่ก็ขอดองลืมไว้ก่อนด้วยโทษฐานพระเอกนางเอกเขาไม่รักกันนี่แหละ



Crime Squad หรือที่รู้จักกันอีกชื่อ Detective in trouble คือเรื่องราวการสืบสวนคดีฆาตกรรมของเหล่าตำรวจหน่วยอาชญากรรม สถานีตำรวจคังนัม

เนื่องด้วยซีรีย์เกาหลีเป็นเจ้าแห่งความละเอียด จึงต้องใช้เวลาถึงสองตอนสำหรับการไขแต่ละคดี แต่มันก็ไม่ได้ดำเนินเรื่องทื่อๆ มีคดี สืบคดี ปิดคดีไปซะทีเดียว เพราะบางคดีก็เปิดประเด็นค้างคาไว้มาแต่ต้นจนมาหาเรื่องเคลียร์กันจบในบั้นปลาย ผู้ต้องสงสัยคดีหนึ่งในปัจจุบัน ก็ยังมีเรื่องพัวพันอยู่กับอีกคดีหนึ่งในอดีตก็มี การดำเนินเรื่องที่ได้เห็นพวกตำรวจต้องวิ่งวุ่นไปตามสถานที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐาน สืบพยาน ติดตามผู้ต้องสงสัย ตามล่าจับตัวผู้ต้องหามาทำการสอบสวน การสรุปคดีที่มีลุ้น มีพลิกผัน ตำรวจแต่ละคนก็จะมีบทบาทของตัวเองในการจัดการกับเรื่องต่างๆ ที่ต้องกระทำระหว่างการสืบสวนคดี

ดูแล้วจึงรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเกาะติดการทำงานของตำรวจหน่วยอาชญากรรมหน่วยนี้อยู่จริงๆ ตำรวจที่ต้องทำงานโดยไม่เกี่ยงงอนเวลา จะเช้าสายบ่ายค่ำ หนวดเคราครึ้มเพราะไม่มีเวลาโกน ดึกดื่นค่อนคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ถ้ายังจำเป็นต้องทำงาน ตำรวจก็ทำงาน พระเอกดูเท่มาก โดยเฉพาะฉากแอคชั่นและตอนไปสำรวจ ณ ที่เกิดเหตุภายในวงล้อมของเส้นกั้นสีเหลืองจะดูเท่เป็นพิเศษ



พระเอกหน้าตาดี หล่อเซอร์ เป็นตำรวจเท่ สมองฉลาด เก่งกล้า ไม่กลัวใคร รักความถูกต้อง แล้วยังแอคชั่นเก่ง เกือบจะเพอร์เฟ็คต์ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างนี้ บวกกับความนิยมในตัวนักแสดงอยู่แล้วเป็นทุนขนาดนี้ ถ้าเรื่อง Crime Squad ยังครองใจไม่ได้ ก็ต้องเรียกว่าชุ่ยสุดๆ แล้วล่ะ แต่ผลลัพธ์ของซีรีย์เรื่องนี้คือ "ชอบมากกกกก" หัก ด้วยอคติส่วนตนที่มีต่อพระ-นางออกไป ก็ยังจะเหลือ "ชอบมั่ก" เพราะมันสนุกใช้ได้เลยนะคะ คอซีรีย์เกาหลีท่านใดชอบแนวนี้ ขอแนะนำ

พัคเซฮยอก (ซงอิลกุก) ตำรวจหนุ่มเลือดเดือด เป็นคนใจร้อนมุทะลุ เขาจึงทำงานแบบใจสั่งลุย คิดไวทำไว แผนรอบคอบอะไรค่อยว่ากันทีหลัง ขอแค่จับตัวอาชญากรมาลงโทษได้ ไม่ว่าต้องทำอะไร เซฮยอกพร้อมจะทำ



เซฮยอกเคยเป็นคนอ่อนโยน อาชีพเดิมของเขาคือการเป็นอาจารย์สอนหนังสือ แต่ที่เขาเปลี่ยนอาชีพมาเป็นตำรวจก็เพราะการสูญเสียลูกสาวไปเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม คดีถูกปิดอย่างรวบรัดและเซฮยอกเชื่อว่ามันมีเงื่อนงำซ่อนอยู่เบื้องหลัง มันเป็นความค้างคาใจที่ไม่มีใครให้คำตอบแก่เขาได้ เซฮยอกจึงต้องการจะหาคำตอบด้วยตัวเอง ด้วยเหตุฝังใจนี้ เขาจึงมีความมุ่งมั่นอย่างสูงในการสืบสวนคดีต่างๆ เพื่อหาตัวฆาตกรมารับโทษ จับตัวได้ แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่ได้รับความร่วมมือในการสอบสวน เซฮยอกถึงขั้นซ้อมผู้ต้องหาเพราะความโมโหเดือดจนถูกลากตัวออกไปก็มี



จองอิลโด (ลีจงฮยอก) หัวหน้าคนใหม่ของหน่วยอาชญากรรม สถานีตำรวจคังนัม ที่มีวิธีการทำงานแตกต่างจากเซฮยอกโดยสิ้นเชิง มันคือปัญหาการทำงานของตำรวจลูกน้องผู้ปฏิบัติงานภาคสนามที่ไม่ค่อยลงรอยกันนักกับการปฏิบัติงานแบบนั่งโต๊ะของตำรวจยศสูงระดับหัวหน้าหน่วย จองอิลโดต้องแบกรับความกดดันต่อการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเบื้องสูงซึ่งมันเป็นอำนาจอิทธิพลที่อยู่เหนือกว่าคำว่าจรรยาบรรณของตำรวจ มากกว่านั้น จองอิลโด ยังเป็นนายตำรวจที่ทำการวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย อันเป็นเหตุให้ลูกสาวของเซฮยอกต้องเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อน เอกลักษณ์เด่นของจองอิลโด คือ การมีหน้าตาอารมณ์เดียว (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะคาแรคเตอร์ หรือ ฝีมือการแสดง)



โจมินจู (ซงจิฮโย) นักข่าวสาวมือใหม่ของเว็ปไซด์ข่าว Shocking.com แม้ชีวิตของเธอจะรันทดคือไม่มีพ่อ ส่วนแม่ก็ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม การต้องทำงานหาเงินเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม่เธอจึงเป็นคนเข้มแข็งและมีความมุ่งมั่นสูง แต่ขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนสดใสร่าเริง เพราะการทำข่าวทำให้เธอต้องเข้าไปพัวพันกับผู้หมวดพัคเซฮยอก และเพื่อจะได้ข่าวเธอจึงเกาะติดเขาเป็น "หางหมู" ไปแทบทุกหนทุกแห่ง แรกๆ ถูกนักข่าวสาวรังควานคุณตำรวจหนุ่มก็ออกอาการหงุดหงิดรำคาญ แต่มินจูเป็นคนช่างสังเกต การเกาะติดสถานการณ์ของเธอจึงมักมีข้อสังเกตต่างๆ ที่ช่วยให้เซฮยอกสามารถเชื่อมโยงความคิดไปสู่ประเด็นที่จะช่วยให้เขาไขคดีได้ ความสัมพันธ์ระหองระแหงระหว่างตำรวจอารมณ์ร้อนหัวดื้อ กับนักข่าวจอมตื๊ออารมณ์ดี จึงค่อยๆ ลงรอยและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น



ฮออึนยอง (พัคซอนยอง) ลูกสาวคนสวยของนักการเมืองใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นคนหยิ่งที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง แต่ในอดีตเธอคือภรรยาของพัคเซฮยอก หลังจากหย่าร้างกัน เซฮยอกเป็นผู้เลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพัง เพราะอึนยองเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ จนได้พบกับจองอิลโดที่คอยช่วยเหลือดูแลในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง เมื่ออึนยองเดินทางกลับเกาหลีเพื่อช่วยงานผู้เป็นพ่อ ความสัมพันธ์ของฮออึนยองกับจองอิลโดก็พัฒนาขึ้น โดยที่อึนยองไม่รู้ว่าจองอิลโดคือคืนลั่นไกปืนจนเป็นเหตุให้ลูกสาวของเธอเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อน และจองอิลโดก็ไม่รู้ว่าอึนยองเป็นภรรยาเก่าของพัคเซฮยอก การกลับมาเกาหลีและหน้าที่การงานมีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการตำรวจทำให้เธอมีโอกาสพบเจอทั้งตำรวจพัคเซฮยอก-สามีเก่า และจองอิลโดตำรวจที่ครอบครัวหวังจะพัฒนาเกี่ยวดอง (เป็นสามีใหม่) อีกครั้ง



นัมแทชิก (Sung Ji-Ru) นายตำรวจรุ่นพี่อาวุโสสุดในหน่วยอาชญากรรม เขาเป็นรุ่นพี่ที่รักและเข้าใจเซฮยอก คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยห้ามปรามพฤติกรรมใจร้อนวู่วามของเซฮยอกอยู่ตลอด (แต่ไม่เคยได้ผล)



คิมดงจิน ( Kim-Jun) นายตำรวจรุ่นน้องของเซฮยอก เขาเป็นตำรวจมาดคุณชายเพราะมีฐานะร่ำรวย ขับรถสปอร์ตหรู แต่งตัวไฮโซ การทำงานก็ถนัดนั่งโต๊ะอยู่กับจอคอมพิวเตอร์มากกว่าการออกพื้นที่ไปตะลอนๆ ให้เหนื่อยหอบ เขาเชื่อว่าความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีทำให้เขามีความสำคัญเป็นระดับมันสมองของทีม แต่มันสมองของทีมที่อ่อนอาวุโสก็โดน "ฮยองนิม" รุ่นพี่นัม กับรุ่นพี่พัคเซ ตบหัวอยู่เรื่อย



จินมีซุก (ซอนอูซอน) ตำรวจสาวจากหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ย้ายโอนมาอยู่หน่วยอาชญากรรม แม้เธอจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่เธอก็เป็นตำรวจสาวผู้มีหัวใจอ่อนแอ การสูญเสียเช่นกันที่ทำให้เธอมีความตั้งใจมั่นกับหน่วยอาญชากรรมโดยหวังว่าหน่วยนี้จะทำให้เธอเป็นตำรวจที่ดีและมีความแข็งแกร่งขึ้น



หัวหน้าทีมอิมคยองอึน (Kim Sun-Kyung) ตำรวจหญิงเหล็กแห่งสถานีตำรวจคังนัม นั่นคือฉายาของเธอที่เปิดตัวละครออกมาได้อย่างน่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงๆ ผู้เขียนกลับไม่พบความโดดเด่นในคาแรคเตอร์ที่เข้ากันกับฉายามากนัก แม้ว่าบทบาทหัวหน้าทีมจะเอื้อกับการสร้างคาแรคเตอร์เด่นๆ โดนๆ อย่างมาก แต่บทบาทในการสืบสวนและการดำเนินเรื่องโดยหลักก็ยังเป็นพระเอกเซฮยอกอยู่นั่นเอง



หัวหน้าทีมควอน (Jang Hang-Seon) หัวหน้าทีมตำรวจอาญชากรรมคนเก่าที่เพิ่งเกษียนไป ซึ่งเมื่อ 5 ปีก่อน เขาเป็นหัวหน้าที่คอยฟูกฟัก ประคับประคองตำรวจมือใหม่หัวใจบาดเจ็บอย่างเซฮยอกให้อยู่ในร่องในรอย คอยปรามพฤติกรรมใจร้อนไม่ให้ไปทำอะไรผิดกฏจนโดนไล่ออกไปซะก่อน เซฮยอกจึงนับถือเขาอย่างมาก หลังเกษียณ หัวหน้าทีมควอนทำอาชีพเปิดร้านเนื้อย่างที่กลายเป็นแหล่งสุมหัวของลูกน้องเก่าในทีม และยังมีส่วนไปพัวพันกับคดีและอดีตนักโทษคนหนึ่งที่เพิ่งพ้นโทษออกจากคุกในภายหลัง




ผู้จัดการ / เจ้าของเว็ปข่าว Shocking.com และลูกหน้องคู่หูผู้เป็นรุ่นพี่ของนางเอกโจมินจู ผู้จัดการจอมเหล่ (จับผิด) จะว่าชายก็ไม่ใช่ จะว่าเทยก็ไม่เชิง ชอบมากเลยค่ะคนนี้ เพราะทั้งน่าหมั่นไส้แล้วก็น่าขำด้วย ส่วนรุ่นพี่ของมินจูก็เป็นคนใส่ไฟรุ่นน้องนิ๊ดดดนึง ขี้อิจฉาอีกนิ๊ดหน่อย เป็นคู่หูเจ้านายลูกน้องที่ตลกดีทั้งคู่



ยูมี เพื่อนสนิทของมินจู เธอเป็นคนน่ารักยิ้มเก่ง (แต่ดันแคบรูปตอนเธอกำลังเครียดมา )



ผู้กำกับการตำรวจ พ่อของจองอิลโด และนักการเมืองใหญ่ พ่อของอึนยอง

ความสุขในการดู Crime Squad

** พระเอกนางเอก ซงอิลกุก ซงจิฮโย ^^ ถูกใจมากมาย
** การสืบสวนคดีสนุกชวนติดตาม
** ตำรวจเท่

คดีที่ชอบมากก็มี คดีฆาตกรรมสวมรอยเหยื่อจูเลียตดื่มยาพิษ คดีนักเรียนหญิงโดดตึกตาย คดีฆาตกรต่อเนื่องประทับตราฆ่ารัดคอ และคดีฆาตกรรมศัลยแพทย์ หมดเรื่องจะโม้ถึง Crime Squad เพราะมันเป็นซีรีย์สืบคดีที่ไม่อาจสปอยล์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะเมาท์ต่อสักเล็กน้อยเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมต้องสุขใจนักหนากับการพบกันของซงอิลกุกและซงจิฮโย



เพราะเขาและเธอคือพระราชาจูมงและพระราชินียีโซยา ความรู้สึกเศร้าระทมในเรื่องนั้น (Jumong - Prince of The Legend จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์) จะได้รับการชดเชยในเรื่องนี้

ขอย้อนความสักนิดกับซีรีย์จูมง นางเอกของเรื่องคือซอซอนโนเป็นธิดาหัวหน้าเผ่าพีรูและเป็นคนรักขององค์ชายจูมง ส่วนยีโซยาเป็นธิดาหัวหน้าเผ่าฮันแบค เพราะเหตุการณ์ความจำเป็นต่างๆ ทำให้ซอซอนโนต้องตกลงปลงใจแต่งงานกับท่านอูเท องค์ชายจูมงจึงอภิเษกกับยีโซยา



อาจไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก แล้วยังต้องจากกันภายในเวลาอันสั้น แต่ในอารมณ์เหว่ว้าของผู้ชายอกหักกับผู้หญิงโดดเดี่ยวมันก็เป็นบ่อเกิดของความรักได้ โซยาคือพระชายาผู้ทนทุกข์ ต้องจำใจจากพระสวามี ต้องตกเป็นตัวประกันถูกกักขังไว้ภายในวังหลวงของพูยอพร้อมกับพระสนมยูฮวาพระมารดาขององค์ชายจูมง ในขณะนั้นโซยากำลังตั้งครรภ์ เมื่อครั้งจูมงลอบมารับตัวทั้งสอง พระสนมยูฮวากำลังประชวร โซยาจึงไม่ยอมทิ้งพระมารดาเพื่อหนีไปกับจูมง

3 ปีหลังจากนั้น พระสนมยูฮวาได้พาพระสุนิสาโซยาและพระนัดดา-องค์ชายยูริ หลบหนีออกจากวังพูยอ นางจึงถูกกษัตริย์กึมวาสังหารในขณะที่โซยาหอบลูกน้อยหนีรอดไปได้ แต่ก็ต้องผจญกับชะตากรรมอันยากลำบาก รวมเวลากว่า 18 ปี ที่โซยาต้องพลัดพรากจากจูมง มีชีวิตอยู่อย่างตรากตรำเพราะความรักความเสียสละที่มีต่อพระสวามีของนาง บทบาทของของโซยาจึงเป็นทั้ง "ยอดชายา" และ "ยอดมารดา" ที่น่ายกย่อง



ผู้เขียนไม่ปฏิเสธว่าจูมงรักซอซอนโน (มากด้วย) แต่ผู้เขียนก็จะเถียงหัวชนฝา (ในใจ) ถ้าใครบอกว่าจูมงไม่รักโซยาแต่เป็นแค่ความรับผิดชอบและความรู้สึกผิด ผู้เขียนเห็นด้วยว่าในระยะแรกสองอย่างนั้นเป็นบ่อเกิดของความสงสาร แต่ต่อมาไม่นานความสงสารก็เป็นบ่อเกิดของความรัก รักที่เกิดขึ้นในยามพลัดพราก เจ็บปวดเพราะไม่อาจอยู่ร่วมกัน ผู้เขียนคิดว่ามันดูลึกมากกว่าความรักที่องค์ชายจูมงมีต่อซอซอนโนซะอีก แม้จะเข้าใจว่าโซยากับลูกตายไปแล้ว แต่จูมงก็ไม่คิดจะอภิเษกกับซอซอนโนด้วยซ้ำไป (ซอซอนโนเป็นหม้ายสามีตายในการรบ) แต่เพราะจำใจต้องแก้ปัญหาการเมืองภายในแคว้น บางคนบอกว่าที่จูมงเศร้าโศกนั่นเป็นเพราะความรู้สึกผิด ผู้เขียนไปอ่านกระทู้ต่างๆ แล้วก็ไขว้เขวในความทรงจำของตนเองว่าอาจะเป็นเพราะชอบคาแรคเตอร์ของโซยากระมังจึงอคติไปเองว่าจูมงรักโซยา เพราะก็ดูผ่านมานานมันลางเลือนไปหมดแล้ว คาใจ จึงขอดูอีกรอบ (หล่อนว่างมาก) เริ่มดูจากตอน 36 ที่จูมงพบกับโซยาครั้งแรก ซึ่งจะดูยังไงผู้เขียนก็ยังเห็นว่าจูมงรักโซยา ความรับผิดชอบมันก็อย่างหนึ่ง แต่ทั้งความอ่อนโยน ความห่วงหาอาทรที่มีให้ แม้เข้าใจว่าตายไปแล้วก็ยังติดอยู่ภายใต้จิตสำนึก ยามสุขยามทุกข์ยังคงเศร้าซึมเพราะหวนคิดถึงลูกเมีย คำพูดต่างๆ ของจูมงบางถ้อยคำในฉากต่างๆ ก็พอสื่อได้ว่ารักและห่วงใย แต่สิ่งที่ยืนยันมั่นใจมากกว่าตอนไหนๆ คือตอนที่จูมงขอซอซอนอภิเษกเป็นพระมเหสี กริยาอาการและคำพูดชวนให้เข้าใจได้ว่าจูมงรักโซยาและยังไม่เคยลืมชายาคนแรกไปจากใจ จูมงรักซอซอนโนแบบผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งในยามหนุ่มสาวมีช่วงเวลาใช้ชีวิตใกล้ชิดกันมากกว่าโซยามาก แต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาแสนสั้นของจูมงกับโซยาและตลอดเวลาที่พลัดพรากก็ล้วนมีความหมาย เพราะมันคือสายใยของคนเป็นสวามี ชายา และมารดาของโอรส การไม่สามารถช่วยแม่และลูกเมียออกจากวังพูยอได้ คือบาดแผล คือความขมขื่น ที่แม้แต่พระมเหสีซอซอนโนที่ใครว่าจูมงรักนักหนาก็ไม่อาจช่วยเยียวยาได้



ซอซอนโนคืออดีตคนรักที่โชคชะตาพัดหวนมาให้ได้อภิเษกกัน ทว่ามันไม่ใช่เหตุผลของความรักแต่เป็นเพราะการเมือง แต่ยีโซยาคือคู่ชีวิต คือคนที่ผูกพันกันด้วยหน้าที่ ความรับผิดชอบ และคำมั่นสัญญาที่เป็นเครื่องพันธนาการระหว่างสองเรา โซยา คือคนที่ทำให้จูมงนึกถึงคำพูดของแฮโมซูผู้เป็นบิดาว่าให้ปกป้องนางอันเป็นที่รักให้ได้ อย่าให้เหมือนกับตัวเขาซึ่งสามารถช่วยผู้คนได้มากมาย แต่กับคนที่ใกล้ตัวที่สุดกลับทำไม่ได้ คือคนที่ทำให้จูมงนึกถึงความเจ็บปวดของพระมารดา ผู้หญิงที่รักและรอสามีของตน แต่เขาไม่เคยกลับมา (ด้วยเหตุนั้นยูฮวาจึงต้องกลายเป็นพระสนมของกษัตริย์กึมวาที่รับเอาจูมงเป็นโอรสบุญธรรม) เมื่อนึกถึงแม่ที่เจ็บปวดก็ต้องนึกถึงเมียที่ก็เจ็บปวดแบบเดียวกัน นึกไปนึกมา ก็ต้องรัก ความรู้สึกผิดที่ทอดทิ้งโซยาไว้เบื้องหลังเพื่องานใหญ่ในเบื้องหน้า การเป็นสวามีที่ไม่อาจมอบความสุข และปกป้องความทุกข์ให้ได้ ตลอด 18 ปีทีโซยาทนทุกข์ จูมงก็ทนทุกข์อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพื่องานสร้างชาติบ้านเมืองที่รออยู่ตรงหน้า การพลัดพรากนี่แหละที่ผูกพันหัวใจของจูมงกับโซยาเอาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น

"พ่อข้าเคยบอกไว้ว่า คนที่ไม่สามารถปกป้องลูกเมียตัวเองได้ จะคุ้มครองชาวบ้านนับหมื่นได้ยังไงกัน แล้วยังสั่งข้านักหนาว่าให้ปกป้องคนที่ตัวเองรักไว้ให้ดี"

"แม้แต่คนใกล้ตัวที่สำคัญที่สุดข้ายังไม่สามารถปกป้อง
แล้วต่อไปจะเป็นที่พึ่งให้ราษฏรนับหมื่นได้อย่างไรกัน"

บวกกับความพยายามที่จะพาแม่และลูกเมียออกจากวังพูยอ บวกกับความเพียรที่จะตามหาโซยาและลูกหลังจากหนีออกจากวังมาได้ บวกกับความเศร้าโศกฝังใจของจูมง ถ้าไม่เรียกว่ารัก จะให้เรียกว่าอะไร (อิอิ ขอให้ได้ตอกย้ำความเชื่ออย่างหนักแน่น)



แต่จะรักหรือรู้สึกผิดก็ช่าง สุดท้ายมันก็คำสองคำนี่แหละ "ลูกเมีย" ที่ทำให้จูมงไม่อาจลบเลือนโซยากับลูกออกไปจากใจได้แม้จะมี "ความตาย" เป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการจะปลดโซ่ตรวนของความทุกข์นี้ออกไป ขณะที่มีเมียใหม่ (พระมเหสีซอซอนโน) ที่เคยรักกันมาก่อนอยู่ข้างกายมันยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แต่ทำไม่มันไม่ง่ายล่ะ เพราะแค่รู้สึกผิดกับคนที่ตายไปแล้วเท่านั้นหรือ

ก็เข้าใจนะที่แฟนๆ ของซอซอนโนบางคน จะประณามว่าโซยาคือภาระของจูมง และไม่ยอมรับว่ามันคือความรัก เพราะมันก็ทำใจลำบากน่ะนะว่าชายาแรกคนนี้ได้อยู่ในหัวใจของจูมงเช่นกัน ใจหนึ่งดวงของจูมงที่ไม่ได้มีแต่ซอซอนโนเพียงคนเดียว ซึ่งคนที่รักโซยาอย่างผู้เขียนกลับคิดว่า จูมงนี่แหละที่เป็นภาระของโซยา ไหนจะดูแลแม่ของจูมง ไหนจะอุ้มท้องลูกจูมงเลี้ยงดูให้เติบใหญ่กลายเป็นคนเก่งกล้าแข็งแกร่งเหมือนพ่อและเป็นคนดีเหมือนแม่ ไหนจะความฝันอันยิ่งใหญ่ของจูมง ที่ต้องพ่วงเอาซอซอนโนมาเป็นพระมเหสีด้วยจึงจะสำเร็จผลตามความตั้งใจ โซยาเลือกจะเสียสละก็เพื่อจูมง แล้วอย่างนี้ใครกันแน่ตัวภาระ




ผู้เขียนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนางเอกซอซอนโน ตรงกันข้ามเธอเป็นเอกสตรีแห่งยุคโกคูรยอที่ต้องยกย่อง โดยเฉพาะบทบาทของเธอในช่วงสุดท้าย มันช่างยอดเยี่ยมและตราตรึงใจ เพียงแต่ตัวละครยีโซชาที่ปรากฏตัวในช่วงตอน 36 เป็นต้นมา ดันมีใบหน้าสะสวยน่ารักประกอบกับคาแรคเตอร์นิ่มนวลเรียบร้อยรวมกับเส้นทางชีวิตที่ต้องลำบากกว่าใครนับแต่ได้พบกับจูมง ทำให้เริ่มเอาใจออกห่างหันไปเชียร์โซยาอยู่เงียบๆ (ซอซอนโนก็สวยนะ แต่ไม่ใช่แบบที่ชอบ) จนกระทั่งจูมงอภิเษกกับยีโซยา นั่นจึงเป็นเวลาที่ผู้เขียนก่อกบฎย้ายข้างโดยทันที ซอซอนโนเป็นนางเอกของเรื่องที่เก่งกล้าสามารถเฉลียวฉลาดดีพร้อมคู่ควรบทนางเอกทุกประการ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผู้เขียนชอบยีโซยามากกว่า ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ของตัวเอง



ซอซอนโน เธอเป็นสตรีผู้มีพร้อมทุกอย่าง เงิน ทหาร อำนาจ บารมี เธอถูกเลี้ยงดูมาให้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าพีรู ดังนั้น หากใครจะเอาบทบาทในการช่วยจูมงสร้างชาติมาเปรียบเทียบความเสียสละของโซยาว่าไร้ค่า เป็นภาระ และไม่ได้ช่วยอะไร ผู้เขียนคิดว่าเป็นความคิดที่ไม่ยุติธรรมต่อโซยาเอาซะเลย จะเอาผู้หญิงสองคนที่มีพื้นฐานการถูกเลี้ยงดูและมีวิถีชีวิตแตกต่างมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร ในเมื่อโซยานั้นเป็นกำพร้า สิ้นพ่อก็เหลือแต่จูมงเท่านั้น ถูกขังคุก ตั้งครรภ์ ถูกกักบริเวณอยู่ในวังหลวง คอยอยู่เป็นเพื่อน คอยปรนนิบัติพระมารดาของจูมง ผู้หญิงบอบบางตัวคนเดียวที่ต้องหอบลูกน้อยหลบหนีการไล่ล่าของศัตรูไร้เงาสวามีให้พึ่งพา จะเอาไปเปรียบกับซอซอนโนที่ไม่ต้องพบเจอเรื่องเหล่านี้ว่าช่วยจูมงได้มากกว่าแล้วยังเหมาว่าโซยาเป็นภาระความรับผิดชอบมันก็ใช่ที่ เพราะถ้าพ่อโซยาไม่ตาย ยังเป็นหัวหน้าเผ่า ยังค้าขาย ถ้าโซยาไม่ตั้งท้อง ไม่ติดเป็นตัวประกันให้จูมงอยู่ในวังหลวง ไม่ห่วงใยพระมารดาของจูมง ได้มีโอกาสอยู่เคียงข้างจูมงแล้วโซยาจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ ใครจะรู้ ? ในเมื่อมันไม่ได้ถูกเขียนบทให้เป็นเช่นนั้น บางคนบอกว่าจูมงเริ่มออกอาการป่วยในช่วงท้าย และตามประวัติศาสตร์เขาออกรบตลอดหลังจากนั้นและตายเมื่ออายุ 40 ปี เป็นเพราะตรอมใจที่ซอซอนโนจากไป แหม่ ..ถ้าจะถกกันระหว่างความสำคัญของโซยากับซอซอนโนในประเด็นที่ไม่อาจรู้ได้อย่างนั้น ผู้เขียน(แฟนโซยา)ก็จะเหมาความเอาเหมือนกันว่าจูมงเริ่มออกอาการป่วยก็เพราะผลพวงจากความตรอมใจตลอด 18 ปีที่ผ่านมานั่นแหละ จริงอยู่ซอซอนโนคือคนที่มีบทบาทช่วยสร้างบ้านเมืองมาด้วยกัน แต่จะมองข้ามไปได้อย่างไรว่าเบื้องหลังเบื้องลึกของจิตใจกร้าวแกร่งที่ผลักดันให้จูมงต้องบากบั่นไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ จนกระทั่งสถาปนาแคว้นโกรคูรยอได้สำเร็จ คือ การสละชีวิตของแม่และเมีย (หมายถึงในละครนะ ถ้าเป็นประวัติศาสตร์ไม่รู้)

ทั้งโซยาและซอซอนโน ถือเป็นวาสนาอันสูงของจูมง คนหนึ่งก็รักและเสียสละ ส่วนคนหนึ่งก็รักและส่งเสริม ทั้งสองนางต่างน่าเชิดชู ไม่ว่านางไหนก็สมควรได้รับการตอบแทนในทุกสิ่งด้วยตำแหน่งสูงสุดคือองค์ราชินี จูมงเองก็เป็นมหาบุรุษที่ทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง ขณะเดียวกันก็รักผู้หญิงสองคนได้อย่างน่านับถือ (กรณีนี้ต้องชื่นชมคนเขียนบท) ใครก็บอกไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วในประวัติศาสตร์ หรือในละครที่ดำเนินเรื่องไป จูมงรักคนไหนมากกว่ากัน เว้นแต่จะจินตนาการไปตามความคิดและความเชื่อของตัวเอง ซึ่งในความคิดของผู้เขียนจากความรู้สึกที่ดูละคร (ซึ่งอาจไม่ตรงกับความรู้สึกของผู้ชมท่านอื่น) นับจากอภิเษกกับโซยา จูมงรักชายาคนนี้มาตลอด แต่ด้วยการจบของซีรีย์มันคือการจากไปของซอซอนโน บทบาทอารมณ์ความรู้สึกของพระสวามีที่ต้องลาจากพระมเหสีที่ครองแผ่นดินร่วมกันมากว่า 15 ปี มันจึงดูเหมือนว่าจูมงรักซอซอนโนมากกว่า หากว่ามันจบแบบที่จูมงพบโซยา หลังจากนั้นจูมงครองราชย์มีสองพระมเหสีซ้ายขวาขนาบข้าง โดยสถาปนาให้ยีโซยาเป็นพระมเหสีเอก องค์ชายยูริรัชทายาท แบบนี้ก็จะเหมือนกับว่าจูมงรักและให้ความสำคัญกับโซยามากกว่านั่นแหละ (กอดมากกว่าใครด้วย อิอิ) ผู้เขียนจึงสรุปว่า จูมงรักทั้งสองคน รักซอซอนโนอย่างมากมาย แต่ก็รักโซยาอย่างลึกซึ้ง

เรื่องจูมงกับโซยา ผู้เขียนอิงจากความอินที่ดูซีรีย์ ใครรักใครชอบใครไม่ขัด แค่อย่าเอาประวัติศาสตร์มาข่มทับกันก็พอ เพราะผู้เขียนไม่รู้ประวัติศาสตร์เกาหลี และไม่รู้ด้วยว่าที่เสิร์ชตามกูเกิ้ลอันไหนประวัติศาสตร์แท้ ประวัติศาสตร์เทียม เคยเห็นการวิเคราะห์ความสำคัญของโซยากับซอซอนโนด้วยเกร็ดประวัติศาสตร์ตามกระทู้ซึ่งแต่ละคนต่างก็บอกว่ามันคือประวัติศาสตร์จริง เป็นอย่างนี้โน้นอย่างนี้นะ แต่มันก็ไม่เห็นจะตรงกันเลย ยิ่งถ้าเอามาตีความว่าจูมงรักหรือให้ความสำคัญกับใครมากกว่าเพราะประวัติศาสตร์ที่ว่านั่น มันก็ลึกล้ำเกินไป เกินกว่าผู้เขียนจะไปเข้าถึงจิตใจของปฐมกษัตริย์แห่งโกคูรยอองค์นั้นได้

แต่ก็พบประเด็นหนึ่งน่าสนใจเกี่ยวกับว่า คนชอบซอซอนโนคือพวกที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ส่วนคนชอบโซยาคือพวกชอบความโรแมนติก อ่า ผู้เขียนรู้สึกดีนะที่ความชอบของตัวเองมันเข้าข่ายอย่างหลัง คิคิคิ นี่ดีนะที่จูมงมัวแต่รบ มุมานะทำงานสร้างรากฐานบ้านเมืองให้แข็งแกร่ง ซีรีย์ 81 ตอน ถือว่ามีฉากแสดงความรักความใส่ใจกับทั้งสองชายาน้อย ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะถ้าหากมีมากล่ะก็ เวลาที่เสิร์ชกูเกิ้ลด้วยคำว่า " จูมงรักใคร" หรือ "จูมงรักใครมากกว่ากัน" คงเต็มไปด้วยกระทู้เลือดสาดที่ยากจะหาคำตัดสิน สุดท้ายผู้เขียนก็คงต้องลงเอยโดยมีความสุขกับความเชื่อในสิ่งที่ตัวเองดูแล้วอินตามว่านับจากอภิเษกกัน "จูมงรักโซยา" ซึ่งก็คงจะสมเจตนารมณ์ของคนเขียนบทที่ต้องการให้คนดู 'คิดและเชื่อเอาเอง' ใครจะว่ารักโซยาก็โซยา ใครว่าเป็นซอซอนโนก็ซอซอนโน เขาจึงสร้างคาแรคเตอร์ของจูมงที่อยู่ระหว่างผู้หญิงสองคนได้ดีมากๆ



Crime Squad นอกจากจะทำให้คิดถึง จูมงกับโซยา จนยอมเสียเวลาย้อนกลับไปดูอีก ยังก่อเกิดอาการสืบเนื่องไปถึงกษัตริย์ยูริและมูยุลด้วย (ซงอิลกุกรับบทมูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน ไม่รู้ตัวเองไปอยู่ไหนมา เพิ่งจะรู้) สามารถอินต่อเนื่องไปได้ว่า ลูกหลานเชื้อสายจูมง-โซยานั้น ได้เชื้อความดี ความรักความเสียสละมาจากโซยาไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกษัตริย์ยูริที่มีคาแรคเตอร์ราวกับว่าเลือดพ่อเลือดแม่นั้นแรงมาก (อินได้อีก) คุณสมบัติข้อหนึ่งของซีรีย์คุณภาพระดับประทับใจคือ ดูอีก ก็ติดอีก สะเทือนใจอีกแล้วก็ร้องไห้อีก ฉากราชาอภิเษกของจูมงกับโซซอนโน โดยมีโซยาอุ้มลูกน้อยร้องไห้มองมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน เป็นฉากสะเทือนใจมาก นึกถึงซอซอนโนแล้วก็คิดว่าเป็นคนเพียบพร้อมทุกสิ่งจริงๆ ถ้าจะขาดก็มีอยู่แค่ 2 สิ่ง หนึ่งคือ ความรักเดียวใจเดียวของจูมง และสอง คือความสงสารจากผู้เขียน จูมงไม่อาจจะมอบรักเดียวให้ซอซอนโนได้เพราะมีโซยาอยู่อีกคน ส่วนผู้เขียนก็ไม่อาจมอบความสงสารให้เพราะถ้าจะรู้สึกสงสารซอซอนโน ผู้เขียนอาจจะกระอักเลือดไปแล้วเพราะสงสารยีโซยา"มากกว่ามาก"

แต่บทสรุปของการเลือกเส้นทางชีวิตของโซซอนโนก็ทำให้ประทับใจต่อซีรีย์จูมงมากมาย หลายครั้งที่ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจของเธอทำเอาผู้เขียนต้องซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตาให้ โดยเฉพาะการตัดสินใจครั้งสุดท้าย โห มันช่าง ... สมแล้วที่ได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีเหล็กแห่งเกาหลี เพราะเป็นวีรสตรีที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งอาณาจักรใหญ่ถึง 2 อาณาจักรคือโกคูรยอและแพคเจ เรื่องราวของจูมง ซอซอนโนและโซยาทำให้ จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ อาจเป็นซีรีย์เรื่องแรกเลยก็ว่าได้ที่เพิ่งรู้สึกยอมรับได้จริงๆ ว่าละครไม่จำเป็นต้องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป แค่จบอย่างที่มันควรจะจบ แม้ไม่มีความสุข แต่มันก็งดงาม

ดูความรักที่พลัดพราก 18 ปี กินระยะเวลาเกือบ 40 ตอน อันแสนเศร้าของจูมงกับโซยาแล้ว การเป็นพระเอกนางเอกคู่กันใน Crime Squad ก็ยังไม่อาจเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึกที่เคยพร่องไปในตอนนั้น T_T ฮือ (ปวดใจ) มันแค่เติมตื้นขึ้นมาแต่ว่ายังไม่เต็ม ต้องอีกสักครั้ง ที่ซงอิลกุก กับ ซงจิฮโย จะพบกันในฐานะพระเอกนางเอกที่รักกันอีกสักเรื่อง

Crime Squad




































































ชอบสองฉากกอดนี้จัง ไม่ว่าจะกอดเมียเก่า หรือกอดแฟนใหม่ อารมณ์มาเต็ม




ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากสามประโยคนี้ ผู้เขียนก็ซึ้งซะมากมาย

"นักข่าวโจ"
.....

"โจมินจู"
.....

"มินจูอา"

....








จิฮโยอา อิลกุกอา ขอคู่กันอีกสักเรื่อง ^^




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 2 ธันวาคม 2555 14:30:20 น.
Counter : 28493 Pageviews.  

History of The Salary Man คุณหนูครับ ผมรักที่คุณด่า @}x))*$%/|/?#"! ติ๊ดด ติ๊ดดด ติ๊ดดดด



มันน่าจะมียาอะไรสักอย่างที่กินแล้วสามารถหยุดเสพติดการดูซีรีย์ได้นะคะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองอาการโคม่าเหลือเกินพักนี้ ดูแล้วติด ติดแล้วอยากจะทำแต่ดู ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไรอื่น อยากแต่จะนอนเกลือกกลิ้ง ดูแล้วก็ดู แล้วก็ดู มันทั้งคืนทั้งวัน

History of the salary man ตอนดูอยู่ช่วงกลางๆ เรื่อง เข้าใจว่า ๒๒ ตอน น่าจะเป็นการขยายเพิ่มจากเดิมที่คงจะมี ๒๐ ตอน มากกว่าจะตัดทอนจาก ๒๔ เหลือ ๒๒ นะคะ (ส่วนใหญ่ซีรีย์เกาหลีจะวางจำนวนตอนไว้ที่ ๑๖ , ๒๐ , ๒๔ , ๓๐ และอัพไปที่ ๕๐ ตอน) ดูจบไปเช็คเรตติ้ง ยิ่งคิดว่าน่าจะเข้าใจถูกต้องแล้ว จากเรตติ้งเปิดตัว ๙.๙ % ปีนสูงขึ้นเรื่อยไปถึง ๒๔.๗ % ตัวเลขสวยงามควรค่าแก่ความสนุกของมัน



ความโดดเด้งโดนใจของซีรีย์เรื่องนี้

1. ดราม่าน้ำเน่าเกาหลีไฮโซ-และโอเวอร์ เพราะมันคือสงครามการแข่งขันของศัตรูคู่แข่งทางการค้า การแก่งแย่งตำแหน่งทายาทสืบทอดการเป็นประธานกรรมการบริหาร (CEO) การฆาตกรรมอำพราง และการแย่งชิงมรดก

2. หลงรักนางเอกหัวปักหัวปำ ‘จางเรียววอน’ รับบท ‘แบคโยชิ’ นักแสดงคนโปรด กับบทบาทสุดโดนใจ ถึงพระเอก-พระรองไม่หล่อไม่เป็นไร เพราะเพียงพลังของนางเอกที่เป็น ‘นางมารหัวแดง’ เพียงคนเดียว ก็เอาอยู่

3. กลยุทธ์สงครามสามก๊ก มีการนำถ้อยคำคมที่เป็นกลยุทธ์พิชัยสงครามจากเรื่องสามก๊ก มาใช้ในประกอบเป็นจำนวนมาก อยู่ทั้งในบทสนทนาของตัวละครและการดำเนินเรื่องในแง่ของกลยุทธ์ที่ใช้ต่อสู้กัน สอดคล้อง ทำเนียนและน่าสนใจ

4. ความรักพอดิบพอดีไม่มากไม่น้อยแต่เคล้าคลอได้ซึ้งใจ ออกห่างไปนิดจากความวนเวียนซ้ำซากของซีรีย์เกาหลีทั่วไปที่ต้องรักสามเส้าเราสามคน คือ พระเอก นางเอก พระรอง เพราะเรื่องนี้มีพระเอกคู่นางเอก พระรองคู่นางรอง ไม่ต้องมาทำอึมครึมหลอกล่อ เดี๋ยวรักคนนี้ เดี๋ยวหวั่นไหวไปคนโน้น พอผ่านช่วงเวลาระยะรู้จักคุ้นเคย ก็ชัดเจนไปเลยใครรักใครชอบใคร

5. หนุกหนานมาก เนื้อเรื่องสนุก ตื่นเต้น ลุ้น ชวนติดตาม และมันส์! แม้ระดับความมันส์จะยังเป็นรอง Midas อยู่ แต่ก็ได้รับการชดเชยในสิ่งที่ Midas ไม่มี นั่นก็คือ “ความฮา” เปรียบกันได้เพราะธีมของเรื่องจะคล้ายๆ กันในแง่การแข่งขันทางธุรกิจ การแย่งชิงอำนาจภายในบริษัท การต่อสู้ของไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่ Midas จัดหนักความเข้มข้นตลอดทั้งเรื่อง ขณะที่ History of the salary man มีการคลุกเคล้าคอมเมดี้เฮฮาเป็นระยะๆ มีขำมาก-ฮ่าฮ่า ขำน้อย-คิคิ บางจังหวะก็ขำกลิ้งแบบระเบิดเสียงหัวเราะว่ะฮ่าฮ่าฮ่า!



เพราะความมันส์มันมาด้วยกันกับความฮา ซีรีย์เรื่องนี้จึงซื้อใจได้ง่ายมาก แม้ความสุดฮาในระยะแรกจะค่อยๆ ลดระดับลงยามเข้าสู่โหมดการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น มันก็ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไหลรื่น และต้องขอชมเชยการกำกับ การเขียนบท ที่สามารถใส่คาแรคเตอร์หลักของตัวละครแต่ละคนได้ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ทุกคนมีแง่มุมความฮาเป็นของตัวเองได้ทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง แม้กับบางตัวละครมันจะค่อยๆ หายไปอย่างสอดคล้องกับอารมณ์รวมๆ ของเรื่องๆ ที่ค่อยๆ ฮาน้อยลง แต่ก็ยังมีช่วงขำๆ ให้ผ่อนคลาย ดูซีรีย์เรื่องนี้จึงได้ความมันส์ข้นแบบไม่ต้องทนเครียด



เรื่องย่อ พยายามเล่าให้สั้น (พยายามแล้วจริงๆ นะ)

จินชินฮวาง (Lee Deok-Hwa) เป็นประธานกรรมการบริหารสูงสุดของกลุ่มบริษัทชุนฮา (Chunha Group) เครือธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ คู่แข่งทางธุรกิจหมายเลขหนึ่งของกลุ่มชุนฮา คือกลุ่มจางโช (JangCho Group) ภายใต้การนำของโอจิรัค ทั้งสองก่อตั้งธุรกิจและเป็นคู่แข่งขับเคี่ยวกันมานานกว่า ๓๐ ปี ประธานจินชินฮวางเหลือทายาททางสายเลือดอยู่เพียงสองคนคือ ลูกชาย จินโฮแฮ และหลานสาวกำพร้า แบคโยชิ ประธานจินไม่เชื่อถือในความสามารถของลูกชายที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานใหญ่ จึงสั่งการให้โยชิเข้ามาเริ่มทำงานที่บริษัทเพื่อจะเรียนรู้ทำงานและฝึกฝนการเป็นผู้บริหาร ประธานจินไม่สนใจว่าจะเป็นลูกหรือหลาน สำหรับธุรกิจที่เขาสร้างมาทั้งชีวิต เขาต้องการคนที่มีความสามารถที่จะสืบสานธุรกิจของกลุ่มชุนฮาให้คงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคงได้

ลูกชาย จินโฮแฮ เป็นเสี่ยเพลย์บอย ที่ไม่เก่งงานแต่เก่งการล้างผลาญเงิน

แล้วหลานสาว แบคโยชิ เล่า ?




“คุณหนูโยชิ” (จางเรียววอน) หลานรักของคุณตาคนนี้ก็ใช่จะมีอะไรดีกว่าลูกชายหรอกนะ เธอเป็นคุณหนูเอาแต่ใจที่รู้จักแต่การใช้เงิน เย่อหยิ่งจองหอง หน้าหนาไร้ยางอาย หยาบคายไร้มารยาท ร้ายกาจต่อผู้คน พูดเกาหลีคำอังกฤษคำแสดงความเป็นอดีตนักเรียนนอก แต่เอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดของเธอคือปากสวยๆ ที่สบถพ่นคำหยาบด่าทอเป็นไฟแล่บ

คือนางเอกจริงๆ นะคะ ใช่ว่าดูซีรีย์จนมึนแล้วเอานางร้ายมาเล่าเป็นนางเอก สำหรับผู้เขียน คาแรคเตอร์นี้คือตะปูตอกติดที่ทำให้ต้องปักหลักนั่งดูนอนดูซีรีย์เรื่องนี้อย่างมาราธอน เธอคือความโดดเด่น เธอคือหัวใจสำคัญของเรื่อง ที่ทำให้อยากจะเปลี่ยนชื่อจาก History of the salary man ไปเป็น The evil besides them ซะจริงๆ เอาเป็นว่าตลอดชีวิตที่ดูละครผ่านมาและเคยพบเห็นตัวละครสไตล์ ‘คุณหนูดอกฟ้า’ ‘คุณหนูตัวร้าย’ ‘คุณหนูไฮโซ’ ยังไม่เคยเจอะเจอคุณหนู 'หน้าไหน' จะแรงร้ายมีเสน่ห์อย่างนี้ เธอตรง แรง ไม่แคร์สื่อ เธอไม่แคร์คน เธอไม่แคร์ใคร (ไม่ว่าแมวหน้าไหน) นั่นไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อปกปิดปมด้อยอะไร แต่เพราะเธอไม่แคร์จนเป็นนิสัยและตั้งใจจริงๆ ที่จะเป็นเด็กร้าย ถือเป็นคาแร็คเตอร์ที่แปลกไปจากความคุ้นเคย เพราะไม่ใช่ทั้งแก่นแก้วแสนซน ไม่ใช่ร้ายแอ๊บแบ๊ว แล้วก็ไม่ใช่ร้ายเย็นชาด้วย แต่เป็นร้ายเย็นใจที่ตลกและมีชีวิตชีวามาก

แต่การพูดคำหยาบของนางเอกที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่ามันหยาบออกมาจริงๆ นะคะ เพราะเค้าจะใช้เสียง ติ๊ดดด ติ๊ดดด ติ๊ดดด เหมือนเป็นการเซนเซอร์เสียงของเธอค่ะ ทำให้ผู้เขียนสงสัยเหลือเกินว่าในการแสดงที่ต้องให้สมบทบาทอินอารมณ์เข้ากับสีหน้าแววตา เธอได้พูดคำหยาบจริงๆ หรือเปล่า อยากรู้จริงๆ นะ แต่ไม่รู้จะถามใคร อีกอย่างหนึ่งคือเวลาเธอพูดอังกฤษแทรกเกาหลีไหงมันดูเป็นกระแ--ธรรมชาติแทนที่จะน่าหมั่นไส้ก็ไม่รู้ เธอน่ารักมั่กๆ



เพราะโยชิเชื่อว่า คุณตาเป็นคนคอยสร้างความกดดันให้พ่อแม่ของเธอจนพวกเขาถูกต้อนจนุมมและเป็นสาเหตุนำไปสู่ความตาย แม้คุณตาจะเป็นผู้เลี้ยงดูเธอมา แต่นับจากนั้นโยชิก็หันหลังให้กับทุกอย่าง เธอแก้แค้นคุณตาด้วยการไม่ยอมทำอะไรก็ตาม ที่ทำแล้วคุณตาของเธอจะมีความสุข ไม่มีใครในโลกนี้เคยบังคับโยชิให้ต้องทำหรือไม่ทำอะไรได้ แม้แต่คุณตาบังเกิดเกล้าที่รักและสงสารหลานสาวกำพร้าจึงมักปล่อยตามใจจนเลยเถิด โยชิเสียคนอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไม่ว่าโยชิจะก่อความเดือดร้อนเสียหายอย่างไร คุณตาก็รับได้มาตลอด แต่แล้วในที่สุดคุณตาก็ถึงเวลาหมดความอดทน เพราะการกระทำของโยชินั้นใช่จะดูถูกได้ว่าก็แค่เด็กผู้หญิงอันธพาลคนหนึ่ง เพราะหากเธอพอใจจะพาล เธอทำได้ถึงขั้นเขย่าสถานะของกลุ่มชุนฮาให้สั่นสะเทือนได้แค่เพียงชั่วคืน ( นางเอกนี่ร้ายได้ฮาจริงๆ)





เมื่อคุณตาใช้ไม้แข็งเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาด โยชิจึงต้องมาทำงานที่บริษัท และเธอย่อมตอบสนองต่อการถูกบังคับด้วยการไม่มาดีแน่ ความซวยมหาซวยจึงตกอยู่กับแผนกทรัพยากรกลยุทธ์ที่ต้องคอยรับมือกับความโกลาหลจากฝีมือและฝีปากของคุณหนูโยชิผู้ที่ตั้งอกตั้งใจเหลือเกินกับการทำตนเป็นผู้ก่อความวุ่นวาย

และนั่นคือที่มาของดอกฟ้าไฮโซ ที่กำลังจะมาเจอกันกับโลโซหมาวัด



โอยูบัง (ลีบอมซู) หนุ่มรากหญ้าผู้แบกภาระแม่ป่วยและความฝันของพ่อที่ตายไปแล้ว พ่อที่อยากจะให้เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้ใส่สูทผูกไทน์สวมรองเท้าหนังขัดมันไปทำงานเป็นพนักงานประจำในบริษัทใหญ่ๆ ให้เขาได้ก้าวพ้นจากการเป็นกรรมกรรายวันไปเป็น ‘มนุษย์เงินเดือน' มีตำแหน่งมีรายได้ประจำเลี้ยงตัวให้มั่นคง การเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ฝันที่ใหญ่โตอะไร แต่มันก็ยังไม่ง่ายสำหรับชายกรรมกรที่ต้องทำงานหนักหาเลี้ยงครอบครัว และส่งเสียลูกชายเล่าเรียนมหาลัย

แต่เรียนจบมาแล้ว จนแล้วจนเล่า ยูบังก็ยังไม่ได้งานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนสักที จนต้องไปลงเอยด้วยการขายร่างกายเป็นมนุษย์ทดลองยาให้กับการวิจัยผลิตยาตัวใหม่ของกลุ่มชุนฮา ซึ่งก็ใกล้จะสำเร็จเป็นยาอายุวัฒนะช่วยชะลอความแก่ โครงการหลักในการพัฒนาผลิตยาใหม่ของกลุ่มชุนฮาที่กำลังได้รับความสนใจจากลุ่มผู้ลงทุนเป็นอย่างสูง



สิ่งล่อใจยูบังไม่ใช่แค่เงินเพื่อใช้รักษาแม่ที่ป่วย แต่เพราะงานประจำที่จะได้รับในอนาคตอันใกล้หลังเสร็จสิ้นการทดลองด้วย เนื่องจากยูบังตกปากรับคำใครบางคนให้เข้าร่วมการทดลองเพื่อเป้าหมายในการโขมยยาตัวใหม่นี้ และไม่ได้มีแค่ยูบังเท่านั้น ยังมีใครอีกคนที่แฝงตัวมาเพราะต้องการยาตัวนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ระดับชั้นฝีมือนั้นห่างไกลมาก ยูบัง คือ หัวโขมย แต่อีกคนเค้ามีอะไรๆ ไฮโซกว่าหลายเท่า ทั้งในแง่ของเครื่องไม้เครื่องมือ การวางแผน วิธีการที่ใช้ จึงควรจะเรียกอย่างหรูหราตามศัพท์ธุรกิจในเรื่องว่า ‘สายลับอุตสาหกรรม’



ใช่แล้ว เขาไฮโซกว่าเพราะเขามาจากกลุ่มจางโช และเขาไม่ใช่นายกระจอกเดินดิน แต่เขาเป็นนักเรียนนอกจากแสตนฟอร์ด มีประสบการณ์การทำงานบริหารจัดการจากบริษัทใหญ่ๆ ในต่างประเทศ ปัจจุบันเขาเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ไฟแรงของกลุ่มจางโช แต่ที่อุตส่าห์ลดตัวลงมาเป็นสายลับด้วยตนเองก็เพื่องานสำคัญสุดยอดที่ไม่อาจไว้วางใจใครหรือปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้ เขาคือ ผู้จัดการใหญ่ ชอยฮังวู ( Jang Kyu Woon)

สำหรับคนเก่งเริ่ด ฉลาดล้ำอย่างชอยฮังวู อะไรๆ ก็คงจะเป็นไปได้สวย
หากไม่ซวยมาเจอกับโอยูบัง ระหว่างสายลับโลโซ กับสายลับไฮโซ
ไม่ยากไม่ง่ายจะคาดเดาใครจะทำงานสำเร็จ


(ไก่ตัวนี้มันแบกความฝันอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มชุนฮาเอาไว้
มันมีที่มาที่ไปที่ฮามากก จนต้องขอเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก)



แต่ปัญหาคือที่คาดเดาไว้มันไม่ถูกต้องน่ะสิ เพราะของอย่างนี้มันพลิกได้ พลิกไปพลิกมา ยูบัง ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “ไอ้หน้าโง่” (เพราะหน้าตาท่าทางบ๊องส์ ๆ บวมๆ เซ่อๆ ซุ่มซ่าม) ก็ถูกหมายหัวและหลอกล่อให้ตกเป็นเหยื่อเพื่อหลอกใช้ ยูบังกลายเป็นพนักงานบริษัทชุนฮาที่สอบเข้าได้ด้วยคะแนนสูงสุดอย่างน่าสงสัย หัวหน้ายุนบอนคเว จึงไม่ค่อยอยากให้เขาทำอะไรนอกจากปราบปรามคุณหนูโยชิ

เพียงเริ่มต้นการเป็นมนุษย์เงินเดือน โชคชะตาที่คิดว่ารุ่งจัดถึงขนาดสบโอกาสเข้าทำงานที่ชุนฮาได้ ก็ตกอับทันใดด้วยการถูกแขวนตำแหน่งพนักงานประจำไว้บนเส้นด้ายบางเบาที่รอวินาทีขาดอย่างคุณหนูโยชิ ผู้หญิงร้ายกาจด่าเป็นไฟที่เกิดมายูบังไม่เคยพบเจอผู้หญิงอะไรหยาบอย่างนี้ ใครได้แต่งงานกับหล่อนคงต้องโชคร้ายไปตลอดชีวิต

นี่คือคำปรารภของโอยูบังเมื่อได้เจอพิษคุณหนูโยชิเป็นครั้งแรก

"นังเด็กนั่นไม่เหมือนใครเลย อารมณ์ก็ร้ายไม่เหมือนหน้าตาเลย"




ยูบัง ถูกส่งไปทำงานที่บริษัทชุนฮาในฐานะสายลับผู้ไม่รู้ความจริง เขาถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าตัวเองเป็นสายลับหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาล (NIS) ขณะที่ผู้หลอกใช้เขาให้เป็นสายลับคือกลุ่มจางโช ความไม่รู้ของยูบังบอกกับงานสายลับที่ไม่เคลียร์ ทำให้แผนการต่างๆ ของกลุ่มจางโชที่พยายามใช้ประโยชน์จากยูบัง ถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงแก่นจากตัวสายลับเอง (มันเป็นความบังเอิญที่ฮามาก) เพราะถึงจะเข้าชุนฮามาได้ด้วยโอกาสที่ไขว่คว้ามาอย่างไม่โปร่งใส แต่ยูบังก็ตั้งใจจะเป็นพนักงานที่ดี ทำงานอย่างเต็มที่ด้วยปณิธานแน่วแน่ “ผมจะสะสมความดี เพื่อก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ”

กลุ่มจางโช ภายใต้การนำของประธานโอจิรัค ศัตรูคู่แค้นของประธานจินชินฮวางกลุ่มชุนฮา มีชอยฮังวูเป็นหัวหอกคนสำคัญในการต่อสู้เพื่อโค่นล้มกลุ่มชุนฮา อย่างน้อยถ้าล้มยังไม่ได้ก็ขอให้ได้อยู่เหนือกว่า แต่งานวิจัยของตัวสู้ไม่ไหว จะไล่ตามเขาก็ไล่ไม่ทัน จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงสูตรผลิตยา ถ้าโขมยสูตรไม่ได้ ก็ต้องได้มาซึ่งยาตัวอย่างเพื่อลอกเลียน และถ้ากลุ่มจางโชไม่ได้อะไรเลย กลุ่มชุนฮาก็ควรจะไม่ได้อะไรเหมือนกัน




ฮังวูมีความแค้นส่วนตัวกับประธานจินกลุ่มชุนฮา พ่อของเขาต้องตายไปพร้อมกับธุรกิจที่ถูกกลืนกลินเพราะมีจินชินฮวางเป็นต้นเหตุ เขาถีบตัวเองมาไกลในเส้นทางสายนี้เพื่อจะชำระความแค้นในอดีต ฮังวูไม่สนวิธีการ อะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ ขอแค่ทำแล้วสามารถโค่นล้มกลุ่มชุนฮาได้ ฮังวูจะลงมือทำทุกอย่างเพื่อให้จินชินฮวางได้ลิ้มรสความสูญเสียจนกระอักเลือดตายไปข้างหนึ่ง

แต่ภายในกลุ่มชุนฮาเองก็มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายคอยแก่งแย่งอำนาจกันเองอยู่เนืองๆ จินโฮแฮ รองประธานใหญ่รู้ดีว่าผู้เป็นพ่อไม่เคยพึงพอใจในความสามารถของตน แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดในอนาคตก็คงไม่ยากนัก เพราะหลานสาวโยชิที่พ่อจัดมาเป็นคู่แข่งก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่ง ยัยเด็กเหลือขอนั่นไม่เคยสนใจงานการของบริษัทอยู่แล้ว และถึงจะสนหล่อนก็ไม่ประสีประสาต่อโลก กร้านเกรียนก็แต่การทำตัวร้ายกาจยั่วโทสะผู้คนไปวันๆ จินโฮแฮไม่สนใจผลประโยชน์มหาศาลของยาตัวใหม่ที่กลุ่มชุนฮาจะได้รับ เขาสนแค่เงินที่เขาจะได้รับแต่เพียงผู้เดียวหากเขาโขมยมันไปขายให้บริษัทยาในต่างประเทศได้ในราคาแพงลิ่ว




ศูนย์วิจัยที่การรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ใครกันหนอที่โขมยยาได้
สายลับภายนอกที่เข้าไป หรือสายลับจากภายในที่โขมยมันออกมา ?
ยาที่หายไป ศูนย์วิจัยถูกเผาวายวอด ใครกันเป็นคนลงมือทำ ?

ผู้ต้องสงสัย จินโฮแฮ ก็ดันถูกฆาตกรรมอยู่ภายในบ้านของตัวเอง

ลายนิ้วมือของยูบังในที่เกิดเหตุ และ DNA ของโยชิจากรอยเลือดบนแหวนของผู้ตาย ทำให้เขาและเธอตกเป็นผู้ต้องหา ฆาตรกรและผู้จ้างวานฆ่า โดยมีมูลเหตุจูงใจ จากการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดธุรกิจกลุ่มชุนฮา



ยูบัง รู้ตัวว่าเขาถูกใครสักคนผลักลงเหวเป็นแพะรับบาป เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ไร้เส้นสาย ไร้ผู้มีอำนาจใดจะพึ่งพา ยูบังจึงตัดสินใจหลบหนีการจับกุม โยชิได้เห็นสายตาหวาดระแวงของคุณตาที่คลางแคลงไปแว่บหนึ่งว่าเธออาจจะอยู่เบื้องหลังการฆ่าคุณอาของตัวเอง จึงเป็นแรงผลักดันให้เธอร่วมอาละวาดในรถตำรวจขณะถูกควบคุมตัวไปพร้อมกับยูบัง ถึงเขาจะไม่เต็มใจให้หนีตามไปด้วยแต่คนอย่างโยชิมีหรือจะเกรงใจคน นายหนี ฉันหนีด้วย นายไปไหน ฉันไปกัน ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เมื่อฉันนั่งนายต้องพาย (อิอิ อารมณ์ประมาณนั้น)



จากคุณหนูดอกฟ้าไฮโซ โยชิต้องกลายเป็นเด็กจรจัดข้างถนน แม้ยูบังไม่อยากมีโยชิเป็นภาระ แต่จะทำอะไรได้กับคุณหนูผู้ดื้อดึงคนนี้ พ่นไฟมาทีก็อยากจะทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ที่สุดแล้วก็ทิ้งไม่ลง

ช่วงที่หลบหนีและมีชีวิตอย่างคนรากหญ้า โยชิจึงได้เริ่มเรียนรู้การมีอยู่ของคนชั้นล่างที่แตกต่างไปจากคนบนวิมานชั้นฟ้าอย่างเธอ ได้ลิ้มรสความเหน็บหนาวจากการการไร้ที่ซุกหัวนอน ความอดหยากหิวโหยของคนยากไร้ที่ต้องดิ้นรนมีชีวิตอย่างยากลำบาก และได้สัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความมีน้ำใจ” ที่แม้มันจะเล็กๆ น้อยๆ แต่คนที่ไม่เคยมีน้ำใจให้ใครอย่างเธอก็ประทับใจกับมันง่ายดาย



สองคนหลบหนี เพื่อพยายามหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในคดีที่ถูกกล่าวหา จึงได้ไปพัวพันกับ ชาวูฮี (ฮงซูฮยอน) นักวิจัยคนสำคัญของศูนย์วิจัยยาของชุนฮา หนึ่งในผู้ถือรหัสลับการเข้าออกห้องเก็บรักษายาในระดับชั้นความปลอดภัยสูงสุด ยูบังรู้จักวูฮีตั้งแต่ตอนเขาไปเป็นมนุษย์ทดลองยา และเมื่อได้มาเกี่ยวข้องกันมากขึ้นพื้นฐานชีวิตครอบครัวลำบากที่คล้ายคลึงกันทำให้ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีนางมารโยชิเกาะติดเป็นตุ๊กแกมือกาวให้เปรียบอยู่ใกล้ๆ ยิ่งไม่แปลกถ้าวูฮีจะกลายเป็นนางฟ้าแสนสวยและแสนดี ยูบังรู้สึกชอบพอวูฮีอย่างค่อนข้างจะเปิดเผยตามนิสัยซื่อตรงที่โผงผางอยู่เป็นทุน



ชาวูฮี ใช่แต่จะพัวพันกับยูบังด้วยความรู้สึกดีๆ เท่านั้น เธอยังพัวพันกับชอยฮังวู อดีตมนุษย์ทดลองยาหมายเลข ๒๒ ที่โคจรมาพบกันอีกหลายครั้งด้วยความรู้สึกแย่ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ในความรู้สึกแย่ๆ ที่ทั้งโกรธ ทั้งขุ่นมัว ความรักก็ค่อยๆ ก่อตัวอยู่ภายใน เพียงแต่ยากเย็นจะมีใครยอมรับความจริง เพราะต่างเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ ฟอร์มจัดด้วยกันทั้งคู่ ชีวิตมันมีวันผกผัน คนเคยไม่ชอบกัน นานวันหัวใจก็สั่นคลอน เช่นเดียวกับที่นักวิจัยสมองดีอย่างชาวูฮี ภายหลังยังต้องทิ้งวิชาชีพดีๆ ไปเอาดี (กว่า) ด้วยการเป็นเลขาฯ ของชาฮังวู



ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ของตัวละครและการพลิกผันของเรื่องราวทำให้เนื้อเรื่องมันสนุกชวนติดตามอยู่ตลอด ยาที่หายไป การฆาตกรรม การโจมตีของกลุ่มจางโชที่ทำให้กลุ่มชุนฮาสะเทือนถึงไปถึงริมขอบเหวของการล้มละลาย จวนเจียนจะตกเหวอยู่รอมร่อ แต่ไหงจางโชกลับแพ้พ่าย การฆาตกรรมถูกคลี่คลาย ยูบัง โยชิ กลับคืนสู่บริษัทในฐานะฮีโร่ผู้กอบกู้ชุนฮา

แต่ชอยฮังวูอาวุธหลักของจางโชที่เกือบจะทำลายชุนฮาได้สำเร็จ ผู้บริหารจากฝ่ายศัตรู ก็พลิกผันกลายมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มชุนฮา เรื่องจึงขยับลดวงกว้างจากการขับเคี่ยวกันกับศัตรูคู่แข่งภายนอก มาเป็นความเข้มข้นของการฟัดกันนัวในกลุ่มชุนฮาเองกับสงครามการแย่งชิงตำแหน่ง รองประธานใหญ่ที่ว่างลงจากการเสียชีวิตของจินโฮแฮ



ประธานจินชินฮวางนับถือคนมีความสามารถ เขาจึงตั้งกติกาของการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนี้ ให้ผู้จัดการใหญ่แต่ละคนทำแผนกลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการได้จริงเข้ามาเสนอ และแผนใดถูกเลือกให้ทำ ทำแล้วประสบความสำเร็จหัวหน้าทีมก็จะได้ครองตำแหน่งรองประธานใหญ่ โยชิ ผู้ถูกตรายี่ห้อติดหน้าว่าเป็นคนไร้ความสามารถ เก่งเรื่องร้ายไร้สาระ แต่ไร้เดียงสาต่อโลกของธุรกิจก็ขอโดดลงสนามกับเขาด้วย เพราะนิสัยชอบเอาชนะและมูลเหตุจูงใจส่วนตนที่คุณตาได้ปรามาสเธอเอาไว้ว่าคนอย่างเธอคงไม่มีความสามารถพอ

“ฉวยเอาสิ่งมีค่าที่สุดไปให้ได้ นั่นแหละคือการแก้แค้น”



สิ่งมีค่าที่สุดของชินจินฮวางคือกลุ่มชุนฮา แต่คนมีค่าที่สุดของเขาคือ หลานสาวคนเดียวที่แม้ปากจะเรียกสรรพนามอย่างกระด้าง "แก... แก.. แก.. " จะด่าว่าเป็น “นังเด็กไม่มีหัวใจ” แต่ความรู้สึกที่ใครๆ ก็รู้ คือจินชินฮวางมีความกังวลห่วงใยกับอนาคตของหลานสาวมาก เขาต้องการให้โยชิได้ทุกอย่างไป แต่จะทำอย่างไรกับฝูงหมาป่าที่กำลังรอโอกาสจะรุมขย้ำ ในวันที่เขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว



คุณหนูโยชิไม่ใช่คนโง่ เธอจึงเลือกอยู่ฝ่ายชอยฮังวู เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ต่อให้คนโง่สุดๆ ก็รู้ว่าฮังวูจะเป็นผู้ชนะนอนมาและคว้าตำแหน่งรองประธานใหญ่ หากเธอเลือกอยู่ฝ่ายเขา บางทีอาจจะมีโอกาสฉกฉวยเอาตำแหน่งนั้นมาได้ (หึหึ เมี่อคนอย่างโยชิไม่เคยรู้จักคำว่ามารยาท ย่อมไม่รู้จักกับคำว่าความละอายด้วยเช่นกัน) แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูคู่แข่งกับยูบังที่เลือกอยู่ทีมผู้จัดการปาร์คก็ตาม เมื่อเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ (ทีมผจก.ปาร์ค VS ทีมผจก.ฮังวู) มันก็ต้องมีเงื่อนไขวางเป็นเดิมพัน หากฝ่ายใดพ่ายแพ้ ฝ่ายนั้นต้องลาออกยกทีม ถึงไม่มีใครเห็นความสำคัญของคุณหนูโยชิผู้ไร้ความสามารถ แต่การเลือกของเธอก็สำคัญนัก เพราะไม่ค่อยมีใครอยากได้ตัวป่วนมาร่วมทีม

ยูบัง-ฮังวู จึงประกาศสงครามการเป็นคน "คนละสี" อย่างเต็มขั้น



สองทีมต่างเลือกเป้าหมายทำกลุยุทธ์ในโรงงานผลิตอุปกรณ์การแพทย์เดียวกันที่กำลังประสบภาวะขาดทุนหนักและการประท้วงของคนงานก็กำลังอยู่ในภาวะรุนแรงด้วย ทีมฮังวู ต้องการจะปิดโรงงานนี้เพื่อลดผลขาดทุน และเปิดช่องทางการทำธุรกิจอื่น แต่ทีมยูบัง ต้องการจะฟื้นฟูมันขึ้นมาให้สามารถทำรายได้และมีกำไรขึ้นมาใหม่

ไม่มีปัญหาใดจะแก้ไขง่าย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่มีชอยฮังวูคอยขัดแข้งขัดขา มันคือการต่อสู้ที่ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ชอยฮังวูคนที่มีเส้นสายมีอิทธิพลเป็นอาวุธครบครัน จะอย่างไรก็ได้เปรียบยูบังคนที่มีแต่หมัดจากมือเปล่าๆ อยู่แล้ว และนั่นก็หนีไม่พ้นต้องเจ็บตัวเจ็บหัวใจ



ทว่าคนแพ้ไม่ได้หมดสิ้นหนทางเสมอไป ตราบใดที่ยังมีหนึ่งสมองและสองมือ การเคยคลุกคลีอยู่กับคนงานในโรงงานที่ต้องปิดตัวลงหลังผ่านการต่อสู้แทบเลือดตากระเด็น ยูบังได้พบบางอะไรอย่างที่ทำให้เขาเห็นโอกาสจะเป็นช่องทางทำธุรกิจได้

เป็นช่วงฝ่าฟันเพื่อก่อร้างสร้างตัวของโอยูบังที่มีโอกาสเป็นไปได้สูง เขาแค่ต้องการที่ปรึกษา หาความช่วยเหลือ และมีแหล่งเงินทุนสนับสนุน เพื่อจะก่อตั้งโรงงานผลิตเล็กๆ ขึ้นมาสักแห่งหนึ่ง แต่นอกจากปัญหาด้านเงินทุนจะเป็นปัญหาใหญ่มาก ยูบังยังมีขวากหนามสำคัญคือชอยฮังวูที่ต้องการแย่งชิงโอกาสนั้นไป และทำทุกวิถีทางที่จะทำลายโอกาสของยูบัง



การแสดงออกของโยชิที่ชอบราวีความสงบสุขของยูบัง ในสายตาของคุณตาผู้รอบจัดอย่างจินชินฮวางกลับมองเห็นความรู้สึกพิเศษของเธอต่อไอ้หนุ่มคนนั้น แม้แต่เดิมจะอยากได้ฮังวูเป็นหลานเขย แต่ไอ้บ๊องยูบังที่มันก่อเรื่องใหญ่โตฝากฝังเอาไว้มากก็มีบางอย่างน่าสนใจ บางอย่างที่คนเพียบพร้อมความสามารถสูงอย่างชอยฮังวูไม่มีอยู่ จินชินฮวางอยากจะพิจารณาดูให้รอบคอบสำหรับคนที่จะเป็นหลักชีวิตคอยดูแลเป็นที่พึ่งของโยชิต่อจากเขาได้ ประกอบกับการขอร้องของโยชิที่ต้องการให้คุณตาช่วยเหลือยูบัง ประธานจินจึงตัดใจยอมหยิบยื่นอาวุธให้ไอ้หนุ่มมือเปล่าคนนั้นพอจะมีอะไรสักอย่างไว้ต่อสู้กับคนเก่งๆ อย่างชอยฮังวู

อาจดูเป็นกรรมการที่ไม่ยุติธรรม แต่ก็ต้องทำเพื่อความสมน้ำสมเนื้อ เพราะถ้าจะเปรียบมวยขึ้นมาชกให้ตัดสินสักคู่ จะเอามวยแชมป์โลกอย่างฮังวู มาสู้กับมวยวัดยูบังได้อย่างไร



เงินลงทุนส่งผ่านไปถึงมือยูบังในนามของผู้ลงทุนอื่น

ยูบังก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้ในนามของ แพงซองเอนเตอร์ไพรส์ แต่ใช่ว่ามันจะราบรื่น เพราะชอยฮังวูยังตามฟัดกัดไม่ปล่อย เพราะสำหรับฮังวูมันไม่ใช่แค่เรื่องของศักดิ์ศรี แต่มันเป็นเรื่องของความแค้นด้วย เพราะยูบัง กลุ่มจางโชจึงพ่ายแพ้และจำใจต้องเดินเข้าถ้ำเสือมาเสี่ยงอันตรายภายใต้อำนาจบารมีของศัตรู อีกทั้งการต่อสู้ครั้งนั้นฮังวูยังต้องสูญเสียพี่ชายลูกพี่ลูกน้องญาติที่ถือเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาไปด้วย ศัตรูของฮังวู นอกจากหมายเลขหนึ่งคือประธานจินชินฮวาง ยังมีมันเพิ่มมาอีกคน ไอ้เศษสวะโอยูบัง

การตามเหยียบย่ำศัตรูให้แหลกคาเท้า นั่นแหละเป้าหมายการมีชีวิตอยู่ของลูกผู้ชายชื่อชอยฮังวู



ระหว่างที่ยูบังยุ่งเหยิงอยู่กับการประคองธุรกิจของตัวเองให้รอด สงครามภายในของกลุ่มชุนฮาก็คุกรุ่นและร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประธานจินชินฮวางเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกฆาตกรรมอำพราง ต่างเข้าใจไปตามข้อสรุปของแพทย์ว่าเขาตายเพราะอาการป่วยจากโรคประจำตัว โยชิสูญเสียคุณตาที่พึ่งเดียวของชีวิตก็เคว้งคว้างพออยู่แล้ว เผลออีกแผล่บเดียว ทุกสิ่งที่เคยมีก็ว่างเปล่า เพราะศัตรูผู้โหดร้าย ไม่ยอมปล่อยให้เธอเหลืออะไรไว้เลย



ผู้เขียนเทใจให้นางเอกอย่างมากมาย ณ ช่วงพลิกผันนี้

เมื่อนางมารปีกหัก ความเป็นมารของเธอจะหายไป
เพราะได้เรียนรู้ประสบการณ์เลวร้ายของชีวิตหรือไม่ ?

หลังจากเธอถูกหักหลังจากคนไว้ใจ "คนสุดท้าย" คิดว่าเธอจะปวกเปียก เธอจะอ่อนแอไปซบอกพระเอกของเรา หรือไม่ก็.. เธอจะพ่ายแพ้ เธอจะบาดเจ็บหนีตาย หายหน้าไปจากผู้คน ซุกซ่อนตัวเองจมอยู่กับความหวาดกลัว แล้วพระเอกก็จะออกตามหา มาปลุกปลอบมาฟื้นฟูจิตใจ เขาจะต่อสู้ช่วงชิงทุกอย่างของเธอคืนมา แล้วครองรักกันอย่างมีความสุขเป็นสามีดีๆ ที่ได้ศรีภรรยาผู้อ่อนโยนลง เดาทางว่าคงจะมาแนวนี้แน่ เพราะเรื่องราวก็มีท่าทีเป็นใจอย่างที่คิดเมื่อคุณหนูโยชิหายตัวไปจริงๆ



ชื่อเสียงคอทองแดงของคุณหนูโยชิต้องแปดเปื้อนกันก็คราวนี้ เมื่อเธอกลายเป็นเมรีขี้เมา เมาหยำเป ทั้งคืนทั้งวัน อาการหนักถึงขั้นพิษสุราเรื้อรัง เธอเป็นเหมือนคนพิการที่น่าสงสาร นั่นคือข่าวสารที่ส่งถึงเจ้านายผู้รับฟังอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความสะใจ ในที่สุดยัยเด็กร้ายกาจนั่นก็เก่งแต่ร้ายไร้สาระยามที่มีตาแก่จินชินฮวางคอยคุ้มกะลาหัว หมดสิ้นคุณตาเธอก็แค่เด็กไร้เดียงสาต่อโลก ที่ต้องมีจุดจบแบบนั้นจะโทษใครได้ โทษตัวเองเถอะโยชิเอ๋ย ที่ก่อนหน้าหน้าเธอเอาแต่เมินเฉยต่อโลกอันทารุณของชุนฮา จึงถอนคำสั่งให้คอยติดตามเฝ้าดู ปล่อยคุณหนูไปตามทางเพราะอีกไม่นานเธอก็จะเมาตายไปเอง



แทบอยากจะล้มตัวลงมาหัวเราะกลิ้งกับพื้น
เพราะมันช่างเหนือความคาดหมาย
แถมยังได้ใจอีกมากมายนางเอกเอย

คุณหนูโยชิขี้เมางั้นเหรอ เธอดื่ม เธอเกลือกกลิ้งคาขวดเหล้าให้เห็นเป็นขวัญตา แต่พอศัตรูหันหลังให้ คุณหนูเขี่ยขวดเหล้าเข้ามุมทันใด เปิดโน๊ตบุ้คหันหน้าเข้าหาหน้าจอ หมกมุ่นอยู่กับข้อมูล กองเอกสารระเกะระกะแลดูยุ่งเหยิง เธอศึกษาสืบเสาะจนรู้แน่ชัดว่าที่เธอต้องสูญเสียทุกอย่างไม่ใช่เพราะความบังเอิญ ไม่ใช่เพราะคุณตาไม่กล้ามอบชุนฮาไว้ในมือเธอ แต่มันเป็นเพราะกลโกงของคนชั่วที่วางแผนโขมยทุกอย่างไปจากเธออย่างหน้าด้านๆ ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะซ่าส์ถึงขั้นแกว่งเท้าหาเสี้ยนใส่ตัว

"แก...คิดว่าฉันจะออกไปโดยไม่อาละวาดใช่ไหม
แก ...ไม่ควรมาหาเรื่องกับคนอย่างฉัน"




มันทั้งน่าหัวเราะในความเป็นนางมารของเธอ และก็น่าร้องไห้ ให้กับความเด็ดเดี่ยวด้วย เธอหายตัวไป เธอยกเลิกการใช้โทรศัพท์ เธอไม่ได้เป็นนางมารที่ซมซานหนีไปเพราะปีกหัก เพราะคุณหนูโยชิเธอเป็นนางมารประเภทปีกหักเสียหายแล้วมันจะงอกขึ้นมาใหม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอแค่ต้องการจะตั้งหลักเพื่อมีเวลาค้นหาความจริง มันน่าประทับใจที่เห็นว่าเธอยังแข็งแรงดีอยู่ด้วยตัวของเธอเอง



แต่ว่าพระเอกของเรานั้น ......

ก่อนหน้านั้นเขามีท่าทีว่าชอบชาวูฮีมาตลอดและรำคาญใจนิดๆ กับการมีคุณหนูโยชิมาคอยตอแย ใครๆ ก็เข้าใจตรงกันว่าเขาชอบชาวูฮี แม้แต่โยชิก็ยังรับรู้และเข้าใจเช่นนั้น ก่อนวันเกิดเหตุที่คุณตาของเธอจะเสียชีวิต ยูบังยังร่ำๆ จะให้คำตอบเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นอื่น แต่พอโยชิของเราหายตัวไป ยูบังแทบคลั่งเพราะห่วงหาอาทร เขาติดเหล้า เมาปลิ้น จนมีอาการพิษสุราเรื้อรัง 555 ซะงั้น



ยูบังผู้ใช้น้ำเหล้าบรรเทาความกังวลห่วงใย ปากพร่ำคร่ำครวญหา คุณหนูโยชิเธอไม่เคยต้องลำบาก ถ้าพ้นไปจากเขตบ้านเธอก็ทำอะไรอื่นไม่เป็น ปากเธอก็เล็กนิดเดียวเธอจะกินอะไรได้สักกี่อย่าง เธอจะไป-อดตายอยู่ที่ไหน จิตใจของเธอก็บอบช้ำ ร่างกายของเธอก็บอบบางเธอจะเจ็บป่วยไม่สบายอยู่คนเดียวหรือเปล่า โธ่ ..คุณหนูโยชิที่น่าสงสาร ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา เพราะเขาผิดเองที่ไม่ได้เอาใจใส่เธอให้มากพอ

ยูบังลืมไปแล้วว่าคุณหนูโยชิเป็นคนปรับตัวได้ดีแค่ไหน เธอเคยหนีไปกับเขา เคยนอนห้องเช่าโทรมๆ เคยกระทั่งนอนข้างถนนห่มกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ เคยใส่เสื้อผ้าสกปรก เคยกินอาหารคนเหลือทิ้ง ปากเล็กนิดเดียวที่ไหนกัน เธอสวาปามตุ้ยๆ อย่างอิ่มหนำ บอบบางเหรอ เธอออกวิ่งทุกวันเพื่อบริหารร่างกายให้แข็งแรง นางมารกำลังตระเตรียมกำลังของเธอเพื่อพร้อมสู้เต็มร้อย



ยูบังสุดจะอดกลั้นเมื่อตามพบตัว ร้องห่มร้องไห้เมื่อได้เห็นหน้าตาอันสดใสของคุณหนูโยชิแต่อุปทานเป็นความซีดเซียว เห็นขวดเหล้าเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้องยิ่งเวทนาคุณหนูผู้เศร้าโศกจนติดเหล้าเมามึน ยื่นคำขาดราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชีวิต ต่อไปนี้ห้ามคุณหนูแตะต้องเหล้าอีกแม้แต่หยดเดียว ขณะที่ตัวเขาเองสภาพสุดโทรม แถมยังน้ำลายแตกฟองมือสั่นริกๆ กับแค่ได้เห็นใครสักคนกำลังดื่มเหล้า (ฮามาก)



ยูบังรักคุณหนูโยชิอย่างไม่ต้องสงสัย ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย หลังจากที่ครึ่งเรื่องผ่านมาพระเอก-พระรอง ต่างมีท่าทีไปรุมรักนางรองกันหมด ก็แหงล่ะนะ หยาบคายไร้มารยาทอย่างคุณหนูโยชิเนี่ยใครจะไปรักลงง่ายๆ เว้นแต่คนมีเคราะห์บังตาอย่างโอยูบัง

คุณหนูโยชิรู้ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะการฉ้อโกงที่สุดแค้น หรือการฆาตกรรมที่สุดปวดร้าว แต่เธอยังแข็งแรงดี และยิ่งแข็งแรงมากขึ้นอีกเมื่อมันเริ่มชัดเจนว่าเธอได้รับความรักจากยูบัง ก่อนหน้าที่โยชิไม่ยอมพึ่งยูบังก็นึกว่าเธอน้อยอกน้อยใจเพราะคิดว่าเขาไม่รัก แต่ใช่ที่ไหนกันล่ะ เพราะเธอเห็นยูบังก็ล้นมืออยู่แล้วกับปัญหาของตัวเขาเองที่ต้องนำพาธุรกิจไปให้รอด โยชิไม่ต้องการเป็นภาระของใคร และเธอก็เข้มแข็งพอจะตั้งหลักด้วยตนเองได้



เพราะเธอคือ แบคโยชิ คือผู้สืบทอดสายเลือดมารของจินชินฮวาง
นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปไม่ฉุกคิดและศัตรูของเธอได้มองข้าม

" อย่าร้องไห้ให้ใครเห็น เพราะมันจะทำให้หนูอ่อนแอ
และถ้ามีใครเห็นว่าหนูอ่อนแอ พวกเขาจะจับหนูกิน"


เพราะเธอเคยร้องไห้คนเดียวมาพอแล้ว และเธอจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป

นางมารจึงหวนคืนสู้เหย้า เพื่อจะสั่งสอนพวกเขาให้รู้ซึ้ง
ว่าที่บังอาจปีนเกลียวรุมเล่นหัวนางมาร มันต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน



เธอกลับมาแล้วด้วยวิชามารที่แก่กล้ากว่าเก่า เธอรู้จักเก็บปีก เก็บอารมณ์ ซ่อนพิษสงของเธอเอาไว้ ภายใต้อาการเสแสร้งซมซานกลับมา คุณหนูโยชิที่เคยเย่อหยิ่ง ได้ตายจากโลกนี้ไปแลัว เหลือแต่คุณหนูโยชิคนใหม่ผู้ไร้สติเพราะมึนเมา พวกเขารับเธอเอาไว้ เพราะจำใจต้องแสดงความเมตตาให้พ้นคำครหาผู้ใหญ่รังแกเด็ก ถึงอย่างไรเธอก็เป็นหลานสาวท่านประธานคนก่อน เธอโทรมเหล้า เมาแอ๋ ไร้ทางไป และเธอไม่มีปัญญาจะทำสิ่งใดได้แน่ โยชิขี้เมาจึงไม่ใช่ใครสักคนที่ต้องหวาดกลัว

แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว เธอไม่ได้กลับมาเพื่อให้ใครสงสาร
แต่เธอกลับมาเพื่อจะเมา แล้วจะเอาทุกอย่างของเธอคืน



ครึ่งแรกทั้งมันส์ทั้งฮา ครึ่งหลังฮาน้อยลงแต่มันส์มากขึ้น นอกจากตัวละครหลักทั้ง 4 คือ โยชิ ยูบัง ฮังวู และวูฮี ขอไม่เอ่ยถึงตัวละครอื่นๆ เลย เช่นเดียวกับที่ไม่แปะรูปอื่นๆ ของพวกเขาด้วย เพราะไม่งั้นอาจจะเดาอาการได้ว่าใครดีใครร้าย คนไหนมิตร คนไหนศัตรู ที่สุดแล้วจะได้เหลือพื้นที่บล็อกไว้พูดถึงนางเอก โพสต์รูปนางเอก เยอะๆ ไง (เพื่อการนี้แหละ)

ชอบความรักในเรื่องนี้ค่ะ ทั้งคู่พระเอก คู่พระรอง ดูค่อยๆ ใกล้ชิดและรักกันอย่างเป็นธรรมชาติดี ผู้เขียนเป็นคนชอบความรักแนวนี้มากกว่าแนวตกหลุมรักครั้งแรกเยอะเลย จากแรกเริ่มรู้จัก เกี่ยวข้องสัมพันธ์ และพัฒนาไปเป็นความรัก ต่างสไตล์ แต่น่ารักมากมายทั้งสองคู่ คู่พระเอกนางเอกก็เปิดเผยไม่พูดตรงๆ แต่การกระทำก็ตรงไปตรงมา ส่วนคู่พระรองนางรองก็ฟอร์มจัดอ้อมโลกไปมา เก๊กท่ามากมาย กว่าจะได้สรุปลงเอยตรงๆ ว่ารักกัน



เสียดายอย่างเดียว พระเอกไม่หล่อ - นอกจากจะไม่หล่อไม่สูงแล้ว คิดว่าคุณพี่ลีบอมซูเขาแก่ไปนิดสำหรับบทนี้ ความจริงแกก็แก่มาตั้งแต่เรื่อง On Air สมัยโน้นแล้วล่ะ แล้วคิดดูสิพี่บอมซูสมัยนี้ ณ ปีนี้ .... แม้จะประหลาดใจกับผิวที่ยังเต่งตึงบนใบหน้าที่แสดงความสูงวัยของเฮียแกก็เหอะ คิดว่าคาแรคเตอร์ยูบังที่พร้อมล้มลุกคลุกคลานเพื่อทะยานไปสู่จุดหมายจะเหมาะกับหนุ่มๆ ที่ดูไฟแรงมากกว่า แต่ลองคิดดูจริงจังกับคาแร็คเตอร์นี้ หน้าตาซื่อๆ ดูโง่ๆ ตัวเล็ก เตี้ย ติงต๊องนิดๆ ฮาหน่อยๆ (บางทีก็ฮามาก) แต่เป็นคนเฉลียวฉลาด มีพระเอกเกาหลีที่ชื่นชอบอยู่ในใจก็หลายคน แต่นึกภาพพวกเขาเป็นยูบังไม่ออกเลยสักคน เว้นก็แต่ ป๋าชาซึงวอน ( ต๊กกูจิน Greatest Love) น่าจะเล่นได้เข้าถึงเหมือนกัน แต่รูปร่างเป็นปัญหา เพราะสูงโปร่งทรงสมาร์ทปานนั้น บทนี้คิดว่าพระเอกตัวเล็กจะเหมาะกว่า เพราะต้องดูด้อยกว่าพระรองทุกทาง ถ้าเป็นป๋าชาซึงวอนรูปร่างแกกับพระรองถ้าเทียบแล้วเกรงว่าจะกินกันไม่ลงหรือไม่พระเอกก็ข่มพระรองไปเลย



นึกแล้วนึกอีก ก็ยังเสียดายไม่แล้วไม่หาย อยากให้เรียววอนได้คู่กับพระเอกหล่อๆ และแล้วก็นึกออกมาได้คนนึงที่เหมาะที่สุด "จองคยองโฮ" ไม่ใช่เพราะเคยเป็นพระเอกของเรียววอนเรื่ององค์หญิงจามองหรอกนะคะ แต่เพราะคาแร็คเตอร์ของยูบังค่อนข้างจะใกล้เคียงกับคาแร็คเตอร์ของ คังฮยุนซู ที่คยองโฮเล่นไว้ใน Smile You และผู้เขียนเพ้อเป็นบ้าเป็นหลังอยู่พักใหญ่นั่นแหละ ว่าแต่ ...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นคยองโฮ อาการเวิ่นเว้อกับซีรีย์เรื่องนี้จะสาหัสขนาดไหน

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ปัจจัยหลักในการเลือกซีรีย์ และติดตามชมโดยไม่เลิกราไปซะก่อน ล้วนเป็นพลังนางเอกทั้งนั้นเลย เรื่องนี้ก็ย้ำว่าเป็นเพราะนางเอกค่ะ ทั้งตอนเลือกดู และที่ทำให้ติดตามดูจนงอมแงม แม้บทบาทเธอจะไม่ใช่คนเก่งทำงาน แต่นิสัยนางมารของเธอก็เจ๋ง แล้วยังมีคนเก่ง (พระเอก) มาเป็นขุนพลช่วยจัดการศัตรูให้ก็ยิ่งอุ่นใจได้ ซึ่งไม่ว่าจะเรื่องการต่อสู้ของเขา หรือเรื่องการต่อสู้ของเธอ จะฟ้องอัยการ จะลากใครขึ้นโรงขึ้นศาล สาเหตุ ที่มาที่ไป มันพัวพันจนกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ปัญหาของฉัน ปัญหาของคุณ ปัญหาของเรา ต่างช่วยเหลือดูแล รักกัน และสู้ด้วยกัน

มันสนุกจัง และฉันรักเธอนะ จางเรียววอน เรื่องหน้าออนแอร์จบ ซับครบเมื่อไหร่ เจอกันแน่ The King of Drama แม้จะต้องทำใจ เธอคว้าพระเอกไม่หล่อมาอีกแล้ว เฮ้ออออ T___T

เรียววอน + คิมแจวอน
เรียววอน + ควอนซังวู
เรียววอน + ฮยอนบิน
เรียววอน + ซงซึงฮยอน

ถ้าได้สูตรอย่างนี้บ้างสักเรื่องล่ะก็ คงดูแล้วมีความสุขสุโค่ย








...





ฉากเด็ดที่สุดของเรียววอนในเรื่อง Princess Ja Myung ยกให้ฉากที่แม่ทัพใหญ่วังโฮจะประหารเธอ
ใบหน้าที่ชุ่มด้วยน้ำตาของเธอดูสวยมากกับการพร้อมยอมตายขอแค่ได้รู้ความจริง
สำหรับเรื่องนี้ ยกให้ฉากโดนปาไข่นี้ค่ะ มันเป็นฉากที่แม้เธอจะหน้านิ่ง
แต่มันให้ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอดูสวยสุดๆ ในฉากนี้








...















ขอบคุณเว็ปดูซีรีย์ออนไลน์ : //www.showmax.tv




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 21 มกราคม 2556 13:17:57 น.
Counter : 12565 Pageviews.  

Princess Ja Myung Go อยากดูซีรีย์แนวโศก จึงได้เศร้าโศกสมใจ อินจัดอะไรปานนี้



Title : Princess Ja-Myung Go
Episodes: 39
Director: Lee Myung-Woo
Writer: Jeong Seong-Hee
Broadcast : SBS March 9- July 21. 2009





Princess Ja Myung Go หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน' แม้เป็นละครพีเรียดที่เรตติ้งไม่สูงนัก แต่ก็ทำให้รู้สึกประทับใจในเรื่องราวความรัก-ความฝัน-อันขมขื่น ที่สุดท้ายก็จบแบบที่มันควรจะเป็นคือโนแฮปปี้เอนดิ้ง มีแต่เวรี่โซแซดเท่านั้น



องค์หญิงจามอง รับบทโดย จองรยอวอน (Jung Ryeo-Won) แต่บางสำนักก็เรียกเป็น "จางเรียววอน" ตัวผู้เขียนเองก็จดจำเธอในชื่อนี้ เธอเป็นอีกหนึ่งนางฟ้าเกาหลีในดวงใจตั้งแต่สมัยรับบทนางรองในซีรีย์คิมซัมซุน เธอทำให้ดูเรื่องนี้ไม่จบ เพราะถ้าชอบนางรองมากกว่านางเอกแล้วจะดูละครสนุกได้อย่างไร และเธอคือคนที่ทำให้ตั้งตารอคอย เมื่อช่อง ๓ เตรียมจะนำจามองมาออกอากาศตอนเย็นเสาร์อาทิตย์เริ่มต้นช่วงปลาย ธันวาคม ๒๕๕๒

แต่น่าเสียดายละครไม่น่าเปิดเรื่องจากตอนไคลแมกซ์สำคัญ ส่วนตัวคิดว่ามันขับไล่ความตื่นเต้น ความสนใจให้เหือดหายไปซะหมด ดูละครออกอากาศวันแรกก็พอจะเห็นแนว 'เศร้าแน่นอน' และเมื่อได้อ่านเรื่องย่อยิ่งตอกย้ำ คงเพราะสร้างจากตำนานเล่าขานแต่โบราณของเกาหลีที่คนเกาหลีคงรู้เรื่องกันดีอยู่แล้วจึงเปิดเรื่องออกมาแบบนั้น (แต่ฉันไม่อยากรู้ T_T) อาจเป็นเพราะมันคือตำนานนี่แหละ เรื่องย่อตามเน็ตที่พบเจอจึงบอกเล่าจุดจบอย่างชัดเจน เคลียร์กันหมดเปลือกว่าจบอย่างไร สรุปได้เลยว่าไม่เศร้าธรรมดา แต่เป็นระดับโศกาขั้นโศกนาฏกรรม



หลังจากเขียน Smile You เป็นมหากาพย์ความยาวมาก่อนหน้า ก็ชักเริ่มหวั่นใจกับการจะเขียนบล็อกซีรีย์เกาหลี เพราะอินเว่อร์ให้ได้ยาวและแตะประเด็นสปอยล์ตลอด! ถ้าใครเกลียดการสปอยล์ เข้าบล็อกชื่อ prysang เมื่อไหร่ ข้าน้อยขอเตือนไว้เลยนะคะ เพราะหากจะว่ากันถึงความดราม่าล่ะก็ ขอยกให้เกาหลีชนะเลิศเสมอ (แรงเงาก็แรงเงาเถอะ) แต่ถึงจามองจะเป็นซีรีย์เศร้าโศก ในเรื่องราวก็ยังเต็มไปด้วยความสนุกชวนติดตามและลุ้นมันส์ จึงตัดใจไม่ลง เขียนเถอะ เพราะท่าทางจะเขียนแล้วสนุกดี เลยจัดไป ตามนี้



กองทัพจากแคว้นโกคูรยอ ยกกองทัพใหญ่เตรียมบุกขยี้เพื่อเข้ายึดครองแคว้นนังนัง แต่ติดปัญหาอยู่ ณ ชายแดน คือเหล่าทหารของพระราชามูยุลต่างพากันไร้ขวัญกำลังใจจะสู้รบเพราะพากันหวาดกลัว 'กลองจามอง' กลองขนาดยักษ์ที่เล่าลือว่าเป็นกลองศักดิ์สิทธิ์ประจำแคว้นนังนัง เมื่อศัตรูเข้ามารุกรานกลองจะสามารถส่งเสียงดังเองได้ ดังก้องกังวานไปไกลกว่า ๘๐๐ ลี้ เพื่อเตือนภัยปวงประชา และบันดาลชักพาให้ศัตรูต้องพบกับความพินาศ



ทหารโกคูรยอพากันเชื่อว่าแคว้นนังนังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าทันกุนได้ประทานหนังวัววิเศษมาให้เพื่อสร้างกลองจามองไว้ปกปักรักษาดินแดน การดึงดันจะบุกเข้ายึดครองนังนังอาจทำให้โกคูรยอต้องประสบเภทภัยใหญ่หลวง ตรงข้ามกับทหารแคว้นนังนังที่ขวัญกำลังใจแข็งกล้าด้วยศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของกลองจามอง



แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน เมื่อลาฮี องค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นนังนังได้ทรยศต่อบ้านเมืองด้วยการทำลายกลองจามอง เพื่อช่วยเหลือองค์ชายโฮดงแห่งแคว้นโกคูรยอได้เข้ายึดครองนังนังเป็นผลสำเร็จ ให้องค์ชายโฮดงได้ถวายแคว้นนังนังแด่พระราชาแทมูชิน-มูยุล เสด็จพ่อขององค์ชาย การยึดครองแคว้นนังนังถือเป็นเดิมพันสุดท้ายที่พระราชามูยุลจะใช้เป็นข้อต่อรองกับ ๕ ชนเผ่าในการรับรองให้องค์ชายโฮดงได้ขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาทสืบต่อบัลลังก์



เพราะองค์ชายโฮดงเกิดจากสนมยอน พระสนมจากเผ่าพูยอ เผ่าศัตรูที่ถูกกวาดล้างไปในอดีต องค์ชายจึงไร้ซึ่งอำนาจการเมืองใดจะช่วยเหลือสนับสนุนในการแย่งชิงอำนาจภายในราชวงศ์ ต่างจากพระอนุชา "องค์ชายแฮวู" ที่ถือกำเนิดจากพระมเหสีเอก"ซงแมซอลซู" ซึ่งเป็นธิดาจากชนเผ่าพีรู-เผ่าใหญ่ทรงอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในบรรดา ๕ ชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นโกคูรยอ "ซงอ๊กกู" หัวหน้าเผ่าพีรูและพระมเหสีเอกต่างกำลังเฝ้ารอวันฝังกลบองค์ชายโฮดงเพื่อให้องค์ชายแฮวูได้เป็นรัชทายาท หากองค์ชายโฮดงยึดครองแคว้นนังนังไม่ได้ นอกจากจะหมดหนทางเป็นรัชทายาทยังต้องมีชะตากรรมดังพระราชามูยุลเคยตรัสไว้

“เกิดเป็นองค์ชาย ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์ไม่ได้ เจ้าก็ต้องตาย”




การเป็นรัชทายาท คือทางเดียวเท่านั้นที่องค์ชายโฮดงต้องต่อสู้กับโชคชะตาตั้งแต่ยังเล็กจวบจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม โชคชะตาที่เกี่ยวพันกับองค์หญิงสององค์แห่งนังนัง

หนึ่งคือรักลวงที่หลอกใช้ อีกหนึ่งคือรักแท้นิรันดร

เพื่อองค์ชายโฮดง องค์หญิงลาฮีต้องทำลายกลองจามอง

เพื่อแผ่นดินนังนัง องค์หญิงจามองต้องสังหารองค์ชายโฮดง

องค์หญิงจามองเข้าต่อสู้กับองค์หญิงลาฮีเพื่อขัดขวางการทำลายกลองจามอง
แต่ก็ไม่อาจปกป้องกลองเอาไว้ได้ทั้งยังถูกอาวุธอาบยาพิษตกอยู่ในอาการเป็นตายเท่ากัน

องค์หญิงจามอง ที่ประชาชนไม่เคยรับรู้การมีตัวตนอยู่ พยายามจะปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต

องค์หญิงลาฮี องค์หญิงรัชทายาทหนึ่งเดียวของนังนัง เป็นที่รักบูชาของประชาชน แต่กลับทรยศบ้านเมืองของตนเอง

แม้จะมีเหตุผล 'เพื่อนังนัง' เป็นข้อกล่าวอ้าง แต่ผลของมันก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมยกแผ่นดินให้แคว้นอื่น พร้อมกับหัวพระบิดาที่ถูกประหารชีวิต



สมควรแล้ว ที่ถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์จนตายไปอย่างน่าอนาถ
สิ้นคนศรัทธากราบไหว้ ร่างถูกฝังกลบลงหลุมดินอย่างศพไร้ญาติ

"ก่อนที่เจ้าจะทำลายนางไป นางยังเป็นองค์หญิงของพวกข้า แต่วินาทีที่ลาฮียอมละทิ้งนังนังเพื่อเจ้า เราก็ละทิ้งนางเช่นกัน"

ท่านแม่ทัพใหญ่วังโฮของนังนังได้กล่าวต่อองค์ชายโฮดง ต่อหน้าหลุมศพอนาถาขององค์หญิงลาฮี

เปิดเรื่องมาตอนแรกก็ไม่แฮปปี้แล้ว

องค์หญิงที่ทรยศบ้านเมืองเพื่อผู้ชายจนถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์ ?

องค์ชายที่หลอกใช้ความรักขององค์หญิงเพื่อผลประโยชน์ของตน?

เอ่อม .. นี่มันสุดจะอัปยศน่าอดสู ไร้เกียรติ สิ้นศักดิ์ศรี เสื่อมที่สุด!




องค์หญิงอีกองค์ (จามอง) แม้หนทางเลือกแตกต่าง แต่เหตุใดองค์หญิงดีๆ ต้องไปรักองค์ชายเสื่อมๆ คนเดียวกันกับพี่สาวด้วยเล่า หรือจะเข้าข่ายรักสามเส้าเราสามองค์ ระหว่าง หนึ่งองค์ชายร้าย หนึ่งองค์หญิงเลว กับหนึ่งองค์หญิงแสนดี

ถ้ามันจะรันทดขนาดนั้น คำถามคือ จะทนดูซีรีย์ชวนอารมณ์ห่อเหี่ยวเรื่องนี้ไปตั้ง 39 ตอน เพื่อ ? งานนี้พลังของนางเอกในดวงใจอย่าง จางเรียววอนก็เอาไม่อยู่ เลิกเถอะ ไม่ไหวจะระทมทุกข์



แต่คราวนี้กลับมาดูอีกครั้ง เพราะ "จองคยองโฮ" ผู้รับบทองค์ชายโฮดง ติดอกติดใจมาจาก Smile You จนอยากกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก "ปาร์คมินยอง" ผู้รับบทองค์หญิงลาฮี ก็สวยเหลือเกินกับการเป็นนางเอก Time Slip Dr.Jin ( จิน หมอทะลุศตวรรษเวอร์ชั่นเกาหลี) สาวเรียววอนเลยได้อีกสองแรงช่วยผลักดัน มี ๑ พระเอกหล่อ กับ ๒ นางเอกสวยถูกใจ ดูไปดูมาก็ดูติดหนึบ ดูในเน็ตเป็นพากษ์ไทยตามเสียงพากษ์ช่อง ๓ ไปประมาณ ๒๒ ตอน ถึงกับทนต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะช่อง ๓ พากษ์ไม่ดี แต่แค่อยากได้ยินเสียงทุ้มใหญ่ของคยองโฮ กับเสียงต้นฉบับของตัวละครทุกตัวที่จะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าเสียงพากษ์ เนื่องจากมันเป็นละครที่เต็มไปด้วยอารมณ์จึงต้องการอินอย่างลงทุนด้วยการยอมเสียเงินซื้อแผ่น



ในอดีตกว่า ๒๐๐๐ ปี ที่แคว้นนังนังมีกลองศักดิ์สิทธิ์ชื่อกลองจามอง 'จามอง' แปลว่าเสียงร้องเพื่อให้ช่วยชีวิต ไม่ใช่เพียงแต่เป็นชื่อกลองศักดิ์สิทธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นพระนามของ “องค์หญิงจามอง” พระธิดาในกษัตริย์ชอยรีกับพระมเหสีเอกโมฮาซูแห่งแคว้นนังนัง

แต่ด้วยชะตากรรมสุดอาภัพ นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกในวันแห่งคำพยากรณ์
วันที่สองพี่น้องต่างมารดาถือกำเนิดในวันเดียวกัน

หนึ่งจะเป็นผู้กอบกู้แคว้นนังนังให้คงอยู่
ส่วนอีกหนึ่งจะเป็นผู้ทำให้แคว้นนังนังล่มสลาย


ด้วยอำนาจเลว เล่ห์อุบายชั่ว บวกกับสถานการณ์บีบบังคับ ทารกน้อยแรกเกิดจึงถูกปิ่นปะการังปักอก ใส่เรือล่องลอยไปกลางลำน้ำสายใหญ่ พร้อมกับ "อิมพูล" เด็กชายวัยเยาว์ที่แม่ของเขาได้ตายเพื่อปกป้องทารกน้อยด้วยหัวใจของบ่าวผู้จงรักภักดี นางได้อุ้มลูกชายใส่เรือพร้อมคำสั่งเสียสุดท้าย ให้เจ้าอยู่เคียงข้างคอยดูแลนเด็กน้อยผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย



องค์หญิงจามองถูกลอยเรือไปกับกระแสน้ำไหลเชี่ยว ท่ามกลางอากาศเย็นจัด ฝ่าลมพายุโหมพัด ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เป็นที่วางใจ เรือน้อยยังถูกติดตามให้แน่ใจว่ามันได้ล่มจมลงใต้ผืนน้ำ ไร้สิ้นโอกาสใดให้รอดชีวิต

แต่ก็รอด และถูกเลี้ยงดูขึ้นในคณะกายกรรม 'เฮเฮฮาฮา' กลายเป็นสามัญชนเดินดิน เป็นเด็กดื้อชื่อ "บุ๊กกู" ฝึกกายกรรมเป็นเครื่องมือหากินเลี้ยงปากท้อง เป็นเด็กกำพร้าเก็บมาเลี้ยงที่ไม่เคยรู้ว่าชาติกำเนิดแท้จริงของตนคือใคร



"บุ๊กกู" เป็นนักแสดงกายกรรมฝีมือดี เป็นศิษย์ของชายพเนจรลึกลับขาพิการที่สอนให้ร่ำเรียนวรยุทธ ช่ำชองการต่อสู้ และถูกเคี่ยวกรำวิชารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคนจากท่านน้า 'ซาซาซุง' และ 'น้ามีชู'-สามีภรรยาเจ้าของคณะกายกรรมที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่

แต่อันตรายยังคงตามติดเป็นเงามืดของชีวิตที่ตัวบุ๊กกูเองไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด
ตนจึงตกเป็นเป้าหมายของการพยายามฆ่าแต่เล็กจนโต ครั้งแล้วครั้งเล่า

เด็กหญิงบุ๊กกูจากคณะกายกรรม ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเยือนแผ่นดินนังนัง ณ วังหลวง บุ๊กกูได้พบกับพระมเหสีเอก พระมเหสีรองและองค์หญิงนังนัง (ลาฮี) ภาพที่บุ๊กกูเห็น องค์หญิงนังนังเพียบพร้อมด้วยความรักและความสุขจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ มีข้าราชบริพารห้อมล้อม พร้อมสรรพเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารการกินที่ไพร่ชั้นต่ำหาเช้ากินค่ำอย่างเด็กกำพร้าถูกทิ้งในคณะกายกรรมไม่มีแม้แต่โอกาสจะฝันถึง และยังได้พบกับองค์ชายโฮดงแห่งแคว้นโกคูรยอที่เดินทางมาเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นนังนัง

องค์ชายผู้แรกพบประสบพักตร์กับเด็กหญิงบุ๊กกูจอมพลังแล้วรู้สึกถูกชะตา ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงกับหน้ากากแย้มยิ้มที่เคยเสแสร้ง กลับกลายเป็นรอยยิ้มแท้จริงพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเป็นสุข

“เจ้าอยากมาเป็นองครักษ์ของข้าไหม”

องค์ชายรับสั่งเช่นนั้นแม้รู้อยู่แก่ใจ ผู้หญิงไม่เหมาะจะเป็นองครักษ์ได้ แต่ก็อยากจะมองข้ามจุดนั้นไป เพราะถูกใจบุ๊กกูอย่างมาก




จากเด็กหญิง สู่เด็กสาว บุ๊กกู ได้พบองค์ชายโฮดงอีกครั้ง ณ เมืองแห่งหนึ่งที่เป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ องค์หญิงลาฮีเป็นราชทูตจากแคว้นนังนัง องค์ชายโฮดงเป็นราชทูตจากแคว้นโกคูรยอ บุ๊กกูจากคณะกายกรรมที่ถูกว่าจ้างมาแสดงต้องตกอยู่ใสถานการณ์บีบบังคับให้ลอบสังหารองค์หญิงนังนังผู้เป็นว่าที่พระคู่หมั้นขององค์ชายโฮดง

พระราชาชอยรีแคว้นนังนังยังคงไม่ตอบรับการสู่ขอของพระราชามูยุล เพราะต้องใคร่ครวญผลได้ผลเสียอย่างระมัดระวัง รั้งรอ ..เพราะยังคงมีความคลางแคลงในวัตถุประสงค์ของการอภิเษกที่แตกต่าง

แคว้นนังนังคาดหวังจะให้เป็นการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น
แต่แคว้นโกคูรยอมุ่งหวังจะครอบครองแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ของนังนัง




แคว้นโกคูรยอ เป็นอณาจักรที่ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินแห้งแล้ง สร้างอณาจักรเป็นปึกแผ่นขึ้นมาจากการทำสงครามรวมรวมดินแดนและปกครอง ๕ ชนเผ่าให้อยู่ภายใต้อำนาจ (เดาจากซีรีย์ย้อนยุคเกาหลี เดาว่าคงเรียงลำดับดังนี้ กวางแกโต > จูมง >มูยุล รึเปล่านะ? ) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการคานอำนาจกันและกันอยู่ภายในแคว้น โดยเฉพาะความทะเยอทะยานของ 'เผ่าพีรู' ที่ถือเป็นหอกข้างแคร่ให้พระราชามูยุลต้องคอยจับตาดูอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ

เพื่อจะถ่วงดุลอำนาจของ ๕ ชนเผ่าทำให้พระราชามูยุลต้องอภิเษกกับธิดาหัวหน้าเผ่าพีรู-ซงแมซอลซู แต่นอกจากนางกำนัลคนสนิทไม่มีใครรู้ว่าซงแมซอลซูได้รับการอภิเษกแต่เพียงในนาม เป็นเพียงพระมเหสี และเป็นพระมารดาขององค์ชายโฮดง พระราชามูยุลไม่เคยร่วมหลับนอนกับพระมเหสีเพราะไม่ต้องการให้เกิดมีโอรสขึ้นมาเป็นอาวุธของเผ่าพีรูที่หวังจะแย่งชิงบัลลังก์ไปจากองค์ชายโฮดง



หลายปีอันยาวนานที่พระมเหสีซงแมซอลซูยังคงเป็นสาว(แก่)พรหมจรรย์
ความเจ็บปวด ความคั่งแค้นของสตรีที่ต้องเป็นพระมารดาให้กับโอรสของหญิงอื่นที่แม้กระทั่งตายไปแล้วก็ยังได้ชื่อว่าเป็นยอดดวงใจ แต่คนที่มีชีวิตอยู่กลับไม่มีโอกาสจะร่วมห้องกับพระสวามี ไม่มีโอกาสจะเป็นพระชนนีของกษัตริย์ครองบัลลังก์ในอนาคต ไม่อาจจะเติมเต็มความหวังของพ่อและของเผ่าพีรูด้วยการให้กำเนิดพระโอรส ก่อเกิดเป็นความเกลียดชังที่พุ่งเป้าไปยังองค์ชายโฮดง

หน้ากากของพระมารดาจึงหลุดออก

องค์ชายน้อยหัวใจแตกสลายเพราะความเหี้ยมเกรียมไร้ปราณีที่ได้รับจากพระมารดาจนเกือบถึงขั้นหมดลมหายใจ มันคือสงครามเย็นระหว่างสองแม่ลูกที่พระราชามูยุลแม้จะเข้าใจสถานการณ์ดี แต่ก็ไม่อาจหยั่งถึงความลึกล้ำของมัน เพราะไม่เคยได้รับรู้ความบาดหมางที่เป็นจุดแตกหักแท้จริง

ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว ความโหดเหี้ยม และเย็นชา ความรัก ความแค้น ความอาฆาต ความเกลียดชังที่ติดแน่นฝังลึกรอวันชำระสะสางระหว่างองค์ชายโฮดงและพระมเหสีซงแมซอลซู มันเป็นเรื่อง 'สัญญาความแค้น' ที่รู้กันอยู่เพียงเราสองคน




มันคือเกมแย่งชิงบัลลังก์ ที่จะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว

พระมเหสีซงแมซอลซู - กับความเพียรพยายาม ความอดทนแทบเลือดตากระเด็น ต้องงัดทุกเล่ห์เหลี่ยมอุบายมาไขว่คว้าหาโอกาส ที่จะทำให้พระนางสามารถให้ประสูติพระโอรสกับพระราชามูยุลได้ในที่สุด

องค์ชายโฮดง - รู้สถานะตนดีว่า เป็นเพียงองค์ชายจากพระสนมสายเลือดศัตรู ถือกำเนิดจากความรักที่พระบิดามีต่อพระมารดาจากใจจริงแท้ หญิงเดียวที่พระราชามูยุลมีความรักมอบให้และลาจากโลกไปหลังให้กำเนิดองค์ชายโฮดง แต่ถึงจะเป็นลูกรัก พระราชามูยุลผู้เข้มแข็งและโหดเหี้ยมก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นพระราชาเฉกเช่นเดียวกับตน จึงไม่อาจจะวางตนเป็นพ่อแต่เป็นพระราชาที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง-หากจำเป็น



องค์ชายรู้ดีมาตลอดตั้งแต่เล็กว่าเผ่าพีรูคาดหวังพระโอรสจากพระมเหสีซงแมซอลซูและจะไม่มีวันสนับสนุนพระองค์ขึ้นเป็นพระราชา หนทางเดียวที่จะต่อต้านอำนาจของเผ่าพีรูคือองค์ชายต้องครอบครองแคว้นนังนัง ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินนั้นจะทำให้องค์ชายเป็นที่ยอมรับของประชาชน และได้รับการยอมรับจากอีก ๔ ชนเผ่า จะต้องครอบครองนังนัง ไม่ว่าจะต้องใช้กำลังบังคับด้วยสงคราม หรือด้วยการอภิเษกเป็นใบเบิกทาง

แม้องค์ชายโฮดงจะไม่ชอบองค์หญิงลาฮีที่หยิ่งยโสมาตั้งแต่เล็ก แต่องค์ชายผู้เฉลียวฉลาดก็เข้าใจสถานการณ์ดีจึงตั้งใจหว่านเสน่ห์กับองค์หญิงลาฮีเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงลาฮีก็ช่างกะไร จะหยิ่งยโสปานใดก็เป็นเพียงการแสดงออกต่อหน้าเพื่อต่อต้านหัวใจตัวเอง ทั้งที่ความจริงนั้นติดบ่วงเสน่ห์หาขององค์ชายโฮดงเสียแล้วตั้งแต่แรกพบ

องค์หญิงลาฮีคือเป้าหมายสำคัญในชีวิตขององค์ชายโฮดง

แต่องค์ชายโฮดงกลับยอมให้ที่หลบซ่อนกับบุ๊กกู ที่หลบหนีมาจากการลอบสังหารองค์หญิงลาฮีไม่สำเร็จ ด้วยความจำเป็นที่ต้องการความช่วยเหลือบุ๊กกูจึงขอร้ององค์ชายโฮดงให้รับนางเป็นองครักษ์




จากองค์รักษ์ บุ๊กกูกลายเป็นเพื่อน จากเพื่อน บุ๊กกูเป็นคนรัก และเป็น 'ผู้หญิงของโฮดง' ที่ได้แต่งงานกันตามลำพังอย่างสามัญชน การผูกพัน การลาจาก การทรยศหักหลัง คือเส้นทางแห่งชะตากรรมที่ถูกขีดไว้ให้ต้องเดิน องค์หญิงจามองจำต้องหวนคืนสู่แผ่นดินเกิด ต้องตกอยู่ท่ามกลางความเกลียดชัง ความขัดแย้งของการชิงอำนาจ และสุดท้ายต้องมุ่งหมายเอาชีวิตองค์ชายโฮดงเพื่อความสงบสุขของนังนัง



องค์ชายโฮดงต้องการจะปกครองบ้านเมืองโดยสันติวิธี จึงพยายามจะหลีกเลี่ยงการทำสงครามมาตลอด แต่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ เป้าหมายนั้นยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ขวากหนามที่คอยทิ่มแทงยิ่งแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวด ความคับแค้นใจเริ่มรุมกัดกร่อนคุณธรรมในจิตใจให้ค่อยๆ ทลายลง สุดท้ายจึงต้องการจะเหยียบนังนังให้ราบคาบ ไม่ใช่แค่เพื่อตำแหน่งรัชทายาทเท่านั้น แต่เพื่อสิ่งเดียวที่เป็นความสุขของชีวิตและจะช่วยเยียวยาบาดแผลในจิตใจให้บรรเทาได้

จะต้องครอบครองนังนัง เพื่อครอบครององค์หญิงแห่งนังนัง

หนึ่งเดียวที่ต้องการไม่ใช่องค์หญิงลาฮีผู้ที่ประชาชนเรียกขาน "องค์หญิงนังนัง" ผู้งามเลิศล้ำในแผ่นดิน แต่เป็นองค์หญิงไร้ตัวตนไร้การรับรู้จากชาวนังนัง คือ "องค์หญิงจามอง" คือ บุ๊กกูที่เป็นผู้หญิงของโฮดง



ใจความของเรื่องมันก็มีสั้นๆ แค่ว่า

หนึ่งนั้นยอมสละบ้านเมืองเพื่อความรัก ส่วนอีกหนึ่งยอมสละความรักเพื่อบ้านเมือง

แต่ก่อนจะมาถึงแก่นแท้ใจความ-ความปวดร้าวของเรื่อง ณ จุดนี้ มันมีรายละเอียดอารมณ์ความรู้สึกสะสมพอกพูนมา มันเป็นอะไรที่ .. น่าหลั่งน้ำตาให้ ถ้าให้นิยามความรักอย่างสั้นๆ ขององค์ชายโฮดงกับองค์หญิงจามอง ขอบอกอย่างนี้ว่า มันคือ

ความรักขื่นขมของคนขมขื่นสองคนมาพบกัน

ความรันทดขององค์ชายไร้อำนาจ กับความอาภัพขององค์หญิงไร้ศักดินา



เคยร่วมสุขร่วมทุกข์ เคยร่วมผ่านความเป็นตายมาด้วยกัน มีความรักความผูกพันลึกซึ้ง ที่แม้แต่การมุ่งหมายเอาชีวิตตามภาระหน้าที่ ก็ไม่อาจทำลายความรักที่มีให้กันลงได้

องค์หญิงลาฮี เป็นองค์หญิงที่น่าชิงชัง แต่ขณะเดียวกันก็น่าสงสาร ถูกความรักลวงตาน่าสมเพช ทุกถ้อยคำที่องค์ชายโฮดงใช้ลวงหลอกองค์หญิงลาฮี เป็นทุกถ้อยคำเดียวกันกับที่ได้เอื้อนเอ่ยต่อองค์หญิงจามองด้วยหัวใจจริงแท้ จุดนี้มันทำให้รู้สึกเศร้าเหลือเกินกับทั้ง ๓ องค์

องค์ชายโฮดงที่ต้องข่มความรู้สึก สิ้นศักดิ์ศรี ต้องข่มใจมองข้ามผิดชอบชั่วดี

องค์หญิงลาฮีที่ตาบอดเพราะความรัก หลงรัก จนหลงลืมการเป็นองค์หญิงแห่งนังนัง

องค์หญิงจามอง เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ทั้งรักและเข้าใจองค์ชายโฮดงอย่างเข้าถึงก้นบึ้งของจิตใจ แต่ก็ไม่อาจจะอยู่เคียงข้าง



สิ่งที่ชอบมากในซีรีย์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์อันซับซ้อนของตัวละคร

พระมเหสีซงแมซอลซู - องค์ชายโฮดง

ว่ากันว่าความแค้นทำให้เกิดรักได้ ในความเคียดแค้นชิงชังของสองพระองค์ ในเกมหมายเอาชีวิตเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท มันดูเหมือนมีความรักแฝงอยู่ลึกๆ นะ เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นตีนไก่ และเข้าใจหัวอกกันและกันเป็นอย่างดี ผู้เขียนชอบฉากสองแม่ลูกดื่มเหล้าด้วยกันมาก เหมือนศัตรูที่ต่างเหนื่อยล้าเราสองคนจึงมาดื่มด้วยกันเถอะ การต่อสู้ในจิตใจเมื่อโอกาสมาถึงตรงหน้า 'ฆ่า' หรือ 'ปล่อยไป' มันคือบุญคุณ การทดแทนที่จำต้องยอมละเว้น หรือแท้จริงคือ ความรัก ที่ไม่อาจตัดใจลงมือได้ทันทีเมื่อมีโอกาสแต่ต้องรอจังหวะ 'วัดใจ'



แม่ทัพใหญ่วังโฮแคว้นนังนัง - ภรรยาโมยังเฮ - พี่สาววังจาชิว

โมยังเฮ เป็นภรรยาของวังเก็ง-แม่ทัพฝ่ายขวาแคว้นนังนัง วังโฮเป็นน้องชายคนเล็กของสามีที่นางเลี้ยงดูมาเหมือนลูก หลังจากสามีของนางถูกฆ่าตายเพราะพ่ายแพ้ต่อการแย่งชิงตำแหน่งพระราชาแห่งนังนัง โมยังเฮต้องโทษกบฏตามสามีที่ต้องถูกประหารชีวิต เด็กหนุ่มวังโฮจึงแต่งงานกับพี่สะใภ้เพื่อใช้ข้อกฏหมายในสิทธิขุนนางเพื่อช่วยเหลือชีวิตโมยังเฮ สถานะที่มีร่วมกันจึงไม่อาจระบุชัด เพราะเป็นเหมือนแม่ เป็นทั้งพี่สะใภ้ และอยู่ในตำแหน่งภรรยา วังโฮเติบโตเป็นหนุ่มและกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ของนังนัง นายหญิงโมยังเฮมีความแค้นต่อพระมเหสีรองวังจาชิวผู้วางยาพิษท่านแม่ทัพวังเก็งที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพื่อส่งให้ท่านแม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรีได้ขึ้นครองราชย์ หลังจากสองแม่ทัพได้ร่วมมือกันปฏิวัติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากอณาจักรฮั่นจนสำเร็จ โมยังเฮปลูกฝังความแค้นใส่หัววังโฮ แต่วังโฮนั้นยากจะเลือกฝ่ายไหน แค้นแทนพี่ชายที่ถูกฆ่าตาย แต่คนลงมือที่ควรถูกแก้แค้นก็เป็นพี่สาวที่วังโฮรัก และตัววังจาชิวเองก็รักน้องชายวังโฮของนางมากถึงขนาดหมายมั่นจะให้อภิเษกกับลาฮีขึ้นเป็นราชบุตรเขย (ซับซ้อนดีไหมล่ะ)



ท่านแม่ทัพใหญ่วังโฮ-องค์หญิงรัชทายาทลาฮี-องค์หญิงจามอง

วังโฮเป็นขุนนาง เป็นข้าบาท เป็นพระอาจารย์ขององค์หญิงลาฮีที่จะต้องขึ้นครองราชย์ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ บ้านเมืองต้องไร้ซึ่งองค์หญิงจามองมาเป็นชนวนความแตกแยก หน้าที่ของแม่ทัพคือต้องกำจัดขวากหนาม แต่เมื่อนึกถึงชะตาอาภัพขององค์หญิงนอกทำเนียบผู้นั้นทีไร หัวใจท่านแม่ทัพวังโฮก็แทบจะขาดรอนๆ ด้วยความสงสาร และความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก

กษัตริย์มูยุล - องค์ชายโฮดง

แม้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพระราชามูยุลรักองค์ชายโฮดงซึ่งเกิดจากพระสนมยอนที่รักยิ่งมากแค่ไหน ถึงขนาดไม่ยอมร่วมหลับนอนกับพระมเหสีเพราะเกรงจะให้กำเนิดโอรสมาเพิ่มปัญหาการขึ้นเป็นรัชทายาท แต่เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของโกคูรยอ เพื่อจะต่อสู้กับอำนาจของเผ่าพีรูและป้องกันการกระด้างกระเดื่องของอีก ๔ ชนเผ่า การจะเลี้ยงองค์ชายให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์ที่แข็งแกร่งในอนาคต พระราชามูยุลจึงไม่อาจจะเป็นพ่อที่ให้ความรักความเมตตา แต่ต้องเป็นพระราชาที่เข้มแข็งเด็ดขาด

เพราะความรักทำให้คนใจอ่อน ความเมตตาทำให้คนอ่อนแอ ไม่ว่ากษัตริย์หรือองค์ชายไม่อาจอ่อนแอได้ เหตุและผล ความมั่นคงแข็งแกร่งของบ้านเมืองสำคัญกว่าความรักลูก หากจำเป็นต้องทิ้ง ก็ต้องตัดขาด หากจำเป็นต้องตาย ก็ต้องให้ตาย นี่คือเรื่องจำเป็นสำหรับคนเป็นพ่อที่เป็นเจ้าผู้ครองแผ่นดิน

"สำหรับกษัตริย์องค์หนึ่ง โอรสที่มีความขัดแย้งกับเขา
ก็ไม่ต่างจากศัตรู ศัตรูที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก"


การไขว่คว้าหาความรักจากพ่อขององค์ชายโฮดง จึงได้มาเพียงความห่างเหิน พยายามจะทำให้เสด็จพ่อพึงพอใจ แต่หัวใจใฝ่คุณธรรมก็ต่อต้าน ขัดขืน ดื้อดึงและนำไปสู่การขัดแย้ง การทอดทิ้งที่องค์ชายโฮดงได้ลิ้มรสความเจ็บช้ำ ทำให้ต้องดิ้นรนกลับมาเป็นที่ยอมรับด้วยการเอาใจออกห่างจากมโนธรรมสำนึกที่เคยมี



ชมการเขียนบทนะเรื่องนี้ คิดว่าพลอตมันคลาสสิกดี พอเขียนบทออกมาดี ได้นักแสดงดีๆ โปรยทุกอย่างที่ทำให้เชื่อได้หมดใจว่า ทำไมองค์ชายโฮดงถึงจะต้องเป็นกษัตริย์ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร ไม่ว่าจะสูญสิ้นความดีงาม เป็นคนเลวไร้เกียรติ หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย องค์ชายโฮดงก็ไม่เลิกล้มเป้าหมายที่จะเป็นรัชทายาทเพื่อสืบต่อการเป็นกษัตริย์โกคูรยอ

"ในโลกใบนี้มีคนเยอะแยะไปที่ไม่ได้เป็นพระราชา
แต่ก็มีความสุขได้ ทำไมต้องเป็นพระราชาให้ได้ด้วยล่ะ
ทำไมถึงอยากเป็นมากขนาดนี้"


"เป็นอย่างอื่นซะก็หมดเรื่อง เป็นคนธรรมดาที่วันๆ กินข้าวสามมื้อ"


"เจ้าอยากมีชีวิตเพื่อจะรู้ว่าเป็นใคร ข้าก็มีชีวิตอยู่เพื่อจะเป็นพระราชา"



สำหรับองค์ชายโฮดง ความรักคือความสุข แต่ไม่อาจจะเติมเต็มความอ้างว้างที่หยั่งรากฝังลึกมาแต่ครั้งเยาว์วัย เช่นเดียวกับองค์หญิงจามอง รักองค์ชายโฮดงมากแค่ไหนก็ไม่อาจตัดใจหันหลังให้บ้านเมือง แม้บ้านเมืองนั้นจะเคยทอดทิ้งองค์หญิงไปแล้วนับแต่แรกเกิด

องค์ชายโฮดงต้องเป็นพระราชา องค์หญิงจามองต้องปกป้องนังนัง

จากหัวใจที่เด็ดเดี่ยวขององค์หญิงจามองถึงองค์ชายโฮดง

"ถ้าหากข้า เอาท่านมาชั่งในหัวใจ ท่านหนักยิ่งกว่าภูเขา เอาท่านพ่อท่านแม่
และนังนัง รวมถึงประชาชนนังนังทั้งหมดมารวมกัน ยังไม่หนักเท่าท่านเลย
แต่ข้ากลับไม่อาจเลือกท่านที่สำคัญกว่าได้ นั่นคือชะตา"


จากหัวใจอันปวดร้าวขององค์หญิงลาฮีถึงองค์หญิงจามอง

"ข้าเองก็เหมือนเจ้าที่เคยชั่งหัวใจตัวเองดู ตั้งแต่ที่โกคูรยอจนถึงตอนนี้
ข้าชั่งเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ถ้าเอาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ ประชาชนชาวนังนัง
มาชั่งรวมกัน ยังหนักกว่าองค์ชายโฮดงอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่มันต่างกันที่
ข้า ..กลับเลือกโฮดงที่เบาแสนเบา นี่เป็นคำจากใจที่ปราศจากการเสแสร้ง"


เป็นความแตกต่างระหว่างทางเลือกของสองหัวใจที่แสนเศร้า (T_T)



จึงชอบซีรีย์เรื่องนี้มาก ชอบทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่ไม่พอใจ

ซีรีย์เรตติ้งต่ำ จึงโดนตัดลง ๑๑ ตอน ทำให้ตอนปลายรวดรัดตัดตอน ใจความสำคัญส่วนหนึ่งของเรื่องขาดหายไปอย่างไม่น่าให้อภัย นั่นก็คือการเป็น 'วีรสตรี' ขององค์หญิงจามอง หลังจากเปิดเรื่องมาด้วยไคลแมกซ์ค้างไว้ ก็ดำเนินเรื่องย้อนกลับไป ณ แรกกำเนิด วัยเยาว์ เติบโตเป็นหนุ่มสาว ผ่านพบชะตากรรมรันทดหลายสิ่งอย่าง ต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากความตาย หลายครั้งหลายหน จนดำเนินเรื่องมาถึงตอนกลองจามองถูกทำลายที่ถูกใช้เป็นจุดเปิดเรื่องเอาไว้ในตอนแรก

ถัดมาอีกตอน จบซะงั้น!




คาดว่าเนื้อเรื่อง ๑๑ ตอนหลัง คือเนื้อหาการเป็นผู้นำกบฏเพื่อต่อสู้ทวงคืนบ้านเมืองขององค์หญิงจามอง ดูจากตอนแรกเปิดเรื่องที่คณะเฮเฮฮาฮา ออกแสดงละครหุ่นเชิดในเนื้อหาเล่าถึงการมีตัวตนอยู่ขององค์หญิงจามอง แท้จริงแล้วกลองจามองมิใช่เป็นเพียงชื่อกลอง แต่เป็นชื่อขององค์หญิงแห่งนังนังอีกพระองค์ เป็นกลอุบายเผยแพร่ให้ชาวนังนังเริ่มมีศรัทธา ตราบที่ยังมีองค์หญิงนังนังของพวกเขาอยู่ ชาวนังนังก็ต้องมีความหวัง ยังมีฉากที่พระราชามูยุลได้รับการถวายตัวละครหุ่นเชิดชื่อจามอง ผู้หญิงลึกลับที่อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อกบฏของชาวนังนังที่เกิดขึ้นทั่วดินแดนจนไม่อาจปราบปรามได้ราบคาบ ฉากแม่ทัพวังโฮซุ่มฝึกซ้อมกองกำลังทหาร ฉากองค์ชายโฮดงตามหาหลุมศพองค์หญิงลาฮีจนได้พบหลุมดินโปะกองหินเก่าๆ และถูกแม่ทัพวังโฮนำกำลังทหารเข้ารุมล้อม ฉากที่องค์ชายหนีลงเรือแล้วร้องถามแม่ทัพวังโฮ

"วังโฮองค์หญิงของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน องค์หญิงจามองอยู่ที่ไหน"

"คนอย่างเจ้า คู่ควรถามคำถามนี้อย่างนั้นหรือ"




องค์ชายโฮดงเพียงอยากรู้ องค์หญิงจามองที่หายไปยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ขอเพียงได้รู้แค่นั้นก็ยังดี (ฮือ เศร้า T-T) แล้วไหนจะฉากที่พระเจ้ามูยุลโยนหุ่นเชิดถามองค์ชายโฮดงเรื่องผู้หญิงชื่อจามอง และได้คำตอบตามความจริง ตรงดั่งเสนาบดีกราบทูลไว้ องค์หญิงองค์นั้นพระธิดาของพระราชาชอยรี คือศูนย์รวมความหวังของชาวนังนังว่าจะเป็นผู้นำในการกอบกู้แคว้นนังนังขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง

พระเจ้ามูยุลจึงมีราชโองการต่อองค์ชายโฮดง

"เมื่อไหร่ที่เจ้าตัดหัวผู้หญิงชื่อจามองมา
จะเป็นวันที่เจ้าได้ขึ้นเป็นรัชทายาท"


ฉากเหล่านี้ทั้งหมดตัดไปตัดมาอยู่ใน ep. แรก แต่ไม่มีย้อนกลับไปปะติดปะต่อหรือพาดพิงขยายความถึงเหตุการณ์เหล่านี้อีกเลย พอกลองจามองถูกทำลายองค์หญิงลาฮีถูกประชาทัณฑ์ ก็รวบรัดตัดเรื่องดิ่งไปยังฉากจบสุดท้ายเอาดื้อๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ถ้าอีกสิบตอนหลังเป็นช่วงที่องค์หญิงจามองกับองค์ชายโฮดงต้องล่าหัวกันและกันเพื่อบ้านเมืองของตน ทั้งที่ความรักยังคงฝังลึก ฉากสุดท้ายคงได้อารมณ์สะเทือนใจที่เกรงว่าจะโศกเสียยิ่งกว่าที่มันโศกสุดๆ อยู่แล้ว



ขอตั้งรางวัล รันทดที่สุดแห่งปีให้เลยนะซีรีย์เรื่องนี้

แม้จะชื่อเรื่ององค์หญิงจามองแต่ขอยกบทบาทที่ดีที่สุดของเรื่องให้องค์ชายโฮดง ดี ร้าย โหดเหี้ยม เมตตา กดดัน โกรธแค้น ระทมขมขื่น กล้ำกลืนฝืนทน องค์ชายมีหลายอารมณ์จัดเต็มมาก มากจนเชื่อสนิทใจ บัลลังก์มันสำคัญจริงๆนะเอ ไม่อาจจะยอม ไม่อาจจะถอย ไม่อาจจะเลือกทางอื่นใด ไม่เลือกแม้แต่ 'ความรัก' เกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์และจะต้องเป็นกษัตริย์เท่านั้น เป็นผู้เขียนล่ะก็หลีกทางให้น้องชายแล้วไปแต่งงานกับองค์หญิงจามองโลด คนหนึ่งไม่ได้เป็นองค์ชายรัชทายาทคนหนึ่งไม่ได้รับการสถาปนาเป็นองค์หญิง อยู่กินมีความสุขกันสองคน มีลูกหญิงชายสามสี่ห้าคนคงสุขจะตาย จะดิ้นรนเป็นพระราชาให้เหนื่อยทำไม

ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อแคว้นโกคูรยอในปณิธานขององค์ชายที่จะปกครองบ้านเมืองด้วยความรักความเมตตา ทำให้บ้านเมืองรอดพ้นความแร้นแค้น มีอาหารอุดมสมบูรณ์จากการแบ่งปันร่วมกันกับแคว้นนังนัง อยู่กันอย่างบ้านพี่เมืองน้อง มีเส้นทางออกทะเลทำมาค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข




หรือถ้าจะตัดเหตุผลฟังดูดีไป เหลือแต่เหตุผลส่วนตนล้วนๆ การเลือกทางเดินขององค์ชายโฮดงก็ยังฟังขึ้นอยู่ดี เหตุใดจึงต้องเป็นกษัตริย์ให้ได้ เพราะมันคือ 'ศักดิ์ศรีขององค์ชาย' อันสำคัญยิ่งกว่า 'ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย' ที่องค์ชายโฮดงยอมละทิ้งไปเพื่อจะบรรลุเป้าหมาย

บางทีการ 'น้อมรับราชโองการ' อาจเป็นหนทางสุดท้ายที่องค์ชายจะต้องกระทำ เพื่อเป็นรัชทายาทเพื่อสืบต่อการเป็นกษัตริย์และเปลี่ยนแปลงวิถีการปกครองให้เป็นดั่งปณิธานของตน ชดเชยความปรารถนาขององค์หญิงจามองที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในรัชสมัยของพระราชามูยุล อย่างที่องค์ชายเคยพยายามร้องขอแต่ไม่เคยมีผล "ฝ่าบาทโปรดดูแลประชาชนนังนังบ้าง"

ทว่าความใฝ่ฝันขององค์ชายโฮดงแต่ไหนแต่ไรมา มันช่างยากเย็นจะไขว่คว้า ยิ่งพยายามเข้าใกล้บัลลังก์มากเท่าใด ยิ่งสร้างตราบาปในใจมากขึ้นเท่านั้น

ฉากองค์ชายโฮดงหันคมดาบใส่พระอาจารย์ อึนดูกี
ขอบอกว่าสะเทือนใจยิ่งกว่าฉากจบอีก น้ำตางี้ร่วงเป็นสาย

ฉากที่พระเจ้าชอยรีประณามว่า องค์ชายโฮดงเป็นผู้ชายขายตัว
มันสะเทือนต่อมน้ำตาได้มากมาย

ฉากองค์ชายโฮดงประหารพระเจ้าชอยรี
โอ้วววว ความสะเทือนใจใหญ่หลวงนัก

เงื้อมมือที่ฟาดฟัน ราวกับเป็นการตัดขาด จบสิ้นกันแล้ววาสนาของข้าและเจ้า ไหนจะฉากที่หน้าหอกลองจามองอีกล่ะ ตอนองค์ชายหยิบผ้าผูกผมเปื้อนเลือดขององค์หญิงจามองขึ้นมาจากพื้น อารมณ์ร้าวร้านของฉากนั้น มันช่าง ..ยากจะหาซีรีย์เศร้าเรื่องใดในใจมาเปรียบได้

ครั้งหนึ่ง องค์หญิงจามองเคยอ้อนวอน

"ถ้ารักถึงขนาดฆ่าข้าได้ ช่วยทำเพื่อข้าด้วยการไม่รุกรานนังนัง
ให้โกคูรยอมเป็นมิตรกันได้หรือเปล่า ท่านทำได้ไหม"

"ก็เหมือนที่โกคูรยอสำคัญกับท่าน นังนังก็สำคัญกับข้าเหมือนกัน"

มันเป็นฉากหัวใจสลาย ที่กว่าจะจบ ๓๙ ตอน ต้องสลายไปไม่รู้กี่ครั้ง ยิ่งดูก็ยิ่งอิน



ชอบตัวละครประกอบมากหน้าหลายตา ซึ่งโดยปกติก็คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของซีรีย์ย้อนยุคอยู่แล้วนะ

พระราชามูยุลเล่นได้เกลียดจริงๆ หน้าขมวดเครียดอยู่ตลอดให้ความรู้สึกอันตราย ดูเป็นคนโหดร้ายเย็นชา น่ากดดันดี พระราชาชอยรี ต่างกันลิบ เท่ตั้งแต่ตอนยังเป็นท่านแม่ทัพยันเป็นกษัตริย์ ดูเข้มแข็งเด็ดขาด แต่ยามเป็น 'เสด็จพ่อ' ก็แลดูอบอุ่น




พระมเหสีเอกแคว้นโกคูรยอ-ซงแมซอลซู คนนี้จะลืมท่านไปไม่ได้เลย บทพระมเหสีแต่ละเรื่องไม่ว่าจะร้ายหรือดี ถ้าฝีมือไม่ถึง บารมีไม่เกิดเป็นแน่ Sung Hyun-Ah ผู้รับบทนี้เล่นได้กร้าวแกร่งดี แต่ถ้าไปเจอเธอเรื่องไหนที่ถอดองค์ทรงเครื่องเป็นคนธรรมดา คาดว่าคงจะจำไม่ได้ พระมเหสีเอกโมฮาซู และพระมเหสีรองวังจาชิวแห่งนังนัง ถือเป็นสุดขั้วแสนดีกับแสนร้ายมาเจอกัน การแต่งองค์ทรงเครื่องบอกได้คำเดียวว่า 'งาม' ความมากฝีมือในบทบาทที่ได้รับก็ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ป้าลีมีซุกที่ติดจำฝังใจกันมาตั้งแต่ East of Eden



ท่านน้าซาซาซุง กับท่านน้ามีชู สองสามีภรรยาเจ้าของคณะกายกรรมถือเป็นผู้ช่วยนางเอกที่มีสีสัน น้ามีชูจู้จี้ขี่บ่น ส่วนซาซาซุงลุงคนนี้เขาออกแนวฮาอยู่เกือบทุกเรื่อง ล่าสุดก็เล่นขำๆ อยู่ใน Wild Romance และ Time Slip Dr. Jin

ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งนังนัง - วังโฮ ตอนแรกก็เฉยๆ นะ ดูไปดูมายิ่งมาดแมนและแสนดี รูปสมบัติ คุณสมบัติ คู่ควรอภิเษกสมรสกับองค์หญิงลาฮีที่สุด แต่ติดอยู่ทีวังโฮแต่งงานกับพี่สะใภ้โมยังเฮเป็นภรรยา ตัวปัญหาที่วังจาชิวสุดคับแค้นใจและต้องหาทางกำจัด วังโฮเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีและนึกถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นใหญ่ ตอนแรกคิดว่าบทของอิมพูล เด็กชายที่ถูกลอยเรือมาเพื่อคุ้มครององค์หญิงน้อยจะเป็นบทพระรองที่น่าสนใจ เพราะเติบโตขึ้นมาในฐานะพี่ชายของนางเอก แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นบทที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรนัก วังโฮมายศสูง ราศีพระรองจึงเรืองรองกว่ามากโข



องค์หญิงยอรัมเสด็จอาขององค์ชายโฮดง (น่ารักมาก) กับท่านแม่ทัพใหญ่อูนาลู ก็เป็นบทบาทที่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดได้พอสมควร

สำคัญมากที่สุดอีกคนคือนางเอก-คนนี้



องค์หญิงลาฮี เกลียดขี้หน้าตั้งแต่เด็ก เกลียดมากกก แต่ก็สงสารมากก ยิ่งตอนพูดกับองค์หญิงจามอง "เจ้ายังเป็นผู้หญิงของโฮดงอยู่สินะ เจ้าไม่ช่วยเขา เจ้ากลับได้เป็นผู้หญิงของเขา" โอ๊ย บาดหัวใจอย่างแรง (เจ็บแทน) ยามองค์หญิงจามองเป่าขลุ่ยนกฮูกที่องค์ชายโฮดงเคยมอบให้ แค่อารมณ์โหยหานั่นก็ทำเอาปวดใจแทนองค์หญิงจามองแย่แล้วนะ ยังต้องมาเศร้าแทนองค์หญิงลาฮีอีก เทหมดหน้าตักรักหมดหัวใจ แต่ไม่เคยได้อะไรตอบแทน อย่างน้อยองค์หญิงจามองก็ได้รับความรัก ทุกความทรงจำเป็นของจริง แต่องค์หญิงลาฮีทุกการกระทำที่คิดว่าจริง แท้จริงกลับตรงกันข้าม เพราะความหยิ่งยโสที่น่าชัง องค์หญิงลาฮีจึงต้องคอยฝืนตัวเองให้แสดงออกท่าทีที่สวนทางกับความรู้สึก ยิ่งพยายามวางท่ารังเกียจเหยียดหยามองค์ชายโฮดงมากเท่าใด ยิ่งลุ่มหลงรักใคร่เสน่ห์หา ดูแล้วก็ทั้งเกลียดทั้งน่าเวทนา อาการเดียวกับที่รู้สึกต่อบทบาทองค์ชายโฮดง เดี๋ยวชอบ เดี๋ยวเกลียด เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวสงสาร ตีกันมั่วไปหมด



องค์หญิงลาฮีมีพร้อมทุกอย่าง เป็นพระธิดาเพียงหนึ่งเดียว เป็นองค์หญิงรัชทายาท เป็นที่รักของเสด็จพ่อเสด็จแม่ทั้งสอง เป็นที่ชื่นชมของเหล่าขุนนางข้าราชบริพาร เป็นที่รักของประชาชน แต่ยอมละทิ้งบ้านเมืองง่ายๆ ส่วนองค์ชายโฮดงขาดแคลนทุกอย่างที่องค์หญิงลาฮีมี แต่ก็ดิ้นรนทุกวิถีที่จะยึดครองเอาแคว้นนังนังเพื่อความอยู่รอดของโกคูรยอ การก่อตั้งบ้านเมืองมาจากการห้ำหั่นทำสงคราม อยู่อาศัยในดินแดนอันอดอยาก ความหิวโหยทำให้ชาวโกคูรยอมีความทรหดอดทน ทหารของโกคูรอจึงทั้งแข็งแกร่งและช่ำชองในการรบ ต่างจากนังนังที่แม้จะมีพลเมืองมากกว่าแต่ประสบการณ์ต่อสู้มีน้อย ไม่เคยต้องลำบากอะไรนัก องค์หญิงจามองผู้อยู่ในหัวใจขององค์ชายโฮดงมีหรือจะไม่เข้าถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่องค์ชายโฮดงมีต่อแคว้นนังนัง

"สิ่งที่องค์ชายรักมากที่สุด คือเสด็จพ่อของเขาและโกคูรยอ
ความรักที่มีให้ข้า และความรู้สึกผิดที่มีต่อเจ้า มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย"


ต่อให้คนทั้งโลกเชื่อว่า องค์ชายโฮดงยอมละทิ้งโกคูรยอไปแล้ว องค์หญิงจามองก็รู้ดีว่า มันเป็นไปไม่ได้

องค์หญิงจามองกับองค์ชายโฮดงจึงเท่ทั้งสอง เพราะต่างมุ่งมั่นต่อหนทางที่ต้องเลือกเดิน แม้จะต้องเหยียบย่ำหัวใจของตัวเองเพื่อก้าวไป แต่องค์หญิงลาฮีน่ารังเกียจจริงๆ หยิ่งแต่โง่ (แรงไปมั้ย) แล้วยังมาทำให้สงสารจับใจ เกลียดหนักเข้าไปอีก เห็นปาร์คมินยองเล่นบทนี้แล้วพาลไม่อยากจะดู Time Slip Dr. Jin ต่อให้จบเอาสักเลย



เหล่าบรรดาท่านแม่ทัพ ราชทูต เสนาบดี ขุนนางตัวเบ้งๆ ทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึง เพราะบทบาทของท่านๆ เหล่านี้แหละ เป็นความสนุกสนาน ความมันส์ของซีรีย์ย้อนยุคอย่างแยกแยะไม่ออกว่าบกพร่องอะไรเล่นไม่ดีตรงไหน เพราะดูยังไงก็อิน ชอบเหล่านางกำนัลสนองพระโอษฐ์ของบรรดาตัวแม่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น นางกำนัลของพระเมหสีโกคูรยอ หรือของพระมเหสีเอก-รองแคว้นนังนัง ชอบทุกคนเลย



แม้จะเป็นซีรีย์แนวเศร้า แต่มันก็ดูสนุก ไม่ขัดหูขัดตาเหมือนซีรีย์บางเรื่องที่ทำให้รู้สึกถูกยัดเยียดความเศร้าในแบบที่มันไม่ค่อยสมเหตุสมผล แทนที่มันจะเศร้าซึ้ง บางเรื่องมันก็กลายเป็นเศร้าถนาถไปก็มี

แต่กับจามอง ประทับใจในความดราม่าของมันจริงๆ บทของพระราชามูยุลและพระมเหสีซงแมซอลซู ส่งถึงอย่างมากต่อบทบาทขององค์ชายโฮดง ที่ไม่มีหนทางอื่นใด นอกจากต้องบากบั่นไปสู่จุดหมาย น้ำหนักของเรื่องคิดว่าหนักอยู่ที่องค์ชายโฮดงมากกว่านิดหน่อยมาตลอดจนถึงจุดทะลุเพดานความกดดันแบบไม่มีข้อจำกัดใดมาฉุดรั้งอีกแล้วกับทุกทางที่ต้องทำเพื่อยึดครองนังนังให้สำเร็จ อีก ๑๑ ตอนที่เหลือน้ำหนักน่าจะถ่ายเทค่อนไปยังองค์หญิงจามองผู้สูญเสียทุกสิ่ง ต้องต่อสู้เพื่อหาทางปลดปล่อยทาสและทวงคืนบ้านเมืองของตน แต่ ..องค์หญิงยังไม่ทันจะได้สู้อะไรยังไงเลย รวบยอดทีเดียว จบละ ..? @@ อา....เจ็บ



เอาฉากหัวใจสลายทั้งเรื่องมารวมกัน ยังเศร้าไม่ได้ครึ่งของการตัด ๑๑ ตอน ที่สะเทือนใจสุดๆ T - T โหดร้ายกับผู้เขียนเหลือเกิน แค้นใจจนอยากจะร้องตะโกนบอกฟ้า เอา ๑๑ ตอนของช้านคืนมาาาา























 

Create Date : 29 ตุลาคม 2555    
Last Update : 31 ตุลาคม 2555 23:10:01 น.
Counter : 21804 Pageviews.  

Smile You ตกหลุมรักเข้าอีกแล้ว กับผู้ชายคนนี้ .. "คังฮยุนซู"



ถ้าใครกำลังมองหาซีรีย์เกาหลีที่พระเอก-นางเอกหน้าตาดี รักกันได้น่ารักน่าเอ็นดู บรรยากาศของเรื่องตลกเฮฮาเป็นคอมเมดี้ได้ใจ อบอุ่นโรแมนติก ทั้งในเรื่องความรักหนุ่มสาว และความรักครอบครัว สอดแทรกสาระดีๆ ต่อวิถีการดำเนินชีวิต

Smile You : คุณหนูตกอับกับนายกระจอก (ความยาว 45 ตอน) เป็นทางเลือกที่ดีเรื่องหนึ่ง

การชอบซีรีย์แต่ละเรื่อง ขึ้นอยู่กับใจใครใจท่าน ของอย่างนี้มันแนวใครแนวมัน กับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคอเกาหลี บางเรื่องเราก็ชอบเหมือนกัน บางเรื่องก็เคยมีที่รู้สึกต่างกันสุดขั้ว แต่สำหรับ Smile You การันตีกับเพื่อนคนนี้ไปอย่างไม่ยั้งใจไม่กลัวหน้าแหกในกรณีเพื่อนไม่ชอบ

“ถ้าดูแล้วไม่ถูกใจ ให้เอาแผ่นมาเขวี้ยงใส่หน้าได้เลย”

เพราะมั่นใจมาก ว่านางต้องคลั่ง

จากใจ คนรัก Smile You

*** Spoil ***



Smile You คือ เรื่องราวความรักของคังฮยุนซูและโซจองอิน ท่ามกลางความสัมพันธ์ขัดแย้งสุดอลเวงของสองครอบครัว เป็นซีรีย์ที่ดูแล้วได้ยิ้มกว้างขวาง ได้หัวเราะฮาๆ อย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่นใจ เพราะมีเนื้อหาความรัก “มากมาย” ที่ดูแล้ว "อิ่มเอม"มากกว่าซีรีย์ความรักเรื่องไหนๆ ที่เคยดูมา

และถ้าถามว่าชอบอะไรมากที่สุดในเรื่องนี้ คำตอบคือความฮาของพระเอก-คังฮยุนซู (แพ้ทางผู้ชายตลก)

ถ้าได้อ่านแค่ชื่อเรื่อง และเรื่องย่อ "คุณหนูตกอับกับนายกระจอก" คงไม่มีใจอยากดูซีรีย์เรื่องนี้สักนิด เพราะชวนให้เข้าใจว่าคงเป็นแนวดอกฟ้าร่วงกับหมาวัดเล่นของสูงที่ไม่ค่อยจะถูกกัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ระหว่างเตร็ดเตร่อยู่ใน Youtube ได้หลงไปเจอโมเมนท์น่ารักๆ ของพระเอกนางเอกที่ถูกตัดต่อเป็น MV ประกอบเพลง เห็นแล้วน่ารักเกินห้ามใจ ถึงจะยาว 45 ตอนก็ขอสู้ เพราะนั่นเป็น 45 ตอนที่แสนจะคุ้มค่าที่ทำให้ Smile You กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ประทับใจในความทรงจำไปเลย แม้จะดูจบไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทุกคืนผ่านมาก็ยังคงเปิดซีรีย์ Smile You ดูซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่น และกำลังใช้ซีรีย์โศกนาฏกรรมมาช่วยเยียวยา เผือจะหายขาดจากอาการรักซึมลึกที่มีต่อ Smile You แล้วก็เลิกเปิดดูได้ซะที



ไฮโซแฟมิลี่ – ครอบครัวโซ โซจองกิล (Kang Suk Woo) ทำธุรกิจล้มละลาย ทำให้เขาพยายามจัดการให้โซจองอิน (Park Min Jung) ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับ ลีฮันเซ (Lee Kyu Han) ลูกชายเจ้าของบริษัท โกลบอล มอเตอร์ หวังจะใช้ฐานะของลูกเขยมาช่วยกอบกู้วิกฤติครอบครัว แต่ความลับเรื่องสถานภาพถังแตกได้ถูกเปิดเผยไปไปสู่ครอบครัวเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน ลีฮันเซจึงถูกพ่อแม่บังคับให้เลิกกับโซจองอินแบบสายฟ้าแลบ เพราะไม่กล้าขัดคำสั่งที่อาจเสี่ยงถึงขั้นต้องชวดรับช่วงตำแหน่งประธานบริหารบริษัทฯ ต่อจากพ่อ ลีฮันเซจำต้องทิ้งโซจองอินระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางจะไปฮันนิมูนกัน



โลโซแฟมิลี่ – ครอบครัวคัง คังมันบ๊ก (Choi Bool Am) เป็นพนักงานขับรถเก่าแก่ของตระกูลโซ เคยรับใช้ใกล้ชิดพ่อของโซจองกิลที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้จะอายุมากแต่เขาก็ยังคงภักดีต่อครอบครัวเจ้านายเก่าโดยรับใช้โซจองกิลต่อมา แต่โซจองกิลไม่ชอบใจที่โชเฟอร์คังคอยว่ากล่าวตักเตือน (ด้วยความหวังดี) จึงไล่คังมันบ๊กออกและจ้างพนักงานขับรถคนใหม่ สองครอบครัวเหมือนจะสิ้นสุดกันแค่นั้น ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก อย่างที่โซจองกิลได้ลั่นวาจา .. อย่ามาพบเจอกันอีกต่อไป



แต่บุญคุณต่อชีวิตของเจ้านายเก่ามันลบล้างกันอย่างไรก็ไม่หมด อีกทั้งคุณหนูไฮโซ โซจองอิน ก็ดันมีสายสัมพันธ์แน่นเหนียวกับโชเฟอร์คังมานับตั้งแต่เธอเกิด เพราะเธอเป็นหลานรักของคุณปู่ และเธอก็เป็นลูกหลานเพียงคนเดียวภายในบ้านของครอบครัวโซ ที่มีน้ำใจไมตรีต่อคุณปู่คังมันบ๊ก เธอเรียกเขาว่าคุณปู่ด้วยความรักและนับถือ เมื่อปู่ของเธอเสียชีวิตไป คังมันบ๊กก็เหมือนกับเป็นตัวแทนคุณปู่ของเธอเอง



ในวันเดียวกันกับที่คุณหนูโซจองอินแห่งครอบครัวโซแต่งงาน คังฮยุนซู (Jung Kyung Ho ) ของครอบครัวคัง ลูกชายของคังซังฮุน (Chun Ho Jin ) และแบ๊กกึมจา ( Song Ok Sook) หลานชายของปู่คังมันบ๊ก ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่ปู่ของเขาส่งเสียให้ไปเรียนต่อจนจนปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์และกำลังจะกลับมารับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ความสำคัญของโซจองอิน-หลานสาวของครอบครัวเจ้านายเก่าที่คังมันบ๊กรักและเอ็นดูมีมากขนาดไหน? ก็ขนาดที่ไม่ยอมให้ลูกชายลูกสะใภ้อยู่รอต้อนรับคังฮยุนซูในวันที่เขากลับมาจากต่างประเทศ แต่กลับสั่งให้ลูกชาย-ลูกสะใภ้ ไปร่วมงานแต่งงานของโซจองอินแทน



คังซังฮุน และ แบ๊กกึมจา (พ่อแม่ของฮยุนซู) ไม่ชอบครอบครัวโซมาแต่ไหนแต่ไร เพราะคังซังฮุนไม่กินเส้นกันกับโซจองกิลลูกชายเจ้านายของพ่อมาตั้งแต่เล็ก ซังฮุนไม่ชอบที่จองกิลชอบดูถูกพ่อของตน-และมักก่อปัญหามาให้สารพัด ตั้งแต่เด็กยันแก่ซังฮุนและจองกิลรู้จักกันมาก็ 50 ปี แต่เป็น 50 ปีที่ไม่เคยรู้สึกดีต่อกันและกัน แบ๊กกึมจา-ภรรยาของซังฮุนก็ไม่ชอบหน้าโซจองกิลและกงจูฮี (Heo Yoon Jung) ภรรยาไฮโซของเขาที่ชอบทำตัวเลอเลิศ (ประสาสะใภ้คนรวย) และไม่เคยละเว้นจะดูถูกคนจนผู้ด้อยกว่า แต่ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวโซ สองสามีภรรยาไม่เคยขัดความต้องการของคุณปู่ได้



ทางด้านคังฮยุนซู เขากลับมาจากต่างประเทศด้วยความหวังและพลังใจเต็มเปี่ยมกับการจะสานต่อความสัมพันธ์รักแรกที่รักเขาอยู่ข้างเดียวมานานกว่า 8 ปี ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สมัยไปเป็นทหารในกองทัพ และสมัยไปเรียนต่อต่างประเทศ ความรักของคังฮยุนซูไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป กลับมาครั้งนี้เขามีปณิธานมุ่งมั่นจะตามตื๊อสาวรักแรกของเขาอย่างจริงจัง ให้มันรู้กันไปถ้าการตื้ออย่างจริงใจจะไม่ครองโลก

และคังฮยุนซูคงยากจะเปลี่ยนใจไปจากความรักแรกดั่งเช่นเคยเป็นมา
ถ้าหากโชคชะตาจะไม่นำพาใครคนหนึ่งมาพบเจอ



เธอ..ในชุดแต่งงานสีขาวชายกระโปรงขาดรุ่ย เดินเท้าเปล่า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเลอะเทอะ ดวงตาขุ่นขวาง ท่าทางสติไม่สมประกอบ เธอ..ที่เกือบจะทำให้รถบัสที่เขานั่งมาจากสนามบินเกิดอุบัติเหตุชนรถแท็กซี่บนถนนไฮย์เวย์ เธอ..ที่ผ่านเข้ามาในสายตา แว่บหนึ่ง ก่อนจะลับตาจากไป และเขาคงไม่ได้พบเห็นเธออีกในชีวิต ..แน่นอน (ลาก่อน คนไม่เต็ม)

แต่แล้วฮยุนซูก็ได้พบเธออีกครั้งที่ป้ายรถเมล์ จากสภาพที่ฮยุนซูเห็น เธอต้องเป็นเจ้าสาวสติแตกที่ไม่ปกติแน่ๆ และเขาควรต้องอยู่ให้ห่างเข้าไว้

โชคร้าย ....ที่นั่งข้างฮยุนซูบนรถเมล์ดันว่างอยู่พอดีเมื่อเธอเดินขึ้นมาก่อนที่รถเมล์จะออก ขอกันท่าอย่างไม่เป็นสุภาพบุรุษสักครั้งด้วยการกันที่ไม่ให้เธอนั่ง แต่มันก็ไม่ได้ผล เธอเอ่ยปากถามถึงป้ายที่เธอต้องการจะลง แหม่.. ลงป้ายเดียวกันกับเขาซะด้วย รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ฮยุนซูจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักป้ายที่ว่านั้น และลงจากรถไปเมื่อถึงจุดหมายโดยไม่บอกเจ้าสาวสุดโทรมที่นั่งอยู่ข้างๆ สักคำ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ลงมาถูกได้ที่ป้ายเดียวกัน ฮยุนซูหาข้ออ้างเมื่อจองอินตั้งท่าจะเอาเรื่องที่เขาแกล้งไม่รู้จักป้ายที่เธอถามถึง แต่ดูแล้วคงยากจะแก้ปัญหาด้วยวิธีเจรจากับคนไม่เต็ม ฮยุนซูจึงตัดสินใจยกกระเป๋า แล้ว ...วิ่งหนี

แต่มันยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเขาได้พบเธออีกครั้งในเวลาต่อมา



มีคนว่าไว้ คนแปลกหน้าพบกันสามครั้งในวันเดียวอาจเป็นบุพเพสันนิวาสของการเป็นเนื้อคู่ แต่กรณีนี้น่าจะเป็นเนื้อคู่อลเวง ตามที่ฮยุนซูได้มีส่วนช่วยให้เธอไปลงเอยพักพิงที่สถานีตำรวจในฐานะคนบ้า คนจรจัด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่โดนใส่กุญแจมือเอาไว้

และนับจากคืนนั้น ชีวิตของฮยุนซู และครอบครัวคัง ก็เริ่มถูกความวุ่นวายเข้าครอบงำ อลหม่านด้วยความครื้นเครง อลเวงด้วยการคร่ำครวญ (หวนไห้ด้วย) สุดจะยุ่งเหยิง

แม่ของเขาแบ๊กกึมจา เธอเป็นสุดยอดของความปากร้าย-จู้จี้ขี้บ่น แต่ยัยตัวร้ายอีกคน -โซจองอิน ก็เป็นคนปากแสบมิใช่เล่นๆ เธอมักทำให้เขาต้องหัวปั่น และมักทำให้แม่ของเขาต้องหัวเสีย ด้วยพฤติกรรมต่างๆ นานา ที่ชวนความดันขึ้น



บ้านของครอบครัวคัง นอกเหนือจากคุณปู่เคยเป็นคนขับรถของครอบครัวโซ เขายังเปิดคาร์เซนเตอร์เป็นธุรกิจของครอบครัว แบ่งห้องในบ้านห้องหนึ่งให้คนเช่า ฮยุนซูจึงต้องอาศัยห้องใต้ดินเป็นห้องนอนมาตั้งแต่เล็ก เมื่อเขาเรียนจบกลับมา แม่จึงอยากให้เขามีห้องเป็นของตัวเองไม่ต้องอุดอู้อยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงจัดแจงตกแต่งห้องที่เพิ่งว่างจากคนเช่าคนก่อนให้เป็นห้องใหม่ ติดวอลเปเปอร์ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้มาเตรียมให้ลูกชาย ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งคุณปู่ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านและเห็นว่าห้องใต้ดินไม่ได้แย่อะไร (กว้างขวางน่าอยู่มากด้วย) และฮยุนซูก็เคยอยู่มาแต่เล็กจนโต ควรจะเก็บห้องเอาไว้ให้เช่าเพื่อเป็นรายได้แก่ครอบครัวมากกว่า



คุณปู่คังมันบ๊กเป็นคนใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัย ขยันขันแข็งในการทำมาหาเงิน รู้จักประหยัดอดออมมาทั้งชีวิตจนสามารถซื้อบ้าน ลงทุนทำคาร์เซนเตอร์ และช่วยส่งเสียฮยุนซูไปเรียนต่อต่างประเทศได้ (แต่พระเอกก็ต้องทำงานช่วยเหลือตัวเองด้วย) เพราะชีวิตทุกคนต้องพึ่งพาคุณปู่เสมอมา ดังนั้นถึงแม้พ่อแม่ของเขาจะไม่มีใครเห็นด้วยที่คุณปู่รับเอาคุณหนูไฮโซจากตระกูลเจ้านายเก่าเข้ามาในบ้าน ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นว่าอย่างอารมณ์เสีย เพราะไม่มีใครจะกล้าคัดค้านคุณปู่ได้ตรงๆ



เวลาต่อมาเมื่อบ้านของโซจองกิลถูกยึด คุณปู่จึงช่วยเหลือให้ครอบครัวจองกิลย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนคำสัญญาที่เคยมีต่อพ่อของโซจองกิล ซึ่งเป็นเจ้านายที่มีบุญคุณเคยช่วยเหลือคุณปู่มาก่อน พ่อของโซจองกิลมองการณ์ไกลและรู้ดีว่าในอนาคตลูกชายไม่เอาไหนของตนอาจนำพาครอบครัวและกิจการไม่รอด จึงได้ฝากฝังครอบครัวไว้กับคุณปู่ให้คอยช่วยตักเตือนดูแล



การรับครอบครัวโซจองกิลมาอยู่ด้วยทำให้ครอบครัวของคังฮยุนซูค่อนข้างยุ่งเหยิง เพราะโซจองกิลและครอบครัวทำงานการอะไรกันไม่เป็นสักคน ทั้งหมดเคยชินกับการใช้เงิน แล้วมาอาศัยอยู่โดยไม่คิดช่วยเหลืองานการในบ้าน อีกทั้งยังวางมาดข่มคุณปู่กับครอบครัวที่เป็นเพียงคนขับรถ โซจองกิลหลอกเงินคุณปู่ไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปหาลูกชายคนโตแต่ถูกจับเสียก่อน คุณปู่จำต้องไปติดต่อเข้าพบคนเกี่ยวข้องที่เคยทำธุรกิจกับเจ้านายคนเก่า ให้เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีต่อพ่อของโซจองกิลในอดีต เพราะพ่อของโซจองกิลเป็นที่รู้จักดี เช่นเดียวกับที่คุณปู่คังมันบ๊กก็เป็นคนขับรถที่ได้รับการรู้จักนับถือกัน จึงยอมทำตามคำขอร้องของคุณปู่เรื่องวิธีจัดการหนี้สินที่จะช่วยให้โซจองกิลไม่ต้องติดคุก แต่ครอบครัวของโซจองกิลก็ถึงคราวสิ้นเนื้อประดาตัว



แทนที่จะเห็นความดีของคุณปู่ผู้เอื้อเฟื้อให้ครอบครัวจองกิลย้ายไปอยู่ที่บ้านชั่วคราวเพื่อหาทางตั้งต้นชีวิตใหม่ โซจองกิลกลับยังคงหยิ่งผยองและวางตัวเป็นเจ้านาย ทำให้คังซังฮุน (พ่อของฮยุนซู) ไม่พอใจมาก ที่พ่อของเขายังคงโดนดูถูกดูแคลนและยังคงถูกเรียกว่า "โชเฟอร์คัง" ทั้งที่เขาก็ถูกจองกิลไล่ออกจากตำแหน่งนั้นมานานแล้ว



ครอบครัวโซ พยายามติดต่อหาลูกชายคนโตโซซองจุนที่อเมริกา (Lee Chun Hee) เพราะจองกิลได้ยักย้ายถ่ายโอนสมบัติส่วนหนึ่งไปให้ ตั้งแต่ธุรกิจเริ่มมีปัญหาและจะถูกฟ้องละลาย จองกิลหวังจะใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมากู้สถานการณ์วิกฤติของครอบครัวได้ ทำให้ยังมีแก่ใจจะดูถูกดูแคลนครอบครัวคังอย่างไม่แยแสคำว่าบุญคุณ เพราะคิดแต่ว่าพ่อของเขาเคยมีบุญคุณท่วมหัวต่อครอบครัวนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คังมันบ๊กจะต้องช่วยเหลือเขาในยามเดือดร้อนและปรนนิบัติดูแลครอบครัวของเขาเสมือนเป็นครอบครัวเจ้านายเช่นเคยเป็นมา



แต่กลับกลายเป็นว่า ลูกชายคนโต โซซองจุน นอกจากจะล้มเหลวในการเป็นโปรกอล์ฟ ยังไปติดการพนันที่ลาสเวกัสและผลาญทรัพย์สินเงินทองที่พ่อของเขาโอนให้ไปกับการเล่นพนันจนหมดตัว และหนีหนี้จากอเมริกากลับมาเกาหลี มาขออาศัยอยู่ที่บ้านคุณปู่ด้วยอีกคน และนิสัยก็ไม่ต่างจากแต่ละคนในครอบครัวคือ ไม่เอาถ่าน งานการไม่คิดจะทำ



ครอบครัวโซ ทำให้ครอบครัวคังอยู่ไม่เป็นสุข เมื่ออยู่กันหลายคน แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำงาน แม่ของฮยุนซูต้องทำงานบ้านอยู่คนเดียว เหนื่อย หนัก อารมณ์เสีย และปากก็....บลา บลา บลา บรรยากาศของบ้านเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและเสียงบ่นว่าอารมณ์เสีย พ่อของฮยุนซูก็อารมณ์ไม่ดีที่ปู่คังต้องมาพินอบพิเทาต่อจองกิล ลูกชายเจ้านายเก่า ความภักดีในอดีตที่ไม่อาจตัดรอนมาถึงปัจจุบันและยังเอาใส่ใจดูแลพวกเขาในฐานะแขกอย่างดี
พ่อๆ แม่ๆ ก็มีปัญหา ลูกๆ ก็มีปัญหา เมื่อลูกสาวครอบครัวโซ ก่อแต่เรื่องให้ลูกชายครอบครัวคังต้องคอยตามประกบ (เพราะไม่เช่นนั้น ความวุ่นวายอาจจะบานปลายยิ่งกว่าเดิม)



ยัยตัวร้ายโซจองอิน เธอเป็นคนฉลาดดังที่แม่ของเขาเรียกว่า “ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์” เธอใช้ความใสซื่อประจบคุณปู่ของเขาอย่างน่ารัก แต่ในอีกมุมเธอร้ายกาจ อารมณ์ร้อน และดื้อดึง แถมยังดื่มจัด ..เมาเละเทะ ให้เขาต้องเดือดร้อน แล้วทั้งที่เมาแอ๋เธอยังอุตส่าห์ล่อลวงให้เขาคายความลับเรื่องความรักในหัวใจไปจนหมดไส้ เพราะมันอึดอัดใจกับรักกี่ทีก็ไม่ดีสักหน รักข้างเดียวรักทรหดมานานถึง 8 ปี เขาเลยเผลอระบายออกไปกับคนเมา ใครจะคิดว่าเมาแอ๋ขนาดนั้นเธอจะยังอุตส่าห์จำได้ในรายละเอียด เก็บมาล้อเลียน เก็บมาซ้ำเติม โซจองอินเรียกรักแรกในดวงใจของเขาว่า "สาวนักตบ" (เพราะเธอตบหน้าฮยุนซูอยู่หลายครั้ง)



และคังฮยุนซูเพิ่งได้รู้ในวันที่ครอบครัววุ่นวายของโซจองอินได้ย้ายมาอยู่ที่บ้าน เธอมีพี่สาวแท้ๆ อยู่หนึ่งคน และคนๆ นั้นก็คือรักแรกรักเดียวในดวงใจของคังฮยุนซูเอง

โซจองคยอง (Choi Jung-Yoon) เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวโซ เธอแตกต่างจากสมาชิกครอบครัวตรงที่มีหน้าที่การงานมั่นคง เธอใฝ่เรียนและกลายเป็นหมอ ขณะที่น้องสาวโซจองอินเป็นคนรักสุขสบาย การเกิดมาในครอบครัวร่ำรวยและเป็นหลานรักของคุณปู่ทำให้เธอไม่ใส่ใจเรื่องศึกษาเล่าเรียน คิดแค่ว่าจะเรียนทำไมมากมาย ในเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายดีๆ จากครอบครัวร่ำรวยที่จะดูแลและมอบความรักต่อเธอและมีชีวิตที่สุขสบายต่อไปอย่างไม่มีอะไรต้องห่วง



แต่โซจองอินน้องสาวคนเล็กก็เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและรักครอบครัวขณะที่จองคยองพี่สาวคนโต เป็นคนเย็นชาที่ห่างเหิน แม้ครอบครัวจะอยู่ในภาวะวิกฤติเธอก็ไม่ค่อยให้ความใส่ใจใคร (นอกจากตัวเอง) เท่าที่ควรจะเป็น



เมื่อบ้านไม่มีอีกต่อไป จองคยองก็ไม่คัดค้านที่ครอบครัวของเธอจะไปอยู่อาศัยที่บ้านคุณปู่ สวนตัวเธอเองก็ย้ายไปอยู่อพาตเมนท์ที่แฟนของเธอหาให้อย่างไม่มีแก่ใจจะเอื้อเฟื้อขอพาครอบครัวไปอยู่ด้วย มีเพียงแวะเวียนมาเยี่ยมพวกเขาที่บ้านคุณปู่เป็นครั้งคราว กับคังฮยุนซูที่ตลอด 8 ปี ผ่านมาเธอปิดกั้นโอกาสและไม่เคยเห็นค่าในความพยายามของเขา การได้พบกันบ่อยครั้งขึ้นแม้จองคยองจะไม่ตั้งใจเปิดโอกาส แต่เธอก็ได้รู้จักฮยุนซูมากขึ้นและซึบซับในความซื่อตรงจริงใจของเขา คังฮยุนซูที่ยังรักและหวังดีต่อจองคยองแม้ว่าจะโดนเธอปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม



การอยู่ด้วยกันของครอบครัวคังและครอบครัวโซในแต่ละวันไม่ความสงบสุขเกิดขึ้นในบ้านเลย โดยเฉพาะครอบครัวโซที่สร้างปัญหาขึ้นมากมาย คุณปู่ที่เคยต้อนรับครอบครัวโซในฐานะแขกก็ย่อมต้องมีภาวะฟางเส้นสุดท้าย และด้วยสำนึกในบุญคุณของเจ้านายเก่า ที่คุณปู่ควรจะตอบแทน การจะดูแลครอบครัวโซ คุณปู่จำเป็นต้องทำอย่างถูกต้องด้วยวิธีรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี คุณปู่จึงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนด้วยการประกาศใช้ไม้แข็งเพื่อดัดแปลงนิสัยของทุกคนในครอบครัว



พวกเขาไม่ใช่แขกอีกต่อไป แต่เป็นแค่คนอาศัยที่ต้องเคารพกฏเหล็กของบ้าน สมาชิกครอบครัวโซจองกิลทุกคนต้องทำงาน ใครไม่ทำงานไม่มีสิทธิ์กินข้าว และต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบต่างๆ ของบ้านทุกอย่าง อย่างเคร่งครัดด้วย ถ้าใครไม่ทำ หรือทำไม่ได้ ก็ไสหัวออกจากบ้านไปได้เลย เพราะคุณปู่ไม่มีใจจะรับเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์

แม้แต่ละคนจะดิ้นรนคัดค้านโดยเฉพาะโซจองอินที่รู้ว่าคุณปู่รักเธอแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่ใจร้ายกับเธอ แต่ผิดคาด เพราะคุณปู่ได้เชือดไก่ให้ลิงดูด้วยการไล่จองอินที่คุณปู่รักมากว่าใครออกจากบ้านไปเป็นคนแรก พร้อมกันกับลูกสะใภ้เจ้าปัญหา แบ๊กกึมจา – แม่ของคังฮยุนซู



โซจองอินก่อเรื่องให้ฮยุนซูโอปป้าต้องปวดหัว และ .. เป็นห่วง อีกแล้ว
แบ๊กกึมจาแม่ของเขาเป็นคนดื้อดึง ส่วนจองอินเป็นคนสุดดื้อรั้น การกระเด็นออกจากบ้านไปด้วยกัน ทำให้สองนางต่างวัยที่ไม่ค่อยลงรอยกันนักในระยะแรก เริ่มมีความสนิทชิดเชื้อทางใจต่อกันมากขึ้น แม้ว่าทางวาจาจะยังเป็นคู่จิกกัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ฮยุนซูต้องคอยตามเป็นห่วงจองอินและแม่ของเขา พยายามเกลี้ยกล่อมจองอินให้หาทางพาแม่ของเขากลับบ้าน

กระทั่ง ศรีสะใภ้ แบ๊กกึมจา ผู้ครองตำแหน่งแม่บ้านที่สุดจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนภายในบ้าน คุณปู่ยังไม่เอาไว้ กระทั่งหลานรักนอกไส้อย่างโซจองอิน คุณปู่ยังไม่ลังเลจะขับไล่ไสส่ง แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นๆ ที่เหลือกันเล่า

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะครอบครัวคัง หรือครอบครัวโซ เมื่อทุกคนไม่มีทางไปและจำเป็นต้องมีที่ซุกหัวนอน จึงจำยอมทำตามเงื่อนไขของคุณปู่ ครอบครัวคังจำต้องยอมให้ครอบครัวโซอยู่ร่วมกันในบ้านลดการต่อต้านลง และครอบครัวโซทุกคนก็ต้องเริ่มลงมือหยิบจับทำงาน



ฮยุนซูได้รับการติดต่อจากบริษัทโกลบอล มอเตอร์ในเรื่องของงานวิศวกรรมเครื่องยนต์ที่เขาได้ทำการวิจัยพัฒนาเอาไว้เมื่อครั้งศึกษาอยู่ต่างประเทศ และบริษัทโกลบอลมีความสนใจจะนำมาพัฒนาต่อให้ใช้งานได้จริงผลิตเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แต่ฮยุนซูปฏิเสธเพราะเขาไม่อยากร่วมงานกับลีฮันเซ ด้วยถือคติเลือกทำงานกับคนก่อนจะเลือกทำงานกับเงิน ฮยุนซูไม่ชอบฮันเซเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เขาได้กระทำต่อจองอิน ทั้งเรื่องที่ทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน และที่ดูถูกดูแคลนเธอต่อหน้าต่อตาเขาในวันนัดเจรจาเรื่องงานกันครั้งแรก เป็นการพบกันโดยบังเอิญและฮันเซไม่รู้ว่าคังฮยุนซูและโซจองอินรู้จักกัน การกระทำของฮันเซยิ่งทำให้ฮยุนซูปฏิเสธจะร่วมงานกับเขาได้อย่างไม่ลังเลใจกับผลตอบแทนที่ได้รับการเสนอ เพราะถูกฮยุนซูปฏิเสธให้เจ็บใจ ฮันเซจึงตามจิกไปที่มหาวิทยาลัย เสนอโครงการร่วมทุนและเงินสนับสนุนทุนวิจัยต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ฮยุนซูไม่อาจเลี่ยงการผลักดันจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อผลประโยชน์ทางทุนวิจัยที่ทางมหาวิทยาลัยจะได้รับ จึงจำใจต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์ในการวิจัยพัฒนาร่วมสร้างรถยนต์นวัตกรรมใหม่ให้กับบริษัทโกลบอล มอเตอร์



การได้รู้ว่า จองอินรู้จักกับฮยุนซู ทั้งยังอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ฮันเซที่ยังคงรักจองอินอยู่และหวังว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเขาจะยังเก็บเธอกลับมาคืนดีกันได้ แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคังฮยุนซู ฮันเซเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ จึงเริ่มกลับมาตอแยจองอินเพื่อขอคืนดี แต่เธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะเหลือเยื่อใยให้เขาสักนิด ฮันเซยิ่งหวั่นใจ รีบหาทางใกล้ชิดจองอินและตามรังควานเธอหนักขึ้น กระทั่งส่งผลให้จองอินต้องยอมมาทำงานที่บริษัทโกลบอลมอเตอร์ของฮันเซ เพราะเหตุผลจำเป็นบางอย่างทางการเงิน และเหตุผลความจำเป็นอย่างหนึ่งทางจิตใจ (อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ฮยุนซู) แม้จะต้องอดทนต่อเสียงซุบซิบนินทาที่เธอเป็นอดีตเจ้าสาวผู้ถูกทิ้ง และต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จากสายตาคุณหญิงแม่ของฮันเซด้วย แต่ความสุขประการหนึ่งที่ชดเชยความทุกข์ได้คือ พี่ฮยุนซู ทำงานอยู่ที่นั่น



สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อได้อยู่ร่วมบ้านและคุ้นเคยกัน “ ฮยุนซูโอปป้า" หรือ "พี่ฮยุนซู" เป็นคำที่ฟังแล้วรื่นหู ชวนชื่นใจ แต่เวลาโมโหก็ "นาย ๆ !!" อย่างไม่สนใจลำดับอาวุโส ไม่ค่อยเจอซีรีย์เรื่องไหนที่พระเอกนางเอกจะเรียกกันอย่างสนิทว่า "โอปป้า" ส่วนใหญ่ตัวอิจฉา หรือนางรองจะใช้อ้อนพระเอกมากกว่า แต่ว่าเรื่องนี้นางเอกเรียกพระเอกว่าโอปป้าตั้งแต่ตอนแรกๆ เสียงนางเอกเวลาเรียก “โอปป้า” น่ารักมากมาย แต่ที่น่ารักมากกว่าอีกคือเวลาพระเอกแทนตัวเองว่า “โอปป้า” เนียนๆ เป็นธรรมชาติดีจริง แม้ว่าตัวจริง จองคยองโฮจะอายุน้อยกว่าลีมินจองปีนึงก็ตาม



การอยู่ร่วมบ้านทำให้เริ่มรู้จักน้ำใสใจจริง เรื่องยุ่งเหยิงที่จองอินก่อ ทำให้เธอรู้ว่า พี่ฮยุนซูเขาใจดีกับเธอมากแค่ไหน (แม้ว่าจะโมโหเธอมากด้วยก็ตาม) ความอ่อนโยนมีน้ำใจที่เขามีต่อครอบครัวของเขาและครอบครัวของเธอที่อยู่อาศัยร่วมบ้าน ความมั่นคงที่เขามีต่อรักแรกไม่เปลี่ยนแปลง ความใส่ใจทุ่มเทในรักที่มีให้พี่สาวของเธอตลอดมา แม้ไม่เคยได้อะไรตอบแทน ก็ยังรักอยู่อย่างนั้นเหมือนคนโง่ เขาคือคังฮยุนซูที่จองอินได้ระบุคุณสมบัติติดผนังชัดเจนด้วยอารมณ์เคืองขุ่น "งี่เง่า” แต่ก็เป็นคังฮยุนซู คนงี่เง่าคนนี้ที่จองอินเริ่มมีใจให้ และตกหลุมรักเขาในที่สุด



คังฮยุนซูก็ได้รู้จักโซจองอินมากขึ้นเหมือนกัน จากภาพลักษณ์ร้ายๆ ที่เขาเคยเห็น แท้จริงเธอเป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ และน่ารักมากแค่ไหน แม้ความขัดแย้งของสองครอบครัวไม่มีท่าทีจะปรองดองกันได้ แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย บ้านก็ยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะความแจ่มใสของโซจองอิน

ความรักของสองหนุ่มสาวเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ ภายในหัวใจ งอกงามและผลิบาน ทนทานผ่านบททดสอบของการเป็นรักแท้ที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเจอทั้งปัญหารักแรกตามรบกวน รักเก่าตามรังควาน ครอบครัวที่ต่อต้านสุดฤทธิ์เพื่อกีดกันไม่ให้รักกัน ฝ่ายหนึ่งไม่เอาเป็นลูกเขย อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมรับให้เป็นสะใภ้ ปัญหาบานปานปลายเจ็บช้ำน้ำใจกันถ้วนหน้า ไหนจะเรื่องราวความสัมพันธ์และรักเก่าในอดีตของพ่อและแม่ ปัญหามรดก เศรษฐกิจเงินทอง การทะเลาะเบาะแว้งของสองครอบครัวจึงไร้วี่แววสัญญาณสงบศึก



คังฮยุนซูและโซจองอิน จะรักกันไม่หวั่นลมรำเพยของรักเก่า และรักกันมั่นคงฟันฝ่ามรสุมความขัดแย้งของสองครอบครัวไปสู่หนทางการสมานฉันท์ ผนึกความรักของเราสอง แล้วปรองดองเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อมอบความสุขสงบในบั้นปลายชีวิตตอบแทนต่อคุณปู่คังมันบ๊ก เสาหลักของครอบครัวที่กำลังเริ่มผุพังไปตามกาลเวลา



มีอยู่ไม่กี่เหตุผลที่ทำให้ Smile You กลายเป็นซีรีย์สุดรัก

หลงรักพระเอกหักปักหัวปำ "คังฮยุนซู" แม้จองคยองโฮ ผู้รับบทนี้จะไม่หล่อขั้นเทพแต่ก็ถือว่าหน้าตาดีมากแล้ว คาแร็คเตอร์ในเรื่องก็ไม่ได้เลิศเลอเหมือนพระเอกเกาหลีส่วนใหญ่ (หล่อเว่อร์ รวยเว่อร์ เท่เว่อร์) เพราะเรื่องนี้พระเอกไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้ขับรถหรู ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร แค่มีการศึกษาหาเลี้ยงตัวเองใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยและใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามรอยวิถีชีวิตของคุณปู่ บทของฮยุนซูให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายธรรมดาเดินดินคนหนึ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถจับต้องได้ ประเภทตื่นนอนลุกขึ้นมา แต่งตัว สะพายกระเป๋า ใส่รองเท้าผ้าใบขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ( เว้นก็แต่ความรู้ที่เขาเป็นถึงด๊อกเตอร์ นั่นมันชนกลุ่มน้อยมากเลยนะในโลกของความเป็นจริง) ภายนอกดูเป็นคนหน้าตาซื่อๆ นิสัยขี้อายคล้ายจะเป็นผู้ชายๆ ทึ่มๆ รักและเชื่อฟังพ่อแม่กับคุณปู่ของเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นลูกเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่คอยเอาใจใส่ต่อความรักที่แม่แบ๊กกึมจามีให้เขา ด้วยกริยาอี๋อ๋อ โอบกอดเอาใจ เหมือนเป็นลูกสาวของแม่ก็ไม่ปาน



แต่เวลาทำงาน คังฮยุนซูก็กลายเป็นผู้ชายอีกมุมหนึ่ง เก่ง ฉลาด เป็นผู้นำ และไม่ว่าจะเรื่องความรัก ครอบครัว หรือเรื่องงาน ความเด็ดขาดในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ นั้นเท่โค-ตร มีสติปัญญาไหวพริบรู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (รักความเนียนที่แสนฮาของพระเอกในแง่นี้เป็นพิเศษ) เขาอาจดูเหมือนเป็นลูกแหง่ แต่เวลาที่คังฮยุนซูจริงจังขึ้นมา แบ๊กกึมจาที่ว่าแน่ก็กริ่งเกรงในตัวลูกชายไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่พูดจาต่อว่าอะไร แต่แค่สายตาแรงกล้าที่มองมา แม่ก็มีชักหนาวๆ ร้อนๆ กับความรัก คังฮยุนซูก็หนักแน่นมั่นคง ค่อยๆ รัก รักช้าๆ ให้แน่แก่ใจ เพราะรักแล้วรักเลย รักเดียวใจเดียว ไม่มีหวั่นไหว เอาใจใส่ทุกข์สุขคนที่รัก คอยห่วงใยดูแล และเป็นที่พึ่งพาได้

สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่พระเอกเรื่องนี้ได้ทำลงไป นอกจากไม่มีความขัดแย้งใจ ยังชอบใจมากด้วย ถ้าเขาไม่ทำให้หัวเราะเพราะความฮา ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นเพราะความน่ารักใจดี และยังได้ใจอีกหลายครั้งหลายกรณีเพราะพฤติกรรมแอบเท่ที่สุดแมน



หลงรักนางเอกถอนตัวไม่ขึ้น "โซจองอิน" ถึงจะง๊องแง๊งเป็นเด็กๆ แต่เพราะชอบ ลีมินจอง และการแสดงของเธอก็น่ารักเหนือความคาดหมาย ไม่ทำให้รู้สึกว่าแบ๊วเกิน (แต่ถ้าเป็นคนอื่นเล่นก็ไม่แน่ เพราะชอบมินจองเลยค่อนข้างแน่ใจว่าลำเอียง อิอิ) ไม่เคยเห็นมินจองในบทนี้มาก่อน คิดว่าเธอเข้ากับบทสวยสงบเยือกเย็นเหมือนอย่างในเรื่อง Midas แต่พอมาเล่นบทน่ารักอย่างนี้ก็น่ารักโฮก เช่นเดียวกันกับจองคยองโฮที่บทคังฮยุนซูสุดจะแตกต่างคนละขั้วกับองค์ชายโฮดง ในเรื่อง Princess Jamong Go (จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน)



ตอนแรกที่เห็นท่าทีเอาแต่ใจของโซจองอินยามแสดงออกต่อลีฮันเซในวันแต่งงาน ถามตัวเองว่า นางเอกคาแร็คเตอร์อย่างนี้จะไหวไหมเรา เพราะปกติไม่ชอบแนวนี้ แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มแรกของเธอที่เรียกขานคุณปู่คังมันบ๊ก “อาราปูจี” ก็ทำให้ตกหลุมรักโซจองอิน ณ จังงัง มันรู้สึกเหมือนว่าเธนอต้องเป็นคนจิตใจดีและน่ารักมากแน่ๆ ถึงได้แสดงกริยาและน้ำเสียงต่อชายชราที่เป็นแค่อดีตคนขับรถของบ้านในลักษณะเด็กน้อยประจบประแจงญาติผู้ใหญ่ของตัวเช่นนั้น

ซึ่งก็ตามคาด เพราะเธอไม่ใช่คนถือตัว เธอเป็นคนมีน้ำใจ รักและเอาใจใส่ต่อครอบครัว แล้วเธอก็มีความอดทน และรักศักดิ์ศรีของตัวเองในระดับหนึ่ง ถึงจะดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่ขี้โมโห แต่นั่นก็เพราะเธอเป็นคนดื้อรั้น ยามโกรธเธอน่ารัก ยามไม่โกรธเธอก็น่ารักสุดๆ เพราะเธอเป็นคนร่าเริงแจ่มใสที่คอยช่วยผ่อนคลายบรรยากาศความตึงเครียดของบ้าน โซจองอินเป็นความสุขที่สร้างรอยยิ้มให้คุณปู่ พี่ฮยุนซูถึงจะวุ่นวายอยู่สักหน่อยแต่เพราะอายุของเธอเป็นน้อง ยังไงเขาก็เอื้อเอ็นดู ไม่ช้าไม่นาน พ่อแม่ของฮยุนซูก็รู้สึกดีกับจองอินเช่นกัน โดยเฉพาะแม่ฮยุนซู ที่รักจองอินนะ แต่แสดงออกตรงกันข้าม



ทว่ารักของแบ๊กกึมจายังเป็นแค่ระดับหนึ่ง ยังรักไม่ถึงขั้นจะยอมให้เป็นลูกสะใภ้ได้ เพราะสำหรับเธอแล้วคังฮยุนซูเป็นลูกชายเพอร์เฟ็คต์ที่คู่ควรกับผู้หญิงเพอร์เฟ็คต์ สวย รวย ความรู้สูงเท่านั้น ขณะที่จองอินมีตำหนิด่างพร้อยจากการผ่านการแต่งงาน (แม้จะแค่วันเดียวและยังไม่ทันเข้าหอลงโรงกับเจ้าบ่าวสักคืนก็เหอะ) อีกหนึ่งปัญหาใหญ่คือครอบครัวล้มเหลวของเธอที่มีพฤติกรรมหน้าเงิน หยิบโหย่ง ไม่เอาการเอางาน เห็นแก่ตัวและก่อแต่ความเดือดร้อนที่น่ารังเกียจ แบ๊กกึมจาไม่ต้องการจะให้ลูกชายของเธอโดนครอบครัวของจองอินคอยเกาะกินไปตลอดทั้งชาติ แต่........



ความรัก ... ช่างงดงาม

จาก คู่กัดสุดฮา ประหนึ่งยัยตัวร้ายกับนายสุภาพบุรุษผู้นุ่มนวลที่ต้องหลุดฟอร์มเป็นประจำเพราะโดนป่วนให้ต้องส่งเสียง ย๊า! ย๊า! จองอินย๊า!

ครั้งหนึ่งจองอินเคยบอกกับฮยุนซูให้เรียนรู้วิธีตั้งมั่นสมาธิสลายความโกรธ ฮยุนซูบอกกับเธอว่า “แค่ไม่มีเธอ ชีวิตพี่ก็ไม่มีความโกรธแล้ว” (ฟังแล้วขำมาก) มันก็จริงของคังฮยุนซู เขาไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆ ก็มีโซจองอินคนเดียวนี้แหละที่ทำให้อารมณ์มันแบบว่า ขึ้นเลยๆ!! ฉะนั้น แค่ไม่มีเธอ ชีวิตพี่ก็ไม่มีความโกรธใดให้ต้องสลายหรอกนะ



กลาย.. เป็นความรัก จองอินตัดขาดฮันเซ แบบตัดแล้วตัดเลยกับผู้ชายเฮงซวยที่ทิ้งเธอไว้ทั้งชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน ฮันเซจะมาวนเวียนขอคืนดีอย่างไร ก็ไม่เห็นความลังเลใจของจองอินอีกเลยนับจากนั้น ( ถ้าลังเลก็ไม่น่ารักได้ใจน่ะสิ) แม้จะมีบางครั้งคราวที่รู้สึกโกรธพี่ฮยุนซู แต่ก็ไม่เคยคิดใช้ลีฮันเซเป็นเครื่องมือประชดประชัน เวลาที่คนเค้าโกรธกันฮันเซอย่าได้สะเออะแหลมหน้ามาแทรกเดี๋ยวจะเจอสวน (ชอบนางเอกแบบนี้มาก) การได้รู้จักกับฮยุนซูทำให้จองอินได้รู้จักความรักมากขึ้น รักของฮันเซที่เห็นแก่ตัวและบางทีมันอาจไม่ใช่ความรัก เขาถึงทิ้งเธอได้อย่างง่ายดายในวันที่เขาเพิ่งเขียนคำสัญญาการแต่งงานให้เธออยู่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า



ต่างจากกับความรักของผู้ชายอีกคน -คังฮยุนซู ความรักโง่ๆ ที่เขามีให้พี่สาวของเธอ ความรักเดียวใจเดียว (ข้างเดียวด้วย) ที่ทำให้เขาไม่เคยคิดมีใครอื่น ฉายาที่เธอตั้งให้จึงเหมาะจึงควรกับพี่ฮยุนซูอย่างยิ่งแล้ว “คนโง่”



และแล้วฮยุนซูก็ตัดใจจากจองคยองได้ในที่สุด เมื่อรู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก่อนเธอไม่รักไม่เป็นไร ถ้าเธอยังไม่มีใครก็จะตามตื๊อ แต่ถ้าเธอมีคนใครคนหนึ่งอยู่ในใจแล้ว ลูกผู้ชายนายฮยุนซูผู้รักด้วยหัวใจจริงแท้ก็จำต้องยอมตัดใจจากเธอ อยากจะเศร้าเพราะอกหักรักคุดก็ไม่ค่อยมีเวลา เพราะมีจองอินคอยก่อความยุ่งใจอยู่ไม่ห่าง จากที่เคยแค่เป็นห่วง ทำไปทำมาก็เริ่มหวง เริ่มผูกพันชิดใกล้ ทั้งที่อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แล้วยังได้มาทำงานที่เดียวกันอีกด้วย



ส่วนจองคยองปัญหารักเราไม่ก้าวหน้ากับ ผอ.โรงพยาบาลผู้เป็นคนรักของเธอ ก็เริ่มจะอิ่มตัวบนทางตัน เขาเป็นพ่อหม้ายและมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน เพราะเขารักลูกมาก และลูกสาวก็หวงพ่อมาก กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ความสัมพันธ์ได้คืบหน้าไปทางไหน จองคยองทุกข์ท้อไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครจึงหันไปหาคังฮยุนซู มีเขาคอยปลอบใจบ่อยครั้ง หัวใจก็เริ่มไหวเอน เธอเลิกกับคนรักของตัวเองและเรียกหาคังฮยุนซูมาเป็นศาลาพักใจชั่วคราว ใจอยากจะพักอย่างถาวร แต่ติดที่เคยปฏิเสธเขาเอาไว้มาก ด้วยศักดิ์ศรีและความละอายแก่ใจที่ได้เคยกระทำหยาบคายต่อฮยุนซูเอาไว้ไม่น้อยในอดีต ทำให้เธอไม่อาจกลับลำมาคว้าคังฮยุนซูได้ในทันที ต้องขอเวลาปรับเปลี่ยนท่าทีสักเล็กน้อย

I finally started seeing the KangHyunsoo that I did not see before.
ในที่สุดฉันก็เริ่มมองคังฮยุนซู อย่างที่ฉันไม่เคยมองเห็นมาก่อน

Am I too late ?
ฉันสายไปหรือเปล่า ?



อาจจะยังไม่สายเกินไป เพราะฮยุนซูเป็นคนรักมั่นคง เขาอาจจะยังรักเธอ หากตอนที่จองคยองไม่รักเขานั้น จะไม่มีใครอีกคนที่แอบรักเขาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คนที่คังฮยุนซูไม่ใช่แค่เริ่มมองเห็นแต่เขาเห็นอยู่นานแล้ว

ไม่ว่าจองคยอง หรือ ลีฮันเฮ ต่างก็พากันเข้าใจไปเองว่าที่ฮยุนซูใจดีกับจองอินนั้น เป็นเพราะเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวของจองคยอง แต่ใครจะมารู้ดีเท่าคังฮยุนซู เขารู้จักจองอินมาก่อนที่จะรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของจองคยอง และถึงจะรู้แล้ว เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเธอในฐานะน้องสาวของจองคยองด้วย เพราะสำหรับเขา จองอินคือ “จองอิน” คนที่เขากำลังใคร่ครวญหาคำตอบ

“ถ้าฉันเป็นเพื่อน แล้วจองอินเป็นอะไรกับคุณ”



เป็นคำถามที่จองคยองได้คาดคั้นถามคังฮยุนซูเอาไว้
แต่ทั้งที่ใจก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ .. ยัยพี่สาวก็ยัง

Kang Hyun Soo, Can’t you like me again ?
"คังฮยุนซูคุณจะชอบฉันอีกครั้งได้ไหม"

Can’t you ?
"ไม่ได้เหรอ"

I’m being sincere.
ฉันจริงใจนะ

เป็นฉากที่ทำลมแทบจับแบบเกมวัดใจ พี่ฮยุนซู ถ้าพี่หวั่นไหว เราเลิกกันทันที ฉันรับไม่ได้หรอก ฉันเลิกดูซีรีย์เรื่องนี้แน่ อย่าแม้แต่จะแสดงท่าทีลังเล ไม่งั้นจะขอสาปส่งซีรีย์เรื่องนี้ (อิน ประหนึ่งเป็นนางเอกซะเอง) ต้องถือเป็นช่วงเวลาที่เกลียดความเห็นแก่ตัวของจองคยองมากที่สุด เธอช่างกล้า ด้วยเหตุผลที่ว่า

Because you are Kang Hyun soo. I already figure
you would not come to me with someone else in your heart.
But, since the person who like me for 8 years is also Kan Hyun soo. I though may be … perhaps …..”

เพราะคุณคือคังฮยุนซู ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉัน
เพราะว่าใครคนหนึ่งที่อยู่ในหัวใจของคุณ แต่ เพราะคนที่เคยชอบฉัน
มาตลอด 8 ปีก็คือคังฮยุนซูเช่นกัน ฉันเลยคิดว่า คุณอาจจะ ...บางที...




แต่มันก็สายไป เพราะคังฮยุนซูไม่ต้องการรักแรกอีกต่อไป เมื่อเขาแน่ใจ เขาได้พบรักสุดท้ายของเขาแล้ว

“It’s my first time , no matter what mistake I make ,
she laughs and let it slide. She listens to what I say.
Even though I’m lacking. When I’m with her
I feel like i become a good man.
Because that’s how she sees me , that’s who I want to be.

"มันเป็นครั้งแรกของผม ที่ไม่ว่าผมจะทำอะไรผิดพลาด
เธอหัวเราะและปล่อยมันไป เธอฟังในสิ่งที่ผมพูด
แม้ว่าผมจะมีข้อบกพร่อง แต่เมื่ออยู่กับเธอผมรู้สึกว่า
ผมกลายเป็นผู้ชายที่ดี นั่นเป็นเพราะว่าเธอมองผม
อย่างคนที่ผมต้องการจะเป็น "


และนับจากนี้ตลอดไป พี่ฮยุนซูเขาบอกว่า

I want to do everything I possibly can for the person who’s next to me right now.
"ผมอยากทำทุกอย่างที่ผมจะทำได้เพื่อคนที่อยู่กับผม (และผมรักอยู่)ในตอนนี้"



ชอบตอนที่จองคยองสารภาพความรู้สึก ขอให้ฮยุนซูกลับมารักเธออีกครั้ง (ยัยพี่ ช่างกล้า) กรอดูแล้วดูอีก ถ้าคลิปมันพรุนได้มันคงพรุนไปแล้วล่ะ ไม่ได้ดูด้วยความสะใจหรอกนะ แค่ชอบในความซื่อตรง จริงใจ ไม่มีสักถ้อยคำจะซ้ำเติมให้จองคยองรู้สึกแย่หรืออับอายที่เธอเคยปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดีมาก่อนแล้วมากลับท่าทีคืนคำเอาง่ายๆ แบบนี้ สุภาพบุรุษฮยุนซูถนอมน้ำใจ แต่ทุกถ้อยทุกคำก็ยังหนักแน่น ชัดเจน ตรงประเด็น เคลียร์!!!!



พี่ฮยุนซูพิสูจน์หัวใจไม่ใช่คนโลเล แต่โซจองอินก็สัมผัสได้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพี่ฮยุนซูและพี่จองคยอง พวกเขาจึงมีท่าทีอึดอัดต่อกันแปลกไปจากที่เคยเป็น

มันมีเหตุผลที่คังฮยุนซูจะรู้สึกอึดอัดต่อจองคยอง เพราะสายตาต้องคอยลอบมองอาการของจองอินด้วยความเป็นห่วง เธอจะระแวงไหม จะเชื่อใจเขาหรือเปล่า และเพราะสายตานี่แหละก่อเป็นความเข้าใจผิดจนเกิดความวุ่นวายขึ้นเพราความหลังครั้งเก่าเกี่ยวกับรักแรกของคังฮยุนซูถูกเปิดเผย ผู้หญิงที่เขาแอบรักอยู่ข้างเดียวมาตั้ง 8 ปี ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน แต่เป็นจองคยอง ลูกสาวของครอบครัวโซนั่นเอง



ราวกับจองคยองได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงขึ้นในครอบครัว เพราะแบ๊กกึมจา-ไม่พอใจมากที่จองคยองไม่มีตาจะมองเห็นความดีในตัวลูกชายของเธอ พาลพาผู้ใหญ่ทะเลาะกันเพราะต่างเข้าข้างลูกของตัวเอง จริงๆ ฉากนั้นควรจะเครียดมากแต่มันกลับฮามาก แบ๊กกึมจาเมาปลิ้นด่าไฟแลบแล้วร้องไห้โวยวาย จองอินก็ฟูมฟายร้องไห้ผสมโรง ผู้ใหญ่ก็เข้าใจผิดคิดว่าจองอินเสียใจที่เธอเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้พี่สาว แล้วกลับกลายเป็นว่าผู้ใหญ่ต้องมาทะเลาะกัน แต่ที่จริงจองอินโกรธทั้งพี่สาว รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอคบกันอยู่กับพี่ฮยุนซูแล้ว โกรธพี่ฮยุนซูก็ด้วยที่ไม่บอกให้รู้ว่าจองคยองหันกลับมารักเขา ส่วนฮยุนซูก็ไม่มีใครทันสังเกตว่าเขาไม่ได้พยายามจะคลี่คลายสถานการณ์ของผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะเขาแค่กำลังพยายามจะไกล่เกลี่ยกับจองอิน “จองอินนา” “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” “จองอินนา อย่าทำแบบนี้สิ” สุดจะยุ่งเหยิงจนพี่ฮยุนซูถึงขึ้นเอามือลูบหน้าเพราะว่ามันยุ่งยากหัวใจเหลือเกิน (วุ่นวายได้สนุกจริงๆ)



ช่วงตอนที่ ๑๐-๒๕ ถือเป็นช่วงเวลาของความรักที่ชอบมากที่สุด เป็นช่วงก่อนและหลังที่จะตกลงปลงใจ 'เรารักกัน' เพราะมันค่อนข้างเต็มไปด้วยอารมณ์ ความหึงหวงเล็กๆ ที่น่ารักของโซจองอิน ความรู้สึกที่คังฮยุนซูก็รับรู้ด้วยความใส่ใจ แม้จะยังไม่ได้ตอบคำถามของจองคยอง "ถ้าฉันเป็นเพื่อน แล้วจองอินเป็นอะไรกับคุณ" แต่ฮยุนซูก็ไม่ปฏิเสธการกระเซ้าเย่าแหย่ของพี่ชายโซซองจุนสักคำเหมือนก่อนหน้านั้น

"พี่บอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวัง จองอินขี้อิจฉาจะตายไป"
"ดูสิ เธอทนไม่ได้แม้แต่จะให้พี่อยู่ใกล้นายซะด้วยซ้ำ"
"ใครเดินกระแทกเท้าเสียงดังน่ะ จองอินใช่ไหม ความหึงหวงนี่มันยากจะควบคุมใช่ไหมล่ะ"
"อ๋า ..ไม่ปฏิเสธสักคำแสดงว่ายอมรับ"

พี่ซองจุน สายตาแหลมคมสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของจองอินและฮยุนซูตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขากลับมาจากอเมริกา และทึกทักเอาเองว่าสองคนนี้มี something แต่ไม่มีใครสักคนยอมรับ แล้วเป็นไงล่ะ ก็ไม่พ้นพี่ซองจุนนี่แหละที่อยู่ข้างพวกเขามาตลอด คอยเตือนสติและส่งสัญญาณเตือนจองคยองเป็นระยะทำนองว่า..เฮ้ยๆๆ นั่นของจองอินมันนะ ถึงพี่ซองจุนจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การมีใครสักคนสนับสนุนความรักของพวกเขา มันก็ยังดีกว่าการถูกกีดกันไปซะทั้งหมดทุกคนใช่ไหมล่ะ

เวลาที่จองอินโกรธกรุ่นๆ หรือหงอยเหงาไป เมื่อมีจองคยองมาอยู่ใกล้ๆ ฮยุนซูจะรับรู้และสายตาจะหมุนตามรอบทิศทางอย่างเป็นห่วงความรู้สึก สุดจะถนอมน้ำใจด้วยการระมัดระวังการกระทำ คุยโทรศัพท์เรื่องอะไร จะไปไหน ไปทำไม ไม่ได้ถูกถาม แต่พี่ฮยุนซูก็ทำเนียนเคลียร์ตัวเองให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ จึงออกจะชัดเจนว่าพี่ฮยุนซูมีความรักต่อจองอินผู้น่ารักของเราแน่นอน แต่ที่ยังยื้อเวลาชั่งใจเพราะแค่อยากจะให้แน่ใจว่าเขาได้ล้างใจจากรักแรกได้สะอาดเอี่ยมอ่อง ก่อนจะมอบใจดวงนี้ให้เป็นของจองอินคนดีคนเดียวตลอดไป วิ้วววว** (เป็นเอามากนะเนี่ยเรา)





 

Create Date : 13 กันยายน 2555    
Last Update : 3 ตุลาคม 2555 23:16:50 น.
Counter : 44962 Pageviews.  

Rinne no Ame หยาดฝนของคนเกิดใหม่



Title : Rinne no Ame
Screenwriter: Kuwamura Sayaka
Producers: Nakano Toshiyuki
Director: Namiki Michiko
Broadcast : Fuji TV , 4 Jan 2010 Monday 23.30
Runtime : 48 minutes



Winner of Fuji TV´s 21th Best Young scenario Award

Rinne no Ame หรือชื่อภาษาอังกฤษ Rain of Reincarnation เป็นหนึ่งในเรื่องที่สร้างจากผลงานการชนะรางวัล Fuji television young scenario award ซึ่งหากจะกล่าวว่านักเขียนที่ชนะรางวัลนี้ต่างก็รุ่งในธุรกิจ(เขียนบท)ทีวี ก็คงจะไม่เป็นการโม้เกินไปนักถ้าดูจากเรื่องราวที่น่าจดจำและแนวเรื่องที่ยากจะลืม ดูได้จากรายชื่อเรื่องชนะรางวัลต่อไปนี้

The 1st award winner : Tokyo Love story - Sakamoto Yuji
The 2nd award winner : Bara no nai Hanaya - Nojima Shinji
The 6th award winner : Fumo Chitai - Hashibe Atsuko
Tge 7th award wiiner : Last Friend - Asano Taeko
The 15th award wiiner : Densha Otoko - Muto shoko
The 16th award winner : Proposal Daisakusen - Kaneko Shigeki
The 17th award wiinner : Ninkyu helper - Furuya Osho
The 18th award winner : Life - Nedu Rika

และ

The 21st award winner : Rinne no Ame - Kuwamura Sayaka

คือเรื่องที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้นั่นเอง



สองพี่น้อง มิคามิ โคเฮ และมิคามิ ชูเฮ หลังจากแม่ตายพวกเขาก็ถูกพ่อทิ้งไปอีกคน น้องชายชูเฮพิการทางสมอง (เป็นเด็กปัญญาอ่อน) แต่ก็ยังพอทำงานบางอย่างได้ เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งจึงรับชูเฮเอาไว้ให้ทำงาน แต่ก็มักจะทุบตีทำร้ายชูเฮอยู่เป็นประจำเหมือนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ และนั่นก็เป็นสาเหตุทำให้โคเฮพี่ชายต้องกลายเป็นฆาตกร



ในคืนที่ฝนตกหนักเขาและน้องชายได้ช่วยกันฝังศพเอาไว้ในป่า คำที่แม่สอน ชูเฮยังจดจำและพร่ำพูด

"ชีวิตของเราทุกคนต่างมีค่า แม่บอกไว้อย่างนั้น"

ชูเฮไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับฆาตกรรม แต่เลือด ความตาย และคำสอนของแม่ก็ทำให้เขาเกิดความเครียด โคเฮจึงบอกกับน้องไม่ให้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

"เมื่อคนเลวตาย พวกเขาจะเกิดใหม่ในที่ที่ดีกว่าเดิม"

เจ้าของโรงงานเป็นคนเลว การตายจะทำให้เขาได้เกิดใหม่แล้วกลายเป็นคนดี



"ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น"

ต่อหน้าตำรวจนักสืบ ชูเฮหวาดกลัวและเผลอพร่ำออกมา ถ้อยคำและท่าทีที่น่าสงสัยแต่ก็ไม่มีมูลเหตุอะไรจะไปตั้งสมมติฐานการฆาตกรรมกับคนสมองพิการอย่างชูเฮหรือกับใครได้ แต่คำ "การเกิดใหม่" ที่ชูเฮจดจำพี่ชายสอนเอาไว้ก็ดึงดูดความสนใจจากตำรวจนักสืบแบบที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ชูเฮอาจไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ตำรวจก็ตัดสินใจจะใช้ชูเฮเป็นกุญแจสำคัญในการสืบคดี ซึ่งฆาตกรผู้ต้องสงสัยคือ ... พี่ชาย




เริ่มเรื่องกันอย่างนี้แล้วก็จบเรื่องกันอย่างนั้น ใครกันจะไปลืม Story line อย่างนี้ได้ง่ายๆ นี่ดีนะว่าทำมาสั้นๆ แค่หนังสั้นชั่วโมงเดียวจบ ขืนทำเป็นซีรีย์ขยับขยายรายละเอียดความรักความผูกพันอันรันทดของสองพี่น้องขึ้นมาเป็นสิบตอนล่ะก็ มีหวังได้กระเทือนอกสะอื้น น้ำตาไหลพรากๆ เป็นแน่ แต่เพราะมันสั้นไป มันจึงไม่สามารถบีบคั้นอารมณ์ได้ขนาดนั้น แค่ทำเอาใจโหวงไปนิดหน่อย



ยามาโมโตะ ยูสุเกะ รับบทโคเฮ พี่ชายแสนดี แต่พี่คนนี้แบกภาระความกดดันที่ต้องดูแลน้องชายสมองพิการ และมันก็มีขีดจำกัด ยูสุเกะน่ะนะ ปากก็หนา หน้าตาก็ไม่ค่อยจะหล่อ แต่คนจะมีออร่าเป็นพระเอกให้โปรดปราน มันก็ช่วยไม่ได้ เข้าวงการมาแค่ 6 ปี แต่นับจากทั้งหนังทั้งซีรีย์ ยูสุเกะเล่นไปแล้วเฉลี่ยปีละ 5-6 เรื่อง นั่นมันไม่ใช่น้อยๆ ยิ่งระยะหลังมานี้ รู้สึกจะฮอตน่าดู

ซาโต้ โคจิ รับบทชูเฮ น้องชาย เป็นคนที่หน้าตาน่าจดจำ จดจำว่าไม่ชอบหน้าตาบึ้งๆ ดูไม่ค่อยเป็นมิตร แม้จะเป็นพระเอกรุ่นๆ เดียวกันกับยูสุเกะและก็แสดงไม่น้อย แต่มีงานผ่านสายตามาน้อยมาก แค่ Sky of Love กับ Tumbling ที่ก็เล่นกับยูสุเกะด้วยกันนี่และค่ะ แต่บทเป็นรองกว่ามาก แล้วยังโดนบดบังรัศมีจากตัวเด่นหลายคน อย่างมิอุระ โชเฮ , ไดโตะ ชุนสุเกะ และ คาคุ เคนโตะ อีกคน แต่เล่นบทบาทนี้ได้เนียนอยู่เหมือนกัน

คันจิยะ ชิโฮริ รับบทแฟนของโคเฮ เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ชิโฮริเธอเป็นเจ้าแม่หนัง+ซีรีย์จริงๆ นะคะ เฉลี่ยเล่นปีละเกือบเจ็ดเรื่องได้ เจอหน้าบ่อยๆ ในหนังในซีรีย์ที่ดู เป็นบทบาทน่ารักนิสัยดีทุกเรื่อง ยังไม่เคยเจอบทตัวแสบแรงๆ สักที ไม่รู้มีเล่นกับเขาบ้างหรือเปล่า




ผู้กำกำกับท่านนี้ Namiki Michiko ในปีต่อมา 2011 ก็ได้ร่วมกำกับซีรีย์หม่นหมองของค่าย Fuji TV เรื่อง Soredemo, Ikite Yuku (เอตะ , มิตสึชิมะ ฮิคาริ) ที่กวาดรางวัลจาก 70th TDAA มาได้ถึง 6 รางวัล และหนึ่งในนั้นก็มีทั้ง Best Drama และ Best Director ด้วย



เหตุที่เกิดเหมือนจะฟันธงแต่แรกว่าพี่ชายเป็นฆาตกร แต่ระหว่างที่เรื่องดำเนินไป ความทรงจำของน้องชายที่ย้อนไปมาก็น่าคลุมเครือ ชวนให้สงสัยคาใจอยู่เรื่อย ใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร คนพี่ หรือ คนน้อง ด้วยแรงโทสะ หรือความพลั้งพลาด


Rinne no Ame เป็นการเขียนเรื่องให้ลงเอยแบบที่สมควรได้พุ่งคว้ารางวัล

เพราะความโหดร้ายของชะตากรรม มันเป็นยาเสน่ห์ขนานแรง

...

ขอบคุณ Dramawiki , AsianWiki




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2555    
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 7:52:12 น.
Counter : 3720 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.