Group Blog
 
All blogs
 
Don Quixote / ดอนกิโฆเต้ / อุดมการณ์อัศวินจากชายยากูซ่า



ข้อมูลจาก Dramwiki
Title : Don Quixote
Episodes: 11 Viewership rating: 10.9%
Broadcast : NTV 2011-Jul-09 to 2011-Sep-24 Saturday 21:00
Screenwriter: Oishi Tetsuya, Nemoto Nonji
Producer: Yamamoto Yukari, Watanabe Hirohito
Director: Nakajima Satoru, Otani Taro
Music: Kaneko Takahiro






Smiley Smiley โชตะคุง


あなたがすきです。อะนะตะงะซุคิเดส I love you ฉันรักคุณ

ฮ่าฮ่า เป็นปลื้มถึงขั้นต้องบอกรักกันออกสื่อเลยทีเดียวกับผลงานของ มัตสึดะ โชตะ เรื่องนี้

Don Quixote /ดอนกิโฆเต้

ดูเหมือนว่าซีรีย์ญี่ปุ่นทั้งหมดที่ดูผ่านมาครึ่งปี (กี่เรื่องไม่อยากนับ )
ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย เฮฮาสบาย ยิ้มได้เรื่อย หัวเราะก๊ากเป็นระยะ

ไม่อัดสาระ ไม่ระดมวาทะแทงใจ ไม่อุดมการณ์จี๋ ไม่จรรยาบรรณจ๋า
แต่ว่า...โดน




แต่ไม่อัดสาระ ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคะ นี่เป็นซีรีย์เนื้อหาดีเลยทีเดียวล่ะ เพียงแต่ไม่ได้ใส่มาแบบจัดเต็ม ที่บางครั้งก็ให้ความรู้สึกหนักหนา จะยัดเยียดจรรยาบรรณสุดกึ๋นกันไปถึงไหน (แต่ก็ชอบ) ดอนกิโฆเต้ จึงเป็นคอมเมดี้ที่ดูแล้ว feel good ดูแล้วได้หัวเราะผ่อนคลาย (แม้ DramaWiki จะจัดประเภทเป็น Drama ก็ตาม)



สงสัยมากมาย ทำไมต้องชื่อเรื่อง Don Quixote มันเกี่ยวอะไรกับ ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน ดอนกิโฆเต้ อัศวินแห่งลามันซ่า นวนิยายแห่งราชอาณาจักรสเปนที่ได้รับคัดเลือกจากนักเขียนดัง (รางวัลโนเบล) 100 คน จากประเทศต่างๆ 54 ประเทศว่าเป็นนวนิยายที่ดีที่สุดในโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลกกว่า 80 ภาษา กล่าวกันว่าในด้านวรรณคดี ดอนกิโฆเต้นับเป็นนวนิยายเรื่องแรกของโลก มีสถิติการพิมพ์มากที่สุดในโลก(เป็นรองแค่คัมภีร์ไบเบิล) และองค์การยูเนสโกยังระบุว่าเป็นหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลกด้วย

ดังนั้น บางคนถึงกับว่าดอนกิโฆเต้เป็นความอัปยศแห่งวงการหนังสือไทย เพราะขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรามีการแปลกันมานานมากแล้ว ประเทศไทยเราเพิ่งจะมีการแปลให้คนไทยได้อ่านกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (ภาษาสเปน ค.ศ.1605 ภาษาไทย ค.ศ. 2005) เป็นหนังสือที่ไม่กล้าจะถาม “เริ่ดขนาดนั้นเทียวรึ ?” เนื่องจากนี่เป็นทรัพย์วรรณกรรมอันล้ำค่าของสเปนที่คงจะมีเกียรติยศหลายสิ่งหอย่าง เช่นที่ หนังสือฉบับแปลนี้ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสเปนก็ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรก เนื่องในวาระครบรอบสี่ร้อยปีวรรณกรรมเรื่องดอนกิโฆเต้ จำนวนสองเล่ม - หนึ่งเล่ม เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถแห่งราชอาณาจักรไทย และอีกหนึ่งเล่ม ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกแด่สมเด็จพระราชาธิบดี ฆวน การ์ลอส ที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งราชอาณาจักรสเปนในวโรกาสเสด็จเยืนอ ราชอาณาจักรไทย ( พศ. 2549 / 2005)

นั่นคือ ดอนกิโฆเต้ ที่ผู้เขียนเพิ่งรู้





แต่ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลยนะ หนังสือปกนี้ก็ดึงดูดสายตาทันทีตอนที่มันวางอยู่ในร้านหนังสือ ด้วยรูปเล่ม สีสัน ลวดลาย อักขระ และระดับความหนา ที่จัดพิมพ์มาพร้อมกับถ้อยคำโปรโมตหนังสือสุดจี๊ด

"....รัฐบาลของอารยประเทศทั้งหลาย ถือเป็นภาระหน้าที่ในอันจะให้คนของตน
ได้อ่านวรรณกรรมสำคัญของโลกเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ
ขณะผู้คนในบางประเทศ ต้องกระเสือกกระสน ดิ้นรน ขวนขวาย ไขว่คว้า หามา"


"ในชั่วชีวิตหนึ่ง หากแม้นสวรรค์ทรงอนุญาตให้อ่านหนังสือได้เพียงเล่มเดียว
จงเลือกเล่มนี้เถิด ชีวิตจักไม่ตายเปล่าแน่แท้"


เจอถ้อยคำเหล่านี้เข้าไป แม่นางพรายมีหรือจะมองข้ามไปได้ นางเป็นประเภทบ้าความคมแห่งถ้อยคำที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อะไรเทือกนี้อยู่แล้ว แต่ตอนได้ลูบๆ คลำๆ หนังสือปกแข็งที่ดูจะจัดพิมพ์อย่างปราณีตพร้อมด้วยแบบตัวอักษรสวยงามสะอาดตา แลดู "ขลัง" อย่างกับมีมนต์สะกด แต่พอมองราคาแล้วมนต์ก็เริ่มคลาย บังเกิดความยับยั้งชั่งใจขึ้นมานิดนึง ปกติไม่ค่อยจะมีหรอกความยับยั้งที่ว่านี้ แต่ตอนนั้นดันตกอยู่ในภาวะกระเป๋าแห้ง ทำให้ต้องคำนึงถึงหนังสือที่ยังวางเปะปะอยู่ทั่วห้องไม่ว่าจะโต๊ะคอมพิวเตอร์ หัวเตียง โต๊ะหน้าโซฟา หรือแม้กระทั่งบนชั้นตู้หนังสือในกอง “หนังสือรออ่าน” (นั่นมันเงินทั้งนั้น แต่ถ้าจะเอาไปจำนำก็คงไม่มีใครรับ) ก็เลยตัดใจวางดอนกิโฆเต้ไว้ก่อน หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้ จึงได้นึกถึง และเพิ่งจะรู้ถึงชื่อเสียงระบือนามในฐานะตำนานวรรณกรรมระดับโลกดังที่กล่าวมา ถามหาที่ร้านนายอินทร์สาขาค่อนข้างใหญ่ก็ไม่มีที่ร้านแล้ว ต้องสั่งสื่อทางเน็ตไปยังสำนักพิมพ์ และบัดนี้ได้มีอยู่ในครอบครองกับเขาเหมือนกัน



แล้วที่ร่ายมาซะยาวเนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับซีรีย์ญี่ปุ่น Don Quixote ?
เอ่อ.. นางก็มิทราบตัวเองเหมือนกันค่ะ ถึงได้สงสัยนักหนาไงคะ ^^

เป็นซีรีย์ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรมาก ก็แค่เรื่องของข้าราชการหนุ่ม-สำนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน "Keihin Child Counseling Center” กับ ยากูซ่าแก่-หัวหน้ากลุ่มซาบาชิมะ

อยู่มาวันหนึ่ง....

โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแห่งปาฏิหารย์ ข้าราชการหนุ่ม กับยากูซ่าแก่ ดันเกิดวิญญาณสลับร่างกัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความสนุกของดอนกิโฆเต้




ชิโรตะ มาซาทากะ ข้าราชการหนุ่ม วัย 24 ปี ที่เพิ่งโอนย้ายมาทำงานกับสำนักงานคุ้มครองสวัสดิการเด็กไม่นาน ยังเป็นมือใหม่หัวใจเกินร้อยแต่ประสบการณ์น้อยนิดทำให้ประสิทธิผลของงานยังไม่เกิด โดนเด็กๆ หมาง โดนบุพการีเมิน ไล่ตะเพิดแบบไม่เห็นแก่หน้าแหยๆ ที่แอบหล่ออยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ

แต่ด้วยเป็นชายหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยน “รักเด็ก” (แต่เด็กท่าทางจะไม่รักตอบง่ายๆ) เขาจึงมีใจรักในงานนี้และหวังจะทำงานได้อย่างเจ้าหน้าที่มืออาชีพ คือ สามารถจะรับผิดชอบดูแลเด็กแต่ละเคสได้ด้วยตนเอง เพราะช่วงเริ่มต้นของมือใหม่ชิโรตะยังคงทำงานอยู่ภายใต้กรอบการดูแลของบรรดาข้าราชการระดับซีเนียร์ทั้งหลายในสำนักงาน





ซาบาชิมะ ฮิโตชิ หัวหน้ายากูซ่ากลุ่มซาบาชิมะ ที่กำลังอยู่ในวาระรอยต่อของการช่วงชิงตำแหน่ง President คนต่อไปขององค์กรยากูซ่าใหญ่ และหัวหน้ากลุ่มที่มีคุณสมบัติถึงขั้นพอจะลงช่วงชิงตำแหน่งก็มีอยู่เพียงสองคน คือ ซาบาชิมะเอง และหัวหน้ากลุ่มเอจิซาว่า นี่คือช่วงเวลาการเตรียมตัวเข้าประชันผลงานแข่งขันบารมีเพือชี้ชะตาผู้รับช่วงตำแหน่งท่านประธานใหญ่ ผู้จะมีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดขององค์กร

แต่ ... ยากูซ่าท่าจะโหด ดันสลับร่างกับสุภาพบุรุษสุดเนิร์ด
ที่ท่าจะเห่ย แหย ป้อแป้ซะแทบไม่เหลือเค้าแมน




จะด้วยพรพหรมอลหม่านหรือคำสาปแช่งอลเวงนี้ ภารกิจในหน้าที่การงานแห่งชีวิตของทั้งคู่ก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงจะถึงฆาตซะแล้ว

เมื่อหนุ่มเนิร์ดสุดเนี้ยบชิโรตะ ต้องกลายมาเป็นยากูซ่าเข้าท้าชิงตำแหน่งบิ๊กบอสของวงการ แถมยังได้หุ่น เอ่อ .. หัวก็ล้าน สูงก็น้อย ถึงจะรวยและมีภรรยาสวยก็แตะต้องไม่ได้ เพราะโดนคุณสามียากูซ่าในร่างตนหมายหัวเอาไว้ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ถ้าเอ็งบังอาจแตะต้องเมียข้า .... นั่นไงล่ะ ใครจะกล้าหาเรื่องตายในร่างเตี้ย (ความจริงลุงก็สูงตั้ง 177 cm.แต่ที่ดูสูงน้อยอาจจะเพราะมีหัวสกรีนเฮดล่ะมั้ง)

และเมื่อยากูซ่าแก่สุดซ่า ต้องมาทำงานในองค์กรสวัสดิการช่วยเหลือเด็ก ถึงจะได้ร่างสูง หน้าหล่อ และมีผมหนาดกดำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เหอะ ท่าทางจะไม่คุ้มกับการต้องหงุดหงิดเพราะเรื่องของเด็กๆ นั้น เป็นอะไรที่จุกจิกน่ารำคาญ

ชะเอิงเอย เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล สองคนที่ต้องสลับร่าง เปลี่ยนสถานะตัวตนแบบกะทันหันและฉันไม่ต้องการ มันต้องวุ่นวายอลวนเป็นธรรมดา ตามธรรมดาของปาฏิหารย์(ไม่รัก)สลับร่าง ที่สองคนจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในสิ่งขาด เพื่อแต่งเติมตัวเองให้เต็มบาทเต็มคน






เหตุผลนานา ที่ทำให้ชอบซีรีย์เรื่องนี้ มว๊ากกก

มัตสึดะ โชตะ รับบทยากูซ่าหน้าเข้มเหมือนพยายามจะโหด แต่นอกจากจะไม่โหดแล้วยังฮา คาแร็คเตอร์ยากูซ่าไม่ยากจะเดา ก็คล้ายๆ กับยากูซ่าในซีรีย์คอมเมดี้ทั่วๆ ไป เก๊กหน้าทำตาดุ มือล้วงกระเป๋ากางเกงต๊ะท่าจุ๊ย แบะขาเดินกร่าง ส่งเสียงโฮกฮากจากลำคอลักษณะจะทำการขู่กรรโชกตลอดเวลา ประมาณนั้น บอกไม่ได้หรอกว่าโชตะเล่นดี เพราะใครที่บุคลิกออกทางนี้คือตัวสูงหน่อยขายาวนิดหน้าไม่หล่อเนี๊ยบนักก็พอจะเล่นได้ แต่จะน่ารักน่าหมั่นไส้เหมือนที่โชตะเล่นหรือเปล่าไม่กล้าการันตี แต่โดยความชอบส่วนตนคนนี้ โชตะเล่นแล้วโดน แม้ว่าจะเปลี่ยนไปจากบทอาคิยามะซังผู้ฉลาดลึกเฉลียวล้ำไปมากจากเรื่อง Liar Game แต่ในหลายๆ เพลากับบทบาทนี้ ก็ยังคงมีเงาคาแรคเตอร์ของอาคิยามะซังปรากฏอยู่นั่นเอง (ตอนทำหน้าตาครุ่นคิด หรืออารมณ์ภาวะเคร่งเครียด) แต่โชตะแบบนี้แหละที่ ช้อบ ชอบ

โดยความขัดแย้งของตัวละครและบทบาท หนุ่มเนิร์ดต้องเป็นยากูซ่า และยากูซ่าต้องมาคลุกคลีกับเด็กๆ เมื่อตัวละครต้องทำในสิ่งที่มันสุดแสนจะขัดแย้งกับตัวเอง ความเฮฮาจึงบังเกิด





ซีรีย์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเด็กมีปัญหา และที่ไม่ควรจะมีปัญหาพ่อแม่ก็ก่อปัญหาให้ เด็กเป็นทรัพยากรที่มีค่า น่ารักน่าถนอม ดังนั้นไม่ว่าเด็กโผล่ที่ไหน จะทำให้ซีรีย์น่าดูเสมอ ไม่ว่าจะแนวดราม่าเครียดๆ , รักใสๆ ในบทบาทส่งเสริมพระเอกนางเอก หรือซีรีย์เบาๆ ไม่ดาร์ก ไม่ดราม่า ไม่รักโรแมนติก (อย่างซีรีย์เรื่องนี้) เด็กๆ ก็มักจะช่วยทำให้อะไรๆ น่าดูชม

เพราะระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ย่อมมีระยะห่างระหว่างวัย (ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ยากูซ่าระยะห่างจะยิ่งไกลขึ้นอีกโข) ดังนั้นเมื่อสองวัยได้ใกล้ชิด โดยผู้ใหญ่มีหน้าที่โอบอุ้มดูแลเด็ก จึงมักเกิดเป็นภาพน่ารักที่ทำให้รู้สึกดี เมื่อชายหนุ่มหน้าเคร่งเสียงใหญ่ห้าวอย่างโชตะ ต้องมาคลุกคลีกับเด็กชายเด็กหญิงตัวน้อย และเด็กหนุ่มเด็กสาววัยเยาวชนในสถานการณ์ยุ่งเหยิง ด้วยสีหน้าขมวดมุ่น..กับหน้าตายุ่งยากใจของเขา ฮ่าฮ่า ฮาและน่าเอ็นดู๊!




การปรากฏตัวรับเชิญของหนูโอฮาชิ โนโซมิ นางเอกตัวน้อยจาก Shiroi Haru (ฤดูใบไม้ผลีสีขาว) ทำให้ป้าคนนี้รู้สึกปลื้มใจมาก คะแนนความชอบที่เรื่องนี้ได้ดีมีหน้าโดยหนุ่มโชตะอยู่แล้วยิ่งพลอยพุ่งพรวด เพราะหนูโนโซมิเธอมากับความน่ารักจริงๆ




ซีรีย์ดำเนินเรื่องด้วยการเดินหน้าแก้ปัญหาเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละเคส ตัวละครหลักคือยากูซ่าซาบาชิมะในร่างของชิโระตะซัง เป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องราวมีความเบาสมอง ลดทอนเค้าโครงความเป็นซีรีย์อุดมการณ์ช่วยเหลือเด็กเพื่อผดุงจรรยาบรรณของสถานบันผู้พิทักษ์เด็กแห่งนี้ลง เพราะนี่ไม่ใช่ความฝันใฝ่ ไม่ได้เต็มใจอยากทำ แต่จำเป็นต้องทำอย่างจำใจ ทว่าดันได้ผลโดยบังเอิญ "ผล" ที่ทำให้ต้องยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ หรือไม่ก็หัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ในกรณีที่ถูกใจอย่างยิ่ง

เรื่องของเด็ก ข้าไม่สน ข้าไม่เกี่ยว อย่าเอาข้าไปเอี่ยวด้วย แต่ว่าปัญหามันจุกจิกกวนใจ ไหนจะปัญหาพ่อแม่ ปัญหาลูกเต้า อะไรนักหนากันวุ้ย! น่ารำคาญ! พวกอาเฮียอาเจ๊ในสำนักงานนี่อีก จู้จี้จ้ำไชกันเหลือเกิน แต่นั่นยังไม่ชวนหัวเสียเท่าไอ้หนุ่มเนิร์ดที่อาศัยร่างเขาอยู่ ถึงเขาจะเตี้ย หัวล้าน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกน่าอนาถเท่ากับการต้องทนมองกริยาอาการของตัวเองในขณะที่ไอ้หนุ่มนั่นครองร่างอยู่ ช่วยเหอะ ช่วยอย่าทำให้หน้าของฉันเป็นอย่างนั้นจะได้ไหม ขอร้อง ...แล้วไอ้หนุ่ม(ในร่างตน) นี่ก็เป็นอีกคนที่ตามเกาะติดไม่ปล่อยกับเรื่องที่ต้องคอยช่วยเหลือดูแล คอยตามแก้ปัญหาเด็กๆ ถูกแวดล้อมด้วยสภาพการณ์และสภาพคนอย่างนี้ มันน่ารำคาญใจจริง ก็เลยต้องทำงานในหน้าที่ช่วยเหลือเด็กแบบส่งๆ ไป

ทำ..ก็เหมือนไม่ได้ทำ แต่ว่าดันได้ผลแบบไม่ตั้งใจ ทุกรายไป
(ฮ่าฮ่า สุดจะบังเอิญว่าได้ผล)




ก็ใช่แต่ยากูซ่าจะลำบากหรอกนะ ชิโรตะตัวจริงในร่างยากูซ่าก็ลำเค็ญมิใช่น้อย ไหนจะคุณเมียที่คลั่งไคล้การเต้นซัลซ่า (salsa) นางผู้ยากแท้จะหยั่งถึงใจในความน่ารัก น่าเกรงใจ และน่าเกรงขาม ขาม ขาม ไหนจะมีลูกน้องทั้งสามที่พาเวิ่นเว้ออยู่กับการรักษาอิทธิพลยากูซ่าสาขาตน และสุดจะภักดี สุดโต่ง (เกิ๊น) กับเดอะมิสชั่น Pretect the boss!

เพราะต่างต้องดำเนินชีวิตในแบบที่ไม่ใช่ตัวเอ๊งตัวเอง สองคนจึงแยกจากกันไม่ออก ต้องพัวพันกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพิชิตภารกิจของกันและกันบนหนทางของคนสลับร่างที่ลุ่มๆ ดอนๆ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับใครๆหลายอย่าง ..อย่างฮาๆ





เติมสาระความสนุกด้วยตัวประกอบที่กลมกลืนเพราะความกลมเกลียว
ไม่ว่าจะฟากยากูซ่าหรือว่าฝั่งสถาบันพิทักษ์เด็ก

โดยชื่อ Keihin Child Counseling Center เหมือนจะเป็นองค์กรให้ความปรึกษาอะไรทำนองนั้น แต่ดูจากภารกิจที่ทำกันอยู่ในเรื่องไม่ว่าจะรับแจ้งเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก หรือเรื่องร้องเรียนพ่อแม่ที่อาจทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะปัญหา การให้คำปรึกษาแก่พ่อแม่ หรือครูที่โรงเรียน การนำตัวเด็กที่ถูกทุบตีหรือเหตุทำร้ายอื่นใดมาไว้ที่ศูนย์แห่งนี้และให้การพักพิงชั่วคราว การรับฝากเด็กต้องคดีเพื่อดูแลให้การคุ้มครองสิทธิ หรือแม้แต่การพิจารณายื่นฟ้องร้องเพื่อตัดสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองของพ่อแม่ กรณีที่หากปล่อยให้มีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมต่อไปเด็กอาจมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น จึงขอเรียกหน่วยงานนี้สั้นๆ ง่ายๆ ในการเขียนว่า ศูนย์พิทักษ์เด็ก ก็แล้วกันนะ





ชอบเธอจริงๆ หัวหน้าศูนย์ มิซึโมริ มิเนโกะ , มิเนโกะจังเธอดูหน้าตาเป็นข้าราชการทำงานสามัญมาก ดูเหมือนไม่ใช่ดาราแต่เป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง รู้สึกอย่างนั้น เธอมักจะแต่งตัวในลุคส์สบายๆ ด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ค่อนข้างดูเข้ากับลักษณะนิสัยคนใจดีใจใสของเธอเอง (เธอมีเค้าหน้าคล้ายผู้ใหญ่คนนึงที่รู้จัก และแน่นอนว่าเป็นคนธัมมะธัมโม เข้าใกล้แล้วรู้สึกร่มเย็น) มิเนโกะเป็นหัวหน้าที่ดีมาก ที่สำคัญพฤติกรรมของตัวละครตัวนี้มีข้อเตือนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของปมในใจเกี่ยวกับสิ่งที่เคยได้ตัดสินใจทำลงไปต่อหน้าที่ของเธอในอดีต แต่กับผลของมัน ณ ปัจจุบัน เธอไม่แน่ใจว่าที่เคยทำลงไปเพื่อช่วยเหลือเด็กมันดีที่สุดแล้วหรือเปล่า เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาลักษณะเดียวกันอีกครั้งย่อมต้องหวั่นไหวในผลทีจะเกิดตามมาอีกหนกับเด็กอีกคน แต่ว่างานก็ยังเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องตัดสินทำมัน

แม้ซีรีย์ดูจะไม่ได้พยายามจัดหนักอุดมการณ์อย่างที่บอก แต่ก็ไม่เบากับประเด็นเด็ดๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่ก็แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของงานเหล่านี้ การถูกข่มขู่จากผู้ปกครอง การถูกแทรกแทรงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่สำคัญคือความยากในการตัดสินใจ เพราะการจัดการกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งๆ นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แค่ดูแล แก้ปัญหา ปิดเคสแล้วจบกัน เพราะการตัดสินใจแต่ละครั้งจะหมายถึงผลพวงยืนยาวในอนาคตของเด็กที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าจะดีหรือร้าย จะสุขหรือจะทุกข์ แต่ก็ต้องตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น การตัดสินใจเลือกพ่อแม่บุญธรรมที่จะรับเด็กไปเลี้ยงดู





ส่วนเธอคนนี้ ช้อบชอบ อายูมิ ผู้ครองสถานะ “คุณนายยากูซ่า” บรรดาลูกสมุนต่างเคารพยำเกรงและเรียกขานเธออย่างน่ารัก “นี่ซัง” เธอสวมใส่แต่เฉพาะชุดยูกาตะ เธอสวย เธอโนเนะน่ารัก เธอยิ้มแย้มอ่อนหวาน เธอแสนใจดี เธอช่างเอาใจ แต่ว่าเธอก็มีความ..ฮึกเหิมที่ดุดัน (ฮ่าฮ่า) เธอหลงใหลการเต้นซัลซ่าที่คงเป็นกิจวัตรเกือบประจำวันเพราะจะเห็นเต้นกันอยู่ในทุกตอน อันที่จริงก็ใช่แต่เธอเท่านั้น สามียากูซ่าของเธอก็เป็นนักเต้นผู้จัดเจนเวทีด้วยเช่นกัน ส่วนสมุนสามทหารเสือจะทำหน้าที่เป็นเจ้าคณะให้จังหวะดนตรี มันจึงเป็นความสุดกล้ำกลืนของชิโรตะในร่างซาบาชิมะ ที่จำต้องโยกแขนขา สะบัดตัวพลิ้วตามจังหวะซัลซ่าให้เข้าขากันคล่องกับภรรยาอายูมิผู้เป็นนักเต้นเท้าไฟ ... เฮ้อ





แต่กับเขาคนนี้ ชอบมว๊ากก! “เฮียวโด” มือขวาคนสนิทของซาบาชิมะ ผู้เป็น “อานิกิ”(พี่ใหญ่)ของลูกน้องอีกสองคน “ยาสุ” และ “เคน” ไม่ว่าลุงจะโผล่หน้ามาที่ไหนเมื่อไหร่ ทั้งจังหวะโผล่หน้าตา จังหวะดนตรีประกอบ ส่วนใหญ่จะหัวเราะเพราะลุงนี่แหละ เพราะแกมากับความเคร่งเครียดตึงเปรียะ! แต่ว่ามันฮา





ถึงขาดโรมานซ์ด้านรักหนุ่มสาว (ถ้าไม่นับรักสุดฮิพของบอสยากูซ่ากับคุณนายอายูมิ) แต่ว่ายังมีความสวยของสาวรุ่นวัย 17 คนนี้ เป็นเครื่องปลอบใจ (ตอนแสดงเรื่องนี้เธอายุ 19) แรกๆ ไม่ชอบเลยเด็กสาวคนนี้ ได้แต่รำพึงกับตัวเองสามคำเบาๆ “โห...นิสัย!”

ซาจิโกะ เป็นเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์แห่งนี้มาตั้งแต่อายุห้าขวบ โดยมีมิเนโกะ (หัวหน้าศูนย์) เป็นคนดูแลเคสของเธอ แต่เธอกลายเป็นเคสตกค้าง ตามที่ซาจิโกะเป็นเด็กถูกทิ้งไว้ที่ศูนย์มานานกว่า 12 ปี และเธอกำลังย่างเข้าสู่วัยสิบแปด และตามกฏเกณฑ์การพ้นวัยเด็ก เธอจะไม่สามารถพักพิงอยู่ที่ศูนย์อีกต่อไปได้ การไม่ชอบพฤติกรรมของเธอ (เด็กอะไร้ !) จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นความสงสารเมื่อเรื่องราวชีวิตถูกทิ้งของเธอค่อยๆ เปิดเผย จากความรู้สึกนึกคิด “ยัยเด็กนี่!” เริ่มกลายเป็น ..”โถ ซาจิโกะจัง” แถมยังเสียน้ำตาให้ซาจิโกะ ทั้งที่เธอไม่ได้อยู่ร่วมในฉากนั้น แต่มันรู้เห็นแล้วรู้สึกเศร้าแทนก่อนตัวละครซาจิโกะจะทันได้รับรู้ตามหลังมาซะอีก




ความสัมพันธ์ของซาจิโกะเด็กกำพร้ากับมิเนโกะผู้ดูแล เป็นความสัมพันธ์แบบเด็กอาภัพที่ระบายความขมขื่นด้วยการทำตัวเป็นเด็กขวางโลก หัวก็มีความคิด สายตาจากความรู้สึกในใจก็มีแอบสำนึกต่อความกรุณาของมิเนโกะที่คอยตามล้างตามเช็ดกับปัญหาที่ก่อ แต่ว่า ...ก็จะดึงดันก่อปัญหาอยู่ต่อไป แล้วมิเนโกะก็ช่างเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนอะไรขนาดนั้น เป็นผู้เขียนล่ะก็มีเฉดหัวส่ง (หุหุ มีนิสัยชอบเอามุมมืดของใจมาระบายใส่บล็อกค่ะ) เหตุผลของมิเนโกะในความอดทนใจเย็น อาจจะเป็นเพราะตัวตนของเธอเอง หรือส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เธอได้เคยตัดสินใจ ส่วนซาจิโกะก็รู้แน่อยู่แก่ใจใครที่คอยใส่ใจดูแลมาตลอด 12 ปี แต่ความเคืองขุ่นนั้นก็ตกตะกอนอยู่มากพอจะกระเตื้องตนให้ระบายออกมาเป็นการกระทำต่อต้านทุกกรณี แต่ลึกลงไปมันก็คือ ความผูกพัน ที่พาอินอยู่พอสมควรกับสองนางต่างวัยคู่นี้





ซาจิโกะจังเด็กสาวที่ซาบาชิมะตำหนิว่า Complaining everything all the time พร่ำบ่นติติงทุกสิ่งไปทั่ว แต่ก็เพราะชิโรตะ เจ้าหน้าที่เห่ยๆ ที่เปลี่ยนแปลงตัวตนอย่างกระทันหันไปเป็นห่ามๆ แต่ก็ยังคงเห่ยไม่ต่างกัน เด็กนิสัยเสียอย่างซาจิโกะ กลับค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและเติบโตขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมรับวัย 18 ที่เธอจะต้องออกจากศูนย์

ชอบมากเลย ตอนสาวหน้างอ แอบเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก




ชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานในศูนย์พิทักษ์เด็ก ดูเหมือนเป็นสำนักงานจริงๆ เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานจริงๆ เมาท์มอยกัน มีเรื่องบ่นเรื่องว่า เรื่องปรึกษาหารือกัน นี่อาจจะเป็นฉากบรรยากาศธรรมดาที่เราจะเห็นได้ในซีรีย์ญี่ปุ่น แต่ที่ชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะที่ห้องทำงานนั้นมันให้ความรู้สึกถึงการเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย และมีความเป็นกันเอง (ชอบฉากการประชุมหารือทุกครั้งเลย)




ส่วนที่บ้านของครอบครัวยากูซ่าอาจจะต่างกันออกไปเพราะนี่ไม่ใช่ความเนียนแต่เป็นความเว่อร์เพื่อสร้างความตลกให้พอหอมปากหอมคอ ขณะที่ศูนย์พิทักษ์เด็กดูเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานดูเนียนเหมือนจริง ที่ครอบครัวยากูซ่าอันประกอบด้วยสมาชิกคือ บอส คุณนายบอส (นี่ซัง) มือขวาหน้าตาเคร่งขรึม (แต่ชวนหัวเราะ) สองสมุนที่ดูอย่างไรก็กิ๊กก๊อก จะดูเป็นสังคมประดิษ์ที่สร้างการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวยากูซ่าเล็กๆ ที่เรียกรอยยิ้มได้ และที่เจ๋งสุดๆ ก็ต้องธรรมเนียมการเต้นซัลซ่าของครอบครัวนี่แหละ ไม่เคยเบื่อเลย ทำให้ฉีกยิ้มได้ทุกทีไปสิน่า





เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์เด็กกลายเป็นบอสยากูซ่า และบอสยากูซ่าไปเป็นผู้พิทักษ์เด็ก ใช่แต่สองคนต้องผูกติดเพื่อดำเนินชีวิตของกันและกันอย่างวุ่นวายเท่านั้น สมาชิกครอบครัวยากูซ่า กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์เด็กก็ต้องมีเรื่องราวข้องเกี่ยวกันในบางกรณีด้วยเหมือนกัน ep.9-10 ว่าฮาแล้ว แต่ ep.11 ฮาได้ใจสุด เสียงหัวเราะที่ออกมาดังที่สุดก็อยู่ ep.11 นี่แหละมั้ง

เพลงธีมของซีรีย์สุดได้ใจ ซึ่งต้องใช้เวลาหากันอยู่นานกว่าจะหาเจอ เดี๋ยวเขียนบล็อกเสร็จจะโหลดมาเป็นริงโทนโทรศัพท์มือถือ เพลงเดียวนี้เลือกตัดทอนจังหวะมาประกอบได้เข้ากันกับซีรีย์ได้หลายแบบ มีทำต่างจังหวะช้าเร็วต่างเครื่องดนตรี เอามาแปะไว้เพลงแรกในจังหวะที่ชอบสุดค่ะ ขึ้นดนตรีมาเป็นได้ฮาแน่ เสียงดนตรีประกอบอื่นอย่างเช่นการปรากฏตัวของลุงยูทากะ ยากูซ่ามือขวาของบอส ก็ทำได้ขำเอาเรื่อง อีกทั้งเพลงประกอบละครฺชื่อเพลง Beautiful days ของ SPYAIR ก็ฟังติดหูดี ดาวน์โหลดมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน



หมดหรือยังนะความดีความชอบ นึกไม่ออกละ เอาเป็นว่าชอบเรื่องนี้ สนุกเฮฮาดี แถมยังมีสาระคละเคล้า ระดับลูกบ้าก็เบาๆ ไม่หนักหนาเหมือน Unubore Deka และน่าจะเบากว่า Samurai Highscool ด้วย คิดว่านะ




ถ้าจะมีที่คิดว่าไม่โดนอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นเรื่องบทบาทของตัวละครที่เปิดเรื่องมาแป๊บๆ ก็สลับร่าง และก็อยู่อย่างนั้นไปจนจะจบเรื่อง นั่นหมายความว่าโชตะจะอยู่ในบทยากูซ่าโฮกฮากไปตลอด (แม้จะเป็นบทที่ชอบ) บทของชิโรตะในร่างซาบาชิมะนั้นก็ดูจะตุ้งติ้งไปนิ๊ดเกินบุคลิกของหนุ่มเนิร์ดสุดเนี้ยบ นั่งหนีบเข่ากุมมือสนทนาเรียบร้อย นั่งเหนียมรีดผ้าให้เรียบสุดนิ้ง (หุหุ ภาพโชตะนั่งรีดผ้าดูน่ารักเชียว ) หรือแม้แต่การทำหน้าตาวิธีพูดจาก็หน่อมแน้มจัง แต่ก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่าขัดกับที่โชตะแสดงเองรึเปล่า เพราะโชตะยังไม่ทันเล่นเป็นตัวเอง (ชิโรตะ) ให้เห็นชินตา ก็เปลี่ยนไปสวมวิญญาณยากูซ่าซะแล้ว บางทีนี่อาจเป็นปัญหาของพลอตสลับร่างล่ะมัง ดูอย่างซีรีย์เกาหลีเรื่อง Secret Garden พระเอกสลับร่างกับนางเอกก็ดูหน่อมแน้มเกินความเป็นตัวนางเอกที่ค่อนข้างจะเป็นสาวห้าว แต่ว่าเถอะนะ ถ้าซีรีย์เรื่องนี้มีการสลับร่างแบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งในจังหวะสถานการ์คับขันบ้าง ก็คงจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย




กลับมาว่ากันด้วยเรื่องของชื่อเรื่อง เข้าใจว่าตัวละครซาจิโกะคือความเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อเรื่อง Don Quixote เด็กหญิงซาจิโกะในวัยละอ่อนที่ประทับใจกับเรื่องราวของอัศวินดอนกิโฆเต้ (ตรงไหน ไม่รู้) และด้วยความคิดที่ว่าถ้าโลกนี้มีอัศวินแบบดอนกิโฆเต้คอยช่วยเหลือเด็กๆ อยู่ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะผู้เขียนยังไม่เคยอ่านหนังสือจึงไม่รู้ว่า อุดมการณ์อัศวินของชายแก่เสียจริตผู้นั้น ไปสั่นคลอนจิตใจของผู้อ่านทั่วหล้าให้ได้รับยกย่องชื่นชมจนกลายเป็นวรรณกรรมระดับโลกและมีอายุยืนยาวมาแล้วกว่าสี่ร้อยปีได้อย่างไร (ซึ่งโดยเนื้อเรื่องย่อๆ ในเน็ตนั้น ดอนกิโฆเต้ไม่น่าจะกลายเป็นวรรณกรรมระดับโลกได้เลย แต่ก็เป็นไปแล้ว จึงเป็นแรงดึงดูดให้เกิดความสนใจใคร่รู้อย่างยิ่ง) อัศวินดอนกิโฆเต้นั้นเจ๋งเป้งอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนยากูซ่าในร่างโชตะได้รับรู้เรื่องราวของดอนกิโฆเต้ เขาเอ่ยคำว่า

“Don-san is a cool dude”

ไม่แน่ใจว่าควรแปลคำว่า dude อย่างไร
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังขำกิ๊กกับคำแทนตัวอย่างสุภาพ “ดอนซัง”












ขอแสดงความปลื้มอีกที (ทั้งที่ก่อนหน้า ตอนซีรีย์ออกมาใหม่ๆ เคยคิดว่าพล็อตไม่น่าสนใจ ) นี่เป็นซีรีย์ที่ผู้เขียนดูแล้วiรู้สึกสนุกกับมัน เพราะทั้งเนื้อเรื่องทั้งนักแสดงมีทั้งความน่ารักน่าขำ กับคาแร็คเตอร์ขัดแย้งใจในร่างสลับวิญญาณของคนสองคน เรื่องราวคนละด้านของสององค์กร (สำนักยากูซ่ากับศูนย์พิทักษ์คุ้มครองเด็ก) โดยที่ตัวละครโดดเด่นจะเป็นบทยากูซ่าของโชตะ มากว่าบทเจ้าหน้าที่พิทักษ์เด็กของลุงคัตสึมิ (ส่วนตัวคิดว่าออร่านักแสดงนำของลุงน้อยไปนิดสำหรับการรับบทบาทตัวละครสำคัญ) เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องก็มีน้ำหนักอยู่ทางฟากฝั่งของการช่วยเหลือดูแลเด็กมากกว่าเรื่องขององค์กรยากูซ่า(บ้าบอ)ด้วย





"I really hate you, man"
"ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ เลย ไอ้หนุ่ม"


ซาบาชิมะซัง (โชตะ) ก็สมควรจะอัดอั้นตันใจหรอกนะ เพราะมันหาได้ยากเย็นที่ชิโรตะในร่างยากูซ่าจะถูกใจกับพฤติกรรมแต่ละสิ่งอย่างที่ชิโรตะ (ลุงคัตสึมิ)ได้กระทำผ่านร่างตนเอง .. หน่อมแน้มอ่ะ รับไม่ได้ อย่ามานั่งรีดผ้า อย่ามาลูบคลำกิ้งก่า (สัตว์เลี้ยงแสนรักของชิโรตะเค้า) อย่ามาทำนิสัย crying out loud เห็นแล้วมันอุจาดตา

"We have to switch back soon, or else it will not be enough
no matter how much money I got"
เราต้องรีบกลับคืนร่างกันให้เร็วที่สุด ไม่งั้น
ไม่ว่าฉันจะมีเงินอยู่มากแค่ไหนมันก็ไม่พอ(ให้นายถลุง)หรอก


ยากูซ่านั้นหาเงินร่ำรวยตามวิถี(แบบไหนไม่รู้) แต่มันจะอาจจะหมดไปเร็วๆ นี้ก็ได้ ถ้าชิโระตะ (ในร่างซาบาชิมะ) ได้ใช้มันไปช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่มีเกรงใจกัน (นั่นมันเงินของข้านะเฟ้ยยยย)






ในหนังสือดอนกิโฆเต้ อุดมการณ์อัศวินจากชายแก่วิกลจริต เป็นอย่างไร ขอย้ำอีกทีว่าไม่รู้ (เพราะยังไม่ได้อ่าน)

แต่ในซีรีย์เรื่องนี้มีคำหรูๆ เกี่ยวกับชีวิตยังมีหวังได้ถูกกล่าวไว้

Remember, as long as there is life, there will always be hope.
No matter what the hurdles are, the road is always open
Aboslutely, there is hope. Until then we must not give up,
there is no giving up.
Let us face it together with the light of hope.
So, come along with this legendary knigh.


ส่วนอุดมการณ์อัศวินจากชายยากูซ่า
ในท่ามกลางความอลเวงของสองร่างสลับวิญญาณ
อยากจะบอกว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเข้าถึง

แด่ ความฝันอันรื่นรมย์ อัศวินจำใจ และยากูซ่าจำเป็น
จึงบัญญัติอุดมการณ์ไว้เองว่า

จงเก่งกล้า บ้าบอ เป็นตัวของตัวเอง
ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ
และทำตามใจปราถนา


(ฮ่าฮ่าฮ่า .... ขอหัวเราะส่งท้ายอีกทีเถิด)

** อยากรู้เกี่ยวกับ Don Quixote อีกหน่อย อ่านที่นี่ **

Smiley ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน















ขอบคุณ Dramacrezy, DramaWiki , Asianwiki.




Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 6 กรกฎาคม 2556 20:38:14 น. 3 comments
Counter : 8441 Pageviews.

 
อ่านจบแล้วรู้สึกสนุกไปด้วยเลยค่ะ อยากดูขึ้นมาทีเดียวค่ะ
คงเป็นซีรีส์ที่คลายเครียดได้ดี เพราะดูพล็อตเรื่องแล้วน่าจะสนุกมาก
หนุ่มเนิร์ดต้องเป็นยากูซ่า และยากูซ่าต้องมาเป็นผู้พิทักษ์เด็ก
555 แต่ขำตรงที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนี่ล่ะค่ะ
ว่าทำไมข้าราชการหนุ่ม กับยากูซ่าแก่ ถึงเกิดวิญญาณสลับกัน
ขนาดคุณprysang ดูยังไม่รู้ แล้วถ้าเป็นมะนาวดูจะรู้ไหมนี่ (^_^)
เรื่องนี้ดีจังเลยค่ะมีเด็กๆมาร่วมแสดงด้วยเยอะดีจังค่ะ
แต่ละคนหน้าตาน่ารักเรียกแขกทั้งนั้นด้วย แถมยังมีหนูโนโซมิด้วย
คงถูกใจพ่อยก แม่ยก กับความน่ารักของหน้องหนูแน่ๆ
เห็นภาพเด็กๆในเรื่องนี้ แล้วทำให้นึกถึงเรื่องEngineของป๋ายะเลยล่ะค่ะ
แล้วพล็อตเรื่องตรงที่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเด็ก
แต่ให้บังเอิญไปลงล็อกช่วยเด็กได้พอดี ก็คล้ายๆบทป๋ายะในEngineเลยนะคะ
แต่เรื่องนี้มีนักแสดงที่ชอบหลายคนมากเลยค่ะ
คนแรก แหะๆไม่ใช่โชตะคุงค่ะ แต่เป็นเจ้าป้าKobayashi Satomi
ชอบป้าเธอมากค่ะ ชอบมาตั้งแต่ดูเรื่อง"Gift"ของป๋ายะ
ที่ได้ดูเมื่อสองปีก่อนแล้วค่ะ ตั้งแต่ป้ายังสาวๆ
เพราะซีรีส์เรื่อง"Gift"เป็นซีรีส์ปี1997ที่ป๋าแสดงเมื่อยังอยู่ในวัยละอ่อนอ่ะค่ะ
และมาชอบป้าเค้ามากขึ้นเมื่อได้ดูเรื่องThe Seagull Restaurant ค่ะ
คือป้าเค้าแสดงเหมือนไม่ได้แสดงอ่ะค่ะ ดูบุคลิกของป้าแล้ว เรียบๆเย็นๆ
แต่ป้าสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้หมดทั้งสีหน้า ท่าทาง
โดยไม่มีโอเวอร์แอ็คชั่นด้วยค่ะ แล้วจากที่บอกว่าบทของป้าในเรื่องนี้
เป็นหัวหน้าศูนย์พิทักษ์เด็ก และต้องฟาดฟันกับวัยรุ่นเจ้าปัญหาอย่างซาจิโกะ
เธอคงต้องเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผลมากแน่ๆเลยว่าไหมคะ
ซึ่งมะนาวว่าเหมาะกับบุคลิกเธอมากเลยค่ะ ส่วนอีกคนที่ชอบคือ
Narumi Riko เธอเป็นดาราที่ยิ่งโต ยิ่งสวยนะคะ
และคิดว่าเธอคงแสดงบทเฮ้วๆต่อต้านสังคมได้ดีใช่ไหมคะ
ขนาดคุณprysang ยังบอกว่ายัยเด็กนี่ น่าฟาดซะจริง
ส่วนลุงMatsushige Yutaka ที่มาแสดงเป็นมือขวายากูซ่านี้
จะบอกว่าหน้าตาลุงแกให้จริงๆนะคะ ยิ่งบอกว่าเคร่งเครียดตึงเปรี๊ยะเห็นภาพเลยค่ะ
แล้วอย่าบอกนะคะว่าแกร่วมเต้นซัลซ่า กับคุณนายยากูซ่าด้วย
คงดูเก้งก้างพิลึก เอ๊ะหรือว่าพริ้วไหวคะ^_^
ส่วนคุณนายยากูซ่า มะนาวว่าเธอเป็นดาราที่หน้าไม่เหมือนญี่ปุ่นเลยค่ะ
และที่ไม่เหมือนเลยก็คือ ขาเธอตรงแหนว ไม่โก่งเหมือนสาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่อ่ะค่ะ
สังเกตที่ได้ดูเธอจากIryu Team Medical Dragon 2 น่ะค่ะ
และเธอคงเต้นซัลซ่าได้สวยนะคะ เอ๊ะหรือว่าฮากันแน่คะ555
เรื่องนี้บอกว่าเป็นดราม่าที่ feel good
และแถมมีหัวใจแม่ยกกระจายซะเต็มบล็อก แล้วจะพลาดได้ยังไง555(^___^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.42.45 วันที่: 27 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:44:49 น.  

 
เป็นการอธิบายที่ดีเลยค่ะ
ไม่ได้ตั้งใจนัก แต่มันดันลงล็อคพอดี
ป้าซาโตมิเคยมีดีกรีเป็นถึงนางเอกนี่เอง
มิน่า ป้าเล่นได้เนียน เรียบๆ แต่ได้ใจ


โดย: prysang วันที่: 1 มิถุนายน 2555 เวลา:12:29:38 น.  

 
จากทัศนคติของคนที่ไม่เคยอ่านดอน กิโฮเต้เช่นกัน
เพราะคลายความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสือผ่านราคา

ฟังดูแล้ว พล็อกก็ไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับ
ซีรีย์เรื่องนี้ได้เลย
ทำให้นึกถึงโครงการที่NTV เคยเอาวรรณกรรมเช็คสเปียร์ส
มาดัดแปลงจบในตอน
Shakespeare Drama Special ที่มีด้วยกันสองเรื่อง
เมื่อปีห้าถึงหกปีก่อน อย่าง
Osama no Shinzo ที่รับแรงบันดาลใจมา
จากวรรณกรรมชิ้นที่ชื่อว่า King lear
และ Romeo and Juliet
คิดว่าต่อไปคงมีมาให้ขยายกันอีกหลายเรื่อง

อีกทั้งพล็อกสลับร่างนี้ คงไม่จบลงไปง่ายๆ
โดยเฉพาะการทำอะไรให้มันขัดแย้งกันสุดๆ
งานนี้โชตะคงถูกบรรจุขึ้นหิ้งดารานำชายเดียวไปสบาย
แม้ว่าหน้าตาจะดูก๊วนๆตี๋ๆแต่เห็นขยี้ใจใครหลายคน

ส่วนลุงคัตสึมิ เห็นแต่บทตัวประกอบกร๋อยๆ
ไม่ค่อยมีปากมีเสียง และหนักไปทางไม่ค่อยมีสติสักเท่าไร
งานนี้ขึ้นหิ้งประชัน ไม่รู้จะเหลือลายของดาวตลกค้างด้วยรึไม่


แต่น่าเห็นใจหนูยูกิ ทำอย่างไรก็ยากจะขึ้นหิ้ง
ดารานำหญิงกับเขาเสียทีปล่อยให้ริโกะแซงเสียได้
อันนี้ก็ว่ากันต่อไป แต่อายุงานของยูกิในพรรษางานก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ

อืม..มีหนูโนโซมิด้วย โตขึ้นหน่อยนึงแล้ว
ฝีมือหนูคงเรียกอารมณ์รักเด็กจากป๋าแก่ได้ไม่ยาก

แต่อ่านคร่าวๆแล้ว คงน่าดูจริงด้วยแหละ
อะไรที่มียากูซ่าไปเกี่ยว ภาพลักษณ์ในแนวขัดแย้ง
ในดนตรีซัลซา เฮ้อ..เข้าใจผสมดีแท้น้อ


โดย: Mr.chanpanakrit IP: 223.204.44.125 วันที่: 3 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:54:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.