Group Blog
 
All blogs
 
Tree with deep Roots อักษรแห่งองค์ราชันย์ ปณิธานเพื่อประชาชน


ที่มาภาพและข้อมูล : DramaWiki
Title : Tree with deep roots / Deep rooted tree
Genre: Period Episodes: 24
Broadcast netwrok: SBS , 5 Oct-22 Dec 2011
Air time: Wednesday & Thursday 21:55
Producer: Sidus HQ Productions
Director: Jang Tae Yoo
Screenwriter: Kim Young Hyun, Park Sang Yun


Recognitions 2011
SBS Drama Awards:
Smiley Grand Prize (Han Suk Kyu)
Smiley Top Excellence Award, Drama
Smiley Top Excellence Award for Special Production, Actor
(Jang Hyuk)
Smiley Excellence Award for Drama Special, Actress (Shin Se Kyung)
Smiley Actress Award for Drama Special (Song Ok Sook)
Smiley PD Award (Song Joong Ki)
Smiley Top Ten Stars Award (Han Suk Kyu)



ในเนื้อเรื่องความเป็นละครมันสนุกสุดมันส์
ในเนื้อหาความเป็นประวัติศาตร์การประดิษฐ์อักษร บอกได้คำเดียวว่า ‘ยอดเยี่ยม’

“ถ้าไม่สั่งซื้อซีรีส์เรื่องนี้มาด่วนที่สุด
ก็ควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อแอร์การ์ดมาเปิดดูทางเน็ตเย็นนี้ได้เลย"


นั่นคือคำโฆษณาที่ได้กระทำการยุยงให้เพื่อนรักคอเกาหลีได้รับทราบว่า ฉันได้ค้นพบซีรีส์สนุกๆ ที่จะช่วยให้แกหายเซ็งในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีแฟนจะพาไปไหน และไม่มีอะไรทำนอกจากว่างจัด

Tree with deep roots สร้างจากนิยายขายดีที่รู้จักในชื่อ Deep rooted tree ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นดาวินซี่โค้ดเกาหลี และในฐานะผู้เคยอ่านดาวินซี่โค้ด เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปได้เลย



ตั้งแต่เก้าโมงเช้า ถึงตีสามของเช้าอีกวันไม่ได้ขยับออกจากห้อง ยังไม่จบ ต้องตามกันต่อหลังเลิกงานในอีกหลายคืน ถ้าใครคิดว่าเรื่องนี้สนุกเหมือน Dong Yi ล่ะก็ใช่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าสนุกไม่เหมือน เพราะสนุกกว่า ยิ่งถ้าเทียบในเนื้อหาสาระที่มากกว่ากับจำนวนตอนที่สั้นกว่า จึงชอบเรื่องนี้มากกว่าโขเลยล่ะ

ความยาว 24 ตอน ถือว่าสั้นแล้ว เพราะละครพีเรียดเกาหลี มักจะอยู่ราวๆ 50 -55 ตอน ยกเว้นจูมงไว้เรื่องหนึ่งที่ยังครองสถิติยาวสุดๆ 81 ตอน แม้จะละครพีเรียดเรื่องใหม่ King Gwanggaeto the Great ที่ยาวอยู่ที่ 80 ตอน ก็ยังไม่กล้าสร้างอีก 1 ตอนมาล้มสถิติจูมง

จำอารมณ์ตอนดูซีรีย์ฝรั่งเรื่อง 24 ไม่ได้แล้ว ความมันส์แบบตื่นเต้นเร้าใจชนิดหยุดดูไม่ได้ อยากรู้ๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ มันมากน้อยกว่าเรื่องนี้หรือเปล่า



เรื่องราวถูกปูพื้นด้วยความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างกระจายอำนาจสู่เหล่าขุนนาง กับการรวบอำนาจทั้งหมดไว้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของกษัตริย์

กษัตริย์เป็นเพียงดอกไม้ หากดอกหนึ่งร่วงไปก็จะมีดอกใหม่ผลิขึ้นมาแทน
แต่ขุนนางเป็นดั่งรากไม้ ที่จะคอยควบคุมการปกครองของกษัตริย์และค้ำจุนประเทศนี้

เป็นการต่อสู้ของดอกไม้และราก ที่อุดมการณ์ ‘รักประชาชน’ นั้นแตกต่างกัน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายความเหี้ยมโหดถูกนำมาใช้อยู่เหนือความเมตตา ข้อหา ‘กบฏ’ ถูกยัดเยียดเพื่อเข่นฆ่าศัตรูเสี้ยนหนาม จากนายเหนือหัวสู่ทาสรับใช้ต้องตายสิ้น เหตุการณ์กวาดล้างที่แม้แต่ลูกทาสเล็กๆ สองคน ก็ไม่ได้รับการยกเว้น



“ตูลบุ้ค” กับ “ทาม” ต้องสูญเสียครอบครัว และพลัดพรากจากกัน
แต่ด้วยโชคชะตาลิขิต ทั้งสองต่างก็เอาชีวิตรอดมาได้

ตูลบุ้ค (จางฮยอก) จากวัยเยาว์สู่วัยหนุ่มฉกรรจ์ จากลูกทาสผู้หลบหนี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้ด้วยความแค้นเป็นแรงผลักดันให้เลือกเดินสู่หนทางที่ต้องใช้ความทรหด เพื่อจะอดทนฟันฝ่าไปสู่สู่หลักชัยของชีวิต นั่นคือ การลอบปลงพระชนม์พระราชา

ทาม (ชินเซคยอง) เติบโตขึ้นมาเป็นนางกำนัลในวังหลวง รับใช้เจ้าชายรัชทายาทกับพระราชาเจ้าแผ่นดิน ความสูญเสียเดียวกันกับที่ตูลบุ้คมี เป็นความรู้สึกผิดและโทษตัวเองของทาม มันมากเกินกว่าจะโทษความผิดและลงความแค้นไปที่พระราชาผู้เดียวได้

เป็นเพราะทาม ทุกคนถึงต้องตาย ผลของความสะเทือนใจครั้งนั้นทำให้ทามพูดไม่ได้ การได้รับชุบเลี้ยงและเติบโตขึ้นมาเป็นนางกำนัลในวังหลวง และถูกสั่งสอนให้สื่อสารด้วยการเขียนอ่าน ทำให้ทามได้ใกล้ชิดและมองเห็นถึงหัวใจกษัตริย์ ผู้ซึ่งมิได้เจ็บปวดน้อยไปกว่าทาสและสามัญชน ทามได้แปรเปลี่ยนความเฉยชาเป็นความเคารพศรัทธาต่อพระราชาเซจง



ทาม เป็นอดีตที่ถูกฝังไว้ในส่วนลึก และกลายเป็นนางกำนัลโซยีผู้อุทิศตนแด่การประดิษฐ์ตัวอักษรของพระราชา

ตูลบุ้คแห่งหมู่บ้านฮันกิล ก็เป็นอดีตฝังไว้กับตัวเองเช่นกัน จากนักรบเดนตายทางเหนือ สู่การเป็นทหารในกรมราชองครักษ์

ตูลบุ้คและทาม ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรอดชีวิต จึงไม่รู้จักกันเมื่อต้องพบเจอในฐานะนางกำนัลโซยีกับทหารองครักษ์คังเชยุน

นางกำนัลโซยี หัวใจที่เจ็บปวด ทำให้เธอพูดไม่ได้ หลับตาไม่ลง จนต้องใช้ยาสลบเพื่อให้นอนหลับ แต่ด้วยสมองนั้นมีความจำเป็นเลิศ จึงเป็นคุณประโยชน์ต่อการประดิษฐ์อักษร เป็นบุคลากรคนสำคัญ

ทหารองครักษ์คังเชยุน หัวใจที่คุมแค้น ถูกระบายเป็นรังสีอำมหิตติดปลายดาบ และทำให้กลายเป็นยอดฝีมือ



“ออราบอนี” นี่คือคำเรียกขานที่ทามมีต่อตูลบุ้ค เช่นเดียวกับที่ทงอี เรียกขานชอนซู “ออราบอนี” (พี่ชายที่ไม่ใช่พี่แท้ๆ) เริ่มต้นวัยเยาว์เหมือนกันไม่มีผิดเลยค่ะ ทามต้องพลัดพรากจากตูลบุ้ค เช่นเดียวกับทงอีต้องพลัดพรากจากชอนซู

แต่ลงเอยต่างกันลิบ

เพราะไม่ว่าตูลบุ้คจะยังอยู่หรือตายไปแล้ว แต่เล็กจนโตหัวใจของทามก็ยังคิดถึงคะนึงหา 'ท่านพี่' อยู่มิรู้หาย 'ฝ่าบาท' จะประเสิรฐเลิศหล้าปานใด ก็ได้ไปเพียงความศรัทธาในฐานะนางกำนัลข้ารับใช้และข้าแผ่นดินเท่านั้น

ส่วนทงอี เมื่อนางได้พบเจอ 'ฝ่าบาท' ท่านพี่ชอนชูก็ต้องอกหักรักคุดตลอดกาล ทางเดียวที่พี่ชอนซูจะเยียวยาหัวใจตัวเองได้ ก็คือรักแบบไม่ต้องการอะไร และแปรเปลี่ยนรักทั้งหมดให้เป็นความจงรักภักดีแด่ 'พระสนม' ผู้เคยเป็นน้องน้อยและสัญญาแต่เยาว์วัยจะแต่งงานกับพี่ชอนซูเท่านั้น

พี่ชอนซูก็ทั้งหล่อทั้งแสนดี การดูทงอีจึงค่อนข้างอึดอัดทุกทีที่เห็นหน้าเศร้าๆ และความทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อปกป้องพระสนมทงอีและผู้คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายพระองค์น้อยผู้เป็นลูก หรือพระราชาผู้เป็นสามี พี่ชอนซู พี่ช่างน่าสงสารจริงๆ

แต่ทามของเรานั้นชัดเจน หนึ่งเดียวในหัวใจคือท่านพี่ตูลบุ้คเท่านั้น



และนั่นคือเหตุผล เมื่อได้อ่านบล็อก “ความเหมือนในความต่างของ Dong Yi กับ Tree with Deep Roots” ของ pinkyjung ในบล็อกแก๊งค์นี่เอง ที่เป็นเหตุทำให้ต้องเสาะหาซีรีส์เรื่องนี้ทันที เพราะเหมือนกับพล็อตที่พร่องไปอย่างน่าผิดหวังระหว่างทงอีกับพี่ชอนซู ได้รับการชดเชยขึ้นมาแทนระหว่างตูลบุ้คกับทามใน Tree with Deep Roots ต้องขอบคุณ คุณ Pinkyjung จริงๆ ที่อัพบล็อกเรื่องนี้ เพราะมัวหมกตัวอยู่กับซีรีส์ญี่ปุ่นมาระยะหนึ่ง ไม่รู้เลยว่า “ท่านพี่จางฮยอก” มีผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ดีๆ อย่างนี้ สมเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการ (ที่ทำท่าจะอยู่ยงคงกระพันด้วย) สอยเอาแต่บทดีๆ ไปกิน แต่ถึงจะเป็นจางฮยอก กับเรื่อง “แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า” ที่กำลังออนแอร์ช่อง 3 อยู่ช่วงนี้ อ่านพล็อตเรื่องแล้ว ฮยอกก็ฮยอกเหอะ ไม่ไหวจะเคลียร์ เพราะท่าทางมันจะเศร้าเหลือกำลัง ยิ่งได้นางเอกอย่างลีดาเฮ ที่หน้านิ่งสวย ดวงตาเข้มแข็ง แต่อารมณ์บีบคั้นน้ำตาไหลแรง เหมือนที่เคยเห็นใน My girl , Robber เธอคงจะยิ่งช่วยให้เรื่องราวของรักสามเส้าระหว่างทาสสาว กับอดีตแม่ทัพผู้กลายเป็นทาส และนักล่าทาสอันดับหนึ่งของโชซอนอย่างจางฮยอก กลายเป็นเรื่องรันทดที่เหลือรับจนเกินไป



ฆาตรกรรมลึกลับสามศพซ้อนอาจเป็นเรื่องธรรมดาถ้าเกิดขึ้นนอกกำแพงวัง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นในวังหลวง นี่คือความน่าสะพึงกลัวที่บรรดาขุนนางต้องเนื้อเต้นเพราะถูกหยามหน้า และเหล่าบัณฑิตต่างหวาดผวากลัวจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป

จะเป็นการสมคบคิด หรือสมรู้ร่วมคิดอะไรก็แล้วแต่ ก็ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้กลายเป็นซีรีส์ออกแนวสืบสวนสอบสวน (เพียงแต่เป็นยุคโบราณ) อันมีส่วนผสมในลักษณะของการตีความเชิงสัญลักษณ์ที่สนุกเพลินเพลินมากทีเดียว

การฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์กรลับ “มินวอล” ที่แปลว่า ซ่อนราก หรือ รากที่ซ่อนอยู่ ( แล้วแต่แปลออกมาอันไหนจะไพเราะ) องค์กรมินวอลที่พยายามริดรอนอำนาจของกษัตริย์ให้กระจายอำนาจสู่เหล่าขุนนาง โดยผลักดันให้เกิดการบริหารการปกครองเป็นแบบคณะเสนาบดีหรือที่เรียกว่าระบบสภาขุนนางนั่นเอง มินวอลเชื่อในระบบการถ่วงดุลอำนาจโดยขุนนาง มากกว่าจะปล่อยวางประเทศไว้ในมือของกษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว



แต่...ไม่ได้มีแค่องค์กรมินวอลที่ทำเรื่องลับ
กษัตริย์ก็มีองค์กรลับและทำเรื่องลับอยู่เช่นกัน

พระราชาเซจง ทำอะไรลับๆ อยู่ ทำไมไม่มีขุนนางคนใดล่วงรู้ และนั่นเป็นสิ่งที่มินวอลต้องการรู้ เมื่อพวกเขาระแคะระคายจนค้นพบสิ่งที่พระราชาและองค์กรลับของพระราชาซุ่มเงียบแอบทำ 'เรื่องอันตราย' เพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้ แม้ต้องใช้ความรุนแรงจนเลือดหลั่งนองแผ่นดิน ก็เป็นภารกิจที่มินวอลต้องกระทำ

“การประดิษฐ์ตัวอักษร”

เป็นการกระทำอันไร้สำนึก โง่เขลา และเลวร้าย
ที่ไม่มีพระราชาองค์ใดในประวัติศาสตร์เคยคิดทำ

ตอนแรกก็ไม่เข้าใจค่ะ ประดิษฐ์ตัวอักษรของชาติตัวเองขึ้นใช้เองแทนการใช้อักษรจีนมันผิดตรงไหน? มันไม่น่าภูมิใจหรอกหรือที่จะมีอักษรของตนเองขึ้นใช้เอง ? แล้วก็เริ่มเข้าใจทีละนิด ทีละนิด เพราะนี่ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ในการสื่อสารระหว่างมวลชน แต่มันจะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งยิ่งใหญ่ และนี่คือประวัติศาสตร์ของชาติที่คนเกาหลีทุกคนจะต้องภูมิใจ เพราะแม้แต่ตัวผู้เขียนเองยังภูมิใจที่เรามีกษัตริย์ผู้ทรงภูมิและประดิษฐ์อักษรไทยของเราขึ้นใช้ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช”



พระราชาเซจงในวัยแรกหนุ่ม แม้จะดำรงตำแหน่งพระราชาแต่มิได้อยู่ในฐานะพระราชา เหตุเพราะอำนาจทั้งหมดตกอยู่ในการครอบครองของพระบิดาที่เป็นอดีตพระราชาแทจง เมื่อยุคสมัยของอาณาจักรโกคูรยอล่มสลาย อณาจักรโชซอนที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่เพิ่งดำรงอยู่มาได้ไม่นาน อดีตพระราชาทรงเห็นว่าการรักษาพระราชอำนาจของกษัตริย์ให้แข็งแกร่งเป็นเรื่องจำเป็นต่อการทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น เพื่อที่รักษาอำนาจนั้น ความเด็ดขาด แข็งกร้าว ก่อให้เกิดการเข่นฆ่าล้างบาง ความโหดเหี้ยมของ “เสด็จพ่อ” ที่กดพระราชาไว้ใต้พระราชอำนาจและความเกรงกลัว ขุนนางข้าราชบริพารที่หัวหด ต่างพร้อมรับบัญชาจากอดีตพระราชา พระราชาตัวจริงเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะหือกับเสด็จพ่อสักคำเดียว พระองค์ต้องประทับตราพระราชโองการต่างๆ ด้วยความไม่เห็นด้วย ขมขื่น คับแค้นใจตัวเองที่ไม่อาจโต้แย้งหรือต่อต้านใดๆ

คงจะไม่เป็นไร หากหัวใจของพระราชาเซจงนั้นไม่ได้ขัดแย้งในแนวทางความเป็นปึกแผ่นที่พระบิดากระทำ แต่เมื่อมันขัดแย้ง นั่นเป็นความกดดันรุนแรงและเจ็บปวด ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ คนดีๆ ที่นับถือต้องตายสิ้น ไม่เว้นแม้แต่พระอาจารย์ พระสัสสุระ (พ่อตา) ของตน ก็ไม่อาจช่วยเหลือได้ พระราชามีพระราชอำนาจที่จะไว้ชีวิตผู้คนได้ แต่พระราชาเซจงกลับช่วยใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว



“ทรงอ่อนแอ” นั่นเป็นภาพลักษณ์ของพระราชาเซจง

“มิได้ทรงอ่อนแอ” นั่นคือภาพความจริงที่ใครๆ ได้เห็น เมื่อความกดดันถึงขีดสุด และระเบิดขึ้นมา

ทรงประกาศใช้พระราชอำนาจของพระองค์เอง เป็นครั้งแรก
แล้วพระราชอำนาจของพระองค์ไม่เคยมีใครล้มล้างได้อีกเลย

เพื่อจะช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง ลูกทาสที่ไม่เคยทำอะไรผิด เพียงแค่เกิดมาเป็นทาสในเรือนแต่พวกเขาต้องตายสิ้นเช่นเดียวกับนายที่ก็ตายด้วยการถูกป้ายความผิด พระราชาผู้ไม่เคยได้ทำอะไรในฐานะพระราชาเพื่อประชาชนสักครั้ง ต้องการจะช่วยประชาชนเป็นคนแรก และนั่นอาจจะเป็นประชาชนคนสุดท้าย เพราะเมื่อพระราชาได้กระทำการต่อต้านพระราชอำนาจของพระบิดา นั่นหมายถึงว่า อาจต้องโทษประหารตายสถานเดียว

หากจะฆ่าลูกทาสคนนั้น จะต้องข้ามศพของพระราชาองค์นี้ไป

และหากใครกล้าทำให้พระราชาองค์นี้กลายเป็นศพ มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยการสังเวยชีวิตแด่คมดาบของราชองครักษ์มูฮยุล นักดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอน



ดาบของพระบิดาจ่อคมอยู่ที่พระศอของพระราชา โทสะและความโหดเหี้ยมนั้นมากพ่อที่จะตัดฉับพระราชาให้พระเศียรขาดได้

บรรดานายทหารรายล้อมต่างตระหนกตกใจ ด้วยกริ่งเกรงแผ่นดินนี้จะสิ้นพระราชาเสียแล้วในคืนนี้ แต่ที่ต้องตื่นตระหนกยิ่งกว่าเพราะไม่มีใครจะคิดว่าพระราชาเซจง ได้ร้องสั่งองครักษ์มูฮยุล ให้ลงมือสังหารต่อผู้ที่กระทำการคิดร้ายต่อพระองค์ ซึ่งคนที่ถือดาบจ่ออยู่นั้นคืออดีตพระราชาพระบิดาของพระองค์เอง

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

นั่นหรือ คือ พระราชาเซจง พระองค์มิได้ทรงอ่อนแอแม้แต่นิดเดียว

เหล่าทหารขุนนางที่ติดตามอดีตพระราชาแทจงเป็นขบวนต่างอกสั่นขวัญแขวน แต่หนึ่งเดียวที่เคียงข้างพระราชาเซจง มิได้มีความหวั่นไหวในคำสั่งแม้แต่น้อย แม้คำสั่งนั้นจะเป็นการสังหาร “พระบิดา” อดีตพระราชาที่ทรงอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน

พระราชาเซจงในวัยหนุ่ม รับบทโดย "ซงจุงกิ"

พระเจ้าช่วยกล้วยทอดดด ใครจะไปคิดว่าซงจุงกิจะเล่นบทนี้ได้ดีขนาดนั้น เห็นหน้าตาใสๆ อ่อนๆ น่ารัก ไม่อยากเชื่อเลยว่าในยามสวมบทบาทนักแสดง จุงกิของเรา ฝีมือขั้นเทพ

ไม่ต้องเดาก็คงรู้ใช่ไหมคะ ว่าลูกทาสคนนั้นเป็นใคร
เขา…ผู้ถูกผูกพันชะตาชีวิตกับพระราชาแห่งโชซอน

“ตูลบุ้คแห่งหมู่บ้านฮันกิล”

แน่ล่ะ เขารู้อย่างเดียวแค่ว่าพระราชาเป็นผู้พรากชีวิต
แต่ไม่รู้อีกอย่างว่า….ได้ทรงช่วยชีวิตเอาไว้ด้วย



โทษของพระราชา ผู้อกตัญญูร้ายแรงถึงขั้นสั่งหันคมดาบสู่พระบิดาอันถือเป็น ปิตุฆาต ด้วยพระเมตตาอันเปี่ยมล้นของพระบิดา พระองค์ไม่ได้ทรงรับสั่งโทษประหาร

ก็แค่ …. พระราชทาน กล่องข้าวที่ว่างเปล่า มาให้

แต่นั่นหมายถึง ทรงรับสั่งให้พระราชาประหารตัวเอง
ด้วยการฆ่าตัวตาย (นี่เรียกว่าเมตตาสุดๆ แล้ว)

รักศักดิ์ศรี คือความตาย ละศักดิ์ศรีคือความอยู่รอด

พระราชาเซจงได้รับพระราชทานกล่องข้าวเปล่า ทำให้พระองค์ทรงเห็นหนทางแก้ปริศนาแห่งเกมจัตุรัสกล เกมกลที่พระองค์หมกมุ่นเล่นมันทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น โดยพระองค์ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะทำอะไรไม่ได้ จึงหลีกเลี่ยงการเผชิญต่อความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการพยายามแก้ไขปริศนาแห่งเกมที่พยายามเท่าไหร่ก็ไขไม่ออก

แต่กล่องข้าวเปล่าของพระบิดาทำให้พระองค์แก้เกมได้ และทรงมองเห็นหนทางสู่โลกใหม่ โลกที่พระองค์จะต้องแก้ไขและสร้างมันขึ้นมาให้ถูกต้อง แต่การจะมีโลกใบนั้น พระองค์ต้องรอคอยอย่างอดทน และต้องมีชีวิตอยู่



ซงจุงกิ เห็นหน้าใสๆ แต่เล่นบทยากๆ อย่างนี้ได้เอาอยู่ ในฐานที่ผู้เขียนเป็นแฟนรันนิ่งแมน ขอบอกว่า “ปลื้มมาก” น่าจะเป็นช่วงเดียวกันกับที่จุงกิตัดผม และค่อยๆ ห่างหายไปจากรายการนั่นแหละมั้ง เป็นช่วงที่เขาถ่ายทำละครเรื่องนี้น่ะ (เดาเอานะ) และนี่คือคำพูดอันนอบน้อมของซงจุงกิต่อบทบาทพระราชาเซจง

"ผมได้สวมชุดฮันบกครับ เมื่อตอนที่ผมถ่ายทำละครเรื่อง 'Sungkyunkwan Scandal' ตอนนั้นผมรับบทเป็นนักวิชาการ ผมจึงสามารถทำตัวสบายๆ ได้ครับ แต่ในเวลานี้ผมต้องมารับบทเป็นพระราชา ดังนั้นผมจึงต้องแสดงออกด้วยความระมัดระวังครับ"

"ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่พระราชาเซจงได้พยายามคิดค้นอักษรภาษาเกาหลีขึ้นมาครับ และเขายังมีความขัดแย้งกันระหว่างเขากับพ่อของเขาด้วยครับ ผมจะพยายามแสดงอย่างเต็มความสามารถครับ และจะไม่สร้างปัญหาให้กับนักแสดงรุ่นพี่อย่างฮันซอกคยู (Han Suk Kyu) ผู้ซึ่งรับบทเป็นพระราชาเซจงในวัยผู้ใหญ่ครับ"

ทีมโปรดิวเซอร์กล่าวว่า "ซงจุงกิจะเผยเสน่ห์ที่มากมายของเขาในละครเรื่องนี้ครับ เขาจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมในการแสดงร่วมกับแพคยุนซิก (Baek Yoon Sik) ผู้ซึ่งรับบทเป็นพ่อของพระราชาเซจง ครับ (ที่มา : //hot.popcornfor2.com/show/27145)


เห็นด้วยว่า การแสดงของซงจุงกิมันน่าประหลาดใจจริงๆ นอกจากจะไม่สร้างปัญหาให้พระราชาเซจงในวัยแก่แล้ว ยังต้องถือว่าบทบาทในวัยหนุ่มนั้น "ส่งอย่างมาก" พระราชาเซจงในวัยหนุ่มที่จุงกิได้ปูพื้นไว้จะช่วยให้เราเข้าใจความเป็นพระราชาเซจงในวัยแก่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว



เมื่อเป็นพระราชาแห่งโชซอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแผ่นดินโชซอน ดินฟ้าอากาศ ชีวิตความเป็นอยู่ ทุกข์สุขของประชาชนย่อมเป็นเป็นความรับผิดชอบของพระราชาแต่เพียงผู้เดียว ความรับผิดชอบที่ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ แต่จะในแง่ไหน

รักประชาชน หรือเบื่อหน่ายประชาชน
ต้องการแบ่งปันความรับผิดชอบ หรือปัดความรับผิดชอบ


เมื่อประชาชนรู้หนังสือ พวกเขาจะรู้วิธีป้องกันโรคระบาดจากประกาศเตือนของทางการ และหากพวกเขาควบคุมโรคระบาดไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของพระราชา

เมื่อประชาชนรู้หนังสือ พวกเขาจะรู้วิธีเพราะปลูกและวิธีการเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นจากเอกสารวิธีที่แจกจ่ายจากทางการ และถ้าพวกเขาทำไม่ได้ ก็ไม่ใช่ความผิดของพระราชา

ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ รักประชาชนหรือเกลียดประชาชน
นั่นคือสิ่งที่พระราชาทรง ‘ลังเล’

ประชาชนไม่รู้ ขุนนางไม่รู้ พระราชาทรงศึกษาค้นคิดการประดิษฐ์ตัวอักษรมากว่าสิบสามปี แต่องค์กรมินวอลเริ่มรู้ สิ่งที่พระราชากำลังทำอยู่ คือหายนะร้ายแรงที่จะนำความล่มสลายมาสู่อณาจักรโชซอน



เหตุผล

การเมืองการปกครองของโชซอนได้ยึดถือลัทธิขงจื๊อเป็นหลักธรรม อักษรจีนเป็นอารยธรรมเป็นประวัติศาสร์ที่ได้สืบทอดกันมานับเป็นพันๆ ปี อักษรจีนทุกตัวเปี่ยมไปด้วยความหมายทรงคุณธรรม การแสดงถึงความเป็นชนชาติอารยะ คือ ต้องใช้อักษรจีน ประเทศที่มีอักษรของตัวเอง ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศป่าเถื่อน และโชซอนต้องไม่เป็นเช่นนั้น ( เขายกตัวอย่าง ญี่ปุ่นกับอะไรบ้างจำไม่ได้ รู้แต่ไม่ได้เอ่ยถึงแผ่นดินสยาม) ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการประกาศใช้อักษรของตนเองที่จะทำให้ทางการจีนมองเห็นเป็นความกระด้างกระเดื่องท้าทายต่ออำนาจของจีนซึ่งจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน เพราะนั่นยังเป็นเรื่องน่ากลัวน้อยกว่าถ้าเทียบกับการล่มสลายของชนชั้นทางสังคม

การรู้หนังสือเป็นเรื่องของชนชั้นปกครองที่เรียกตนว่า “ชนชั้นสูง” การเรียนรู้ภาษาอารยธรรมจากอักษรจีนและความเป็นขงจื๊อ นั่นทำให้เหล่าบัณฑิตเป็นผู้ทรงภูมิและสามารถเข้ารับการสอบเป็นขุนนางเพื่อทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน นี่เป็นเรื่องของชนชั้นสูงที่ทำหน้าที่ปกครอง ไม่ใช่เรื่องของทาสหรือสามัญชนจะบังอาจก้าวก่าย การอ่านออกเขียนได้จะนำมาซึ่งความวุ่นวาย ชนชั้นต่ำจะเริ่มหลงใหลการอ่านการเขียนเพื่อเรียนรู้ และเมื่อพวกเขาเรียนรู้ จะเกิดความทะเยอทะยานเพื่อข้ามผ่านชนชั้น ความมักใหญ่ใฝ่สูงของขุนนางนั้นมีอยู่ แต่ก็เป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจะถ่วงดุลอำนาจกันเองและควบคุมมันได้ แต่ความมักใหญ่ใฝ่สูงของประชาชนจำนวนมากมันใหญ่เกินไป แล้วจะควบคุมกันอย่างไรกับความใหญ่โตเช่นนั้น

“ตัวอักษรของเจ้า กำลังทำลายระบบควบคุมความมักใหญ่ใฝ่สูง เจ้ากำลังเปิดประตูสู่นรก”



แต่พระราชาเซจงไม่ได้ทรงคิดเช่นนั้น คนเกาหลีต้องยกย่องและกราบไหว้พระองค์ที่ทรงคิดต่าง และต้องซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงต่อสู้อย่างมีมานะอุตสาหะ ไม่เลิกไม่รา ไม่ว่าจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง มิเช่นนั้นคนเกาหลีคงกำลังใช้อักษรจีนหรือไม่ก็ A to Z กันอยู่

ประวัติศาตร์อาจมีอยู่แค่นิดเดียวคือพระราชาเซจงทรงประดิษฐ์อักษรเกาหลีขึ้นใช้ นอกนั้นที่เหลืออาจเป็นนิยายทั้งหมดหรือเปล่า ? ก็ไม่รู้ล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงก็ขอดูแบบ อินมว๊ากกก!!

“เจ้าเคยคิดถึงโลกที่ทุกคนสามารถอ่านออกเขียนได้มาก่อนไหม มันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ”

“มันจะเป็นโลกแบบไหนกันนะ”

“ไม่รู้สิ ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย“




อักษรจีนเป็นเหมือนอักษรภาพ มีจำนวนตัวอักษรเป็นพันๆ หมื่นๆ ตัว จึงเป็นการยากต่อสามัญชนที่ต้องทำงานหนักหาเช้ากินค่ำจะมีเวลามาศึกษาเล่าเรียนได้ มันยากเกินไป การเล่าเรียนจึงจำกัดอยู่ในชนชั้นสูงเท่านั้น เมื่อเหล่าขุนนางบัณฑิตเป็นผู้เล่าเรียน พวกเขาก็จะสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางและดำรงความเป็นชนชั้นสูงต่อไป ทาส สามัญชนในชนชั้นที่ต่ำกว่าก็จะถูกกดขี่ต่อไป วัฏจักรนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง

พระราชาเซจงในวันที่ลุกขึ้นมาต่อต้านพระราชอำนาจของพระบิดาได้เคยตรัสว่า

“โชซอนของข้าจะไม่เหมือนโชซอนของเสด็จพ่อ”

“ไม่เหมือนหรือ เช่นนั้น โชซอนของเจ้าเป็นเช่นไร”


พระราชาเซจงไม่มีคำตอบในวันนั้น แต่มีปณิธานมุ่งมั่นภายในใจ


“ข้า จะสร้างโลกที่แตกต่าง”




แล้วพระองค์ก็ลงมือทำ จากอักษรจีนที่ยาก ต้องเรียนรู้ตักอักษรเป็นจำนวนมากนับพันนับหมื่น 13 ปีที่ยาวนาน พระราชาได้ประดิษฐ์ตัวอักษรของชนชาติด้วยลักษณะอักษรที่เขียนง่าย และมีจำนวนเพียงแค่ 28 ตัวเท่านั้น ด้วยอักษรเหล่านี้ประชาชนจะสามารถเรียนรู้วิธีอ่านและเขียนได้ ในไม่ใช้ไม่นานพวกเขาก็จะกลายเป็นประชาชนผู้รู้หนังสือ อักษรจีนที่ใช้กันอยู่ไม่สอดคล้องกับการออกเสียงโดยธรรมชาติของคนโชซอน เพื่อที่จะเรียนรู้การออกเสียงโดยธรรมชาติของคนอย่างถึงแก่น พระราชาได้ศึกษาเสียงธรรมชาติและการเปล่งเสียงพูดคำต่างๆ อย่างลึกซึ้งเพื่อจัดกลุ่มการออกเสียงที่เปล่งออกมาจากปาก ทำการกำหนดเป็นตัวอักษรแต่ละตัว จัดให้มีการผ่าศพเพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับอวัยวะภายในอันก่อให้เกิดเสียงในลักษณะต่างๆ กัน พระองค์ทรงมองหาหนทางแก้ปริศนาการประสมคำนั่นคือการสร้างรูปสระ

การผ่าศพเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสมัยนั้น เป็นการทำลายร่างกายที่ขัดกับลัทธิขงจื๊อ (ว่ากันตามละครนะคะ เพราะผู้เขียนก็ไม่รู้ลัทธิขงจื๊อเป็นเช่นไร) กระแสการต่อต้านที่เริ่มรุนแรง ทำให้พระองค์พยายามหาทางประนีประนอม ด้วยการพยายามเจรจากับผู้นำองค์กรมินวอล แต่มันไม่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับการพยายามยื่นข้อเสนอต่อเหล่าขุนนาง ราชบัณฑิตเพื่อยินยอมให้พระองค์ประกาศใช้ตัวอักษรก็ประสบความล้มเหลว ไม่ว่าองค์กรศัตรูต่อราชบัลลังก์อย่างมินวอล หรือข้าราชบริพารของพระองค์เอง ต่างก็พร้อมใจกันต่อต้านอักษรของพระราชา ด้วยเหตุผลจริงแท้ต่างกันไป



เกรงกลัวการ ‘รู้มาก’ และความทะยานอยากของประชาชน ช่องว่างระหว่างชนชั้นจะแคบลง นั่นหมายถึงอำนาจและผลประโยชน์ของความเป็นชนชั้นสูงจะเริ่มหดหาย เมื่อทาสชั้นต่ำ สามัญชนเดินดิน ต่างพากันรู้หนังสือ พวกเขาจะเริ่มมีพลังของการเรียนรู้ ซึ่งไม่แน่ ข้อกฏหมายที่ห้ามคนเหล่านี้สอบรับราชการเป็นขุนนางอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ในอนาคต

บางคนอาจไม่ได้ห่วงผลประโยชน์แต่ห่วงสังคมวัฒนธรรมอย่างจริงใจตามประสาคน “หัวโบราณ” ที่ไม่อาจยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆ ไปจากรากฐานอารยธรรมแต่โบราณที่สืบทอดต่อกันมา ขนบธรรมเนียมที่ยึดมั่น ลัทธิอุดมการณ์ที่ยึดถือ จะถูกทำลายลงไปเพราะตัวอักษรเหล่านี้

ยิ่งเมื่อความลับรั่วไหล พระราชาเตรียมเผยแพร่อักษรสู่สามัญชนด้วยการจัดพิมพ์พุทธประวัติ ด้วยเจตนาเพราะพุทธศาสนาคือความเลื่อมใสใกล้ชิดที่จะช่วยประชาชนมีความง่ายต่อการเรียนรู้และจดจำการใช้อักษรใหม่ แต่นั่นยิ่งก่อให้เกิดการเข้าใจผิด พระราชาจะนำพุทธศาสนาเข้ามาแทนลัทธิขงจื๊อ การต่อต้านยิ่งรุนแรงมากขึ้น จากที่เคยมีหลักการอยู่บ้าง เริ่มไม่คิดถึงอะไรทั้งสิ้น เพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายของตัวอักษรเหล่านั้น ไม่ว่าต้องทำอะไร ก็ต้องทำ ‘ทุกวิถีทาง’

การต่อต้านอย่างรุนแรง ที่ทำให้เกิดความลังเล
การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่ทำให้อ่อนแอและล้มลง



แต่เพราะแก่นแท้ของพระองค์ ‘มิได้ทรงอ่อนแอ’ ทรงเป็นเช่นนั้นมานับแต่อดีต เช่นที่รับสั่งให้องครักษ์หันคมดาบเข้าหาพระบิดาอันเป็นการท้าทายพระราชอำนาจอย่างร้ายแรง แล้วก็มิได้ยินยอมประหารตนเองตามดำริของพระบิดาที่ส่งกล่องข้าวเปล่ามาให้ จะด้วยเจตนาให้ฆ่าตัวตาย หรือ แท้จริงพระบิดาได้ชี้ทางสว่างของเกมจัตุรัสกลให้เห็นทางแก้ก็ไม่มีใครหยั่งความจริงใจแท้ในหัวใจอันแข็งกร้าวของอดีตพระราชาองค์นั้นได้

กล่องข้าวที่ว่างเปล่า กับโลกที่ปราศจากพระบิดา

โลกที่พระองค์สู้อุตส่าห์อดทนรอคอย จะต้องล้มเหลวเช่นนั้นหรือ

“เช่นนั้น โชซอนของเจ้าเป็นเช่นไร”


ผ่านมาทั้งชีวิต พระองค์จะไม่มีคำตอบเช่นนั้นหรือ

บาดแผลในหัวใจของพระราชา กับบาดแผลในหัวใจของตูลบุ้ค ความเกี่ยวข้องกันในอดีตก่อเกิดเป็นหนทางที่เลือกเดิน จากวันนั้น ความมุ่งมั่นของลูกทาสคนหนึ่งที่มั่นคงดั่งขุนเขา ไม่เคยเลิกล้มไม่เคยแปรเปลี่ยน แล้วความมุ่งมั่นของพระราชาเล่า จะสั่นคลอนให้อับอายต่อทาสคนหนึ่งได้อย่างไร

“เจ้าเดินตามทางของเจ้าต่อไป ส่วนข้าก็จะเดินตามทางของข้า”



พระราชา มุ่งมั่นชีวิตประดิษฐ์อักษร

ทาม อุทิศชีวิตให้กับงานของพระชารา การประดิษฐ์อักษรที่กลายเป็นงานของทาม งานที่จะชดเชยความผิดพลาดในอดีต ความผิดพลาดจากการไม่รู้หนังสือ และทำให้ทุกคนต้องตาย

ตูลบุ้คมุ่งมั่นชีวิตคิดปลงประชนม์พระราชา แต่ว่า … ตูลบุ้ค ต้องปกป้องทาม และความฝันของทาม

ผู้เขียนคิดว่ามันคงจะหน่อมแน้มเกินไป หากความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในเจตนารมณ์ของตูลบุ้คที่มีต่อพระราชาจะแปรเปลี่ยนไปเพราะความรักที่มีต่อทาม โชคดีที่มันไม่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเพราะการได้เรียนรู้อักษรของพระราชาต่างหากที่เปิดหูเปิดตาของตูลบุ้คให้มองเห็น และเปิดใจให้กว้างขึ้นเพื่อรับรู้ถึงความเป็น “พระราชา” ผู้แบกรับภาระของไพร่ฟ้าประชาชนไว้บนบ่า ไม่ว่าใครจะล้มเจ็บล้มตาย ไม่ว่าจะสูญเสียสิ่งใด พระราชาจะต้องข่มความเจ็บปวดไว้แล้วยืนหยัดต่อไปข้างหน้า

“เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเสด็จพ่อของข้าบ้าง เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเสด็จพ่อของข้าเลยสักนิด”

องค์ชายกวางพยอง เจ้าชายรัชทายาทที่ทรงภาคภูมิใจต่อการถือกำเนิดเป็นลูกของพระราชา ลูกที่พระราชาเองก็สุดแสนภาคภูมิใจ

“เจ้าคิดว่าชีวิตของข้าจะหยุดเรื่องนี้ได้หรือ เจ้าคิดผิดแล้ว
ข้ารู้จักเสด็จพ่อของข้าดี ต่อให้ข้าตาย พระองค์ก็จะทรงก้าวต่อไป ”

“พระองค์จะไม่มีวันทำให้ข้าผิดหวัง”




องค์ชายกวางพยองไม่หวั่นไหวต่อความตาย และตรัสอย่างมั่นพระพระทัยว่า พระบิดาจะไม่หวั่นไหวต่อความตายของพระองค์ด้วยเช่นกัน แต่คนที่หวั่นไหวคือตูลบุ้ค ตัวอักษรเหล่านั้นจะสำคัญกว่าชีวิตขององค์ชายรัชทายาทจริงหรือ

ความผูกพันของดวงชะตาระหว่างเจ้าแผ่นดินสูงสุดกับข้าแผ่นดินต่ำสุดจะเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจของกันและกัน

“แม้เขาจะเป็นคนที่ข้ากลัวที่สุด แต่เขาก็เป็นคนที่ข้าเชื่อใจได้”

หากจะมีใครที่เข้าใจความต่ำต้อยในชีวิตของคนชั้นต่ำได้ดีที่สุด หนึ่งในนั้นที่เข้าใจคือตูลบุ้ค

“ข้าเป็นบัณฑิตหรือ ข้าเป็นคนขายเนื้อที่ต่ำต้อยยิ่งกว่าชาวนา
ถ้าคนขายเนื้อถูกนำไปที่สำนักสอบสวน เขามีแต่ตายสถานเดียว
ท่านไม่รู้หรือ ทุกชีวิตไม่ได้มีค่าเท่ากันหมด”


ตูลบุ้ครู้ดีการแบ่งแยกชนชั้น ทำให้ทุกชีวิตไม่ได้มีค่าเท่ากันหมด แต่ตูลบุ้คก็รู้ดีด้วยเช่นกัน


“ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดไร้ค่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกที่ไร้ค่า”


และบางที ตัวอักษรเหล่านั้น อาจทำให้ค่าชีวิตของคนชั้นต่ำเริ่มสูงขึ้น สูงขึ้นพอ ที่จะไม่ถูกเข่นฆ่าอย่างผักปลาที่ไร้ความหมาย บางทีตัวอักษรเหล่านั้น อาจเป็นความหวังของคนชั้นต่ำขึ้นมาได้ ตัวอักษรที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องและประกาศใช้ให้เป็นผลสำเร็จ



ตัวอักษรป่าเถื่อน ไร้อารยธรรมที่พระราชาทรงประดิษฐ์ จะไม่ได้รับการเหลียวแล ต่อให้ประกาศใช้ ก็จะไม่มีใครสนใจใช้ ที่สุดแล้ว..มันก็เป็นแค่ความล้มเหลวที่ไร้สาระของพระราชาผู้โง่เง่า นั่นคือสิ่งที่พวกต่อต้านดูแคลนและไม่รู้สึกหวั่นกังวลนักในตอนแรก

แต่คนผู้หนึ่งไม่คิดเช่นนั้น รองหัวหน้าบัณฑิตสำนักจิบเพียนจอนผู้ทรงความรู้ เขาเป็นบัณฑิตหัวโบราณที่หวั่นวิตกและหวาดกลัวต่อตัวอักษรของพระราชา

“เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง เจ้าไม่รู้จักฝ่าบาทเลยหรอกหรือ
นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำมาตลอดเป็นเวลาถึง 13 ปี
เจ้าคิดว่าหมายถึงอะไร"

"ไม่เป็นผลรึ เจ้าเคยเห็นฝ่าบาททำอะไรแล้วไม่เป็นผลสำเร็จงั้นรึ
เจ้าเชื่อหรือว่าสิ่งที่ฝ่าบาททรงทำมาตลอดเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี
จะล้มเหลวโดยเปล่าประโยชน์หรือ"

"อักษรนั่นจะต้องมีอะไรที่น่าอัศจรรย์ ถ้าหากอักษรเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป
เป็นที่แน่นอนว่าระบบการเขียนของอักษรจีนจะถูกล้มเลิกไป
และในที่สุดทุกผู้ทุกคนในโชซอนจะได้ใช้อักษรที่พระองค์ทรงประดิษฐ์”




อักษรที่ไม่มีใครรู้เห็นว่ามีหน้าตาเป็นเช่นไร แต่สิ่งหนึ่งที่ขุนนางราชบัณทิตรู้ “มิได้ทรงอ่อนแอ” เมื่อพระราชาเซจงมุ่งมั่นทำสิ่งใด พระองค์จะต้องทำจนสำเร็จ และพวกเขาก็รับรู้ในสิ่งที่ถูกแล้ว เพราะพระราชาไม่ได้ประดิษฐ์มันขึ้นมาเพื่อเหล่าทาสสามัญชนเท่านั้น แต่มันจะเป็นภาษาทางการที่ขุนนางบัณทิตทุกคนจะต้องเรียน ต้องใช้ในการสอบเข้ารับราชการ อักษรของพระองค์จะเป็นภาษาของประชาชนทุกหมู่เหล่า และเป็นภาษาของชาติ

“ การเมือง คือ ความรับผิดชอบ
นับแต่เริ่มมีประวัติศาสตร์ แก่นแท้ของการเมือง
ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่ครั้งเดียว”


(แต่นักการเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่ะ)

“ประชาชนมักจะรับผิดชอบด้วยความเจ็บปวดอยู่เสมอ”
“ประชาชนต้องแบกรับความเจ็บปวด นั่นคือความรับผิดชอบ!”

“มันผิดด้วยหรือที่พวกเขาจะมีความมักใหญ่ใฝ่สูง
มันผิดด้วยหรือที่พวกเขาจะมีความเป็นคนด้วยความรู้สึกอย่างนั้นเป็นครั้งแรก”




ซีรีส์เรื่องนี้ จึงตื่นเต้น เร้าใจ และสนุกสุดมันส์ สำหรับแฟนละครพีเรียดเกาหลี เสน่ห์ของละครแนวนี้อยู่ที่ไหน คำตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างออกไป แต่สำหรับผู้เขียน คือตัวละครค่ะ ตัวละครที่มีบทบาทแตกต่างกัน เสนาบดีฝ่ายซ้าย เสนาบดีฝ่ายขวา อัครเสนาบดี ราชองครักษ์ หัวหน้าบัณฑิต รองหัวหน้าบัณฑิตจิบเพียนจอน ท่านบอนวอนหัวหน้าองค์กรมินวอล ข้ารับใช้คนสนิทแต่ละคนของท่านบอนวอน หัวหน้าชาวทาสหมู่บ้านบันชอน มือสังหารหน้านิ่งกาเพยี มือสังหารหน้าสวยยุนพยอง สาวล่ามของสถานทูตจีนที่เป็นมือสังหารลับจากราชวงค์หมิง สามนางกำนัลสาว สองบัณฑิตหนุ่ม ( ที่จำไม่ได้เลยว่าหนึ่งในนั้นคือ คิมคิบอม แห่ง SuperJunior) ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการคิดค้นประดิษฐ์ตัวอักษร สองทหารองครักษ์ผู้เป็นทั้งเพื่อนรักและลูกน้องขององครักษ์คังเชยุน (ตูลบุ้ค)

เหล่านี้ยังถือว่ามีน้อย ถ้าเทียบกับตัวละครพีเรียดเรื่องอื่นๆ บทบาทตัวละครในละครพีเรียดเกาหลีเป็นเสน่ห์ที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นอย่างมาก และตัวละครสำคัญๆ ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เสนาบดีฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา ที่มีบุคลิกแตกต่าง คนหนึ่งไม่เคยเชื่อในพระราชา แต่เชื่อในพระราชาองค์ก่อนที่ได้สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ ไม่ว่าพระราชาจะทำอะไร ให้คอยรับใช้สนับสนุนอย่างสุดกำลัง ดังนั้น ไม่ว่าพระราชาจะทำอะไรเพี้ยนๆ แค่ไหน แต่ถ้าพระราชาองค์ก่อนเชื่อในสิ่งที่พระราชาองค์ปัจุบันจะลงมือทำ ท่านเสนาบดีก็ยินดีจะช่วย ไม่ว่าจะขัดความรู้สึกและไม่เข้าใจเลยสักนิดก็ตาม ส่วนอีกคน เขาทำให้นึกถึงนักการเมืองคนหนึ่งในบ้านเรา เขาคนนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ไม่เคยเป็นมิตรหรือศัตรูกับใครถาวร พร้อมจะพลิกลิ้น พลิกสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์และการเอาตัวรอด พระราชาไม่โง่ แต่ขุนนางคนนี้ก็ไม่โง่เช่นกัน



อัครเสนาบดี หน้าตานิ่มๆ เหมือนไร้น้ำยา ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ไม่มีฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ภายในเป็นน้ำนิ่งไหลลึก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากพระราชาให้ดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดี และเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ

องครักษ์มูฮยุลที่เก่งแต่รบและกวัดแกว่งดาบ 'เส้นทางขององครักษ์' คือการปกป้องพระราชาด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี แต่ไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในเล่ห์เหลี่ยมการเมือง บางครั้งความซื่อที่ไม่ทันความคิดของพระราชาทั้งที่อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลาก็ทำให้ท่านองครักษ์ดูน่าสงสารเป็นครั้งคราว

ท่านบอนวอล ผู้นำองค์กรมินวอล เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญที่โดดเด่น เดาไม่รู้ดูไม่ออกเลยว่าใครคือเขาคนนั้น แต่มันมีข้อข้องใจกับนักแสดงท่านหนึ่ง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่า เขาจะเล่นอยู่ในบทนั้นแค่นั้นหรือ เพราะฝีมือ ‘ระดับนั้น’ ต้องขับเคี่ยวกันกับระดับพระเอกในฐานะตัวละครนำฝ่ายตรงข้ามถึงจะเหมาะสม พอได้รู้ความจริงใครคือผู้นำมินวอล อยากจะตบเข่าสักป๊าบ ไหมล่ะ … ว่าแล้ว ผู้ชายคนนี้ต้องเล่นในบทที่สำคัญกว่านั้น โดดเด่นกว่านั้น และมันก็ใช่จริงๆ

นอกจากตัวละครที่มีสไตล์ของตัวเองแต่ละตัวแล้ว

พระเอกก็หล่อร้าย กวนๆ เจ้าเล่ห์ เท่ห์มากมายในชุดทหารองครักษ์สีแดง
นางเอกก็สวยนิ่งเป็นกุลสตรี หน้าหวาน งดงามในชดฮันบกของนางกำนัล

แล้วก็ ….กว่าพระเอกนางเอกจะรู้ความจริงองครักษ์คังเชยุนและนางกำนัลโซยี คือ ท่านพี่ตูลบุ้ค กับ ทาม …. นะ รอลุ้นซะ ไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี



พอรู้แล้วกะจะพอ พักก่อน ก็หยุดไม่ได้อีก เพราะเรื่องการต่อสู้กับองค์กรลับมินวอลที่เริ่มไม่ลับและถูกเรียกขานเป็นพวก “กบฏ”การขับเคี่ยวกับเหล่าขุนนางบัณทิตเพื่อประกาศใช้ตัวอักษรของพระราชาก็สนุกสุดๆ แต่ซีรีส์จะเริ่ดกว่านี้ ถ้าจะใส่เรื่องราวความรักของท่านพี่ตูลบุ้คกับทามให้มากกว่านี้อีกสักน้อย เพราะที่เป็นอยู่มันน้อยไปนิด (ผิดธรรมชาติซีรีส์เกาหลี)

ถึงมันจะเป็นละครประวัติศาสตร์ผสมนิยายนะ แต่ดูแล้วก็ชวนจดจำว่ากว่าจะมีตัวอักษรและภาษาของชาติ ที่สามัญชนจะเรียนรู้อ่านออกเขียนได้กับอักษรเพียง 28 ตัว มาแทนตัวหนังสือจีนเป็นหมื่นๆ ตัวที่ชนชั้นขุนนางเท่านั้นจะมีสิทธิ์ได้เรียนรู้และใช้เป็นเครื่องมือให้ดำรงอยู่ในชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ขณะที่ทาสต้องถูกกดขี่ สามัญชนต้องถูกรังแกถูกเอารัดเอาเปรียบ การพยายามเปลี่ยนแปลงการใช้อักษรมันยากลำบากแค่ไหน

“บางเวลากระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ
บางเวลาผลลัพท์ก็เป็นเรื่องสำคัญ
ในการประดิษฐ์ตัวอักษร กระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ในการประกาศใช้ ผลลัพท์เป็นเรื่องสำคัญ
เราต้องชนะเพื่อให้เราประกาศได้
ชัยชนะจึงจำเป็นเพื่อที่เราจะเริ่มต้นได้
เราต้องชนะ เพื่อให้งานสำหรับประชาชนเริ่มต้นได้”




ใครจะล้มเจ็บ ล้มตายลงไป ไม่เป็นไร เศร้า ซึ้ง ก็น้ำตาซึมแค่นั้น แต่ในวันประกาศใช้ เสียงงึมงำของประชาชนที่อ่านอักษรกุกกักออกมาเป็นถ้อยคำ จากที่คิดว่าเพิ่งจะเริ่มต้น แท้จริงมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อุบายต่างๆ ในการเผยแพร่ที่ถูกขัดขวางจนคิดว่าทุกอย่างล้มเหลวสิ้น แท้จริงมันยังมีเหลือเล็ดรอดไปสู่ประชาชนได้ ประชาชนกำลังอ่านอักษรกันงึมงำ อักษรของพระราชาที่ได้เริ่มต้นภาษาอ่านเขียนของชนชาติโชซอน

โอ มาย ก๊อดดดด น้ำตาไหลพรู ภาษาไทยก็ไม่ใช่ จะอินอะไรขนาดนั้น
ถึงจะเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ผสมนิยาย ก็ยังต้องขอยกย่องด้วยคน

“กษัตริย์เซจง พระองค์ทรงเป็น มหาราชราชา”

























ขอขอบคุณ ทีมงานซีรีย์ 8 ที่สร้างสรรค์ผลงานซับไทยดีๆ ให้ได้รับชม
//www.series8-fc.com




Create Date : 14 มกราคม 2555
Last Update : 18 มกราคม 2555 12:45:11 น. 14 comments
Counter : 31640 Pageviews.

 
ขอขอบคุณ คุณ prysang มากค่ะ ที่บรรยายเรื่องนี้ได้ดีมากๆ ท้ังๆที่ดูแล้วก็ยังสนุกที่ได้อ่าน ถ้าใครได้ดูหลังจากอ่านที่คุณเขียนจะดูเรื่องนี้ได้สนุกมาก เพราะตอนที่ดูครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร (พวกเสนาบดี) กว่าจะจำได้ก็เข้าไปครึ่งเรื่องแล้ว ขอขอบคุณอีกคร้ังค่ะ
เป็นแฟน ซงจุงกิเหมือนกันค่ะ ตามดูผลงานเค้าแทบทุกเรื่อง ตอนนี้กำลังเป็นดาราในดวงใจอยู่ค่ะ


โดย: Ferno IP: 124.122.159.92 วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:9:30:32 น.  

 
เท่าที่อ่าน ไม่เห็นเหมือนดาวินซีโค้ดเลย

แต่เข้าใจว่า เป็นแนวสอบสวนชั้นดี

แหะๆ ไม่ค่อยคุ้นกับซีรย์เกาหลีเท่าไร

เลยไม่กล้าวิเคราะห์สักเท่าไร


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:16:09:46 น.  

 
Mr.Chanpanakrit
ถ้าไม่อ่านเจอคำเขาว่า "ดาวินซีโค้ดเกาหลี" ซีรีส์เรื่องนี้ก็คงจะไม่ทำให้นึกไปถึงรหัสลับดาวินซีได้เลยค่ะ เพราะโครงเรื่องเนื้อหาทุกอย่างมันไม่มีอะไรที่จะบอกว่าเป็นความคล้ายกันได้เลย

แต่ที่คิดว่า อ้อ เห็นด้วย ใช่เลย ดาวินซีโค้ดก็แบบนี้ นั่นคือ การสืบสวนค่ะ การพบเจอสัญลักษณ์ หลักฐานต่างๆ ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแล้วก็ต้องตีความ สืบจากสิ่งนี้ไปเจอสิ่งนั้น จากสิ่งนั้นไปเจอสิ่งโน้น ปมมันค่อนข้างถี่ ความลับเยอะ ต้องหาความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงเหตุและผล ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นการสืบสวนแบบโบราณๆ ก็ยังดูสนุกดี แต่ลองขอความเห็นกับคอเกาหลีคนหนึ่ง เธอกลับไม่ค่อยชอบซะงั้น ด้วยเหตุผลบอกว่า มันน่าสงสัยเยอะไป เครียดไป ...ชอบอะไรเบาๆ ขำๆ แล้วก็โรแมนติกมากกว่า (ซะงั้น)

หลังๆ นี้เวลาแนะนำซีรีส์เกาหลีให้เพื่อนดู ชักเริ่มขาดความมั่นใจ บางทีอาจเป็นเพราะดูซีรีส์ญี่ปุ่นซะมาก ก็เลยส่งผลให้การตัดสินความสนุกของซีรีส์เกาหลีเริ่มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน


โดย: prysang วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:17:12:43 น.  

 
คุณ ferno คะ จุงกิเล่นบทนี้ได้น่าทึ่งค่ะ
prysang อาจจะไม่ชินด้วยมั้งคะ
เพราะเคยเห็นแต่จุงกิผู้มีแต่รอยยิ้มที่ดูสดใสร่าเริง
เห็นอยู่ในบทบาทอย่างนั้นแล้วจึงงงเล็กน้อย
ที่เขาแคสติ้งเอาจุงกิมาเล่น

ความจริงอยากดูจุงกิในเรื่อง
Sungkyunkwan Scandal ด้วยค่ะ
แต่คงจะไม่สู้ เพราะส่วนตัวคิดว่า
พระเอก มิกกี้ ยูซอน อดีตดงบังชินกิ
ดูไม่เข้ากันซะเลยกับชุดฮันบกโบราณ
ก็เลยทำใจยอมรับค่อนข้างลำบาก


โดย: prysang วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:17:23:40 น.  

 
คุณ prysang คะ ดูเถอะคะ คิดเสียว่าดูจุงกิ เรื่องนี้เค้าก็เล่นได้ดีมากๆ ปรกติ ferno ก็ไม่ได้ปลื้ม มิกกี้เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าใช้ได้กับการแสดงคร้ังแรก และอีกคนที่ดังจากเรื่องนี้มากๆคือ ยูอาอินค่ะ ขอแนะนำให้ดูเสียงเกาหลีนะคะ


โดย: Ferno IP: 124.120.247.220 วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:7:36:07 น.  

 
เชียร์กันอย่างนี้ ชักน่าสนใจขึ้นแล้วสิคะ


โดย: prysang วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:10:53:45 น.  

 
ยังอ่านบล็อกไม่จบนะค่ะ แต่เห็นตรงที่แปล (อ่าจหมายถึงเข้าใจผิด) เขียนมาบอกก่อนเพื่อให้รีบปรับแก้หนะค่ะ
การฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์กรลับ “มินวอล” ที่แปลว่า ซ่อนราก หรือ รากที่ซ่อนอยู่ ( แล้วแต่แปลออกมาอันไหนจะไพเราะ)
SBS 수목드라마 '뿌리깊은 나무'가 독주를 이어가고 있습니다.

27일 방송된 '뿌리깊은 나무'는 19.2%의 전국 시청률을 기록하며 수목드라마 시청률 1위의 자리를 지켰는데요.

이날 방송에서는 한석규의 충신으로 여겨졌던 안석환이 밀본인 사실이 밝혀졌습니다.또한 젊은 세종을 연기한 송중기가 재등장해 세종의 내면 갈등 연기를 선보였습니다.

한편 동시간대 방송된 KBS '영광의 재인'은 11.5%,MBC TV앙코르 가족드라마 '조은지 패밀리'는 5.7%를 기록했습니다.

'뿌리깊은 나무'는 '드라맥스'에서도 만나실 수 있습니다.

อาตี้จะแปลคำว่ามินวอลตรงตามภาษาเกาหลีและตามเรื่องราวในซีรีส์ให้ฟังนะคะ
밀본 มิลโพน คือ ตำราลับ ค่ะ ส่วนคำว่าซ่อนราก ใช้คำว่า 뿌리깊은 나무 หรือก็คือชื่อเรื่องของเรื่องนี้ ที่เขียนเป็นภาษาหลีค่ะ

뿌리깊은 나무 = ซ่อนราก = Tree with deep roots / Deep rooted tree

.............

ขอบคุณคุณอาตี้ที่เมลมาบอกกล่าวค่ะ prysang ไม่รู้ภาษาเกาหลีหรอกค่ะ ซับเขาว่าอย่างไรก็เล่าๆ ตามเขาค่ะ มันน่าจะมีตรงไหนสักที่ที่ทำให้เข้าใจอย่างนั้น มินวอล ( ซ่อนราก ) แต่ก็คงจะมีเพี้ยนๆ กันได้ เพราะซีรีส์เรื่องนี้ได้ยินว่าซับยากมาก ถ้าดูภาษาอังกฤษอาจจะเลิกไปเลย ส่วนบางคนที่ดูซับไทยก็บอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องงงๆ แต่ prysang ดูที่ซีรีย์ 8 (ซึ่งก็มีที่งงๆ บ้างเหมือนกัน) แปลได้ดีมากเลย

และเว็ปซีรีย์ 8 นั้น โดยส่วนตัวก็ถือว่าแปลซับซีรีส์เกาหลีได้ดีจริงๆ ซะด้วย

ยิ่งเป็นเรื่องนี้นี่ขอชมเลยค่ะ ว่าแปลได้ดีมาก แล้วก็รู้สึกขอบคุณด้วยที่ทำให้ได้ชมผลงานดีๆ





โดย: prysang IP: 146.23.250.105 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:11:17:49 น.  

 
ดูจากอักษรเกาหลีที่คุณอาตี้ัจัดมาเนี่ย
มันก็เป็นอ้กษรที่เก๋ดีนะคะ ดูเป็นระเบียสวยงาม สบายตา ท่าทางจะง่ายกว่า
อักษรจีนตั้งเยอะด้วย

ถ้า prysang รู้ภาษาเกาหลี
คงจะอินกว่านี้เยอะเลย

อ้อ ... นางเอกเรื่องนี้ ไปร่วมรายการ
Running Man ด้วย คุณอาตี้น่าจะดู
ถึง ep. นั้นแล้ว เธอยังดูเด็กๆ อยู่เลยนะคะ

น่ารักเชียว


โดย: prysang IP: 146.23.250.105 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:11:26:35 น.  

 
ซีรีส์ Deep rooted tree คุณ prysang แนะนำมาให้เราอาตี้ดูค่ะ ซึ่งตอนแรกว่าจะไม่ดูแล้ว เพราะพอเปิดมาตอนแรกๆ เลือดสาด การทำโทษนักโทษ เสียงร้องโหยหวน เป็นอะไรที่โหดและเรารู้สึกทนไม่ได้มากๆ ก็เลย re ไปข้างหน้า ดูข้ามๆ ไปบ้าง ไม่งั้นหวาดเสียว

นักแสดง ขอวิจารณ์เฉพาะคนที่รู้จักนะคะ แม้จะดูลำเอียงไปหน่อย เพราะรู้จักแค่คนเดียวค่ะคือ ซองจุงกิ (อ่านออกเสียงชื่อตามตัวอักษรเกาหลีนะคะ)
ซองจุงกิในเรื่องนี้รบบทเป็นพระราชาเซจงในวัยหนุ่ม ซึ่งเราอาตี้เข้าใจว่า เกิดจากการคัดตัวนักแสดง ซึ่งในช่วงนั้นซองจุงกิได้รับงานวาไรตี้ที่ชื่อว่า runningman อยู่ และนี่อาจเป็นสาเหตุให้เขาถูกเรียกตัวให้ไปแสดงซีรีส์ประวัติศาสตร์ที่คาดว่าจะเรียกเรตติ้งถล่มถลายได้อย่างแน่นอน เพราะเกี่ยวกับอักษรเกาหลี หรือก็คือคนเกาหลี ประเทศเกาหลีนั่นเอง

ระหว่างที่ซองจุงกิร่วมรายการวาไรตี้กับ runningman อยู่นั้น มีหลายครั้งที่เขาได้แสดงความสามารถทางความคิด การตอบคำถาม การตัดสินใจ ที่เหล่าพี่ๆ เพื่อนๆ ในเกมวาไรตี้ ต่างเตรียมแผนแกล้งเขา โดยต่างรู้ดีว่า ซองจุงกิมาเป็นดาราได้ ด้วยใบหน้าที่มีเสน่ห์จากการแข่งขันรายการเกมโชว์รายการหนึ่งที่เชิญชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ แต่ฉลาดมาตอบคำถามแข่งขันกันในรายการ (แนว รายการ 20 คำถาม 3 ตัวช่วย ของคุณไตรภพหนะค่ะ พูดให้เข้าใจง่ายๆ) และเขาเป็นผู้ชนะ และผกผันมาเป็นดาราในที่สุด

จากบทบาทการแสดงในเรื่อง Sungkyunkwan Scandal ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ runningman ซองจุงกิ ได้แสดงความสามารถว่าสามารถแสดงบทขำขัน กวนประสาทอย่างมีเสน่ห์ได้ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาที่ยังไม่รู้จักตัวเอง เขาถามผู้กำกับการแสดงว่า เขาต้องแสดงบทบาทใน Sungkyunkwan Scandal อย่างไร ผู้กำกับชี้ไปที่มิกกี้ แห่งวง JYJ ที่มารับบทเป็นพระเอกของเรื่องที่มีนิสัยออกจะเย็นชา เก็บความรู้สึก ในขณะที่ตัวจริงมีนิสัยตลกหน้าตายชนิดหาตัวจับยาก แล้วบอกกับว่าซองจุงกิว่า ตลกแบบมิกกี้หนะ

ตั้งแต่วันนั้น ซองจุงกิ พยายามจับลักษณะบุคลิกของมิกกี้ให้ออกมาเป็นบุคลิกที่เรียกแฟนคลับให้กับซีรีส์ Sungkyunkwan Scandal ได้อย่างเกินความคาดหมาย ทำให้ทีมงานผู้กำกับเห็นความสามารถของเขาที่ซ่อนอยู่ และถึงเวลาดึงออกมาใช้อีกบทบาทหนึ่งใน Deep rooted tree ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เพราะเขาสามารถปูพื้นบุคลิกสองบุคลิกของพระราชาเซจง ให้คนดู "เชื่อ" พอที่จะส่งต่อบุคลิกนี้ให้กับฮันซอกคยู ผู้ที่จะมาแสดงเป็นพระราชาในวัยกลางคนและวัยชราได้อย่างดี เพราะยิ่งอายุมาก ความกดดันที่เข้มข้นที่พระราชาจะได้รับยิ่งบีบคั้นจนแทบกระอักเลือด

ถึงตรงนี้ต้องขอบอกว่าเรื่องนี้ เจ้าของบทประพันธ์ Deep rooted tree ได้สร้างนิสัยตัวละครให้คนสองคนคือพระราชาเซจง กับคู่ปรับคนสำคัญคือ ผู้นำองค์กรมิลบอน ("มิลโบน"อ่านตามเสียงตัวอักษรเกาหลี) ให้เป็นคู่ปรับกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งต่างมีสองบุคลิกในตัวเองทั้งคู่ ดูแล้วมันส์จริงๆ เพราะนอกจากนิสัยและอำนาจที่ต่างคนต่างต้องควักเอามาสู้กันแล้ว ผู้กำกับยังตัดต่อภาพให้คนทั้งสองซึ่งอยู่ในสถานที่ต่างกันคือ คนหนึ่งอยู่ในวัง กับอีกคนอยู่ในหมู่บ้านทาสของพระราชา (ผู้มีหน้าที่ฆ่าวัวเพียงคนเดียวในประเทศเกาหลีได้อย่างถูกกฎหมายซึ่งปลอมตัวมาเป็นเวลานานแล้ว) ได้ต่อกรกัน ถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงทั้งๆ ที่อยู่กันคนละสถานที่ ด้วยฝีมือการตัดต่อและลำดับภาพอย่างยอดเยี่ยม จึงทำให้เหมือนคนสองคนที่อยู่คนละแห่ง เหมือนได้มาประชันฝีปากในที่แห่งเดียวกันมันส์หยด

เราอาตี้ผู้เรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง เคยพยายามหาคำตอบจากการเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเองในหลายๆ ครั้ง เกิดคำถามมากมายในใจมานาน หลายอย่างได้คำตอบจากการดูซีรีส์เรื่องนี้ เช่น เราเรียนภาษาไทยยังมีการเรียนเบื้องต้น กอ อา กา ขอ อา ขา เลย แล้วภาษาเกาหลีจะมีไหม (เราอาตี้เรียนด้วยตัวเอง จึงเรียนการผสมคำไปเลยค่ะ ไม่ได้เรียนแบบเรียงตามลำดับปฐม เพราะตัวอักษรของเขาหลีง่ายมากๆ ค่ะ จำแป๊บเดียวก็อ่านภาษาเกาหลีออกแล้ว แต่ยิ่งเรียนจะพบว่าโคตะระยาก ไม่น่าหลงกลพระเจ้าเซจงเลย แงงงง ทั้งนี้เพราะภาษาพูดของคนเกาหลีจะมีการผันรูป และวัฒนธรรมการนับถือผู้อวุโสหรือระบบ senior จากการนับถือลัทธิขงจื้อ ทำให้ต้องจำรูปแบบการใช้ภาษาเกาหลีกับเด็ก เพื่อน คนสนิท ไม่สนิท ผู้ใหญ่วัยชรา เพียงคำๆ เดียว แต่สามารถผันรูป ใช้ต่างกันไป) เราถึงขนาดเคยไปประเทศเกาหลี ไปร้านขายหนังสือของเขา เพื่อจะถามหาปฐมบท แต่พอเข้าไปในร้านหนังสือของเขากลับพูดไม่ออกซะเฉย แต่พอได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับคำตอบมา (และในหลายๆ ด้าน) เอาดินสอมาจดตามยิ๊กๆ นอกจากนี้ยังได้ข้อคิดที่ให้นึกไปถึงท่าน ว.วัชชิระเมธี ท่านเคยกล่าวว่า "เวลาจะคิดจะพูดจะทำอะไร อย่านึกถึงแต่ตัวเอง ให้นึกถึงส่วนรวมด้วย อย่าถามแต่ว่าฉันจะได้อะไร แต่ควรถามด้วยว่า ในขณะที่ฉันได้อะไร แล้วคนอื่นเขาต้องเสียอะไรเพื่อให้ฉันได้" พระราชาเซจง และทหารองค์รักษ์ทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนและทาสที่ต้องเสียชีวิตไปจำนวนมาก
กว่าที่วันนี้ประเทศเกาหลีจะได้มีอักษรเกาหลีเป็นของตัวเอง มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายเลย เลือด และชีวิต (น่ากลัวมากๆ)

ความรู้ที่ได้จากเรื่องเพิ่มเติมอีกอย่างคือวัฒนธรรรมการกินเนื้อของชนชาติเกาหลี
ซีรีส์เรื่อง Deep root tree นี้ ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมการกินเนื้อของคนเกาหลีมากขึ้น

เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่า ในสมัยโชซอน เนื้อวัวมีไว้สำหรับกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น การซื้อเนื้อแม้แต่ชนชั้นขุนนาง ทหาร หากไม่ได้รับอนุญาตหรือการพระราชทานจากกษัตริย์ เชื้อพระววงศ์ จะถือว่าเป็นสิ่งผิด เหตุนี้แม้ในปัจจุบัน การกินเนื้อวัวจะไม่ใช่สิ่งต้องห้ามในประเทศเกาหลีอีกเหมือนในอดีต แต่ความรู้สึกชื่นชมยินดีกับการได้กินเนื้อวัว ดูเหมือนได้ฝังรากลึกไปซะแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากซีรีส์ในหลายๆ เรื่องที่ได้สะท้อนออกมาอยู่เสมอ เช่น....

-Secret garden ซีรีส์เรื่องนี้มีอยู่หลายครั้งที่นางเอกไปกินหนังหมูกับเพื่อนร่วมงานแล้วพระเอกก็ตามไปด้วย แต่ก็นั่งในร้านปิ้งหนังหมูด้วยสายตาเย้ยหยันว่าเหตุใดถึงไม่กินร้านเนื้อวัว แต่กลับชอบกินอาหารขยะแบบนี้ นางเอกป้อนหนังหมูให้ พระเอกก็แทบจะคายทิ้งซะให้ได้

-City Hunter เป็นตอนที่นางเอกถามพระเอกว่า เย็นนี้อยากกินอะไร พระเอกตอบว่าอยากกินเนื้อวัวผัด แม้สำหรับคนไทยอาจฟังเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับฉากนี้ ผู้กำกับก็ให้ความสำคัญมาก โดยถ่ายทำให้นักแสดงหรือก็คือนางเอกนั่นแหละไปตลาดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี เลือกเนื้อวัวชั้นดี แถมยังมีการถ่ายฉากกลับบ้านมาผัดให้พระเอกอีก ทั้งที่ฉากเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถ่ายทำก็ได้ เพียงตัดไปให้เห็นว่าโต๊ะกินข้าวมีเนื้อวัวผัดอยู่แล้วก็จบเรื่อง ไม่เปลืองฟิมล์

-Me too, Flower เป็นฉากที่พระเอกขอเป็นคนปกป้องชีวิตนางเอก เขามีคนที่ต้องปกป้องด้วยชีวิตหลายคน เขาขอนางเอกเป็นอีกคนได้ไหมที่เขาจะปกป้อง ... เขาจะหาซุบเนื้อให้เธอกิน
พระเอกบอกว่านี่เป็นคำที่คนรู้จักของเขาคนหนึ่งบอกกับภรรยาของเขาเพื่อขอเธอแต่งงาน

-padam padam ฉากที่ลูกชายของพระเอกวัย 17 ปี เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพระเอก วันนั้นพระเอกไปซื้อเนื้อวัวมาพอดี ขณะที่ลูกชายกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกำลังจะมีปากมีเสียงกับพระเอกผู้เป็นพ่อเต็มที่ แต่พระเอกเพียงพูดว่า.. "ไป..กลับบ้าน..ไปกินเนื้อวัวกัน ฉันเพิ่งซื้อมา" และฉากต่อมา ทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวเฉย ไฟปะทุที่อารมณ์เดือดเมื่อกี้เหมือนเป็นจะมอดไปสักเดี๋ยวได้น่าตาเฉย

จบดีกว่า ยิ่งเขียนยิ่งยาว แหะๆ


โดย: อาตี้เจ้าเก่ามาบุกแล้ว IP: 119.46.167.30 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:12:29:08 น.  

 
เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่าจุงกี้เป็นนักแสดงไม่นานมานี้เอง และคาดว่าความโด่งดังคงมาจาก Running Man นี่แหละ คาแร็คเตอร์ในรายการก็ออกมาดีด้วย เก่ง ฉลาด เป็นมันสมองของทีม ใบหน้าหวานเป็นหนุ่มดอกไม้ แอ๊บแบ๊วน่ารักเป็นบางเวลา แต่ว่านิสัยที่เผยให้เห็นนั้นอย่างแมน (ชอบตรงนี้แหละ)

เรื่องวัฒนธรรมการกินเนื้อ คิดว่าเข้าใจตอนคุณอาตี้อธิบายนี่แหละค่ะ แต่เคยสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องการกินเนื้อเป็นความดีอกดีใจอย่างมาก เคยเห็นในรายการวาไรตี้ด้วย มีครั้งหนึ่งที่ยุนโฮ (TVXQ) ออกรายการ quiz to change the world ป้านักแสดงคนนึงที่ชื่นชอบยุนโฮมากอย่างออกนอกหน้าตลอดรายการ แต่พอเธอได้รางวัลเป็นเนื้ออย่างดี แล้วถูกถามให้มอบกับยุนโฮ เธอลังเลใจอย่างมาก แม้สุดท้ายเธอจะอยากให้เด็กๆ (ยุนโฮชางมิน )ได้กินอาหารดีๆ แต่เธอก็มอบให้พวกเขาด้วยสีหน้าเสียดาย 555 มันเป็นเนื้อที่สูงค่านี่เอง


โดย: prysang วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:10:06:07 น.  

 
ดูละครก่อน ตอนแรกก็งง

1. มาถึง ก็ฆ๋า ล้าง เผ่าพันธ์ กันเลย
2. ก็อย่างที่คนเขีึยน บอก
คนแต่งเรื่่องใช้ plot แค่
ในเนื้อหาความเป็นประวัติศาตร์การประดิษฐ์อักษร ของพระเจ้า เกาหลี องค์หนึ่ง

3. ที่เหลือ คือ น้ำจิ้มทั้งหมด เอามาผูกกัน
4. ถ้าถามว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช”
มีใคร แ่่ต่ง เรื่องแบบนี้ไปขาย เกาหลีจะมีคน ดูเปา
5. มันแตกต่างกันตรงไหน
6. ในความเป็นจริง พระองค์ อาจจะไม่ได้ทำเลย มีคน เสนอ project นี้มา
แล้วพระองค์ ก็เป็น sponsor เท่านี่้เอง

7. ผมดูแล้ว ก็ปรกติไม่ได้ ติดอะไรเลย
ถ้าผมอ่าน เนื้อหาก่อน ว่า เป็นแบบข้อ 1 มันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย


ตอนแรกก็ไม่เข้าใจค่ะ ประดิษฐ์ตัวอักษรของชาติตัวเองขึ้นใช้เองแทนการใช้อักษรจีนมันผิดตรงไหน? มันไม่น่าภูมิใจหรอกหรือที่จะมีอักษรของตนเองขึ้นใช้เอง ? แล้วก็เริ่มเข้าใจทีละนิด ทีละนิด เพราะนี่ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ในการสื่อสารระหว่างมวลชน แต่มันจะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งยิ่งใหญ่

ผมก็งง กับ คนเขียน ว่า เข้าใจตรงไหนหรื่ว่า การประเดิษ ตัวอักษรนั้น อันเวอร์ ขนาดนี้เลยหรือ

พ่อขุน รามคำแหง เป็นแบบนี้หรือเปา

แล้วประเทศอื่นๆๆ เป็นแบบนี้หรือ


โดย: มารรวย IP: 171.7.230.170 วันที่: 21 สิงหาคม 2555 เวลา:18:33:04 น.  

 
@คุณมารรวย

ตอบข้อ 4 ไม่รู้สิคะ เพราะยังไม่มีใครแต่ง และเพราะไม่ใช่คนเกาหลี

ตอบข้อ 5 ไม่เข้าใจคำถามว่าอะไรแตกต่างกัน เดาว่าคงหมายถึงการประดิษฐ์อักษรของกษัตริย์เซจงในละครนี้ กับพ่อขุนรามคำแหงของไทยมันแตกต่างกันตรงไหน ? ซึ่งก็ไม่เข้าใจคำถามอยู่ดีเพราะก็ไม่ได้เขียนตรงไหน ว่ามีอะไรต่างหรือไม่ต่าง ผู้เขียนเอ่ยถึงพ่อขุนรามฯ แค่ว่า ......เพราะแม้แต่ตัวผู้เขียนเองยังภูมิใจที่เรามีกษัตริย์ผู้ทรงภูมิและประดิษฐ์อักษรไทยของเราขึ้นใช้ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช”

ตอบข้อ 6. ฉันก็ไม่ได้คิดว่ากษัตริย์แต่ละคนจะลงมือทำทุกอย่างเองได้อยู่แล้ว แม้แต่ในละครเรื่องนี้กษัตริย์ก็ไม่ได้ทำคนเดียว และความจริงคือฉันเขียนถึงสิ่งที่ฉันเห็นในละคร ไม่ได้ว่าอะไรถ้ากษัตริย์จะเป็น sponser ในความเป็นจริงอย่างที่คุณบอก

ตอบข้อ 7. คุณดูแล้วไม่ติดก็ไม่เห็นแปลกอะไร ถ้าคุณอ่านเนื้อหาก่อนว่าเป็นแบบข้อ 1 แล้วไม่สนใจอะไรเลยก็ไม่แปลกอีกเช่นกัน มันก็เป็นความเห็น ความรู้สึกส่วนตัวของคุณ ไม่ผิดอะไรถ้าคุณจะไม่รู้สึก สนุกมาก ชอบมาก ติดมาก แบบเดียวกับฉัน เวลาที่ฉันอ่านรีวิวหนังละคร ก็อ่านดู เลือกดูเอาเอง บางเรื่องที่คนคลั่งไคล้ฉันก็ไม่ได้ชอบ และบางเรื่องที่ฉันชอบคนอื่นไม่ชอบเลยก็มีเยอะแยะ มันก็เป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะการดูละครมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

ตอบคำถาม ... เข้าใจตรงไหนหรื่ว่า การประเดิษตัวอักษรนั้น อันเวอร์ ขนาดนี้เลยหรือ

ฉันถามตัวเองว่าฉันควรอธิบายความเว่อร์ของฉันอีกรอบไหม ในเมื่อ "ความยิ่งใหญ่" ที่ฉันพูดถึงนั้น ฉันก็อุตส่าห์ลงแรงเขียนไปตั้งเยอะ ไล่ตั้งแต่คำว่า (เหตุผล) นั่นลงมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายก็ตั้ง 3259 ตัวอักษร ก็เลยคิดว่าไม่ต้องดีกว่า เพราะคุณก็คงไม่เข้าใจ "ความเว่อร์" ของฉันไปมากกว่านี้อยู่ดี

และฉันก็ยังยืนยันว่า เมื่อกษัตริย์(ในละคร)องค์นี้ อยากให้ประชาชนรู้หนังสือตามเหตุผลตามที่บอกไว้(จากในละคร) นั่นมันเป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่มากในความคิดฉัน และถ้าพ่อขุนรามคำแหงจะเป็นแค่ sponser การประดิษฐ์อักษรไทย นั่นก็ยังยิ่งใหญ่สำหรับฉันเหมือนกัน

พ่อขุนรามคำแหงเป็นแบบนี้หรือเปล่า แล้วประเทศอื่นๆๆ เป็นแบบนี้หรือ

ตอบคือ ไม่รู้หรอกค่ะ เพราะฉันแค่ดูละคร ไม่ได้ไปสนใจประวัติศาสตร์ ความเป็นจริงของใครชาติไหน และฉันก็เขียนบล็อกตามความรู้สึกที่มีต่อละครที่ฉันดู และฉันไม่ได้เรียกร้องให้ใครมารู้สึกเหมือนฉันด้วย

ถ้าคุณมารรวยได้มาอ่านตรงนี้ แล้วรู้สึกว่าฉันกำลังเคืองอยู่หรือเปล่า ฉันก็บอกตามตรงเลยนะ ว่าฉันเคืองนิดหน่อย ฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันเขียนมีอะไรตรงไหนไปขัดใจคุณหรือ พอเจอคำถามว่า มันเวอร์ขนาดนี้เลยหรือ ฉันก็เลยรู้สึกเหมือนมันเป็นการเยาะๆ ความคิดของฉัน ฉันเข้าใจดีว่าเวลาที่ฉันเขียนรีวิวซีรีย์ บางคน หรือ หลายๆ คนก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับฉัน ซึ่งก็ขอย้ำอีกครั้ง ว่ามันก็ไม่ได้แปลก เพราะเวลาที่ฉันได้ไปอ่านความเห็นของคนเหล่านั้นในบล็อกของพวกเขาบ้าง บางทีฉันก็ไม่เข้าใจความอินของพวกเขาเหมือนกัน แล้วก็มีคนที่แสดงความเห็นต่างแบบสุดขั้วต่อสิ่งที่ฉันเขียน บางครั้งก็มีที่ฉันรู้สึกถูกเหน็บแนม แต่ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเขาก็เขียนในสิ่งที่เขารู้สึก เขาไม่ได้มาว่าอะไรตรงๆ เกี่ยวกับความคิดของฉันที่มีต่อละครเรื่องเดียวกันแต่คิดคนละทาง และสำหรับความเห็นของคุณ ฉันก็ไม่ติดใจอะไร นอกจากคำถามที่ว่า มันเว่อร์ขนาดนั้นเลยหรือ และทำให้ฉันจำเป็นต้องชี้แจง

แต่ถ้าฉันเข้าใจอะไรผิดไปเกี่ยวกับคอมเมนท์ของคุณ ก็ต้องขอโทษด้วย




โดย: prysang วันที่: 21 สิงหาคม 2555 เวลา:22:28:29 น.  

 
Fashion is an intimidating topic at times, and can make a person feel self-conscious. Fortunately there are resources available, all you need is the right information. Take heed of the tips ahead to get your fashion sense in line.
Hermes Birkin //straitandnarrowministry.com/


โดย: Hermes Birkin IP: 192.99.14.36 วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:1:38:41 น.  

 
Coupons can save the average consumer quite a bit of money. Many people do not understand how to properly use coupons. Start using these tricks to save today and you will quickly discover a huge savings each time you shop.
Burberry Outlet //www.iaaglobal.org/london2015/burberry-outlet.asp


โดย: Burberry Outlet IP: 192.99.14.36 วันที่: 28 ธันวาคม 2557 เวลา:8:30:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.